ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักเกินกว่าจะร้าย [จบ]

    ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 15 ใครก็ทำให้เราเปลี่ยนไปไม่ได้ (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 64


     

    15

    ใครก็ทำให้เราเปลี่ยนไปไม่ได้

     

     

     

    [ทับทิม]

    กลับมาจากเข้าค่ายพร้อมกับเพื่อนใหม่หนึ่งคน แต่คงไม่น่าตื่นเต้นเท่ากับเรื่องของพี่เจิ้นแล้วแหละ เขาทำตัวมีพิรุธไม่ยอมพูดอะไร เหมือนพยายามหลบเลี่ยง ฉันเลยสงสัยจนต้องโทรไปถามป้าแจนแทน และรู้ความจริงว่าเมื่อคืนเขาไปเที่ยวกับพี่เจ แล้วมีเรื่องเกิดขึ้น จนต้องเข้าโรงพยาบาล ตอนแรกก็อยากจะไปเยี่ยมเขาเอง แต่คุณลุงบอกว่าจะขับรถมารับที่หอ ฉันเลยรอจนพวกท่านมารับแล้วพากันไปโรงพยาบาล

    เจอหน้าพี่เจิ้น หัวใจเต้นแรงมาก ทั้งเป็นห่วง ทั้งน้อยใจ แต่พอเห็นเขาเจ็บก็โกรธไม่ลง แถมยังอาสาอยู่เฝ้าเขาอีกต่างหาก ดี๊ด๊าใหญ่เลย ตอนนี้ฉันเลยต้องเดินลงมาซื้อแปรงสีฟันกับยาสีฟันที่เซเว่น ไม่ได้เตรียมมาด้วยเพราะตอนแรกตั้งใจแค่จะมาเยี่ยมเท่านั้น

    ไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว คงไม่ซื้อแค่สองอย่างหรอก ในเซเว่นมีขนมเค้กขายอยู่ด้วย รสชาติก็โอเคเลยแหละ ฉันเลยซื้อติดมือกลับไปด้วย ยืนรอคิวจ่ายเงิน พอถึงคิวก็วางของลง จนพนักงานคิดเงินให้เสร็จ

    "ทั้งหมด 75 บาทค่ะ"

    "คิดรวมกับของผมได้เลยครับ" น้ำเสียงคุ้น ๆ พอหันไปมองก็ต้องตกใจพร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นแรง รอยยิ้มของคนตรงหน้าไม่ได้ทำให้ฉันดีใจเลยจริง ๆ

    "เงินค่าของนะคะ" ฉันไม่ได้รับน้ำใจของคนด้านหลัง วางเงินครบตามจำนวนที่พนักงานบอกเสร็จก็หยิบของเดินออกมาทันที

    "ทับทิม" ฉันพยายามไม่ใส่ใจและทำเหมือนไม่ได้ยิน พยายามจะเดินให้เร็วกว่าเดิม แต่กลับถูกคว้าต้นแขนเอาไว้ได้ "พ่อรู้ว่าหนูยังโกรธ แต่ขอให้พ่อ..."

    "ขอโทษนะคะ หนูไม่รู้จักคุณค่ะ"

    "ทับทิม" ฉันพยายามฝืนยิ้ม พยายามแกะมือของคนตรงหน้าออก แต่ทำไมถึงยากจัง ฉันรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงเลยจริง ๆ

    "กรุณาปล่อยมือหนูด้วยค่ะ"

    "พ่อขอโทษ พ่อ..."

    "พ่อคะ" เสียงจากด้านหลังดังแทรกขึ้นมา เหมือนคนตรงหน้าฉันจะได้สติ เขาเลยยอมปล่อยมือออกไป

    "ลูกคุณลุงน่าจะเป็นเธอคนนั้นนะคะ" ฉันรู้ว่ามันไม่ดีที่พูดแบบนี้ออกไป แต่มันเจ็บมากกับความรู้สึกมากมายที่ยังคงตามมาซ้ำเติมฉันอยู่ตลอด ไม่ว่าจะหนียังไง สุดท้ายก็ยังต้องเจออยู่ดี

    "รีบไปเถอะค่ะ แม่กำลังรออยู่นะคะ"

    ฉันได้แต่ฝืนยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะรีบเดินออกมาจากจุดนั้นแทน พยายามเดินให้เร็ว แต่ทำไมถึงช้านักนะ

    หมับ!

    เพี้ยะ!

    เดินออกมาได้ไม่ไกลนัก กลับถูกกระชากต้นแขนจนต้องหมุนไปตามแรง และที่หนักไปกว่านั้นคือใบหน้าที่หันไปตามแรงตบ

    “นี่สำหรับที่แกกล้ามายุ่งกับพ่อของฉัน” ตอนนี้ได้แต่กัดฟันกรอด กำหมัดเข้าหากันจนแน่นก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองสบตาเดียร์

    “มาทีหลัง ยังกล้าพูดแบบนี้อีกงั้นเหรอ”

    “ฉันไม่สนหรอกนะว่ามาก่อนหรือมาหลัง รู้แค่ตอนนี้พ่อเขาเลือกฉันกับแม่แล้ว ส่วนแกก็แค่คนอื่น”

    “ฉันกับแม่ก็ไม่เคยเรียกร้องเหมือนกัน มีแต่ทางเธอนั่นแหละที่พยายามแสดงตัวอยู่ตลอดเวลา แต่เหนื่อยหน่อยนะกว่าจะได้ไปก็ต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ กันอยู่ตั้งหลายปี หลังจากนี้ก็ไม่ต้องแล้วแหละ ดีใจด้วยนะ” พูดพลางคลี่ยิ้มกว้างให้เดียร์ไปด้วย เธอเลยแสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจออกมาทันที

    “ทับทิม!” ตอนนี้สะใจมากกว่าเสียใจซะอีก แถมเดียร์ยังง้างมือจะตบฉันอีกรอบด้วยนะ แต่คราวนี้คงไม่ยอมให้ตบง่าย ๆ แล้วแหละ

    “คิดให้ดี ๆ นะ ระวังภาพลักษณ์ที่เคยสร้างเอาไว้จะหายไปซะหมด รอบ ๆ ตัวเธอไม่ได้มีแค่เราสองคนหรอกนะ” เหมือนจะได้สติ เพราะครั้งแรกที่เดินเข้ามาตบ ไม่มีคนเดินผ่านไปมา

    “ฝากไว้ก่อนเถอะ มันไม่จบแค่นี้แน่นอน”

    “คิดจะแย่งใครไปจากฉัน เธอก็ควรคิดให้ดี ๆ หน่อยนะ ไม่ใช่ทุกคนที่เขาจะเอนเอียงไปทางเธอซะหมด เพราะอย่างน้อย ๆ กั้งกับพี่เจิ้นก็ยังยืนอยู่ข้างฉันเหมือนเดิม”

    “แก!”

    “ไปที่ชอบของเธอสักทีเถอะ ตามระรานอยู่ได้ มันน่ารำคาญ!” ประโยคนี้ฉันพูดดังพอสมควร เพราะมีคนเดินผ่านไปมาพอดี แถมยังพากันหันมามองอีก ฉันเลยได้จังหวะเดินเลี่ยงกลับเข้าไปในโรงพยาบาล พลางผ่อนลมหายใจหนัก ๆ ออกมา รู้สึกโล่งมาก

    ใครบอกว่าฉันไม่รู้สึกล่ะ จริง ๆ แล้วอยากร้องไห้มาก ๆ เลยแหละ แต่ต้องทำเป็นเข้มแข็งเอาไว้ เพราะฉันจะไม่ยอมให้เดียร์มามีอิทธิพลต่อความรู้สึกอีกแล้ว

    แปะ แปะ

    เสียงปรบมือที่ดังขึ้นมา ทำให้ฉันต้องชะงักฝีเท้าพลางหันหน้าไปมองทางต้นเสียงด้วย จนเห็นเพื่อนของพี่เจิ้นยืนอยู่ พี่เป้ พี่ท็อปแล้วก็พี่หลิน

    "สวัสดีค่ะ" ยกมือไหว้พี่ ๆ พร้อมกับรอยยิ้ม

    "เก่งมากเลยนะ" พี่เป้พูดชม

    "เห็นเหรอคะ" อึ้งเล็กน้อยเพราะตอนแรกคิดว่าจะไม่มีใครเห็นซะแล้ว

    "ครับ รอดูอยู่ แต่คิดว่าเราคงเอาอยู่แหละเลยไม่ได้เข้าไปยุ่ง" เขินเลย ได้แต่ยิ้มแหย ๆ ออกมาแทน

    "เจ็บหรือเปล่า พี่เห็นทับทิมถูกตบด้วย" พี่หลินถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ฉันเลยยิ้มออกมาพลางส่ายหน้าแทนคำตอบไปด้วย "ทับทิมรีบขึ้นไปหาเจิ้นเถอะ ป่านนี้คงเป็นห่วงแย่แล้ว"

    "แล้วพวกพี่ล่ะคะ"

    "พวกพี่เยี่ยมแล้วครับ กำลังจะกลับ" พี่ท็อปเป็นคนตอบคำถามแทน

    "อ๋อ งั้นทิมขึ้นไปหาพี่เจิ้นก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ยกมือไหว้พี่ ๆ ก่อนจะเดินแยกออกมา แต่ก็ยังได้ยินเสียงคนด้านหลังคุยกันดังแว่ว ๆ มาถึงหูอยู่ดี

    "โอเคแน่เหรอ"

    "อืม สายตาของเจิ้นวันนั้นมันตอบทุกคำถามหมดแล้วแหละ หลินควรยินดีกับเพื่อนมากกว่า" ฉันแอบอมยิ้มไปกับคำตอบของพี่หลิน และแอบดีใจด้วย เพราะอย่างน้อย ๆ ก็ไม่ใช่คนที่ทำลายมิตรภาพระหว่างพวกเขา

     

    เดินกลับมาถึงหน้าห้อง สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพราะในห้องมีคนโหดรออยู่ แต่ยังไม่อยากให้เขาเห็นรอยที่ถูกเดียร์ตบเลยเดินเลี่ยงเข้าห้องน้ำก่อน ปิดประตูเสร็จก็เดินไปมองสำรวจตัวเองหน้ากระจก มีรอยแดงจาง ๆ แต่ถ้าสังเกตก็ต้องรู้อยู่ดี เลยหยิบแป้งพัฟขึ้นมาปกปิดรอยบนใบหน้า ทั้งเจ็บและแสบมาก พอจัดการรอยเรียบร้อยก็มองสำรวจใบหน้าของตัวเองอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไปหาพี่เจิ้น เขากำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่

    "ทำอะไรอยู่คะ ทำไมยังไม่นอนอีก"

    "ดูอะไรอยู่นิดหน่อยครับ" สายตาของเขาเอาแต่จดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ แทบไม่ได้หันมามองหน้าฉันเลย

    "อะไรเหรอคะ หนูขอดูด้วยสิ"

    "นี่ครับ"

    อ่า... ซวยแล้วไง พอพี่เจิ้นหันหน้าจอมาเท่านั้นแหละ ฉันถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเลยทีเดียว

    "เอ่อ..."

    "ถ้าเพื่อนพี่ไม่ลงไปเห็นแล้วถ่ายคลิปเอาไว้ เราก็คงไม่คิดที่จะบอกสินะ ขนาดมาถึงยังเข้าห้องน้ำก่อนเลย" น้ำเสียงของพี่เจิ้นจริงจังและน่ากลัวมาก ฉันได้แต่ยิ้มแหย ๆ ออกมาแทน แต่พอเขาทำตาดุใส่ก็หุบยิ้มซะดื้อ ๆ

    "ก็..."

    "พี่คงต้องทำอะไรบ้างแล้วแหละ"

    "ทำอะไรคะ"

    "ฟ้องแม่ครับ" สีหน้าพี่เจิ้นจริงจังมาก ฉันไม่รู้ว่าเขาจะฟ้องแม่คนไหน แต่ก็ไม่อยากให้เขาฟ้องอยู่ดี มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างฉันก็มั่นใจด้วยว่าตัวเองสามารถจัดการได้

    "พี่เจิ้น อย่าฟ้องนะคะ เอาโทรศัพท์มาให้หนูสิ" พยายามยื่นมือไปแย่งโทรศัพท์ แต่เขากลับไม่ยอม นี่ขนาดเจ็บตัวอยู่นะ ยังหลบหลีกได้เก่งอีก สงสัยใช้วิธีนี้ไม่ได้ผลแล้วแหละ

    หมับ!

    ไม่แย่งโทรศัพท์แล้วค่ะ ยื่นฝ่ามือทั้งสองข้างไปล็อกใบหน้าของเขาเอาไว้แทน จนพี่เจิ้นหยุดชะงักไปพร้อมกับสายตาที่เงยมามองสบกัน

    "จะทำอะไรครับ"

    "หึ!" ปกติเขาชอบทำเสียงแบบนี้ใส่ฉัน พอลองทำดูบ้างแล้วรู้สึกสะใจแปลก ๆ เหมือนตัวเองกำลังเป็นผู้ชนะ เลยค่อย ๆ ก้มหน้าเข้าไปหาพี่เจิ้นจนปลายจมูกแตะกัน มือค่อย ๆ เลื่อนไปหาเป้าหมาย แต่...

    จุ๊บ

    "อื้อ..."

    ตึกตัก ตึกตัก

    หัวใจเต้นแรง เปลือกตากะพริบเข้าหากันถี่มาก ฉันควรเป็นฝ่ายฉวยโอกาสใส่เขาก่อนสิ แต่ทำไมเหมือนกำลังเสียเปรียบเพราะเมื่อกี้พี่เจิ้นยื่นริมฝีปากของเขามาจุ๊บปากฉันแผ่วเบา แถมยังเร็วจนตั้งตัวไม่ทันอีกต่างหาก

    "ขะ ขี้โกง" เขินจนไม่กล้าแกล้งเขาต่อเลย ต้องรีบผละตัวออกมาแทน ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปนั่งที่โซฟา

    "ไม่อยากได้โทรศัพท์พี่แล้วเหรอครับ" เหมือนพี่เจิ้นกำลังสะใจอยู่เลย แต่ฉันนี่สิ หัวใจล่องลอยไปไหนแล้วก็ไม่รู้ อยากฟ้องใครก็เชิญตามสบายเลย…

    ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว พี่เจิ้นหลับอยู่ แต่ฉันยังคงนอนลืมตาอยู่บนโซฟา คอยหันไปมองเขาบ้างเป็นบางครั้งก่อนจะพลิกตะแคงข้างหันไปทางเขาแบบจริงจัง

    “พี่จะยังอยู่ข้าง ๆ หนูตลอดไปใช่ไหมคะ” พูดพลางเผยรอยยิ้มบางออกมาด้วย มันอธิบายความรู้สึกไม่ค่อยถูก แค่กลัวถูกแย่งเขาไป

    "ถ้าพี่ไม่คิดจะอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่แรก หนูคงไม่ได้มานอนตั้งคำถามอยู่แบบนี้หรอกครับ"

    "ยะ ยังไม่หลับเหรอคะ หรือหนูทำให้ตื่น" ตกใจจนประหม่าไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าพี่เจิ้นจะได้ยิน ตอนแรกคิดว่าเขาหลับไปแล้วด้วยซ้ำ

    "ลุกมาหาพี่หน่อย" ฉันไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากขยับตัวลงจากโซฟาเพื่อเดินเข้าไปหาเขา "ขึ้นมานอนบนเตียงด้วย"

    "แต่ว่า..."

    "ข้างขวาไม่เจ็บครับ" พี่เจิ้นพูดพลางขยับตัวออกห่างจากขอบเตียงทางขวาเล็กน้อย ฉันยืนชั่งใจอยู่หลายวินาทีเลยแหละ ก่อนจะตัดสินใจขึ้นไปนอนเบียดเขาบนเตียง

    "ใกล้ไปหรือเปล่าคะ"

    "ไม่น่าเป็นคำถามนะครับ ทั้ง ๆ ที่ยอมขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกับพี่แล้วแท้ ๆ" คำพูดติดตลกของพี่เจิ้นเอ่ยออกมา ฉันก็อยากเห็นแก่ตัวเก็บเกี่ยวความสุขให้กับตัวเองด้วยเหมือนกันแหละ

    "หนูลงไปนอนที่เดิมดีกว่า ถ้าเกิดพี่พยาบาลเข้ามาเห็นจะโดนดุเอาได้นะคะ อีกอย่างพี่คงนอนไม่ถนัดหรอก"

    "ใครบอกล่ะ พี่นอนโคตรถนัดเลยแหละ" พี่เจิ้นพลิกตัวนอนตะแคงข้างหันมาทางฉัน มือข้างหนึ่งสอดเข้ามาใต้ท้ายทอยเพื่อให้ฉันหนุนนอนด้วย เป็นการนอนที่เบียดเสียดกันมาก "พี่หวงขนาดนี้ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ"

    "หนูก็หวง... หวงมากด้วย" ยื่นมือข้างหนึ่งไปทาบอกพี่เจิ้นเอาไว้ด้วย เพื่อเป็นการยืนยันคำพูดเมื่อกี้ไปในตัว "อย่าลืมปลุกหนูนะคะ เดี๋ยวโดนดุ"

    "ครับ" อ้อมกอดคืนนี้ของพี่เจิ้น ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นมากเลยทีเดียว

    ตอนนี้ฉันไม่ได้กลัวพี่เจิ้นเปลี่ยนไปหรอก แต่กลับกลัวคนอื่นเข้ามาทำให้ความรู้สึกของพวกเราต้องเปลี่ยนไปมากกว่า เพราะฉะนั้นฉันต้องเข้มแข็งแล้วก็เชื่อใจกันและกันให้มากเข้าไว้ ต่อให้ความสัมพันธ์นี้จะยังไม่มีสถานะตายตัว แต่การแสดงออกของพวกเรากลับชัดเจนขึ้นทุกวัน... แค่นี้ก็ดีมากแล้วแหละ

    บางทีสถานะก็ไม่สามารถยืนยันความสัมพันธ์นั้นได้ตลอดไปหรอก วันไหนที่มันจบลง อาจจะไม่หลงเหลือความรู้สึกดี ๆ เอาไว้เลยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ในรูปแบบไหนก็ตาม

     

    เกือบตีห้า พี่เจิ้นตื่นก่อน เขาปลุกให้ลุกไปนอนต่อที่โซฟา ฉันเลยงัวเงียลงจากเตียงก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนอนต่อ ส่วนพี่เจิ้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาจะหลับต่ออีกไหม กำลังนอนฝันหวานอยู่เลย เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาซะงั้น

    Rrrr

    "ฮัลโหล"

    (ยังไม่ตื่นอีกเหรอ สายแล้วนะ)

    "แม่เหรอคะ หนูตื่นแล้ว"

    (ตื่นอะไรของหนูเนี่ย น้ำเสียงยังงัวเงียอยู่เลย แล้วนี่อยู่ไหนเหรอ)

    "หนูอยู่..."

    นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนนอนเฝ้าพี่เจิ้นนี่ ถ้าแม่บอกว่าสายแล้ว งั้นตอนนี้กี่โมงแล้วนะ... เปลือกตาเปิดกว้างทันที พลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง รีบเด้งตัวลุกขึ้นแทบไม่ทันเพราะป้าแจนนั่งอยู่ข้างพี่เจิ้น

    "เอ่อ..."

    "คุยกับแม่ก่อนก็ได้" ป้าแจนพูดออกมายิ้ม ๆ รู้สึกเขินจนต้องรีบลุกเดินเข้าห้องน้ำแทน

    (แม่ได้ยินเสียงป้าแจนนี่ หนูอยู่ที่บ้านป้าแจนเหรอลูก)

    "เปล่าค่ะ พอดีพี่เจิ้นเข้าโรงพยาบาลน่ะค่ะ เมื่อคืนหนูนอนเฝ้าเขา แต่เผลอตื่นสายไปหน่อย ป้าแจนเข้ามาตอนไหนหนูยังไม่รู้เลยค่ะ"

    (ลูกสาวใครเนี่ย)

    "ลูกสาวแม่ส้มแหละ"

    (จ้า ๆ แล้วพี่เจิ้นเป็นยังไงบ้าง)

    "ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ แม่คะ"

    (หือ? ว่ายังไงเหรอ)

    ฉันไม่รู้ว่าจะบอกแม่ดีไหม? หรือปล่อยให้มันผ่านไปแบบนี้แทน

    "แม่สบายดีนะคะ"

    ฉันเลือกจะเปลี่ยนเรื่องมากกว่า เพราะไม่อยากให้ท่านกลับมารู้สึกไม่ค่อยสบายใจอีก

    (สบายดีจ้า เดือนหน้าแม่ว่าจะไปหาหนูที่กรุงเทพฯ อยู่นะ)

    "จริงเหรอคะ หนูจะรอนะคะ"

    (จ้า งั้นแม่ไม่กวนแล้วดีกว่า ไว้แม่โทรหาหนูใหม่นะ)

    "ค่ะ สวัสดีค่ะ"

    วางสายจากแม่ ยืนอมยิ้มอยู่คนเดียว เก็บโทรศัพท์แล้วก็ทำธุระส่วนตัวจนเสร็จก่อนจะเดินออกมา ฉันเพิ่งรู้ว่าตัวเองตื่นสายไปเยอะเลย แถมยังไม่มีใครปลุกอีกต่างหาก

    "สวัสดีค่ะป้าแจน"

    "ไม่ทันแล้วมั้งครับ" คนป่วยแซวยิ้ม ๆ น่าหมั่นไส้จริง ๆ

    "ไม่ยอมปลุกหนู" หันไปทำหน้าดุใส่เขาด้วย แต่พี่เจิ้นกลับอมยิ้มออกมาแทน "ป้าแจนมาแล้ว งั้นหนูขอกลับก่อนนะคะ พรุ่งนี้มหาวิทยาลัยเปิดแล้ว หนูจะกลับไปเตรียมของด้วยน่ะค่ะ"

    "เดี๋ยวป้าโทรตามให้พี่เจไปส่งดีกว่า"

    "ไม่เป็นอะไรค่ะ หนูขอกลับเองนะคะ"

    "แต่ป้าว่า..." ป้าแจนยังพูดไม่ทันจบ ท่านหันไปมองทางพี่เจิ้นด้วย ทำหน้าตึงอยู่เชียว "ป้านึกขึ้นได้ว่าจะออกไปถามเรื่องอาการพี่เจิ้นสักหน่อย ถ้ายังไงหนูอยู่คุยเป็นเพื่อนพี่เขาก่อนนะ"

    "ปะ..." ป้าแจนลุกออกไปแล้ว ฉันเลยต้องเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงพี่เจิ้นแทน "หนูจะกลับแล้ว"

    "ไม่ให้กลับได้ไหมล่ะ" ส่ายหัวรัว ๆ เลยทีเดียว "งั้นให้เจไปส่ง"

    "หนูขอกลับเองนะคะ ยังเช้าอยู่เลย"

    "แต่พี่เป็นห่วง"

    "คนตั้งเยอะ พี่ไม่ต้องห่วงหนูหรอก หนูเก่งอยู่แล้ว" ฉีกยิ้มหวานพลางยักคิ้วให้เขาด้วยนะ "ให้หนูกลับเองนะคะ คราวหลังจะได้แอบมาเซอร์ไพรส์พี่ถูก"

    "พี่ไม่มีอะไรให้ต้องเซอร์ไพรส์หรอกนะ"

    "เผื่อพี่แอบซ่อนสาว" พี่เจิ้นมองฉันตาขวางเชียว แถมยังยื่นมือมาหยิกแก้มฉันอีกต่างหาก "อ่า... หนูเจ็บ"

    "เมื่อก่อนพี่ไม่เถียงหรอก แต่เดี๋ยวนี้มีอยู่คนเดียวนี่แหละ"

    "ค่ะ" เขินเลย "งั้นหนูกลับแล้วนะคะ ถึงหอแล้วจะโทรหาค่ะ"

    "ดูแลตัวเองด้วยนะ หายดีแล้วพี่จะไปหา"

    "ค่ะ" ยิ้มให้พี่เจิ้นก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายออกจากห้อง ป้าแจนเดินกลับมาพอดี

    "จะกลับแล้วเหรอ เดี๋ยวป้าออกไปส่งที่ป้ายรถเมล์ละกัน"

    "หนูไปเองก็ได้นะคะ"

    "ป้าไปส่งแหละดีแล้ว" ปฏิเสธไม่ได้เลยต้องยอมให้ป้าแจนเดินออกมาส่ง ท่านจับมือฉันเดินออกจากโรงพยาบาลจนถึงป้ายรถเมล์เลยทีเดียว

    "ขอบคุณนะคะ"

    "ทับทิม"

    "คะ?" มองหน้าป้าแจนยิ้ม ๆ จนท่านยื่นมือมากุมมืออีกข้างของฉันเอาไว้

    "ป้าขอบคุณนะที่หนูยังยืนอยู่ตรงนี้ ตั้งแต่ที่เจิ้นมีจุดหมายของตัวเองก็ดูเปลี่ยนไปเยอะมาก ป้าไม่รู้ว่าตอนนี้หนูมั่นใจในตัวของพี่เขามากแค่ไหนแล้ว ป้าหวังว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ เจิ้นจะยังเป็นหนูอยู่เสมอนะ"

    "ขอบคุณที่เอ็นดูหนูนะคะ"

    "ใครก็ทำให้เราเปลี่ยนไปไม่ได้หรอกนะ ถ้าใจของเราไม่คิดที่จะเปลี่ยนไปเอง... หนูจะกลับรถเมล์ใช่ไหม สายนี้ไปถึงหน้าซอยหอหนูนะ"

    "ค่ะ ขอบคุณนะคะ" ยกมือไหว้ป้าแจนก่อนจะไปยืนรอขึ้นรถเมล์ ท่านยืนส่งฉันจนลับสายตาเลยทีเดียว สาย ๆ รถเมล์คนไม่ค่อยเยอะ เลยมีที่ว่างให้นั่งอยู่

    ถ้าแม่อยู่ที่นี่ด้วยก็คงจะดีสินะ... ฉันคงมีความสุขมากกว่านี้แน่นอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×