คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 8 เคลียร์ให้เข้าใจ (100%)
8
เคลียร์ให้เข้าใจ
ช่วงเย็น ได้เวลาของปาร์ตี้ ถามว่าเคลียร์กับหลินยัง ตอบเลยว่ายังครับ ความรู้สึกเหมือนถูกหลบหน้าอยู่ตลอดเวลาส่วนทับทิมผมไปตามออกมาจากห้องแล้ว รายนี้ก็ไม่ยอมพูดอะไรเหมือนกันนอกจากนั่งเงียบ ๆ แถมยังไม่ยอมกินอะไรอีก
ชอบทำให้โมโหซ้ำซ้อนอยู่เรื่อยเลย จนผมหันไปมองทางไอ้เป้ เหมือนมันจะรู้ตัวว่าต้องช่วย เลยลุกเดินเข้ามาหา
“น้องทับทิมครับ อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวพี่เป้บริการเองครับ”
“แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” ยิ้มหน้าบานเชียวครับ แล้วก็ก้มหน้าต่อ แต่ยังไม่ยอมกิน
“พอจริง ๆ เหรอครับ หรือว่าไม่อร่อย ทำไมถึงไม่ยอมกิน”
“กำลังจะกินแล้วค่ะ” ไอ้เป้เงยหน้าขึ้นมามองผมพลางยักคิ้วให้ด้วย เหมือนมันดีใจที่ทำสำเร็จก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ
“อยากกินปูไหม เดี๋ยวพี่แกะให้”
“ค่ะ”
ผมนี่อยากจะกินหัวทับทิมเลยครับ แต่ต้องนั่งข่มอารมณ์เอาไว้ก่อนจะลุกออกมาจากที่ตรงนั้นแทน เดินไปนั่งรวมกับกลุ่มเพื่อนที่กำลังดื่มกันอยู่
“สักหน่อยไหมวะ” ไอ้ท็อปหันมาถามพร้อมกับแก้วเหล้าในมือ ผมเลยพยักหน้าให้มันก่อนจะรับมาดื่ม ขมฉิบหายเลยครับ
“มึงได้ผสมก่อนไหมเนี่ย”
“เพรียว ๆ เลย เผื่อมึงอยากง้อสาว”
“สัส!” แค่นี้ผมไม่เมาหรอก แค่รู้สึกเหมือนลิ้นจะพังเท่านั้นเอง
นั่งดื่มกับเพื่อนแต่ก็แอบมองทับทิมเป็นระยะด้วยเหมือนกัน โชคดีที่มีไอ้เป้นั่งอยู่ข้าง ๆ เลยทำให้เจ้าตัวไม่เหงา แถมยังยิ้มออกมาตลอด
“เจิ้น ช่วยถือเค้กให้หลินหน่อยได้ไหม” คนที่เดินเข้ามาคือแอมป์ คนเดียวกับที่ผมเจอตอนไปห้างกับทับทิมนั่นแหละ
“อืม” ไอ้ท็อปถึงกับหน้าเหวอไปเลยทีเดียว ผมไม่ได้อยากถือเค้กให้ ปฏิเสธมาหลายปีแล้ว แต่ปีนี้ควรจะจบสักที ถ้าผมยังโอ้เอ้และไม่จัดการอะไรให้เด็ดขาด ปีต่อไปอาจจะไม่มีทับทิมยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ได้
ผมลุกเดินตามแอมป์ออกไป ถ้ามัวรอก็คงไม่ได้เคลียร์เพราะหลินเอาแต่หลบหน้า
“ขอบคุณนะ” แอมป์ส่งเค้กมาให้พร้อมคำขอบคุณ
“เราทำเพื่อตัวเอง” ผมตอบกลับออกไปก่อนจะเดินกลับไปที่งานปาร์ตี้พร้อมกับไฟที่ดับสนิท ตามมาด้วยเสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ ภาพตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการสักเท่าไหร่ สีหน้าของหลินดูตกใจที่เห็นผม จนเสียงเพลงจบลงพร้อมกับเปลวเทียนที่ค่อย ๆ ดับเพราะหลินเป่า
“ขอบคุณนะเจิ้น” หลินยิ้มทั้งน้ำตา ผมเองก็คงทำได้แค่ยิ้มตอบกลับ แต่ในอีกความรู้สึกกลับแย่ที่ต้องทำให้ใครอีกคนเมินหน้าหนี ผมไม่ได้อยากทำให้ทับทิมต้องเห็นภาพนี้หรอก
เสียงอวยพรของเพื่อนที่มีให้หลินไม่ได้ทำให้ผมยินดีไปด้วยเลย เพราะทับทิมเดินเลี่ยงออกไปแล้ว อยากจะเดินตามแต่ต้องหยุดเอาไว้ก่อนจะปรายตาไปมองทางไอ้เป้เป็นเชิงขอร้อง มันเลยเดินตามออกไปให้แทน
“ขอคุยด้วยหน่อยสิ” ผมหันกลับมามองหน้าหลิน แต่เหมือนเธอจะไม่กล้าสบตาผมสักเท่าไหร่
“เอาไว้...”
“ถึงยังไงก็ต้องคุย อยากให้พูดตรงนี้หรือแค่สองคน” ความเงียบเกิดขึ้นเพราะคำพูดของผม ทุกคนรู้และแน่นอนว่าพยายามช่วยหลินมาโดยตลอด ผมไม่ได้กดดันเธออีกนอกจากเดินเลี่ยงออกมาแทน
“เจิ้น...”
“เมื่อไหร่จะเลิกหลอกตัวเองสักที” คำถามของผมทำให้หลินชะงักไปเลยทีเดียว แววตาสั่นไหวจ้องมองผมไปพร้อมกับหยาดน้ำตาที่เริ่มไหลอาบแก้ม “สามปีที่ผ่านมาเรายังแสดงออกไม่พออีกเหรอ หรือต้องให้พูดชัด ๆ ไปเลย”
“ฮึก...”
“หลินก็น่าจะรู้นะว่าเราเป็นคนยังไง ถ้าเราอยากเป็นแค่เพื่อน นั่นคือเพื่อนจริง ๆ ไม่ได้อยากเป็นอย่างอื่น ที่เราไม่พูดตรง ๆ ไม่ใช่เพราะอยากให้ความหวัง แค่ไม่อยากทำร้ายหลินไปมากกว่านี้อีก แต่ยิ่งเราเงียบ หลินก็ยิ่งทำให้คนของเรารู้สึกเจ็บ”
“คะ คนของเรา...” หลินย้ำคำพูดนี้น้ำเสียงสั่นเครือเลยทีเดียว “ไหนบอกว่าเป็นแค่พี่น้องกัน”
“เราไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าตอนนี้เป็นแค่พี่น้องกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะยังเป็นแค่พี่น้อง” หลินเงียบไปทันที เธอเม้มปากเข้าหากันจนแน่นปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มอยู่อย่างนั้น “เราถือว่าตัวเองเคลียร์แล้วนะ หวังว่าหลินจะเคลียร์ด้วยเหมือนกัน”
ตอนนี้ผมอยากไปคุยกับทับทิมมากกว่า ไม่อยากปล่อยให้น้องต้องเข้าใจผิดไปไกลอีกแล้ว
“ทำไมล่ะเจิ้น ทำไมกับหลินถึงเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้”
“ในเมื่อใจมันไม่รู้สึก แล้วจะให้ตอบยังไง... เราย้ำชัดเจนถึงสถานะที่มีต่อหลินมาโดยตลอด มีแค่หลินที่เอาแต่ไล่ตามเราและหลอกตัวเองไปวัน ๆ หลินก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าระหว่างเราไม่มีทางเปลี่ยนไปแน่นอน แต่ทำไมยังดึงดันที่จะไล่ตามเราอยู่ตลอดล่ะ”
“เพราะหลินรักเจิ้นไง หลินพยายามแล้ว แม้จะรู้ว่าเจ็บมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็อยากลองพยายามดู”
“ถ้าเรารัก ต่อให้น้องจะพูดว่าถอย เราจะไม่มีวันยอมให้มันเป็นแบบนั้นแน่นอน เราปล่อยให้ช่วงเวลาหนึ่งน้องหายออกไปจากชีวิตมาแล้วครั้งหนึ่ง ในเมื่อยังมีโอกาสเราจะไม่มีวันปล่อยให้น้องหายไปอีก ต่อให้ต้องเป็นฝ่ายไล่ตามน้องบ้าง เราก็ยอม... ทีนี้หลินเข้าใจหรือยังว่าทำไม? ไม่ใช่เพราะเราไม่อยากรักหลินหรือใคร ๆ แต่เพราะใจของเรามันอยู่ที่คนคนหนึ่งมาตั้งนานแล้ว เรารู้จักตัวเองดี ถึงพยายามอดทนและรอมาโดยตลอด ถ้าเราไขว่คว้ามาในเวลาที่ไม่เหมาะสม สุดท้ายเราก็ต้องเสียน้องไปหรืออาจจะเสียตลอดไปเลยก็ได้ เราสู้อดทนรอและคว้าเข้ามาอยู่ข้าง ๆ ในเวลาที่เหมาะสมไม่ดีกว่าเหรอ”
“ฮึก... นะ น่าอิจฉาทับทิมจริง ๆ เลยนะ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำให้เจิ้นรักได้มากขนาดนี้สินะ หลินโง่เองที่ไม่ยอมถอย โง่ที่ยังวิ่งไล่ตามเจิ้นอยู่ตลอด” หลินเอาแต่ร้องไห้และพร่ำเพ้อถึงประโยคนี้ เธอไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะยืนต่อจนต้องนั่งฟุบไปกับพื้น ผมยืนมองภาพนั้นพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะนั่งยองลงตรงหน้าเธอ
“เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอ”
“กะ กอดหลินหน่อยได้ไหม ฮึก... ขอร้อง”
“จุดจบของความสัมพันธ์ ไม่จำเป็นต้องแสดงออกแบบนี้หรอกนะ ต่อไปทุกการกระทำของเราจะเป็นของทับทิมแค่คนเดียว” ผมพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม มือข้างหนึ่งวางลงบนบ่าของเธอพลางตบไปมาแผ่วเบาสองสามครั้งก่อนจะลุกเดินออกมาจากตรงนั้น เสียงร้องไห้ของหลินดังขึ้นเรื่อย ๆ และเงียบหายไปเมื่อผมเดินห่างออกมาทุกที
เฮ้อ!
ผมถือว่าตัวเองเคลียร์แล้ว และหวังว่าหลินจะเคลียร์ด้วยเหมือนกัน...
เดินแยกออกมาก่อนจะโทรหาไอ้เป้ มันรับสายและบอกสถานที่ที่นั่งอยู่กับทับทิม ตอนแรกตั้งใจจะไปหาเลย แต่ถ้าไม่มีอะไรติดมือไปด้วยคงไม่หายงอนง่าย ๆ แน่นอน เลยจะไปหาซื้อเค้กที่เซเว่นให้ก่อน ตอนขับรถเข้ามาแถวรีสอร์ตเห็นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่สักเท่าไหร่
มาถึงเซเว่นเค้กเหลืออยู่สามกล่องเล็ก ๆ ผมก็เหมามาทั้งหมดนั่นแหละครับ ซื้อน้ำดื่มไปให้ด้วยกลัวจะติดคอ ก่อนจะกลับไปหาทับทิมกับไอ้เป้ที่ริมชายหาด ไอ้เป้เหมือนมองอยู่ตลอดพอหันมาเห็นผมก็รีบลุกออกมาหาทันที
“เป็นยังไงบ้าง” ผมถามขึ้นทันที
“เงียบอย่างเดียวเลย กับหลินมึงเคลียร์แล้วใช่ไหม”
“อืม ขอบใจมึงมากนะ”
“กูแค่สนุกกับตัวตนที่เปลี่ยนไปของมึงก็เท่านั้นเอง ก็อย่างที่กูเคยพูดเอาไว้ ถ้าสำคัญจริง ๆ มึงอย่าปล่อยให้หายไปอีกก็แล้วกัน” ผมยิ้มให้ไอ้เป้ก่อนจะเดินเข้าไปหาทับทิม นั่งลงข้าง ๆ พร้อมกับยื่นเค้กในมือไปให้ เจ้าตัวเบือนหน้ามามองเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าหนี
“เป็นอะไร”
“น้องสาวค่ะ” ขยี้เก่งจริง ๆ
“อ๋อเหรอ? ก็คิดว่าน้องสาวกำลังหึงที่พี่ชายถือเค้กให้ผู้หญิงคนอื่นซะอีก” ลอยหน้าลอยตาเชียว เรื่องกวนประสาทยกให้ผมเป็นที่หนึ่งก็ได้นะครับ “ซื้อเค้กมาให้ด้วยนะ”
พอเห็นทับทิมเงียบก็ใจแป๋ว เลยพูดออกมาต่อ ไม่อยากแกล้งแล้ว เดี๋ยวน้องจะลุกหนีแทน
“ซื้อมาทำไมคะ ไม่ได้อยากกินสักหน่อย” ฉอด ๆ เก่งเหลือเกิน
“ง้อ...” คำเดียวสั้น ๆ แต่กลับทำให้ทับทิมหันมามองหน้าผมทันที แววตาสั่นไหวพลางกะพริบเข้าหากันถี่ ๆ ก่อนจะหลบสายตาผมไปทางอื่น “ขอโทษ หายงอนพี่ได้แล้วครับ”
“ไม่ได้งอนค่ะ ไม่ต้องมาง้อ”
“งั้นก็หึง”
“ใช่ เอ๊ย! ไม่ใช่อะไรทั้งนั้นแหละ หนูง่วงแล้ว ขอตัวนะคะ” มีเด็กเผลอหลุดปากออกมาด้วยครับ แถมจะลุกหนีอีกต่างหาก ผมเลยรีบลุกตามไปรั้งเอวมากอดเอาไว้แทน “พี่เจิ้น ปล่อยนะคะ”
“ถ้ายังไม่หายหึง เอ๊ย! หายงอน พี่ก็จะกอดอยู่แบบนี้จนถึงเช้า” แหย่เก่งที่หนึ่งก็ผมอีกนั่นแหละ ทับทิมถึงกับเงียบไปเลย “พี่ไม่ได้อยากให้เราเมินใส่แบบนี้”
เงียบแล้วก็เงียบมากด้วย จนผมปล่อยแขนออกจากเอวของทับทิม เปลี่ยนเป็นก้าวไปยืนตรงหน้าน้องแทน พร้อมกับชูถุงเค้กในมือให้จนทับทิมยอมรับไปถือเอาไว้
“แค่หิว แต่ยังไม่หายโกรธค่ะ”
“อ้าว สรุปโกรธหรอกเหรอครับ” แซวยิ้ม ๆ ทับทิมถึงกับแยกเขี้ยวใส่เลยทีเดียว ก่อนจะหันกลับไปนั่งที่เดิม ผมเลยตามไปนั่งข้าง ๆ ด้วย
ผมนั่งมองทับทิมแล้วอมยิ้มไปด้วย จนน้องยื่นช้อนที่ตักเค้กมาตรงหน้า แต่ผมกลับส่ายหน้าปฏิเสธเพราะไม่ค่อยชอบรสชาติที่ติดจะหวานเลี่ยนของเค้กสักเท่าไหร่ แถมยังกินเลอะเหมือนเด็ก จนต้องยื่นปลายนิ้วโป้งไปเช็ดมุมปากให้แผ่วเบาอีกต่างหาก
“ขอบคุณค่ะ” ท่าทางจะอารมณ์ดีแล้วครับ
ผมนั่งรอจนทับทิมกินอิ่ม ให้ดื่มน้ำและพากันกลับห้องเพราะดึกมากแล้ว มาถึงก็บอกให้ไปอาบน้ำก่อนเลย ส่วนผมออกมานั่งเล่นเกมรอที่หน้าบังกะโลแทน น้องจะได้สะดวกต่อการแต่งตัวด้วย
นั่งเล่นเกมรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง จนทับทิมเดินออกมาตาม ผมเลยเข้าไปอาบน้ำต่อ หยิบชุดที่จะใส่ออกไปแต่งตัวในห้องน้ำเลยด้วย ใช้เวลาพอ ๆ กับทับทิมนั่นแหละครับ เดินออกมาเจ้าตัวยังไม่นอนเลย
“ทำไมยังไม่นอนอีกครับ”
“ยังไม่ง่วงค่ะ” ผมไม่เชื่อหรอกว่ายังไม่ง่วง เลยเดินเข้าไปนั่งข้าง ๆ ถึงกับตกใจเชียว
“กลัว?”
“เปล่าค่ะ แค่ตกใจ” เฉไฉอีกแล้วครับ
ผมไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากนั่งมองหน้าทับทิมนิ่ง ๆ เจ้าตัวเองก็หันมามองสบตาผมด้วยเหมือนกัน ตอนแรกขมวดคิ้ว แต่พอนานเข้าก็คลี่ยิ้มออกมา
“พี่รู้ว่าเรากำลังคิดมาก ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแย่ ถึงตอนนี้เราจะยังเป็นแค่พี่น้องกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเหมือนเดิมตลอดไป สำหรับพี่ระหว่างเรามันยิ่งกว่าความผูกพันไปซะแล้ว พี่ไม่อยากรีบร้อนและอยากให้ทุกอย่างค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป พี่ยินดีที่จะมองดูทับทิมอยู่ตลอดนะ”
“แค่มองจริง ๆ เหรอคะ” ถึงกับขมวดคิ้วเชียวครับ ร้ายจริง ๆ เด็กคนนี้ “จริง ๆ พี่ก็รักหนูแหละ แต่ปากบอกว่าไม่รัก พอเห็นเขาโตเป็นสาวเข้าหน่อยก็หวง เก๊กเก่ง!”
มันเขี้ยว! แถมยังเก่งขึ้นเยอะ เดี๋ยวนี้หัดแซวผมด้วยนะ
“ปากดี เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย”
“กลัวซะที่ไหน แบร่ ๆ” ยังจะมาแลบลิ้นใส่อีก แถมยังขยับตัวออกห่างไปอีกต่างหาก “หนูนอนแล้วนะคะ”
“ครับ”
“ฝันดีค่ะ” รั้งผ้าห่มขึ้นไปคลุมตัวเองพร้อมกับบอกฝันดียิ้ม ๆ “ก่อนหน้านี้หนูก็แค่น้อยใจ แต่ตอนนี้หนูโอเคแล้วค่ะ ถ้าอยากโตขึ้น หนูต้องไม่ทำตัวเหมือนเด็กและที่สำคัญ หนูเชื่อคำพูดของพี่เสมอนะคะ”
“ขอบคุณครับ” ขยับตัวลุกขึ้นไปลูบหัวทับทิมแผ่วเบา “ฝันดีครับ”
“ไม่เสียแรงที่ตามจีบมาตั้งนาน คิก ๆ” อารมณ์ดีเชียวครับ ผมคงทำได้แค่ยิ้มออกมาเท่านั้น บางทีรอยยิ้มและความสดใสจากคนตรงหน้า อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่ผมขาดไปและพยายามโหยหามาโดยตลอดก็ได้นะ
...เพราะว่าเจอแล้ว เลยอยากรักษาเอาไว้ให้ดีที่สุด ก็เท่านั้นเอง
เป็นเช้าที่บรรยากาศแปลกมาก เพราะทุกคนต่างพากันเงียบ แถมหลินยังไม่ออกมานั่งรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ อีก แบบนี้ยิ่งทำให้ผมกลายเป็นตัวร้ายเข้าไปทุกที
“หนูว่า...”
“อยู่กับพี่จะกลัวอะไร”
“อึดอัดค่ะ” ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ จนผมต้องยิ้มและจับมือเอาไว้ด้วย
“พี่หนามใจเย็น ๆ ก่อนสิคะ พี่หนาม!”
หมับ! ผัวะ!
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเร็วมาก ได้ยินเสียงหลินพร้อมกับไหล่ข้างหนึ่งที่ถูกกระชากและหมัดหนัก ๆ ที่ต่อยเข้าเต็มมุมปากของผม จนรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือด
“พี่เจิ้น” ทับทิมรีบเข้ามาช่วยพยุงผมทันที แถมสีหน้ายังดูตกใจอีกต่างหาก
“พี่ไม่เป็นอะไร” ยิ้มให้ด้วยครับ กลัวจะตกใจจนร้องไห้อีก
“มึงสินะที่ทำให้น้องกูต้องร้องไห้น่ะ” ผมได้แต่ผ่อนลมหายใจหนัก ๆ ออกมาพลางยันตัวเองลุกขึ้นยืน กันให้ทับทิมไปยืนด้านหลังก่อนจะหันไปมองทางหลินที่จับแขนพี่ชายเอาไว้ เธอไม่กล้ามองหน้าสบตาผมตรง ๆ ด้วยซ้ำ
“ครั้งนี้ผมจะไม่ถือสาเพราะคิดว่าพี่คงไม่รู้อะไรละเอียดมาก แต่ถ้ายังมีครั้งหน้าอีก ผมสาบานเลยว่าไม่ใช่แค่ต่อยพี่กลับแน่นอน” ทับทิมคอยจับข้อมือเพื่อปรามผมอยู่ตลอด มือสั่นเชียวครับ “ถ้ายังไม่จบ แล้วให้คนอื่นมาระรานกูอีก ครั้งต่อไปกูจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น”
ครั้งนี้ผมยอมรับว่าเหลืออดแล้วจริง ๆ ปกติจะไม่พูดหยาบคายกับผู้หญิงถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกัน ถ้าไม่จำเป็น ผมก็ไม่ใช่ประเภทที่จะให้ใครมาต่อยเล่นฟรี ๆ หรอก
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย!”
“พี่หนาม! หยุดได้แล้วค่ะ”
“หลิน!”
“เจิ้นไม่ได้ผิดอะไร ผิดที่หลินเองนี่แหละ ทำไมพี่ไม่ฟังหลินบ้าง” ผมไม่อยากอยู่ฟังอีกเลยจับมือทับทิมเดินออกมา แต่หลินกลับวิ่งมาขวางเอาไว้ซะก่อน “เจิ้น หลินอยากขอโทษ”
ผมไม่ได้ตอบกลับอะไรนอกจากจ้องหน้าหลินเขม็ง จนทับทิมเขย่าแขนและมองหน้าเป็นเชิงขู่นิด ๆ ให้ผมตอบกลับหลิน
“อืม เราคงกลับกรุงเทพฯ วันนี้เลยนะ ขอตัว” พูดจบรีบลากทับทิมออกมาทันที เข้ามาในห้องก็นั่งเงียบ
“หนูยังไม่อิ่มเลย” อันนี้ไม่แน่ใจว่าอยากให้ขำหรือไม่อิ่มจริง ๆ “พี่ไม่ผิด แล้วจะลากหนูออกมาทำไมล่ะคะ”
“เดี๋ยวพาไปหาอะไรกินใหม่ครับ” ไม่ตอบ แต่กลับนั่งจ้องหน้าผมเขม็งเชียว “โกรธพี่ไหม?”
“ไม่ค่ะ” ส่ายหน้าแทนคำตอบไปด้วย "คราวหลังอย่าพูดไม่น่ารักแบบนี้อีกนะคะ"
"ไม่ได้พูดบ่อยสักหน่อย"
"ไม่บ่อยก็ไม่ได้ค่ะ" ผมยิ้มออกมาทันที ก็อยากโมโหต่อนั่นแหละ แต่พอเห็นท่าทางของทับทิมแล้วหัวร้อนต่อไม่ไหวจริง ๆ
"ไปหาอะไรกินใหม่ดีกว่า แต่พี่ขออาบน้ำใหม่ก่อนนะ"
"ค่ะ งั้นหนูขอออกไปถ่ายรูปรอบ ๆ นี้หน่อยนะคะ จะโทรหาแม่สักหน่อย แล้วก็จะไปหายามาทาแผลตรงมุมปากให้พี่ด้วย"
"เดี๋ยวก่อนก็ได้นะครับ"
"หนูโตแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วงมากก็ได้"
"ห่วงไม่มากหรอก แต่หวงน่ะมากกว่าอีก" พูดเบาครับ คงไม่ได้ยินหรอกเพราะขมวดคิ้วงุนงงเชียว
"หนูออกไปแล้วนะคะ"
ผมยิ้มให้ทับทิมก่อนจะลุกไปหยิบของเดินเข้าห้องน้ำ ส่วนเจ้าตัวเดินออกไปจากห้อง เจ็บปากฉิบหายเลย น้อยครั้งมากที่ผมจะอยู่เฉย ๆ ให้คนอื่นต่อยโดยไม่ตอบโต้กลับ ถ้าไม่ติดว่าทับทิมอยู่ด้วย สงสัยได้แลกหมัดกันบ้างแหละ
เหอะ!
ความคิดเห็น