ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักเกินกว่าจะร้าย [จบ]

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 17 เดี๋ยวก็ต้องห่างกัน (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 64


     

    17

    เดี๋ยวก็ต้องห่างกัน

     

     

     

    ช่วงเย็น พบคนงอแงค่ะ พี่เจิ้นไม่ยอมกลับบ้าน จะโทรให้พี่เจมารับก็ไม่ยอม ทำหน้างอนเหมือนเด็ก ๆ ไปได้ ทั้งที่ตัวเองแก่แล้ว ก็แก่กว่าฉันหลายปีอยู่นะ

    "พรุ่งนี้หนูมีเรียนเช้านะคะ"

    "แต่คืนนี้ไม่มีแล้วไง พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับก็ได้" ต่อรองเก่งจริง ๆ เลย

    "หนูแค่ไม่อยากให้พี่ขับรถกลับเอง" พยายามอ้อนเขา แต่เหมือนจะไม่ได้ผลเพราะพี่เจิ้นอ้อนกลับมาเก่งกว่าอีก

    "พรุ่งนี้พี่คงไม่เจ็บเท่าไหร่แล้วแหละ ถ้าขับช้า ๆ ก็ไม่เป็นอะไรหรอก"

    "ทำไมดื้อแบบนี้ล่ะคะ" เริ่มเหนื่อยใจแล้วเนี่ย เขาไม่ฟังฉันเลย

    "แต่ถ้าไม่อยากดูแล งั้นพี่กลับก็ได้" เนี่ย ๆ ชอบเป็นแบบนี้แหละ แล้วใครจะอยากให้กลับไป "อีกเดี๋ยวก็ต้องห่างกันแล้ว" ประโยคนี้พูดเบามาก แต่ฉันก็ยังได้ยินอยู่

    "ก็ได้ค่ะ แต่พี่พูดเหมือนหนูจะไปไหนงั้นแหละ พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วนะคะ ห้ามดื้อด้วย รอให้หายดีก่อน ทำแบบนี้หนูเป็นห่วงมากนะ"

    "ครับ" ยิ้มออกมาเชียว หมั่นไส้พี่เจิ้นจริง ๆ เลย

    "พี่รออยู่ที่ห้องนะคะ หนูจะลงไปซื้ออะไรให้พี่กิน"

    "ไปด้วยครับ"

    "แต่..."

    "พี่จะไปด้วย" 

    เฮ้อ! เหนื่อยใจกับเขา ทำไมถึงดื้อแบบนี้และสุดท้ายฉันก็ต้องยอมก่อนจะพากันออกจากห้องเพื่อหาอะไรกิน เดินไปร้านข้าวราดแกงก่อนเลยเพราะจะซื้อเป็นกับข้าว ส่วนข้าวค่อยไปซื้อที่ร้านข้างนอกแทน

    "หมูหวานกับพะแนงหมูอย่างละหนึ่งถุงค่ะ"

    "ได้จ้ะหนู" ป้ารับคำยิ้ม ๆ ก่อนจะตักหมูหวานและพะแนงหมูใส่ถุงให้

    "อยากกินอะไรอีกไหมคะ" หันไปถามคนข้าง ๆ ที่ยืนมองอยู่ด้วย แต่พี่เจิ้นกลับส่ายหัวแทนคำตอบ จนป้าตักให้เสร็จเรียบร้อย "เท่าไหร่คะ"

    "60 บาทจ้ะ" ยิ้มให้ป้าก่อนจะหยิบเงินในกระเป๋า แต่กลับช้ากว่าพี่เจิ้นเพราะเขายื่นไปให้ก่อนแล้ว จนป้ายื่นเงินทอนกลับมาให้

    "หนูจ่ายเองก็ได้นะคะ"

    "ใครจ่ายก็เหมือนกันแหละครับ" ไม่อยากจะเถียงเขาอีก เลยปล่อยไปแทน ก่อนจะเดินต่อไปเรื่อย ๆ เพราะจะซื้อข้าวสองถุง เงินพี่เจิ้นที่เหลือนั่นแหละ "อยากกินอะไรอีกไหมครับ"

    "ของหวานค่ะ ไปร้านพี่เอก่อนนะคะ"

    "เฮ้อ!" ถึงกับถอนหายใจเลยทีเดียว "ในเซเว่นก็มีขาย"

    "แต่ร้านพี่เออร่อยกว่านะคะ"

    "เหอะ!" อมยิ้มให้กับท่าทางของเขาพลางยื่นมือข้างหนึ่งไปจับมือพี่เจิ้นเอาไว้ พากันเดินไปที่ร้านของพี่เอ วันนี้คนเยอะมาก ร้านจะปิดสี่ทุ่ม ส่วนเค้กมักจะหมดก่อนร้านปิดตลอดเลย

    "พี่คิดว่าวันนี้จะไม่มาซะอีกครับ" ยิ้มให้พี่เอก่อนจะปรายตาไปมองพี่เจิ้น แทบไม่มองหน้าฉันเลย

    "ว้า เค้กหน้าฝอยทองหมดแล้วเหรอคะ" เงยหน้าขึ้นไปมองพี่เอด้วย

    "พี่เก็บเอาไว้ให้แล้วครับ ของลูกค้าประจำทั้งที" พี่เอตอบกลับมา

    "ขอบคุณค่ะ งั้นทิมเอาเหมือนเดิมนะคะ"

    "ครับผม" พี่เอยิ้มหวานให้ฉันก่อนจะเตรียมเค้กให้ พอปรายตาไปมองคนข้าง ๆ กลับทำหน้าทะมึนตึงตังใส่ฉันซะงั้น

    "ไปรอข้างนอกนะ"

    "พะ..." เรียกไม่ทัน เดินออกไปแล้ว ฉันทำได้แค่มองจากมุมนี้เท่านั้น พี่เจิ้นเอาแต่ยืนหันหลังให้ ไม่ยอมหันกลับมามองเลย

    "ได้แล้วครับ" เสียงพี่เอดังขึ้นมา ฉันเลยต้องหันกลับมามองหน้าเขาพร้อมกับยื่นเงินค่าขนมเค้กให้

    "แถมอีกแล้วเหรอคะ"

    "ครับ"

    "แถมทุกวันเลย ไม่กลัวขาดทุนเหรอคะ" ถามยิ้ม ๆ ปกติเขาชอบแถมให้ตลอด ขนาดจะจ่ายเงินส่วนที่แถมให้ เขายังไม่ยอมรับเอาไว้เลย

    "ไม่หรอกครับ ปกติพี่ก็แถมให้ลูกค้าประจำบ่อย ๆ อยู่แล้ว"

    "แน่ใจเหรอพี่เอ ไม่ใช่แถมแค่น้องทิมหรอกเหรอคะ" เสียงของพี่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์แซวดังขึ้นมา จนพี่เอหันไปมอง พี่เขาเลยยิ้มให้แล้วหันไปรับลูกค้าต่อ

    "คราวหลังไม่ต้องแถมแล้วนะคะ ทิมเกรงใจ"

    "ไม่เป็นอะไรหรอกครับ อย่าไปถือสาแอ๋วมาก ชอบพูดไปเรื่อย"

    "ค่ะ งั้นทิมขอตัวก่อนนะคะ"

    "น้องทิมครับ" กำลังจะเดินออกจากร้านถูกพี่เอเรียกชื่อรั้งเอาไว้ซะก่อนเลยหันกลับไปมองยิ้ม ๆ แต่เขากลับเงียบแล้วยิ้มให้แทน

    "มีอะไรหรือเปล่าคะ"

    "ชอบก็จีบไปเลยสิคะ" เสียงพี่แอ๋วดังขึ้นมาอีกครั้ง ฉันมองหน้าพี่เอยิ้ม ๆ สลับกับมองออกไปด้านนอก พี่เจิ้นหันมามองเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปจากร้าน

    "อะ..." เรียกคงไม่ได้ยิน "ทิมกลับก่อนนะคะ"

    พูดจบรีบเดินเลี่ยงออกมาทันที พอจะเดาออกว่าพี่เอคิดอะไรและอยากพูดอะไร แต่ฉันกลับไม่อยากรอฟังอีก แค่นี้พี่เจิ้นก็ทำหน้าไม่พอใจใส่จะแย่อยู่แล้ว

    หมับ!

    รีบวิ่งกึ่งเดินจนคว้าข้อมือของพี่เจิ้นเอาไว้ได้ พอเขาหยุดเดินก็รีบเดินอ้อมไปยืนตรงหน้าแทน

    "เดินไม่รอหนูอีกแล้ว"

    "ก็คิดว่ายังไม่อยากกลับ" ประชดกันอีกแล้ว ประชดเก่งจริง ๆ เลย

    "ถ้าหวงหนูขนาดนั้น ทำไมไม่อยู่ข้างในด้วยล่ะคะ" ฉันยิ้ม ในขณะที่พี่เจิ้นเอาแต่ทำหน้าดุ ๆ ใส่

    "แหม! หว่านเสน่ห์เก่งจังเลยนะทับทิม เมื่อเช้าพี่อาร์ต แล้วตอนเย็นใครกันเหรอ" เสียงของแขกไม่ได้รับเชิญดังขึ้นมา พอมองเลยไปด้านหลังของพี่เจิ้นก็เห็นแก๊งของฟ้ายืนอยู่ ทำไมบังเอิญแบบนี้นะ

    "ระวังไว้หน่อยนะคะ ทับทิมน่ะฮอตมาก" เปรี้ยวพูดเสริมขึ้นมาอีกคน หาเรื่องกันชัด ๆ พี่เจิ้นเลยมองมาทางฉันก่อนจะหมุนตัวกลับไปมองสี่สาวตรงหน้า พอเห็นหน้าพี่เจิ้นตรง ๆ ถึงกับชะงักไปเลย

    "เพื่อนเหรอ" หันมาถามฉัน ท่าทางคงไม่จบแค่หันกลับไปมองอีกแน่นอน

    "เรียนห้องเดียวกันน่ะค่ะ" ตอบกลับเขายิ้ม ๆ พี่เจิ้นเลยหันไปมองสี่สาวก่อนจะก้าวขาไปตรงหน้าพวกเธอหนึ่งก้าว 

    โอ๊ย! ตายแน่ ๆ

    "ขอโทษนะครับ ที่ตามระรานทับทิมอยู่เนี่ย ไม่ทราบว่าเป็นแฟนคลับ หรืออิจฉาเพราะผู้ชายเขาไม่สนใจกันแน่ครับ" ถามเสียงดังมาก สี่สาวถึงกับหน้าถอดสีไปเลย รู้จักพี่เจิ้นน้อยไปซะแล้ว "อย่าทำนิสัยแบบนี้กันอีกนะครับ พี่เสียดายหน้าตาสวย ๆ ของพวกน้องมาก"

    "พี่เจิ้น พอแล้วค่ะ" รีบเข้าไปคว้าข้อมือของเขาก่อนจะพาเดินออกมาแทน สร้างเรื่องให้ฉันอีกแล้ว

    "พี่ยังพูดไม่จบเลย" พี่เจิ้นรั้งฉันให้หยุดเดินก่อนจะพูดออกมา

    "หนูไม่อยากให้ใครมองพี่ไม่ดี" เงยหน้าขึ้นไปตอบเขา

    "พี่แคร์ซะที่ไหนล่ะ" ทำหน้าไม่ทุกข์ร้อนเก่งจริง ๆ เลย

    "แต่หนูแคร์ค่ะ" เถียงเขากลับ

    "หนูน่ะ แคร์แค่พี่ก็พอแล้ว คนอื่นช่างมันบ้างเถอะ แล้วก็หัดสู้คนบ้าง ไม่ใช่ยืนนิ่งเป็นหุ่นให้เขาพูดไม่ดีใส่" พี่เจิ้นยื่นมือข้างหนึ่งของเขามาหยิกแก้มฉันส่ายไปมาด้วย เจ็บมาก แต่ก็ยิ้มออกมาได้เหมือนกัน

    "แล้วหนูไม่สู้ตรงไหนล่ะคะ"

    "ยืนให้คนอื่นพูดจาไม่ดีใส่อยู่เนี่ย เขาเรียกว่าสู้แล้วเหรอ"

    "คนเก่ง คนฉลาด ไม่จำเป็นต้องตอบโต้ด้วยการกระทำที่เสียมารยาทเสมอไปหรอกค่ะ ถ้าพวกนั้นแรงมา แล้วหนูแรงกลับ เมื่อไหร่เรื่องจะจบล่ะคะ"

    "เลยยอมให้ตามรังควานอยู่ตลอดเนี่ยน่ะนะ"

    "อย่างน้อยหนูก็เป็นคนดีในสายตาของคนที่คอยช่วยเหลือ ดีจะตายไป ไม่ต้องออกแรงอะไรเลย" เชิดหน้าตอบยิ้ม ๆ ตอนนี้เดินเถียงกับเขากลับมาถึงหอแล้ว

    "โดยเฉพาะไอ้คนชื่ออาร์ตสินะ"

    "ใช่ เอ๊ย! ไม่ใช่ค่ะ" เผลอหลุดปากออกไปจนต้องหยุดเดินทันที

    "เหอะ! แล้วถ้าไม่มีคนช่วยจะทำยังไง"

    "ช่วยเหลือตัวเองสิคะ หนูรู้อยู่หรอกว่าสถานการณ์แบบไหนควรตอบโต้ แบบไหนควรยืนอยู่เฉย ๆ อย่างเมื่อกี้ หนูไม่ต้องทำอะไรเลย พี่ก็จัดให้ซะชุดใหญ่จนสี่คนนั้นหน้าถอดสีไปเลย ผู้ชายอะไร ปากร้ายยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก" ทั้งชม ทั้งแอบกัดเขาเบา ๆ เรื่องปากร้ายของพี่เจิ้น ฉันที่เป็นผู้หญิงยังขอยอมแพ้เลย

    "แถ..."

    "พี่ก็ชอบหาเรื่องหนูตลอด ขึ้นห้องได้แล้วค่ะ หนูหิวข้าวแล้ว"

    "หิวข้าวหรือหิวเค้ก"

    ปากหาเรื่องทุกคนจริง ๆ เลย ฉันไม่อยากเถียงเขาอีกเลยเงียบก่อนจะลากเข้าหอ ปกติจะเดินขึ้นบันได แต่วันนี้ขึ้นลิฟต์ให้พี่เจิ้นหน่อยละกัน เดี๋ยวแผลเขาสะเทือนจนมีเลือดไหลออกมาอีก

     

    อิ่มไปอีกหนึ่งมื้อ ให้พี่เจิ้นกินยาเรียบร้อยแล้วด้วย ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสี  แต่ในเมืองกรุงไม่ค่อยมีดวงดาวให้เห็นเหมือนบ้านที่ต่างจังหวัดสักเท่าไหร่ สิ่งที่เห็นเด่นชัดเลยคือแสง สี และเสียงที่รายล้อมอยู่มากกว่า ฉันอยู่ชั้นสามจะเห็นไม่ค่อยชัด  เพราะตึกหอพักอยู่ด้านในเข้ามาพอสมควร ถ้าด้านนอกจะเห็นร้านเหล้าและได้ยินเสียงเพลงดังอยู่บ้าง

    เอาจริง ๆ ก็เหงานะถ้าต้องอยู่คนเดียว แต่พอหันไปมองใครอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลับยิ้มออกมาแทน พี่เจิ้นถึงกับงง เรียวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันทันที

    "อยากจุ๊บพี่เหรอ"

    "ทะลึ่ง" เขินจนไม่กล้ามองหน้าเขาตรง ๆ ต้องเบือนหน้าไปมองทางอื่น

    "อยากไปเที่ยวไหม"

    "ไม่ค่ะ พี่อยากไปเหรอ" หันไปมองหน้าเขาด้วย

    "พี่ไปจนเบื่อแล้ว มันก็เหมือนเดิม ไปเจอเพื่อน ไปดื่ม คุยเรื่องต่าง ๆ ไปเรื่อย" พี่เจิ้นมองตรงไปข้างหน้ายิ้ม ๆ ส่วนฉันยังมองหน้าเขาอยู่อย่างเดิม ในหัวมีคำถามมากมาย แต่ปากกลับไม่กล้าที่จะเอ่ยถาม จนเขาหันกลับมายิ้มให้ "ถ้ารู้ว่าถามแล้วต้องคิดมาก ก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องในอดีตของพี่ไปเถอะนะ มันเป็นสิ่งเดียวที่พี่กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะพี่เลือกแบบนั้นเอง"

    "หนูรู้ค่ะ หนูก็ไม่ได้ว่าอะไรพี่สักหน่อย" คำพูดของเขาฟังดูจริงจังมาก แล้วฉันจะคิดมากให้ตัวเองเครียดไปทำไม "งั้นหนูถามเรื่องตอนนี้ได้ไหมคะ? ทำไมพี่ถึงยอมที่จะยืนอยู่ข้าง ๆ หนูแบบนี้"

    "ถ้าทับทิมเลือกที่จะอยู่กับน้าส้ม บางทีพี่อาจจะยอมปล่อยเราไปก็ได้ แต่ในเมื่อเราเลือกที่จะอยู่ที่นี่ต่อ พี่ก็อยากเลือกทำตามความรู้สึกของตัวเองบ้างเหมือนกัน ถึงระหว่างทางพี่จะต้องอดทนมากแค่ไหนก็ตาม"

    "อดทนเรื่องอะไรเหรอคะ" มองสบตาพี่เจิ้นพร้อมกับเรียวคิ้วที่ขมวดกันยุ่ง

    "ทับทิมต้องไม่อยากรู้แน่นอน"

    "อีกนานไหมคะ" ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงตั้งคำถามนี้ออกไป เหมือนสมองมันสั่งแล้วปากก็ตั้งคำถาม

    "พี่ไม่ได้คาดหวังกับความอดทนนี้สักเท่าไหร่ สำหรับพี่เลยเรื่อย ๆ น่ะ แล้วทับทิมล่ะ?"

    "หนูเหรอ? ช่วงแรก ๆ หนูก็กลัวเหมือนกัน แต่พอเวลาผ่านไปก็เฉย ๆ ก็มีแอบหมั่นไส้พี่บ้างที่ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า"

    "พี่มีเหตุผลนะ บางคนก็แค่ควง"

    "ชิ!" ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจดีกว่า "เฮ้อ! ก็แค่อดีต ช่างมันเถอะค่ะ พี่ยังไม่ต้องอาบน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูเช็ดตัวให้ พี่เข้าไปรอที่เตียงก่อนก็ได้ค่ะ"

    "ครับ" พี่เจิ้นยิ้มให้ฉันก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง ฉันเลยเดินเข้าไปเตรียมชุดและผ้าขนหนูสำหรับอาบน้ำ เดินเข้าห้องน้ำ

    ฉันใช้เวลาในส่วนนี้แค่ไม่นาน อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ตากผ้าขนหนูไว้ที่ระเบียงหลังห้อง ก่อนจะเตรียมผ้าชุบน้ำไปเช็ดตัวให้พี่เจิ้น ถอดเสื้อรอแล้วด้วย

    หัวใจจะวาย! ไม่กล้ามองตรง ๆ เลยด้วยซ้ำหรือฉันกำลังเขินอยู่กันนะ มือสั่นไปหมดเลย

    "เขินเหรอ"

    "เปล่าสักหน่อย" ปฏิเสธเสียงแผ่วเบาเชียว แต่ในใจโคตรเต้นแรงเลย

    หมับ!

    "อะ!" ถึงกับตกใจสะดุ้งสุดตัวเลยทีเดียว พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นพี่เจิ้นนั่งอมยิ้มให้อยู่ "แกล้งหนูอีกแล้ว เดี๋ยวก็ให้เช็ดตัวเองหรอก"

    "โอเค ๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ครับ" กว่าพี่เจิ้นจะเลิกแกล้ง กว่าจะยอมให้ฉันเช็ดตัวและทำแผลใหม่อีกรอบจนเสร็จ กินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว

    "คืนนี้พี่นอนบนเตียงนะคะ หนูนอนพื้นเอง"

    "นอนเตียงด้วยกันนี่แหละ เคยนอนด้วยกันตั้งหลายครั้งแล้ว" ก็จริง... แต่ยังเขินอยู่ทุกครั้งนั่นแหละ "เดี๋ยวก็ชินครับ"

    "พี่แหละชิน หนูยังไม่เคยชิน"

    "งั้นต้องนอนบ่อย ๆ แล้วแหละ"

    "ไม่ดีมั้ง" พี่เจิ้นยิ้ม ฉันเลยยิ้มตาม แต่ฉันยิ้มเขินมากกว่าก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อจะหาชุดให้พี่เจิ้นใส่นอน ใส่กางเกงยีนนอนคงอึดอัดแย่ "เปลี่ยนกางเกงก่อนนะคะ"

    "ขอบคุณครับ" พี่เจิ้นลุกไปเปลี่ยนชุด ฉันเลยจัดที่นอนและเดินไปหยิบเค้กมานั่งกิน จนพี่เจิ้นเดินกลับมา

    "ไม่ได้กินสักวัน สงสัยคงนอนไม่หลับสินะ" ประชดอีกแล้ว มีเหรอที่ฉันจะแคร์ นั่งกินต่อไป ส่วนพี่เจิ้นเดินขึ้นไปนอนบนเตียงเรียบร้อย "พอได้แล้วมั้ง"

    "พี่อยากให้หนูอ้วนไม่ใช่เหรอคะ"

    "จะอ้วนหรือผอม คนก็มองอยู่ดี หวงจนไม่รู้จะหวงยังไงแล้ว เลิกกิน แล้วก็ลุกไปแปรงฟันใหม่จะได้มานอนสักที" บ่นเป็นคนแก่ไปได้ แต่ฉันก็ทำตามอยู่ดี ก่อนจะลุกไปเก็บเค้ก ที่ห้องมีตู้เย็นอยู่นะ ขนมาจากบ้านที่นนทบุรีนั่นแหละ เพราะห้องที่เช่าอยู่ก็ใหญ่พอสมควร 

    ลุกไปเก็บเค้ก เดินไปแปรงฟันในห้องน้ำต่อ ก่อนจะกลับเข้าห้องมานั่งเล่นโทรศัพท์ บะหมี่ทักมาด้วย ถามว่าพรุ่งนี้จะเอาชาไข่มุกอีกไหม รายนี้ชอบกินยิ่งกว่าฉันอีก เลยปฏิเสธไปเพราะเช้า ๆ ยังไม่ค่อยอยากกิน ตอนนี้พี่เจิ้นเริ่มมองตาขวางอีกแล้ว ฉันเลยต้องเก็บโทรศัพท์แล้วลุกไปปิดไฟเพื่อจะนอน

    "พี่เจิ้น"

    "หืม?" เสียงครางแผ่วเบาตอบกลับมา ฉันเลยขยับเข้าไปใกล้เขามากกว่าเดิม เลือกนอนทางฝั่งที่เขาไม่เป็นแผลจะได้ปลอดภัยไว้ก่อน

    "หนูขอกอดหน่อยได้ไหมคะ" ปกติจะกอดหมอนข้าง แต่วันนี้ได้กอดคนแทนเพราะหมอนข้างอยู่อีกฝั่งของพี่เจิ้น

    "มาสิ" เขาตอบ ก่อนจะขยับเข้ามากอดฉันกลับด้วย "ฝันดีนะครับ"

    "ฝันดีค่ะ" คงเป็นอีกคืนที่ฉันนอนหลับฝันดีมาก...

     

    สายแล้ว ๆ นอนตื่นสายจนได้ แถมพี่เจิ้นยังไม่ปลุกอีกต่างหาก ชุดนักศึกษาก็ลืมรีดเอาไว้ด้วย สงสัยเมื่อคืนจะเพลินไปหน่อย นี่ถ้าแม่ไม่โทรมาหา ฉันคงตื่นสายจนไปไม่ทันเรียนเช้าแน่นอน

    "ทำไมพี่ไม่ปลุกหนูล่ะคะ"

    "พี่ยังนอนตื่นสายเลย"

    "ฮึย! ชุดนักศึกษาหนูก็ยังไม่ได้รีด"

    "ไปหยิบออกมาสิ เดี๋ยวพี่รีดให้"

    "ฮะ!" ตกใจสิ ไม่คิดว่าพี่เจิ้นจะอาสา

    "ตกใจอะไร เดี๋ยวก็ไปสายกว่าเดิมหรอก" พยักหน้าเออออให้พี่เจิ้นก่อนจะลุกไปเตรียมชุดนักศึกษาให้เขา แล้วเดินออกไปอาบน้ำ

    เข้าห้องน้ำ กำลังจะอาบน้ำ เพิ่งนึกออกว่าต้องแต่งตัวข้างใน แล้วชุดนักศึกษาก็ยังไม่รีด พี่เจิ้นกำลังรีดให้อยู่ โอ๊ยตาย! ช่างมันไปก่อนละกัน รีบอาบน้ำดีกว่า ถ้ามัวแต่คิดเยอะอยู่มีหวังไปสายจริง ๆ นั่นแหละ

    ก๊อก ก๊อก

    ถึงกับสะดุ้งเพราะเสียงเคาะประตูห้องน้ำ แต่คงไม่ใช่ใครอื่นหรอก นอกจากพี่เจิ้น

    "ชุดพี่แขวนเอาไว้ที่ประตูนะ เปิดดี ๆ ระวังตก"

    "ขอบคุณค่ะ" อมยิ้มออกมาทันที ก่อนจะรีบอาบน้ำต่อ พอเรียบร้อยก็นุ่งผ้าขนหนูเปิดประตูเอื้อมมือไปหยิบชุดที่พี่เจิ้นรีดให้มาใส่ มองสำรวจตัวเองอีกรอบก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ

    ส่วนพี่เจิ้นลุกเดินเข้าห้องน้ำต่อ หยิบชุดของเขาไปเปลี่ยนก่อนจะเดินกลับเข้ามา รู้หน้าที่ว่าต้องกลับบ้านเลยไม่ค่อยดื้อ

    "เดี๋ยวพี่ไปส่งที่มหาวิทยาลัยก่อน"

    "หนูไปเองก็ได้ค่ะ นั่งวินไป"

    "แล้วพี่ไปส่งไม่ได้หรือไง ไม่ต้องจ่ายค่าวินด้วย" เริ่มขึ้นเสียงจนฉันต้องผ่อนลมหายใจออกมา ไม่ใช่ไปส่งไม่ได้ แต่ไม่ชอบที่คนอื่นมอง

    "ก็ได้ค่ะ" ต้องยอม เพราะถ้าไม่ยอมเขาจะทำหน้าเข้มใส่ฉันอีก

    กว่าจะเตรียมตัวออกจากห้องได้ก็กินเวลาไปอีกหลายนาที แต่ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ บะหมี่เริ่มโทรตามแล้วเพราะฉันสายกว่าปกติ จนต้องกดรับสายก่อน

    "ทิมกำลังไป"

    (อ๋อ งั้นหมี่รอที่เดิมนะ)

    "โอเค" 

    วางสายจากบะหมี่มองหน้าพี่เจิ้นเลยทีเดียว ดูจากชุดที่ใส่อยู่ท่าทางจะลำบากนิดหน่อย

    "ขึ้นได้ไหม"

    "ได้อยู่ค่ะ" พี่เจิ้นยื่นมือมาให้ฉันจับ เพื่อจะช่วยรั้งให้ขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายรถ กระโปรงพลีทที่ใส่ยาวพอสมควร "เมื่อกี้พี่ไม่ได้เจ็บแผลใช่ไหมคะ"

    "ไม่ครับ" พี่เจิ้นยิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบหมวกกันน็อคใส่ สตาร์ทรถขับออกจากหน้าหอ เช้า ๆ คนเยอะเหมือนกันเลยต้องขับรถระวังหน่อย เข้าทางประตูด้านหลังได้ ฉันไม่ได้ให้เขาเข้าไปส่งที่คนพลุกพล่าน จอดห่างจากที่วินจอดนิดหน่อย

    "ขอบคุณนะคะ"

    "ห้ามเกเร แล้วก็ตั้งใจเรียนด้วย" พี่เจิ้นเปิดหน้ากากหมวกกันน็อคขึ้นเพื่อจะคุยกับฉัน เขาคิดว่าฉันเป็นเด็กเกเรหรือยังไงกัน

    "เดี๋ยวพี่ก็มาเฝ้าอีก"

    "ช่วงนี้คงไม่ได้เฝ้าแล้วแหละ หนูก็ต้องเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ด้วยตัวเองบ้าง"

    "ไปไหนเหรอคะ" พอได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็ทำหน้าหงอยออกมาทันที

    "พี่ให้ไอ้เจอยู่ร้านคนเดียวบ่อยแล้ว หลังจากนี้คงต้องช่วยงานบ้างครับ"

    "อ๋อ งั้นหนูไปเรียนก่อนนะคะ ขับรถกลับบ้านดี ๆ ห้ามขับเร็วด้วย ถึงแล้วไลน์มาบอกหนูด้วยนะ"

    "ครับ" โบกมือลาพี่เจิ้นพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อจะอ้อมไปที่ตึกเรียน

    ตุบ!

    อ่า... เจ็บชะมัดเลย เดินอยู่ดี ๆ ก็ถูกผลักจากด้านหลัง โชคยังดีที่ฉันตั้งตัวได้เลยไม่ล้ม แต่กระเป๋าผ้านี่สิ ตกพื้นไปเรียบร้อย เลอะหมดเลย กำลังจะก้มลงไปเก็บ แต่กลับต้องชะงักเพราะคนที่ยืนขวางอยู่ จนต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง

    เฮ้อ!

    วันแรกว่าหนักแล้วนะ วันที่สองหนักเข้าไปอีก นี่จะกัดไม่ปล่อยกันเลยเหรอ ถ้าฉันไม่โต้ตอบอะไรกลับไปบ้าง มีหวังคงถูกตามรังควานไม่เลิกแน่นอน...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×