ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักเกินกว่าจะร้าย [จบ]

    ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่ 16 ทุกก้าวที่ต้องเรียนรู้ (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 64


     

    16

    ทุกก้าวที่ต้องเรียนรู้

     

     

     

    วันแรกของการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ตื่นเต้นมาก แม่โทรมาหาตั้งแต่ตีห้าแนะ ฉันเองก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับด้วยเหมือนกัน ตอนนี้จัดของใส่กระเป๋าผ้าอยู่ กำลังจะออกจากห้องแล้ว อ๋อ... ลืมไปว่าคุยโทรศัพท์กับพี่เจิ้นอยู่ด้วย เขาโทรมาหาตั้งแต่เช้าแล้ว

    “หนูจะวางสายแล้ว” 

    (วางทำไม) 

    “หนูจะไปมอแล้วค่ะ” 

    (เฮ้อ) 

    “ถอนหายใจเป็นคนแก่ไปได้ พี่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล นอนพักผ่อนไปเถอะค่ะ อย่าดื้อ” 

    เขาออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวานช่วงบ่ายแล้ว โดยรวมก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากแผลที่เอวนั่นแหละ

    (ว่างแล้วโทรหาพี่ด้วย) 

    “ไม่เบื่อเหรอคะ” 

    (ก็พี่ว่างนี่) 

    “โอเคค่ะ” 

    ตอบกลับเขาน้ำเสียงติดตลกก่อนจะกดวางสาย สำรวจตัวเองเสร็จเรียบร้อยเดินออกจากห้อง ล็อกห้องเสร็จเดินลงไปใต้หอเพื่อจะเข้ามอต่อ นัดกับเพื่อนใหม่เอาไว้ที่หน้าตึกคณะ ตื่นเต้นมาก ๆ 

     

    “ทับทิม!” 

    มาถึงที่นัดหมาย ได้ยินเสียงเรียกชื่อฉันดังลั่นเลยทีเดียว พอหันไปมองก็เห็นบะหมี่ยืนโบกมืออยู่

    “มาเช้าจัง” รีบเดินเข้าไปหาพร้อมคำทักทาย แต่บะหมี่กลับฉีกยิ้มกว้างส่งผ่านใบหน้ามาให้ฉันพร้อมกับแก้วชาไข่มุกในมือ “อะไรเหรอ” 

    “ของทิม หมี่ซื้อมาฝาก ร้านนี้อร่อยมาก แถมเปิดตั้งแต่เช้าอีก หมี่ซื้อกินทุกวันเลย” 

    “ยังเช้าอยู่เลย” พูดแบบนั้นออกไป แต่ก็รับแก้วโกโก้ไข่มุกมาถือเอาไว้อยู่ดี “ขอบคุณนะ” 

    “หมี่กะเวลาเอาไว้แล้ว รีบกินเลย ยังไม่ละลาย” 

    “จ้า ๆ ไปหาห้องเรียนกันก่อนดีกว่า” 

    ตารางเรียนออกแล้ว วันนี้มีแค่ช่วงเช้าตัวเดียวเท่านั้น หลังจากว่างรุ่นพี่ก็จะเรียกรวม ตอนไปเข้าค่ายรุ่นพี่มาส่งขึ้นรถแล้วก็ขอไลน์ไปด้วย มีข่าวสารอะไรก็จะแจ้งผ่านทางไลน์กลุ่ม

    มาถึงห้องเรียน เริ่มมีเพื่อน ๆ นั่งกันอยู่บ้างแล้ว ห้องฉันมียี่สิบกว่าคน แยกเป็นสองห้อง ฉันกับบะหมี่อยู่ห้องที่สองเหมือนกัน

    นั่งคุยกับบะหมี่จนเพื่อน ๆ ทยอยเข้ามาในห้องเรียน มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง จนอาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามา วันแรกไม่ได้เรียนอะไรหรอก อาจารย์เข้ามาทักทายและให้นักศึกษาแนะนำตัว ท่านเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของห้องด้วย

    “ตื่นเต้น” คนข้าง ๆ ฉันพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม บางครั้งบะหมี่ก็เหมือนเด็ก หลาย ๆ คำถามที่เกิดจากบะหมี่ฉันเองยังแปลกใจเลยว่าก่อนหน้านี้เธอผ่านมาได้ยังไง

    แนะนำตัวเสร็จเรียบร้อย อาจารย์ก็ปล่อยเพราะวันนี้ยังไม่ต้องเรียนอะไร แค่ทำความรู้จักกันเท่านั้น ช่วงเที่ยงรุ่นพี่จะนัดรวมที่ตึกใกล้ ๆ กับคณะ ระหว่างนั้นฉันกับบะหมี่เลยพากันไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร

    "วางของจองไว้ก่อนละกัน แล้วไปหาอะไรกิน" บะหมี่พยักหน้าให้รัว ๆ พวกเราเลยวางของจองโต๊ะเอาไว้ก่อนจะพากันไปซื้อของกิน

    "หมี่อยากกินข้าวมันไก่ต้มอะ"

    "งั้นทิมไปร้านก๋วยเตี๋ยวไก่นะ"

    "โอเค" แยกกันไปซื้อ ร้านที่ฉันจะกินคนไม่เยอะพอดี สั่งเสร็จก็รอ พอได้ก็ยืนปรุงหน้าร้านก่อนจะเดินไปรอบะหมี่ เพื่อซื้อน้ำต่อ "หมี่เอาน้ำอะไร"

    "น้ำอัดลมได้ไหม อยากกิน"

    "งั้นซื้อขวดใหญ่ไปนะ แล้วก็น้ำแข็งสองแล้ว เดี๋ยวทิมจ่ายเอง แลกกับน้ำเมื่อเช้า" บะหมี่ยิ้มออกมาทันที เรื่องกินต้องยกให้พวกเราสองคนจริง ๆ ฉันสั่งเป๊ปซี่ขวดใหญ่แล้วก็น้ำแข็งสองแก้ว ป้าใส่ตะกร้ามาให้เลย พอได้น้ำก็พากันเดินไปที่โต๊ะ

    "เราจองไว้แล้ว ทำไมยังมีคนมาแย่งอีก" บะหมี่หันมามองหน้าฉันพร้อมกับคำถาม ทำหน้าเซ็งเชียว "หมี่ไม่ยอมหรอก"

    "บะหมี่" ห้ามไม่ทัน เดินตัวปลิวไปแล้ว ฉันเลยรีบเดินตามเข้าไปติด ๆ 

    "ขอโทษนะ โต๊ะตรงนี้เราวางของจองไว้แล้ว" ที่ถูกแย่งโดยเพื่อนร่วมห้อง เพราะก่อนหน้านี้ฉันเห็นสี่คนอยู่ในห้องเรียนด้วย ถือเป็นดาวเด่นของห้องเลยก็ว่าได้

    "เหรอ? แต่ตอนที่พวกฉันมานั่ง ของก็ไม่ได้วางไว้นะ" ทางนั้นตอบกลับมาทันที ฉันเลยมองไปทางของที่วางเอาไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งตอนนี้ถูกวางเอาไว้บนเก้าอี้ที่อยู่ห่างจากโต๊ะออกไปพอสมควร

    สี่คนตรงหน้าชื่อฟ้า เปรี้ยว อิงและปาย ฉันเพิ่งนึกชื่อออก ส่วนคนที่พูดตอบกลับมาเมื่อกี้คือปาย

    "นะ..."

    "ช่างเถอะ ที่ว่างมีอีกตั้งเยอะ อย่าไปถือสาคนไม่มีมารยาทเลย" หันไปพูดกับบะหมี่ก่อนจะเดินเลี่ยงไปวางของที่โต๊ะว่างใกล้ ๆ แทน แล้วเดินกลับมาหยิบของ แต่กลับถูกจ้องเขม็งซะงั้น แถมยังไม่ยอมคืนของมาให้อีกต่างหาก

    "เมื่อกี้เธอว่าใคร" ฟ้าถามด้วยน้ำเสียงที่ดังพอสมควร จนเริ่มกลายเป็นจุดสนใจอีกแล้ว ฉันไม่ค่อยชอบสถานการณ์แบบนี้สักเท่าไหร่เลย

    "เราพูดลอย ๆ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นกันจริง ๆ จะรับไปก็ได้นะ ขอของคืนด้วย" ยื่นมือไปตรงหน้าด้วย แต่ฟ้ากลับทำท่าทางไม่พอใจ แถมจะปาถุงผ้าฉันทิ้งอีก แต่...

    หมับ! 

    ถุงผ้าของฉันถูกคว้าไปโดยรุ่นพี่คนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังของฟ้า จนบะหมี่รีบเดินเข้ามาจับต้นแขนของฉันเอาไว้

    "มีอะไรกันหรือเปล่าครับ" คนตั้งคำถามคือพี่อาร์ต เขาเป็นรุ่นพี่ปีสองและประธานของปีสองด้วย รู้เพราะวันไปเข้าค่ายเขาก็มาส่ง

    "พะ พี่อาร์ต" ฟ้าดูตกใจทันทีที่รู้ว่าคนด้านหลังเป็นพี่อาร์ต "ไม่มีอะไรค่ะ แค่คุยกันเท่านั้นเอง"

    "จริงเหรอครับ" ประโยคนี้พี่อาร์ตหันมามองทางฉัน

    "มะ..." บะหมี่กำลังจะตอบ แต่ฉันกลับคว้าข้อมือห้ามเอาไว้ซะก่อน

    "ใช่ค่ะ ทิมขอของคืนหน่อยได้ไหมคะ" ฉันไม่อยากมีปัญหาอีกเลยพูดตัดบทออกไป ก่อนจะยื่นมือไปตรงหน้าพี่อาร์ตเพื่อขอของคืน เขาเลยยื่นมาให้ "ขอบคุณค่ะ"

    "ทับทิม" รู้แหละว่าบะหมี่ไม่โอเค

    "ช่างเถอะ รีบกลับโต๊ะดีกว่า ก๋วยเตี๋ยวไก่ทิมคงอืดหมดแล้วมั้ง"

    "จริงด้วย" พูดเรื่องของกินทีไร บะหมี่จะลืมทุกเรื่องไปเลยทันที "วันนี้ยอมก็ได้ แต่ท่าทางสี่คนนั้นจะไม่ชอบเราสองคนเข้าให้แล้วสิ"

    "เลี่ยงได้ก็เลี่ยงดีกว่านะ"

    "อืม ๆ "

    อิ่มแปล้เลยทีเดียว เหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีเลยพากันไปตรงซุ้มที่รุ่นพี่นัดรวมกัน มาถึงเพื่อน ๆ เริ่มทยอยเข้าไปจับจองที่นั่ง แถมรุ่นพี่ยังมีน้ำกับขนมมาแจกให้อีกต่างหาก

    "เสียดายกินมาอิ่มแล้ว" บะหมี่บ่นยิ้ม ๆ ฉันเองก็ยิ้มด้วย นั่งคุยกันอยู่มุมหนึ่งจนมีน้ำกับขนมยื่นมาตรงหน้าสองชุด พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นพี่อาร์ตยืนฉีกยิ้มกว้างให้อยู่

    "ไม่รับเหรอครับ"

    "ทิมรับมาเร็ว เดี๋ยวรุ่นพี่จะเสียน้ำใจ" บะหมี่คะยั้นคะยอเต็มที่เลย ฉันเองก็ปฏิเสธไม่ได้เลยยื่นมือไปรับของที่พี่อาร์ตยื่นมาให้แทน

    "ขอบคุณค่ะ" พี่อาร์ตยิ้มให้ก่อนจะเดินกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ ของเขา คนพากันหันมามองฉันกับบะหมี่ใหญ่เลย

    "รุ่นพี่คนเมื่อกี้ต้องชอบทับทิมแน่ ๆ เลย"

    "เขาชื่อพี่อาร์ต"

    "อ๋อ แต่บะหมี่ต้องทายถูกแน่ ๆ เขาก็น่ารักดีนะ"

    "ทิมยังมีคนที่น่ารักกว่าพี่อาร์ตอยากแนะนำให้บะหมี่รู้จักด้วยนะ" บะหมี่ถึงกับขมวดคิ้วทันที คนที่ว่าก็คือพี่เจิ้นนั่นแหละ สำหรับฉันเขาคือที่หนึ่งตลอด

    "คนที่ทิมชอบเอารูปมาดูแล้วยิ้มไหม"

    "หืม? "

    "คิก ๆ ใช่แน่ ๆ เลย ตอนไปเข้าค่ายหมี่เห็นอยู่นะ" บะหมี่แซวพร้อมกับยิ้มหวานให้ฉัน แถมยังแกะขนมกินอีกต่างหาก ไหนบอกว่าอิ่มแล้ว

     

    ช่วงบ่ายรุ่นพี่ปล่อยให้กลับ วันนี้ไม่มีอะไรมากแค่ให้น้อง ๆ แนะนำตัวเท่านั้น พวกรุ่นพี่เองก็ด้วย ส่วนพรุ่งนี้ก็มีนัดอีกเพราะจะมีกิจกรรมให้น้อง ๆ ทำกัน ก็สนุกไปอีกแบบ ได้รู้จักเพื่อน ๆ และพี่ ๆ เพิ่มมาหลายคนเลย

    "ทิมจะกลับเลยไหม"

    "อืม หมี่ล่ะ"

    "กลับแล้วเหมือนกัน แยกกันตรงนี้เลยนะ พรุ่งนี้เจอกันที่เดิม" บะหมี่โบกมือให้ฉันยิ้ม ๆ ก่อนจะขยับแว่นตาที่ใส่อยู่เล็กน้อย "หมี่ยังไม่ลืมเค้กนะ แต่วันนี้อิ่มแปล้แล้ว เอาไว้วันอื่นค่อยไปละกัน"

    "ได้เลย กลับดี ๆ นะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้"

    "เช่นกันจ้า" บะหมี่ยิ้มให้ฉันอีกครั้งก่อนจะเดินแยกออกไปอีกทาง ฉันเลยเดินไปทางด้านหลังเพื่อจะกลับหอ

    "น้องทับทิมครับ" เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ฉันต้องหยุดชะงักก่อนจะหยุดเดินพลางหมุนตัวหันกลับไปมอง

    "อ้าวพี่อาร์ต มีอะไรหรือเปล่าคะ"

    "พักอยู่หลังมอเหรอครับ"

    "ค่ะ พี่อาร์ตก็ด้วยเหรอคะ"

    "เปล่าครับ พี่พักคอนโดไม่ไกลจากหน้ามอน่ะ" พี่อาร์ตเป็นคนที่ยิ้มหวานมาก หน้าตาดีในระดับหนึ่ง แต่สำหรับฉันพี่เจิ้นก็ยังเป็นที่หนึ่งอยู่ดี

    "อ๋อ แล้วพี่อาร์ตมีอะไรกับทิมหรือเปล่าคะ"

    "พี่ขอเดินไปส่งได้ไหมครับ"

    "คะ? " ตกใจเล็กน้อย แต่พี่อาร์ตกลับยิ้มหวานออกมาให้แทน "เอ่อ..."

    "อย่าปฏิเสธน้ำใจของพี่สิครับ"

    "ก็ได้ค่ะ" พี่อาร์ตดูดีใจใหญ่เลย ฉันเองก็พยายามรักษาระยะห่าง ก่อนจะพากันเดินกลับไปที่หอผ่านทางด้านหลัง

    พากันเดินมาใกล้ถึงซอยเข้าหอ ฉันเองก็ไม่อยากให้เขารู้ว่าพักที่ไหน เลยหยุดเดินก่อนจะหันไปมองหน้าพี่อาร์ตยิ้ม ๆ 

    "ส่งทิมแค่นี้ก็พอแล้วค่ะ"

    "แต่พี่ว่า..."

    "ทับทิม! " 

    หืม? ทำไมน้ำเสียงดุ ๆ นี้ถึงคุ้นหูนักนะ พอหันไปมองก็ต้องตกใจเพราะใครบางคนที่ยืนอยู่ แถมยังทำตาดุใส่ฉันอีกต่างหาก

    ช่วยด้วยค่ะ พี่เจิ้นมาเห็นตอนอยู่กับรุ่นพี่พอดี... แถมยังเป็นรุ่นพี่ผู้ชายอีกต่างหาก

    "งั้นทิมกลับก่อนนะคะ ขอบคุณที่มาส่งค่ะ" ยิ้มให้พี่อาร์ตก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาพี่เจิ้น คว้าข้อมือของเขาให้รีบเดินตามออกมาจนถึงหน้าหอ เหนื่อยมาก ก็ดันเดินกึ่งวิ่งมานี่ "พะ... เลือด ทำไมมีเลือดออกล่ะคะ"

    พี่เจิ้นไม่ได้พูดอะไรนอกจากก้มมองบริเวณแผลของเขา ฉันเลยรีบพาเข้าหอเพื่อจะขึ้นไปบนห้อง พอเข้ามาก็จับมือเขาไปนั่งที่เตียงก่อนจะนั่งยอง ๆ เพื่อจะรั้งเสื้อเขาขึ้นดูแผล

    "เลือดออกตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย แล้วพี่มาที่นี่ได้ยังไง พี่เจ็บอยู่นะ ทำไมถึงดื้อแบบนี้" เงยหน้าขึ้นไปมองสบตากับเขา แต่พี่เจิ้นกลับทำหน้านิ่งใส่ แถมยังปัดมือฉันออกก่อนจะขึ้นไปนอนบนเตียงแทน "หนูคุยกับพี่อยู่นะ"

    เมินเก่งจริง ๆ ฉันหรือเปล่าที่ควรโมโหเขาน่ะ

    "พี่เจิ้น! "

    "อะไร" น้ำเสียงห้วน ๆ ถามขึ้นมา แถมยังมองฉันตาขวางอีกต่างหาก

    "เดี๋ยวไปทำแผลที่คลินิกก่อนละกันค่ะ ที่ห้องหนูไม่มีอุปกรณ์"

    "ไม่ไป! "

    "ทำไมดื้อแบบนี้ล่ะคะ" ไม่สนใจ แถมยังหันหน้าไปทางอื่นอีกต่างหาก ฉันเลยผ่อนลมหายใจหนัก ๆ ออกมาแทน "โอเคค่ะ เดี๋ยวหนูลงไปซื้ออุปกรณ์มาให้ พี่ก็นอนพักอยู่เฉย ๆ อย่าไปไหนนะคะ"

    พูดจบหยิบกระเป๋าสตางค์เดินออกจากห้องเพื่อจะไปซื้ออุปกรณ์ทำแผลให้พี่เจิ้น แต่พอลงมาก็ต้องตกใจเพราะเจอพี่อาร์ตยืนยิ้มอยู่

    "พี่อาร์ต"

    "ขอโทษครับ พี่เห็นท่าทางรีบร้อนเลยเป็นห่วง" ฉันเลือกจะยิ้มออกมาแทนคำพูด พี่อาร์ตเลยพูดต่อ "มีอะไรให้พี่ช่วยไหมครับ"

    "ไม่มีค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ งั้นทิมขอตัวก่อนค่ะ" ยิ้มให้พี่อาร์ตก่อนจะเดินเลี่ยงออกมา แต่เขากลับเรียกชื่อฉันเอาไว้ซะก่อน

    "น้องทับทิมครับ" หยุดเดินก่อนจะหันกลับไปยิ้มให้พี่อาร์ต "พี่ขอโทษนะถ้าทำให้ทับทิมลำบากใจ พี่แค่..."

    "เอาไว้ค่อยคุยกันได้ไหมคะ ทิมรีบจริง ๆ ค่ะ" ฉันก็พอจะเดาท่าทางของเขาออกเหมือนกัน ก็เคยแสดงออกกับพี่เจิ้นนี่ แต่วันนี้ไม่มีเวลาปฏิเสธตรง ๆ เลยต้องตัดบทไปก่อน

    "ครับ" พี่อาร์ตยิ้มบาง ๆ ให้ ฉันเลยรีบหมุนตัวเดินออกมาทันที ก่อนจะตรงไปที่คลินิกเพื่อซื้ออุปกรณ์และยาให้พี่เจิ้น คงไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาแน่นอน

    Rrrr

    ซื้อของเสร็จกำลังจะเดินกลับห้อง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา พอหยิบออกมาดูก็เห็นเบอร์พี่เจโทรเข้ามาเลยรีบกดรับสายทันที

    "สวัสดีค่ะพี่เจ"

    (ครับ ไอ้เจิ้นไปหาเราหรือเปล่า) 

    "อยู่ค่ะ แถมที่แผลยังมีเลือดออกด้วย"

    (ไอ้นี่นิ เผลอไม่ได้เลย มันบ่นว่าเบื่อพี่เลยพามาที่ร้านด้วย แต่เผลอแป๊บเดียวก็ขับรถออกไปซะแล้ว โทรหาก็ไม่ยอมรับสาย) 

    "เดี๋ยวหนูดูแลให้เองค่ะ"

    (ไม่รบกวนใช่ไหม เดี๋ยวพี่ปิดร้านไปรับมันดีกว่า) 

    "ไม่เป็นอะไรค่ะ ถึงเขาจะดื้อไปหน่อย แต่หนูยังไหวค่ะ พี่เจไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ"

    (โอเคครับ งั้นพี่ฝากด้วยนะ) 

    "ค่ะ"

    วางสายจากพี่เจก่อนจะวกกลับไปสั่งข้าวให้พี่เจิ้น สั่งเมนูอ่อน ๆ ให้เขาเพราะจะให้กินยาด้วย รอต่ออีกไม่กี่นาทีก็เสร็จก่อนจะเดินกลับห้อง

    เฮ้อ! ต้องให้กำลังใจตัวเองก่อนเพราะข้างในมีทั้งคนดื้อและคนโหดนอนป่วยอยู่ พอเปิดประตูเข้าไปก็ไม่เห็นพี่เจิ้นอยู่บนเตียงแล้ว เห็นแค่เสื้อวางอยู่แล้วก็ผ้าก๊อซปิดแผลที่มีเลือดออกถูกทิ้งไว้ในถังขยะ

    "พี่เจิ้น" เรียกหาเขาเสียงดังเชียว แต่ไม่ยอมขานตอบกลับมา ฉันเลยเดินออกไปดูที่ห้องน้ำ พี่เจิ้นเดินออกมาพอดี สายตาถึงกับต้องหยุดกึกอยู่ตรงตำแหน่งหน้าอกของเขา แทนที่จะเป็นแผล แต่ก็ไม่มีเวลาได้มองนานหรอก ต้องรีบดึงสติกลับมาพลางปรายตาขึ้นไปมองสบตาเขาต่อ

    "ทำไมไปนาน"

    "หนูรอข้าวให้พี่ด้วยค่ะ กลับไปนั่งที่เตียงก่อนดีกว่าค่ะ" ยื่นมือไปช่วยพยุงเขาให้เดินกลับไปนั่งที่เตียงก่อนจะเดินกลับไปหยิบอุปกรณ์มานั่งยองตรงหน้าพี่เจิ้นเพื่อจะทำแผลให้

    "หมอนั่นใคร?"

    "รุ่นพี่ที่คณะค่ะ" ทำแผลให้พี่เจิ้น คำถามก็ต้องตอบ บริสุทธิ์ใจเลยไม่กลัว

    "แค่รุ่นพี่... แล้วทำไมมันต้องเดินมาส่งด้วย"

    "อย่าเรียกว่ามันสิคะ" ประโยคนี้เงยหน้าขึ้นไปมองสบตาพี่เจิ้นดุ ๆ ด้วย แต่เขากลับเบือนหน้าไปมองทางอื่นแทน ถึงจะชินเวลาเขากับพี่เจคุยกัน แต่ก็ไม่อยากให้เขาพูดใส่คนที่ไม่สนิทแบบนี้เลย "เสร็จแล้วค่ะ"

    พี่เจิ้นไม่พูดอะไรอีก นอกจากเมินใส่ ฉันอยากจะแกล้งเขาเลยยื่นปลายนิ้วไปหยิกแผงอกแน่น ๆ ของคนตรงหน้าแรงมาก

    "อ่า... พี่เจ็บนะ"

    "ขอบคุณหรือยังคะ หนูทำแผลให้แล้วนะ เพราะฉะ..." ถึงกับต้องเบิกตากว้างเลยทีเดียว เพราะพี่เจิ้นยื่นมือมารั้งท้ายทอยของฉันเอาไว้พร้อมกับจุ๊บปากฉันแผ่วเบา แต่กลับทำให้เสียงหัวใจของฉันเต้นแรงมาก จนเขาผละใบหน้าออกไป

    "ขอบคุณครับ"

    "ฮึย! พี่เจิ้น! " ไม่กลัว แถมยังขยับตัวลุกขึ้นยืนอีกต่างหาก "หนูยังไม่ได้จัดการเรื่องที่พี่แอบหนีพี่เจมาเลยนะคะ แถมยังขับรถมาเองอีกต่างหาก ทั้ง ๆ ที่พี่ยังไม่หายดี พะ... จะทำอะไรคะ"

    บ่นใส่เขายาวมาก จนพี่เจิ้นหันกลับมาล็อกใบหน้าของฉันเอาไว้ ท่าทางของเขาไม่น่าไว้ใจเลยจริง ๆ 

    "จะจูบ"

    "ไม่ให้จูบแล้ว หนูบ่นอยู่เนี่ย"

    "บ่นเยอะไง เลยจะจูบปิดปาก" ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ด้วยนะ คราวนี้ฉันไม่ยอมหลบ แถมยังทำหน้าไม่พอใจใส่เขาอีก จนพี่เจิ้นเป็นฝ่ายหยุดชะงักก่อนจะผ่อนลมหายใจหนัก ๆ ออกมาแทน แล้วก็ขยับตัวออกห่างไปเอง

    "ไม่จูบแล้วเหรอคะ"

    "แค่ปากแตะกัน เขายังไม่เรียกว่าจูบหรอกนะ" 

    "แล้วเรียกอะไรล่ะคะ"

    "จุ๊บ! " เหนื่อยใจกับพี่เจิ้น ก่อนจะเดินเลี่ยงไปหาเสื้อตัวใหญ่ ๆ ของฉันมาให้เขาใส่แทน ปล่อยไว้แบบนี้คงหนาวแย่

    "ใส่เสื้อก่อนค่ะ แล้วก็กินข้าวด้วย จะได้กินยาที่หนูซื้อมาให้ก่อน แต่ถ้าดื้ออีก หนูจะพากลับไปส่งที่บ้าน"

    "ถ้าพี่ไม่ดื้อ หนูจะให้นอนค้างที่นี่ใช่ปะ"

    "ค่ะ เอ๊ย! ไม่ใช่ค่ะ เดี๋ยวพี่เจปิดร้านจะมารับพี่ค่ะ" พี่เจิ้นตอบกลับมาเร็วไปหน่อย ฉันเลยเผลอตอบรับไปทันที พออธิบายใหม่เขาก็ทำหน้าเซ็งใส่ซะงั้น

    "ใส่เสื้อให้หน่อย พอยกแขนแล้วเจ็บ" ทำหน้าสำออยใส่ฉันอีก

    "ทีตอนขับรถมาทำไมไม่เจ็บล่ะคะ"

    "คิดถึงไง"

    "ชิ" ก็คือเขินแหละ เลยเบะปากใส่เขา แล้วรีบใส่เสื้อให้แทน พอดีตัวเลยทีเดียว เป็นเสื้อฟุตบอลตัวใหญ่ ๆ ที่ฉันชอบซื้อมาใส่ เพราะมันใส่นอนสบาย

    "ยังไม่อธิบายเรื่องหมอนั่นเลยนะ" นั่งกินข้าวพร้อมกับคำพูดคาใจ ฉันเลยต้องเดินไปนั่งลงข้าง ๆ เขาพร้อมกับคำตอบ

    "พี่อาร์ตเป็นรุ่นพี่จริง ๆ ค่ะ พอดีก่อนหน้านี้เขาช่วยไว้นิดหน่อยน่ะค่ะ ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้นเลยจริง ๆ " พี่เจิ้นปรายตาขึ้นมามองหน้าฉันเล็กน้อย

    "แต่พี่มองเห็นอยู่นานแล้วนะ หมอนั่นคอยมองเราตลอด เตี้ยไงเลยไม่รู้ว่าถูกมองอยู่น่ะ"

    "พี่เจิ้น! " เดี๋ยวก็เด็กอ้วน เดี๋ยวก็เตี้ย ปากร้ายยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก "งั้นพี่ก็ต้องทำใจแล้วแหละ เพราะว่าหนูสวยแล้ว"

    ยักคิ้วพลางอมยิ้มน้อย ๆ ออกมาให้เขาด้วย พี่เจิ้นเลยกลอกตาใส่ฉันก่อนจะก้มกินข้าวต่อ

    "หนูยังต้องเรียนรู้อีกเยอะนะ อะไรเลี่ยงได้ก็เลี่ยง อะไรที่ปฏิเสธได้ก็ต้องรีบปฏิเสธ ถ้าขืนปล่อยไว้นาน ๆ แล้วจะหาทางไปต่อไม่ถูก"

    "รับทราบแล้วค่ะ โกรธหนูไหมคะ" พี่เจิ้นเงยหน้าขึ้นมามองพลางส่ายหน้ายิ้ม ๆ ฉันเลยไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ "ตอบหนูก่อนสิคะ"

    "เปล่าครับ แค่ไม่ชอบ แต่พี่ก็รู้แหละว่าทับทิมเป็นคนยังไง อีกอย่างในสายตาของเราก็คงมีแค่พี่ใช่ไหม"

    "พี่นี่หลงตัวเองเก่งจริง ๆ แต่ก็ใช่ค่ะ" ในเมื่อเป็นความจริง แล้วฉันจะปฏิเสธไปทำไม "รีบกินค่ะ จะได้กินยา"

    ก่อนหน้านี้เจอเรื่องเซ็ง ๆ และสถานการณ์ที่ไม่ค่อยชอบมานิดหน่อย แต่พอได้อยู่กับพี่เจิ้น ได้คุยกับเขา มันเลยทำให้อารมณ์เสีย ๆ พวกนั้นหายไปจนหมด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×