คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 15 ใครก็ทำให้เราเปลี่ยนไปไม่ได้ (100%)
15
ใครก็ทำให้เราเปลี่ยนไปไม่ได้
[ทับทิม]
กลับมาจากเข้าค่ายพร้อมกับเพื่อนใหม่หนึ่งคน แต่คงไม่น่าตื่นเต้นเท่ากับเรื่องของพี่เจิ้นแล้วแหละ เขาทำตัวมีพิรุธไม่ยอมพูดอะไร เหมือนพยายามหลบเลี่ยง ฉันเลยสงสัยจนต้องโทรไปถามป้าแจนแทน และรู้ความจริงว่าเมื่อคืนเขาไปเที่ยวกับพี่เจ แล้วมีเรื่องเกิดขึ้น จนต้องเข้าโรงพยาบาล ตอนแรกก็อยากจะไปเยี่ยมเขาเอง แต่คุณลุงบอกว่าจะขับรถมารับที่หอ ฉันเลยรอจนพวกท่านมารับแล้วพากันไปโรงพยาบาล
เจอหน้าพี่เจิ้น หัวใจเต้นแรงมาก ทั้งเป็นห่วง ทั้งน้อยใจ แต่พอเห็นเขาเจ็บก็โกรธไม่ลง แถมยังอาสาอยู่เฝ้าเขาอีกต่างหาก ดี๊ด๊าใหญ่เลย ตอนนี้ฉันเลยต้องเดินลงมาซื้อแปรงสีฟันกับยาสีฟันที่เซเว่น ไม่ได้เตรียมมาด้วยเพราะตอนแรกตั้งใจแค่จะมาเยี่ยมเท่านั้น
ไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว คงไม่ซื้อแค่สองอย่างหรอก ในเซเว่นมีขนมเค้กขายอยู่ด้วย รสชาติก็โอเคเลยแหละ ฉันเลยซื้อติดมือกลับไปด้วย ยืนรอคิวจ่ายเงิน พอถึงคิวก็วางของลง จนพนักงานคิดเงินให้เสร็จ
"ทั้งหมด 75 บาทค่ะ"
"คิดรวมกับของผมได้เลยครับ" น้ำเสียงคุ้น ๆ พอหันไปมองก็ต้องตกใจพร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นแรง รอยยิ้มของคนตรงหน้าไม่ได้ทำให้ฉันดีใจเลยจริง ๆ
"เงินค่าของนะคะ" ฉันไม่ได้รับน้ำใจของคนด้านหลัง วางเงินครบตามจำนวนที่พนักงานบอกเสร็จก็หยิบของเดินออกมาทันที
"ทับทิม" ฉันพยายามไม่ใส่ใจและทำเหมือนไม่ได้ยิน พยายามจะเดินให้เร็วกว่าเดิม แต่กลับถูกคว้าต้นแขนเอาไว้ได้ "พ่อรู้ว่าหนูยังโกรธ แต่ขอให้พ่อ..."
"ขอโทษนะคะ หนูไม่รู้จักคุณค่ะ"
"ทับทิม" ฉันพยายามฝืนยิ้ม พยายามแกะมือของคนตรงหน้าออก แต่ทำไมถึงยากจัง ฉันรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงเลยจริง ๆ
"กรุณาปล่อยมือหนูด้วยค่ะ"
"พ่อขอโทษ พ่อ..."
"พ่อคะ" เสียงจากด้านหลังดังแทรกขึ้นมา เหมือนคนตรงหน้าฉันจะได้สติ เขาเลยยอมปล่อยมือออกไป
"ลูกคุณลุงน่าจะเป็นเธอคนนั้นนะคะ" ฉันรู้ว่ามันไม่ดีที่พูดแบบนี้ออกไป แต่มันเจ็บมากกับความรู้สึกมากมายที่ยังคงตามมาซ้ำเติมฉันอยู่ตลอด ไม่ว่าจะหนียังไง สุดท้ายก็ยังต้องเจออยู่ดี
"รีบไปเถอะค่ะ แม่กำลังรออยู่นะคะ"
ฉันได้แต่ฝืนยิ้มให้กับตัวเองก่อนจะรีบเดินออกมาจากจุดนั้นแทน พยายามเดินให้เร็ว แต่ทำไมถึงช้านักนะ
หมับ!
เพี้ยะ!
เดินออกมาได้ไม่ไกลนัก กลับถูกกระชากต้นแขนจนต้องหมุนไปตามแรง และที่หนักไปกว่านั้นคือใบหน้าที่หันไปตามแรงตบ
“นี่สำหรับที่แกกล้ามายุ่งกับพ่อของฉัน” ตอนนี้ได้แต่กัดฟันกรอด กำหมัดเข้าหากันจนแน่นก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองสบตาเดียร์
“มาทีหลัง ยังกล้าพูดแบบนี้อีกงั้นเหรอ”
“ฉันไม่สนหรอกนะว่ามาก่อนหรือมาหลัง รู้แค่ตอนนี้พ่อเขาเลือกฉันกับแม่แล้ว ส่วนแกก็แค่คนอื่น”
“ฉันกับแม่ก็ไม่เคยเรียกร้องเหมือนกัน มีแต่ทางเธอนั่นแหละที่พยายามแสดงตัวอยู่ตลอดเวลา แต่เหนื่อยหน่อยนะกว่าจะได้ไปก็ต้องคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ กันอยู่ตั้งหลายปี หลังจากนี้ก็ไม่ต้องแล้วแหละ ดีใจด้วยนะ” พูดพลางคลี่ยิ้มกว้างให้เดียร์ไปด้วย เธอเลยแสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจออกมาทันที
“ทับทิม!” ตอนนี้สะใจมากกว่าเสียใจซะอีก แถมเดียร์ยังง้างมือจะตบฉันอีกรอบด้วยนะ แต่คราวนี้คงไม่ยอมให้ตบง่าย ๆ แล้วแหละ
“คิดให้ดี ๆ นะ ระวังภาพลักษณ์ที่เคยสร้างเอาไว้จะหายไปซะหมด รอบ ๆ ตัวเธอไม่ได้มีแค่เราสองคนหรอกนะ” เหมือนจะได้สติ เพราะครั้งแรกที่เดินเข้ามาตบ ไม่มีคนเดินผ่านไปมา
“ฝากไว้ก่อนเถอะ มันไม่จบแค่นี้แน่นอน”
“คิดจะแย่งใครไปจากฉัน เธอก็ควรคิดให้ดี ๆ หน่อยนะ ไม่ใช่ทุกคนที่เขาจะเอนเอียงไปทางเธอซะหมด เพราะอย่างน้อย ๆ กั้งกับพี่เจิ้นก็ยังยืนอยู่ข้างฉันเหมือนเดิม”
“แก!”
“ไปที่ชอบของเธอสักทีเถอะ ตามระรานอยู่ได้ มันน่ารำคาญ!” ประโยคนี้ฉันพูดดังพอสมควร เพราะมีคนเดินผ่านไปมาพอดี แถมยังพากันหันมามองอีก ฉันเลยได้จังหวะเดินเลี่ยงกลับเข้าไปในโรงพยาบาล พลางผ่อนลมหายใจหนัก ๆ ออกมา รู้สึกโล่งมาก
ใครบอกว่าฉันไม่รู้สึกล่ะ จริง ๆ แล้วอยากร้องไห้มาก ๆ เลยแหละ แต่ต้องทำเป็นเข้มแข็งเอาไว้ เพราะฉันจะไม่ยอมให้เดียร์มามีอิทธิพลต่อความรู้สึกอีกแล้ว
แปะ แปะ
เสียงปรบมือที่ดังขึ้นมา ทำให้ฉันต้องชะงักฝีเท้าพลางหันหน้าไปมองทางต้นเสียงด้วย จนเห็นเพื่อนของพี่เจิ้นยืนอยู่ พี่เป้ พี่ท็อปแล้วก็พี่หลิน
"สวัสดีค่ะ" ยกมือไหว้พี่ ๆ พร้อมกับรอยยิ้ม
"เก่งมากเลยนะ" พี่เป้พูดชม
"เห็นเหรอคะ" อึ้งเล็กน้อยเพราะตอนแรกคิดว่าจะไม่มีใครเห็นซะแล้ว
"ครับ รอดูอยู่ แต่คิดว่าเราคงเอาอยู่แหละเลยไม่ได้เข้าไปยุ่ง" เขินเลย ได้แต่ยิ้มแหย ๆ ออกมาแทน
"เจ็บหรือเปล่า พี่เห็นทับทิมถูกตบด้วย" พี่หลินถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ฉันเลยยิ้มออกมาพลางส่ายหน้าแทนคำตอบไปด้วย "ทับทิมรีบขึ้นไปหาเจิ้นเถอะ ป่านนี้คงเป็นห่วงแย่แล้ว"
"แล้วพวกพี่ล่ะคะ"
"พวกพี่เยี่ยมแล้วครับ กำลังจะกลับ" พี่ท็อปเป็นคนตอบคำถามแทน
"อ๋อ งั้นทิมขึ้นไปหาพี่เจิ้นก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ยกมือไหว้พี่ ๆ ก่อนจะเดินแยกออกมา แต่ก็ยังได้ยินเสียงคนด้านหลังคุยกันดังแว่ว ๆ มาถึงหูอยู่ดี
"โอเคแน่เหรอ"
"อืม สายตาของเจิ้นวันนั้นมันตอบทุกคำถามหมดแล้วแหละ หลินควรยินดีกับเพื่อนมากกว่า" ฉันแอบอมยิ้มไปกับคำตอบของพี่หลิน และแอบดีใจด้วย เพราะอย่างน้อย ๆ ก็ไม่ใช่คนที่ทำลายมิตรภาพระหว่างพวกเขา
เดินกลับมาถึงหน้าห้อง สูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพราะในห้องมีคนโหดรออยู่ แต่ยังไม่อยากให้เขาเห็นรอยที่ถูกเดียร์ตบเลยเดินเลี่ยงเข้าห้องน้ำก่อน ปิดประตูเสร็จก็เดินไปมองสำรวจตัวเองหน้ากระจก มีรอยแดงจาง ๆ แต่ถ้าสังเกตก็ต้องรู้อยู่ดี เลยหยิบแป้งพัฟขึ้นมาปกปิดรอยบนใบหน้า ทั้งเจ็บและแสบมาก พอจัดการรอยเรียบร้อยก็มองสำรวจใบหน้าของตัวเองอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไปหาพี่เจิ้น เขากำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่
"ทำอะไรอยู่คะ ทำไมยังไม่นอนอีก"
"ดูอะไรอยู่นิดหน่อยครับ" สายตาของเขาเอาแต่จดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ แทบไม่ได้หันมามองหน้าฉันเลย
"อะไรเหรอคะ หนูขอดูด้วยสิ"
"นี่ครับ"
อ่า... ซวยแล้วไง พอพี่เจิ้นหันหน้าจอมาเท่านั้นแหละ ฉันถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเลยทีเดียว
"เอ่อ..."
"ถ้าเพื่อนพี่ไม่ลงไปเห็นแล้วถ่ายคลิปเอาไว้ เราก็คงไม่คิดที่จะบอกสินะ ขนาดมาถึงยังเข้าห้องน้ำก่อนเลย" น้ำเสียงของพี่เจิ้นจริงจังและน่ากลัวมาก ฉันได้แต่ยิ้มแหย ๆ ออกมาแทน แต่พอเขาทำตาดุใส่ก็หุบยิ้มซะดื้อ ๆ
"ก็..."
"พี่คงต้องทำอะไรบ้างแล้วแหละ"
"ทำอะไรคะ"
"ฟ้องแม่ครับ" สีหน้าพี่เจิ้นจริงจังมาก ฉันไม่รู้ว่าเขาจะฟ้องแม่คนไหน แต่ก็ไม่อยากให้เขาฟ้องอยู่ดี มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างฉันก็มั่นใจด้วยว่าตัวเองสามารถจัดการได้
"พี่เจิ้น อย่าฟ้องนะคะ เอาโทรศัพท์มาให้หนูสิ" พยายามยื่นมือไปแย่งโทรศัพท์ แต่เขากลับไม่ยอม นี่ขนาดเจ็บตัวอยู่นะ ยังหลบหลีกได้เก่งอีก สงสัยใช้วิธีนี้ไม่ได้ผลแล้วแหละ
หมับ!
ไม่แย่งโทรศัพท์แล้วค่ะ ยื่นฝ่ามือทั้งสองข้างไปล็อกใบหน้าของเขาเอาไว้แทน จนพี่เจิ้นหยุดชะงักไปพร้อมกับสายตาที่เงยมามองสบกัน
"จะทำอะไรครับ"
"หึ!" ปกติเขาชอบทำเสียงแบบนี้ใส่ฉัน พอลองทำดูบ้างแล้วรู้สึกสะใจแปลก ๆ เหมือนตัวเองกำลังเป็นผู้ชนะ เลยค่อย ๆ ก้มหน้าเข้าไปหาพี่เจิ้นจนปลายจมูกแตะกัน มือค่อย ๆ เลื่อนไปหาเป้าหมาย แต่...
จุ๊บ
"อื้อ..."
ตึกตัก ตึกตัก
หัวใจเต้นแรง เปลือกตากะพริบเข้าหากันถี่มาก ฉันควรเป็นฝ่ายฉวยโอกาสใส่เขาก่อนสิ แต่ทำไมเหมือนกำลังเสียเปรียบเพราะเมื่อกี้พี่เจิ้นยื่นริมฝีปากของเขามาจุ๊บปากฉันแผ่วเบา แถมยังเร็วจนตั้งตัวไม่ทันอีกต่างหาก
"ขะ ขี้โกง" เขินจนไม่กล้าแกล้งเขาต่อเลย ต้องรีบผละตัวออกมาแทน ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปนั่งที่โซฟา
"ไม่อยากได้โทรศัพท์พี่แล้วเหรอครับ" เหมือนพี่เจิ้นกำลังสะใจอยู่เลย แต่ฉันนี่สิ หัวใจล่องลอยไปไหนแล้วก็ไม่รู้ อยากฟ้องใครก็เชิญตามสบายเลย…
ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว พี่เจิ้นหลับอยู่ แต่ฉันยังคงนอนลืมตาอยู่บนโซฟา คอยหันไปมองเขาบ้างเป็นบางครั้งก่อนจะพลิกตะแคงข้างหันไปทางเขาแบบจริงจัง
“พี่จะยังอยู่ข้าง ๆ หนูตลอดไปใช่ไหมคะ” พูดพลางเผยรอยยิ้มบางออกมาด้วย มันอธิบายความรู้สึกไม่ค่อยถูก แค่กลัวถูกแย่งเขาไป
"ถ้าพี่ไม่คิดจะอยู่ข้าง ๆ ตั้งแต่แรก หนูคงไม่ได้มานอนตั้งคำถามอยู่แบบนี้หรอกครับ"
"ยะ ยังไม่หลับเหรอคะ หรือหนูทำให้ตื่น" ตกใจจนประหม่าไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าพี่เจิ้นจะได้ยิน ตอนแรกคิดว่าเขาหลับไปแล้วด้วยซ้ำ
"ลุกมาหาพี่หน่อย" ฉันไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากขยับตัวลงจากโซฟาเพื่อเดินเข้าไปหาเขา "ขึ้นมานอนบนเตียงด้วย"
"แต่ว่า..."
"ข้างขวาไม่เจ็บครับ" พี่เจิ้นพูดพลางขยับตัวออกห่างจากขอบเตียงทางขวาเล็กน้อย ฉันยืนชั่งใจอยู่หลายวินาทีเลยแหละ ก่อนจะตัดสินใจขึ้นไปนอนเบียดเขาบนเตียง
"ใกล้ไปหรือเปล่าคะ"
"ไม่น่าเป็นคำถามนะครับ ทั้ง ๆ ที่ยอมขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกับพี่แล้วแท้ ๆ" คำพูดติดตลกของพี่เจิ้นเอ่ยออกมา ฉันก็อยากเห็นแก่ตัวเก็บเกี่ยวความสุขให้กับตัวเองด้วยเหมือนกันแหละ
"หนูลงไปนอนที่เดิมดีกว่า ถ้าเกิดพี่พยาบาลเข้ามาเห็นจะโดนดุเอาได้นะคะ อีกอย่างพี่คงนอนไม่ถนัดหรอก"
"ใครบอกล่ะ พี่นอนโคตรถนัดเลยแหละ" พี่เจิ้นพลิกตัวนอนตะแคงข้างหันมาทางฉัน มือข้างหนึ่งสอดเข้ามาใต้ท้ายทอยเพื่อให้ฉันหนุนนอนด้วย เป็นการนอนที่เบียดเสียดกันมาก "พี่หวงขนาดนี้ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ"
"หนูก็หวง... หวงมากด้วย" ยื่นมือข้างหนึ่งไปทาบอกพี่เจิ้นเอาไว้ด้วย เพื่อเป็นการยืนยันคำพูดเมื่อกี้ไปในตัว "อย่าลืมปลุกหนูนะคะ เดี๋ยวโดนดุ"
"ครับ" อ้อมกอดคืนนี้ของพี่เจิ้น ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นมากเลยทีเดียว
ตอนนี้ฉันไม่ได้กลัวพี่เจิ้นเปลี่ยนไปหรอก แต่กลับกลัวคนอื่นเข้ามาทำให้ความรู้สึกของพวกเราต้องเปลี่ยนไปมากกว่า เพราะฉะนั้นฉันต้องเข้มแข็งแล้วก็เชื่อใจกันและกันให้มากเข้าไว้ ต่อให้ความสัมพันธ์นี้จะยังไม่มีสถานะตายตัว แต่การแสดงออกของพวกเรากลับชัดเจนขึ้นทุกวัน... แค่นี้ก็ดีมากแล้วแหละ
บางทีสถานะก็ไม่สามารถยืนยันความสัมพันธ์นั้นได้ตลอดไปหรอก วันไหนที่มันจบลง อาจจะไม่หลงเหลือความรู้สึกดี ๆ เอาไว้เลยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ในรูปแบบไหนก็ตาม
เกือบตีห้า พี่เจิ้นตื่นก่อน เขาปลุกให้ลุกไปนอนต่อที่โซฟา ฉันเลยงัวเงียลงจากเตียงก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนอนต่อ ส่วนพี่เจิ้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาจะหลับต่ออีกไหม กำลังนอนฝันหวานอยู่เลย เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาซะงั้น
Rrrr
"ฮัลโหล"
(ยังไม่ตื่นอีกเหรอ สายแล้วนะ)
"แม่เหรอคะ หนูตื่นแล้ว"
(ตื่นอะไรของหนูเนี่ย น้ำเสียงยังงัวเงียอยู่เลย แล้วนี่อยู่ไหนเหรอ)
"หนูอยู่..."
นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนนอนเฝ้าพี่เจิ้นนี่ ถ้าแม่บอกว่าสายแล้ว งั้นตอนนี้กี่โมงแล้วนะ... เปลือกตาเปิดกว้างทันที พลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง รีบเด้งตัวลุกขึ้นแทบไม่ทันเพราะป้าแจนนั่งอยู่ข้างพี่เจิ้น
"เอ่อ..."
"คุยกับแม่ก่อนก็ได้" ป้าแจนพูดออกมายิ้ม ๆ รู้สึกเขินจนต้องรีบลุกเดินเข้าห้องน้ำแทน
(แม่ได้ยินเสียงป้าแจนนี่ หนูอยู่ที่บ้านป้าแจนเหรอลูก)
"เปล่าค่ะ พอดีพี่เจิ้นเข้าโรงพยาบาลน่ะค่ะ เมื่อคืนหนูนอนเฝ้าเขา แต่เผลอตื่นสายไปหน่อย ป้าแจนเข้ามาตอนไหนหนูยังไม่รู้เลยค่ะ"
(ลูกสาวใครเนี่ย)
"ลูกสาวแม่ส้มแหละ"
(จ้า ๆ แล้วพี่เจิ้นเป็นยังไงบ้าง)
"ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ แม่คะ"
(หือ? ว่ายังไงเหรอ)
ฉันไม่รู้ว่าจะบอกแม่ดีไหม? หรือปล่อยให้มันผ่านไปแบบนี้แทน
"แม่สบายดีนะคะ"
ฉันเลือกจะเปลี่ยนเรื่องมากกว่า เพราะไม่อยากให้ท่านกลับมารู้สึกไม่ค่อยสบายใจอีก
(สบายดีจ้า เดือนหน้าแม่ว่าจะไปหาหนูที่กรุงเทพฯ อยู่นะ)
"จริงเหรอคะ หนูจะรอนะคะ"
(จ้า งั้นแม่ไม่กวนแล้วดีกว่า ไว้แม่โทรหาหนูใหม่นะ)
"ค่ะ สวัสดีค่ะ"
วางสายจากแม่ ยืนอมยิ้มอยู่คนเดียว เก็บโทรศัพท์แล้วก็ทำธุระส่วนตัวจนเสร็จก่อนจะเดินออกมา ฉันเพิ่งรู้ว่าตัวเองตื่นสายไปเยอะเลย แถมยังไม่มีใครปลุกอีกต่างหาก
"สวัสดีค่ะป้าแจน"
"ไม่ทันแล้วมั้งครับ" คนป่วยแซวยิ้ม ๆ น่าหมั่นไส้จริง ๆ
"ไม่ยอมปลุกหนู" หันไปทำหน้าดุใส่เขาด้วย แต่พี่เจิ้นกลับอมยิ้มออกมาแทน "ป้าแจนมาแล้ว งั้นหนูขอกลับก่อนนะคะ พรุ่งนี้มหาวิทยาลัยเปิดแล้ว หนูจะกลับไปเตรียมของด้วยน่ะค่ะ"
"เดี๋ยวป้าโทรตามให้พี่เจไปส่งดีกว่า"
"ไม่เป็นอะไรค่ะ หนูขอกลับเองนะคะ"
"แต่ป้าว่า..." ป้าแจนยังพูดไม่ทันจบ ท่านหันไปมองทางพี่เจิ้นด้วย ทำหน้าตึงอยู่เชียว "ป้านึกขึ้นได้ว่าจะออกไปถามเรื่องอาการพี่เจิ้นสักหน่อย ถ้ายังไงหนูอยู่คุยเป็นเพื่อนพี่เขาก่อนนะ"
"ปะ..." ป้าแจนลุกออกไปแล้ว ฉันเลยต้องเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงพี่เจิ้นแทน "หนูจะกลับแล้ว"
"ไม่ให้กลับได้ไหมล่ะ" ส่ายหัวรัว ๆ เลยทีเดียว "งั้นให้เจไปส่ง"
"หนูขอกลับเองนะคะ ยังเช้าอยู่เลย"
"แต่พี่เป็นห่วง"
"คนตั้งเยอะ พี่ไม่ต้องห่วงหนูหรอก หนูเก่งอยู่แล้ว" ฉีกยิ้มหวานพลางยักคิ้วให้เขาด้วยนะ "ให้หนูกลับเองนะคะ คราวหลังจะได้แอบมาเซอร์ไพรส์พี่ถูก"
"พี่ไม่มีอะไรให้ต้องเซอร์ไพรส์หรอกนะ"
"เผื่อพี่แอบซ่อนสาว" พี่เจิ้นมองฉันตาขวางเชียว แถมยังยื่นมือมาหยิกแก้มฉันอีกต่างหาก "อ่า... หนูเจ็บ"
"เมื่อก่อนพี่ไม่เถียงหรอก แต่เดี๋ยวนี้มีอยู่คนเดียวนี่แหละ"
"ค่ะ" เขินเลย "งั้นหนูกลับแล้วนะคะ ถึงหอแล้วจะโทรหาค่ะ"
"ดูแลตัวเองด้วยนะ หายดีแล้วพี่จะไปหา"
"ค่ะ" ยิ้มให้พี่เจิ้นก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายออกจากห้อง ป้าแจนเดินกลับมาพอดี
"จะกลับแล้วเหรอ เดี๋ยวป้าออกไปส่งที่ป้ายรถเมล์ละกัน"
"หนูไปเองก็ได้นะคะ"
"ป้าไปส่งแหละดีแล้ว" ปฏิเสธไม่ได้เลยต้องยอมให้ป้าแจนเดินออกมาส่ง ท่านจับมือฉันเดินออกจากโรงพยาบาลจนถึงป้ายรถเมล์เลยทีเดียว
"ขอบคุณนะคะ"
"ทับทิม"
"คะ?" มองหน้าป้าแจนยิ้ม ๆ จนท่านยื่นมือมากุมมืออีกข้างของฉันเอาไว้
"ป้าขอบคุณนะที่หนูยังยืนอยู่ตรงนี้ ตั้งแต่ที่เจิ้นมีจุดหมายของตัวเองก็ดูเปลี่ยนไปเยอะมาก ป้าไม่รู้ว่าตอนนี้หนูมั่นใจในตัวของพี่เขามากแค่ไหนแล้ว ป้าหวังว่าคนที่อยู่ข้าง ๆ เจิ้นจะยังเป็นหนูอยู่เสมอนะ"
"ขอบคุณที่เอ็นดูหนูนะคะ"
"ใครก็ทำให้เราเปลี่ยนไปไม่ได้หรอกนะ ถ้าใจของเราไม่คิดที่จะเปลี่ยนไปเอง... หนูจะกลับรถเมล์ใช่ไหม สายนี้ไปถึงหน้าซอยหอหนูนะ"
"ค่ะ ขอบคุณนะคะ" ยกมือไหว้ป้าแจนก่อนจะไปยืนรอขึ้นรถเมล์ ท่านยืนส่งฉันจนลับสายตาเลยทีเดียว สาย ๆ รถเมล์คนไม่ค่อยเยอะ เลยมีที่ว่างให้นั่งอยู่
ถ้าแม่อยู่ที่นี่ด้วยก็คงจะดีสินะ... ฉันคงมีความสุขมากกว่านี้แน่นอน
ความคิดเห็น