คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 13 เปิดเผย (100%)
13
เปิดเผย
เป็นเช้าของวันใหม่ที่ตื่นขึ้นมาในห้องนอนของคนอื่น ไม่สิ... ทับทิมไม่ใช่คนอื่น แค่จะบอกว่าไม่ใช่ห้องนอนของตัวเอง แถมเจ้าของห้องยังนอนหลับปุ๋ยไม่ระวังตัวเองเอาซะเลย ผมนั่งมองทับทิมพลางคลี่ยิ้มบางออกมาก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวและเปลี่ยนใส่ชุดเดิม ส่วนชุดที่ใส่นอนก็วางเอาไว้ในตะกร้าผ้าด้านนอกแทน เสร็จเรียบร้อยเดินออกมา ทับทิมตื่นแล้ว นั่งขยี้เปลือกตาทั้งสองข้างมองมาทางผม
“ตื่นแล้วเหรอคะ”
“ถ้าง่วงจะนอนต่อก็ได้นะครับ”
“ไม่นอนแล้วค่ะ” ทับทิมตอบพลางขยับตัวลุกขึ้นเดินมาทางผม “กินข้าวเช้ากับหนูก่อนกลับได้ไหมคะ”
“ครับ” ไม่ใช่การบังคับ แต่เป็นการอ้อนมากกว่าครับ ผมเองก็ตอบกลับไปแบบไม่คิดเหมือนกัน
ทับทิมเดินเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัว ผมเลยนั่งมองสำรวจไปรอบ ๆ ห้องอีกรอบจนน้องเดินกลับออกมาพร้อมกับชุดใหม่ แต่ทำไมถึงขัดใจผมนักก็ไม่รู้ครับ
“พี่รออยู่บนห้องก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูลงไปซื้อของกินเอง”
“ยังเช้าอยู่เลย อากาศก็หนาว ทำไมไม่ใส่กางเกงขายาว”
“คะ?” คนตรงหน้าถึงกับงงพลางก้มมองสำรวจตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบ “เลยเข่านิดเดียวเอง สั้นตรงไหนคะ ปกติหนูก็ใส่แบบนี้อยู่ห้อง”
“สั้นก็คือสั้นไง”
“ถ้าหวงก็ลงไปด้วยกันเลยสิคะ” อมยิ้มออกมาด้วยครับ น่าหมั่นไส้
“ตอนนี้อยู่ด้วยก็อย่าหวังว่าจะปล่อยให้ออกไปไหนคนเดียวเลย ไม่มีทาง!”
“ค่ะ งั้นก็ลุกได้แล้ว หนูหิว” ผมลุกเดินเข้าไปจับมือทับทิมก่อนจะพาออกจากห้องกัน
เช้า ๆ ยังไม่ค่อยมีคนเดินออกมาสักเท่าไหร่ พอลงมาถึงใต้หอก็เดินไปหาอะไรกิน ได้กลิ่นหมูปิ้งลอยมาแต่ไกลเลยครับ กลิ่นโจ๊กหอม ๆ ก็มี
“อยากกินอะไรครับ”
“โจ๊กกับหมูปิ้งค่ะ หนูชอบซื้อไปกิน” อารมณ์ดีเชียว แต่ตาบวมมาก สงสัยคงเพราะร้องไห้เมื่อคืนนั่นแหละ “ซื้อโจ๊กก่อนนะคะ”
ผมยิ้มก่อนจะพยักหน้าให้ด้วย ทับทิมเลยเดินเข้าไปต่อแถวเพื่อรอคิวซื้อโจ๊ก ลากผมไปด้วยครับ
“ไม่ต้องซื้อเผื่อพี่นะ”
“พี่ไม่เข้าใจคำว่ากินข้าวเช้ากับหนูก่อนกลับเหรอคะ”
“แต่นี่โจ๊ก”
“ก็ข้าวเหมือนกัน ไม่รู้แหละ เดี๋ยวหนูสั่งให้ พี่ต้องกินด้วย” พูดเสียงแข็งใส่ผม พอถึงคิวก็รีบขยับเข้าไปสั่งทันที “โจ๊กสองถุงค่ะ ไม่ใส่ขิงหนึ่งถุง อีกถุงใส่ค่ะ”
“ใส่ไปทั้งสองเลยครับป้า”
“แต่หนู...” เงยหน้าขึ้นมาจะเถียง ผมเลยทำตาดุ ๆ ใส่จนต้องเงียบไปแทน
“ท่าทางแม่หนูจะไม่ชอบกินขิงสินะ” ป้าแซวยิ้ม ๆ แต่คนข้าง ๆ กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา ผมก็เห็นแหละว่าป้าแอบใส่ให้นิดเดียว เพราะท่านเงยหน้าขึ้นมามองแล้วยิ้มให้ผมไปด้วย ค่าโจ๊กผมจ่าย พอซื้อเสร็จก็ไปที่ร้านหมูปิ้งต่อ
“จะเอากี่ไม้ครับ”
“หนูงอนเรื่องขิงอยู่นะคะ” ยังจะบอกอีกครับ
“แล้วจะไม่กินหมูปิ้ง?”
“กินค่ะ” ตอบเสียงหนักแน่นเชียวครับ “ลุงคะ เอาหมูสิบไม้ ข้าวเหนียวสองห่อค่ะ”
“ได้เลยหนู” สั่งเหมือนโกรธผมอะ ไม่ได้โกรธคนขาย “ทั้งหมด 60 บาทจ้า” หน้าที่จ่ายก็ผมอีกนั่นแหละเพราะเงยหน้าขึ้นมามอง
“อยากกินอะไรอีกไหม”
“เดี๋ยว...”
“ซื้อให้ได้นะ แต่ถ้ากินไม่หมด เราจะต้องถูกลงโทษ!” ขู่ออกไปทันที ทับทิมหุบปากแทบไม่ทันเลยครับ
“ชิ! ไม่ซื้อแล้วก็ได้ค่ะ งั้นกลับห้องกันดีกว่า” นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็อยากแกล้งผมนี่เอง
ตอนนี้หน้าบูดไปเรียบร้อย ก่อนจะพากันเดินกลับขึ้นห้อง พอเข้ามาในห้องทับทิมก็เดินไปหยิบโต๊ะญี่ปุ่นมาวางตรงหน้าผม แล้วเดินกลับไปหยิบชามกับช้อนมาวางตรงหน้าพร้อมกับเทโจ๊กใส่ ยื่นชามที่มีขิงเยอะ ๆ มาให้ผมทันที
“ห้ามตักขิงออกนะครับ” เห็นแหละว่าจะทำอะไร ผมเลยต้องพูดดักขึ้นมาก่อน ทับทิมนั่งขมุบขมิบปากใส่ผมทันที
“ชอบบังคับหนู” พูดออกมาเสียงเบา
“อีกถุงป้าใส่มาให้นิดเดียว ถ้าหนูกินไม่หมดจะเจอบทลงโทษ” นาน ๆ จะเรียกแทนทับทิมว่าหนู พอพูดออกไปเจ้าตัวถึงกับชะงักเลยทีเดียว ผมเองก็ด้วย จะบอกว่าเขินก็ได้นะ แต่ฟังแล้วรื่นหูดีมากเลย
"ชิ!" ยังมีหน้ามาเบะปากใส่ผมอีก แต่ก็ยอมนั่งกินอย่างว่าง่าย แม้จะตีสีหน้าเวลาตักขิงเข้าปากก็ตาม
"กินให้ดี ๆ"
"ก็ขิงเผ็ด"
"เผ็ดแต่มีประโยชน์" เถียงผมไม่ออกเลยครับ ยอมนั่งกินจนเกือบหมด ผมเองก็ไม่อยากบังคับต่อเลยยื่นถุงหมูปิ้งไปให้ "กินล้างปาก"
"ขอบคุณค่ะ" อารมณ์ดีขึ้นมาเชียว ยังกินไหวครับ แต่ก็ยื่นมาจ่อที่ปากผมบ้างเป็นบางครั้ง ผมก็ต้องกินนั่นแหละ เดี๋ยวทำหน้างอนใส่อีก
"สักพักพี่จะกลับแล้วนะ"
"ค่ะ" น้ำเสียงหงอย ๆ นิดหน่อย
"หรือจะไปด้วย ยังไม่เปิดเทอมไม่ใช่เหรอ"
"ไปไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวหนูต้องไปเข้าค่ายก่อนเปิดเทอมอีก คงไม่ได้พกโทรศัพท์ไปนะคะ"
"ไปกี่วันครับ"
"สามวันสองคืนค่ะ" ผมพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะนั่งกินโจ๊กต่อจนหมด ส่วนทับทิมกินหมูปิ้งเกือบหมด ท่าทางจะอร่อย แต่ก็ไม่ได้กินคนเดียวหรอก เพราะแอบป้อนผมเป็นครั้งคราวด้วย
"พี่กลับก่อนนะ"
"ค่ะ" ยื่นมือไปขยี้หัวทับทิมพลางคลี่ยิ้มออกมาด้วย ก่อนจะเดินออกจากห้อง แต่กลับต้องชะงักเพราะเสียงเรียกจากด้านหลัง "พี่เจิ้นคะ"
"ครับ"
"ขอบคุณนะคะ" ผมยิ้มอีกครั้งพร้อมกับพยักหน้าให้ก่อนจะเดินกลับลงมา
ครั้งแรกที่รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขแบบนี้... ครั้งแรกที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะโคตรเป็นเจิ้นคนดี รีบกลับบ้านดีกว่าครับ
๐๐๐๐๐
กลับมาถึงบ้าน เจอทั้งสายตาของแม่และไอ้เจ แต่ที่น่ากลัวเป็นพิเศษคงจะแม่แหละครับ ส่วนสายตาไอ้เจยังปกติอยู่
"มานี่ก่อนสิ แม่มีเรื่องจะคุยด้วย" ผมยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปหาแม่ แต่ทำไมกลายเป็นแม่ยื่นปลายนิ้วมาบิดหูผมได้ซะเนี่ย
"โอ๊ยแม่ เจ็บ ผมเจ็บ"
"เรานี่จริง ๆ เลยนะ ทำไมถึงทำแบบนี้" ทั้งบ่น ทั้งบิดหู กว่าจะยอมปล่อย เล่นเอาเจ็บไปหมดเลยทีเดียว
"แต่ผมมีเหตุผลนะครับ"
"เหตุผลอะไร" เสียงแม่ดุกว่าเดิมอีก ส่วนไอ้เจแค่นั่งขำอยู่ข้าง ๆ เท่านั้น
"เมื่อวานเจอพ่อของทับทิมที่ห้างด้วยครับ ผมรู้ว่าน้องไม่โอเคเลยไม่อยากปล่อยให้อยู่คนเดียว พอได้ระบายความในใจออกมาก็ดีขึ้น... ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะแม่ นอนพื้น ไม่ได้นอนด้วยกันสักหน่อย" ประโยคท้าย ๆ ผมยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม่เองก็เงียบไป ท่านคงรู้ปัญหาของครอบครัวทับทิมจากน้าส้มมาบ้างแล้วนั่นแหละ
"แล้วน้องเป็นยังไงบ้าง" หลังจากเงียบไปนาน แม่ก็ถามขึ้นมา
"ดีขึ้นแล้วครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแอบร้องไห้อีกไหม"
"อืม" แม่พยักหน้าเหมือนเข้าใจก่อนจะลุกออกไป ไอ้เจเลยขยับเข้ามานั่งข้าง ๆ แทน แถมยังไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีกนอกจากนั่งมองหน้าผม
"จะคุยไหม ถ้าไม่คุยกูจะได้ขึ้นไปอาบน้ำ"
"ใจเย็น ๆ แค่กำลังนั่งพิจารณา" ยังมีหน้ามาขำใส่ผมอีก "มีอะไรจะบอกกูไหม?" เกลียดคนรู้ทัน
"มี" ผมว่าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วเปิดเข้าไลน์ของตัวเองเพื่อให้ไอ้เจดูรูปที่ส่งมาจากเครื่องของทับทิม "น่าจะเป็นยัยเด็กคนนั้นนั่นแหละ กัดทับทิมไม่ปล่อยเลย"
"น้องบอกอะไรมึงบ้าง"
"เรื่องพ่อ คงจะไม่ไหวจริง ๆ นั่นแหละถึงยอมเล่าออกมาน่ะ และคงอีกนานกว่าทับทิมจะยอมยกโทษให้หรือไม่อาจจะมองหน้าไม่ติดเลยก็ได้"
"อืม" ไอ้เจพยักหน้าเข้าใจก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนมาให้ "แล้วมึงจะเอายังไง"
"กูก็คงต้องจัดการอะไรบ้างแล้วแหละ"
"งั้นมึงก็ขึ้นไปอาบน้ำได้แล้ว วันนี้ไปช่วยงานที่ร้านด้วย หนีเก่ง"
"เออ!"
"กูเอารถไปก่อนนะ มึงไปเองละกัน" ผมพยักหน้าให้มันก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องเพื่ออาบน้ำ ความรู้สึกเหมือนวันนี้ต้องมีเรื่องยุ่ง ๆ เข้ามาอีกแน่นอน ต้องรอลุ้นอีกทีว่าเรื่องยุ่งนั้นจะชวนปวดหัวหรือรู้สึกสนุก
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ กลายเป็นนอนพักต่ออีกสองชั่วโมงเฉยเลย อยากนอนต่อให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่ไอ้เจโทรตามครับ นี่ขนาดปิดเครื่องหนี มันยังอุตส่าห์โทรหาแม่ให้ท่านขึ้นมาปลุกผมอีกจนได้
“วันนี้จะไปหาน้องอีกไหม” แม่เดินออกมาส่งหน้าบ้าน เพราะผมต้องนั่งวินไปที่ร้านเอง
“คงไม่ไปแล้วครับ เจอหน้าทุกวันเดี๋ยวเบื่อกันพอดี”
“แน่ใจ?”
“เดี๋ยวนี้แซวผมบ่อยไปนะครับ” แม่ไม่ได้พูดอะไรนอกจากอมยิ้มให้ผมเท่านั้น “งั้นผมไปก่อนนะครับ” พูดจบก็เดินออกจากบ้านไปหน้าปากซอยเพื่อเรียกวินให้ไปส่งที่ร้าน
พอมาถึงร้านก็เดินอ้อมไปทางด้านหลัง ไอ้เจกำลังยืนชงน้ำให้ลูกค้าอยู่ เจ้าของร้านหล่อ ลูกค้าก็เยอะเป็นเรื่องธรรมดา และแน่นอนว่าสาวสวยคนหนึ่งที่มานั่งที่ร้านบ่อย ๆ มักคอยมองไอ้เจตลอดเลย ผมก็ไม่ได้เจอบ่อยหรอกนะ ต้องมีความนัยอะไรแอบแฝงอยู่แน่ ๆ
“สาวคนนั้น มึงรู้จักเหรอ” ไอ้เจถึงกับหันขวับมามองหน้าผมทันที สีหน้าเหมือนคนมีพิรุธ “กูพูดถูกสินะ”
“ไม่เสือกดิเจิ้น มาแล้วก็ช่วยงานหน่อย”
“สัส!” ทีเรื่องผมละยุ่งเก่ง พอเรื่องของตัวเองผมยุ่งเข้าหน่อยทำเป็นเฉไฉไปได้ “ตกลงจะไม่บอกกูจริง ๆ เหรอ”
“ลูกค้าไง”
“กูไม่เชื่อหรอก มันต้องมีอะไรมากกว่าลูกค้าแน่นอน” ไอ้เจไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกนอกจากทำหน้ายักษ์ใส่ ทำเหมือนผมเป็นอากาศธาตุในที่สุด อยากแกล้งมันต่อครับ แต่พอเห็นสีหน้าจริงจังก็แกล้งต่อไม่ลง เดี๋ยวมันด่าอีก
“เจ” นั่นไง คล้อยหลังผมแป๊บเดียว ลูกค้าคนสวยก็ลุกเข้ามาเรียกชื่อไอ้เจ เสียงหวานเชียว “ตกลงจะไม่คุยกันจริง ๆ ใช่ไหม”
“มีอะไร” ผมแค่ยืนฟังเงียบ ๆ ไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวถูกไอ้เจสวนเข้าให้อีก ไว้ค่อยแซวมันทีหลังดีกว่าครับ
“ขอคุยด้วยหน่อยสิ แป๊บเดียวก็ได้”
“อืม” เหมือนไอ้เจจะยอม ผมเลยเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่มันกลับทำหน้านิ่งใส่ก่อนจะเดินออกไป ก่อนจะปรายตาไปมองผู้หญิงตรงหน้าแทน พออยู่ใกล้ ๆ รู้สึกเหมือนจะคุ้นหน้า แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหน จนเธอเดินตามไอ้เจออกไป
ตุบ!
จะบอกว่าตกใจก็ไม่เชิง งั้นแปลกใจแทน พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นไอ้เป้กับไอ้ท็อปยืนอยู่ ผมเลยยกแก้วที่มีน้ำอยู่ขึ้นมา ทำเหมือนจะสาดใส่พวกมันไปด้วย
“เฮ้ย ๆ ใจเย็นเพื่อน” ไอ้เป้รีบยื่นมือมาแย่งแก้วไปทันที
“มาทำไม”
“ไม่น่าเป็นคำถามนะ” ไอ้ท็อปพูดขึ้น
“เออ! ถามมาได้ พวกกูเห็นว่ามึงหายหน้าหายตาไปนานเลยสงสัยกันว่าตายหรือยังน่ะ” ไอ้เป้พูดออกมาต่อ แต่คำพูดของมันน่าจะสาดน้ำร้อนใส่มากกว่า
“มันไม่ได้หายไปไหนหรอก แต่มันติดน้องทับทิมอยู่”
“เออ ฮ่า ๆ” สนุกกันใหญ่เลยครับ
“ขำกันพอหรือยัง ถ้าพอแล้วก็เชิญ ลูกค้ากูไม่กล้าเข้าร้านกันพอดี” พูดไล่พวกมันทันที แต่มีเหรอที่สองคนนี้จะยอมไปง่าย ๆ
“ใจเย็นเพื่อน พวกกูสองคนก็ลูกค้ามึงเหมือนกันนะ” ไอ้ท็อปคลี่ยิ้มออกมาด้วยก่อนจะหยิบใบเมนูตรงหน้าขึ้นไปดู “เอามอคค่าเย็นหนึ่งแก้วครับ”
“กูด้วย เดี๋ยวไปนั่งรอนะ บริการด้วยครับ” กวนตีนไม่มีใครเกินพวกมันเลยจริง ๆ ครับ
ชงน้ำมอคค่าเสร็จเรียบร้อยก็ยกออกไปเสิร์ฟให้ ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งด้วยเพราะลูกค้ายังไม่มี
"เมื่อกี้พวกกูเห็นพี่เจด้วย ถูกสาวสวยกอดอยู่" ไอ้ท็อปเริ่มเปิดบทสนทนาใหม่ทันที ผมเลยปรายตาไปมองทางมัน สีหน้าจริงจังมาก
"เออ แต่กูว่าพี่ผู้หญิงหน้าคุ้นมาก" ไอ้เป้เสริมขึ้นมาอีกคน มันก็คิดไม่ต่างไปจากผมหรอก
"ไม่คุ้นได้ไง แฟนพี่เจอะ พาไปที่ร้านพี่มึงบ่อย ๆ พอดีพี่แกสวย กูเลยจำได้แม่น" ไอ้ท็อปพูดแทรกขึ้นมา ขนาดผมที่เป็นน้องชายยังจำแทบไม่ได้เลยครับ
"แสดงว่ามึงเสือกเก่ง กูยังจำไม่ได้เลย" หันไปพูดกับไอ้ท็อปยิ้ม ๆ
"ไอ้สัสเจิ้น!" เจอสวนกลับมาทันทีเลย "แต่จะว่าไป ถ้าเป็นแฟนกัน แล้วทำไมพี่ผู้หญิงต้องร้องไห้ด้วยวะ มึงรู้ไหมไอ้เจิ้น"
"เดี๋ยวนะ พวกมึงเสือกเยอะกว่ากูที่เป็นน้องชายไอ้เจซะอีก ขนาดกูยังจำไม่ได้เลยว่านั่นน่ะแฟนพี่ชาย" ไอ้ท็อปกับไอ้เป้ถึงกับหันกลับมามองหน้าผมพลางยิ้มแหย ๆ กันทันที
"ฮ่า ๆ โอเค งั้นเปลี่ยนเรื่องกันดีกว่า" ไอ้เป้พูดแทรกขึ้นมา "แล้วมึงกับน้องทับทิมอะ ยังไงกันแน่วะ?"
"เรื่องของกูไหมครับ?"
"แหม! ก็เรื่องของมึงมันน่าสนใจนี่หว่า ปกติควงไม่เลือกหน้า พอล่าสุดเป็นน้องทับทิม กลับไม่เห็นมึงควงใครอีกเลย" ไอ้เป้พูดเสริมออกมา ไอ้ท็อปก็พยักหน้าเออออไปด้วย เข้าขากันดีจริง ๆ เลย
"คนเราต้องมีการเปลี่ยนแปลงกันบ้าง ถ้ายังทำตัวมั่วแบบเดิม ก็ไม่ได้ปะ"
"สัส! เหมือนถูกหลอกด่า" ไอ้ท็อปพูดก่อนจะหยิบมอคค่าขึ้นดื่มแล้วเบือนหน้าไปมองทางอื่น "เฮ้ย ๆ ลูกค้าคนสวยร้านไอ้เจิ้นมาอีกแล้ว ทำไมมีแต่คนสวย ๆ เข้าร้านมันวะเนี่ย"
ผมรีบหันไปมองตามคำพูดของไอ้ท็อปทันที แต่ใครจะไปรู้ว่าคนสวยที่มันพูดถึงจะเป็นยัยเด็กที่คอยปรากฏตัวใกล้ ๆ ผม เหมือนพยายามสร้างสถานการณ์ให้ทับทิมรับรู้
"พวกมึงนั่งกันไปก่อนละกัน" ผมว่าก่อนจะลุกเดินกลับเข้าไปในร้าน ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ขนาดสวนไปหลายครั้งแล้วยังไม่ยอมละความพยายามอีก
"ชาเขียวสองแก้วค่ะ" เจ้าตัวสั่งน้ำพร้อมกับรอยยิ้ม มากับเพื่อนคนเดิม ก่อนจะยื่นเงินมาให้ผมตามจำนวนที่ต้องจ่าย
เอาจริง ๆ ยัยเด็กคนนี้ก็สวยในระดับหนึ่ง แต่ถ้าให้เทียบผมก็ต้องบอกว่ายัยหมูสวยกว่าเยอะอยู่ดี
"ครับ"
"แก ไปนั่งรอกันดีกว่า" เพื่อนที่มาด้วยพูดขึ้น ก่อนจะพากันไปนั่งรอ ผมเลยหันไปมองทางเพื่อนเหมือนขอความช่วยเหลือ พวกมันก็รู้งานกันมาก รีบลากเก้าอี้ไปนั่งร่วมโต๊ะด้วยทันที
"สวัสดีครับ พี่ชื่อท็อปนะ ส่วนนี่ไอ้เป้ พวกพี่เป็นเพื่อนกับเจ้าของร้านนี้นะครับ" เรื่องความกะล่อนและเจ้าชู้แบบเปิดเผยต้องยกให้ไอ้ท็อปเลย
"ค่ะ ชื่อแก้วนะคะ ส่วนคนนี้ชื่อเดียร์ค่ะ"
"น้องเดียร์น่ารักจังเลยนะ" ไอ้ท็อปพูดต่อ "ไม่ทราบว่ามีแฟนหรือยังครับ"
"พี่ท็อปถามตรงจังเลยนะคะ" ยัยเด็กเดียร์พูดยิ้ม ๆ เหมือนกำลังเขินก่อนจะเบือนหน้ามามองทางผมเล็กน้อยแล้วหันกลับไปตอบไอ้ท็อป "เดียร์มีคนที่แอบชอบอยู่แล้วค่ะ"
"คงไม่ใช่คนแถวนี้ใช่ไหมครับ" ไอ้เป้ถามก่อนจะหันมามองทางผม
"ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแหละค่ะ ชวนแก้วมาซื้อน้ำร้านนี้ทุกวันเลย"
"แก้ว!" เป็นเด็กที่เปิดเผยกันเก่งมาก
"แต่แถวนี้ไม่มีใครโสดแล้วนะครับ นอกจากพวกพี่สองคน ไม่รับไปพิจารณาหน่อยเหรอครับ" ไอ้ท็อปรู้งานมาก ผมที่ยืนชงน้ำชาเขียวอยู่ก็ได้แต่ปรายตามองเล็กน้อยเท่านั้น จนไอ้เจเดินกลับมา
"มึงมาก็ดีแล้ว เอาน้ำไปให้ลูกค้าผู้หญิงสองคนนั้นหน่อย" ไอ้เจหันไปมองตามก่อนจะหันกลับมามองหน้าผม แล้วก็หยิบแก้วชาเขียวเดินออกไป
"หวัดดีครับพี่เจ" ไอ้เป้กับไอ้ท็อปหันมาทักทายพี่ชายผม ก่อนจะหันกลับไปสนใจสาวต่อ
"เออหวัดดี เห็นสาว ๆ เข้าหน่อย ตาลุกวาวเลยนะพวกมึง" ไอ้เจแซวก่อนจะเดินกลับเข้ามาหาผมในร้าน "สงสัยจะติดมึงแล้วแหละ"
"ไม่ได้มาหากูหรอก คงจะมาสร้างเรื่องให้ทับทิมเห็นมากกว่า เพราะฉะนั้นกูต้องรายงานก่อน"
"ฮะ!" ไอ้เจถึงกับทำหน้างง ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปตรงหน้าเพื่อส่งไลน์ไปหาทับทิม ยัยหมูอ่านไวมาก แล้วก็เงียบไปเลย
"กูไปคุยโทรศัพท์ก่อนนะ" ไอ้เจพยักหน้าให้ ผมเลยเดินออกมาก่อนจะหามุมยืนคุยโทรศัพท์
ตู๊ด ๆ
ปล่อยให้รอสายนานเชียวครับ พอกดรับก็เงียบใส่อีก
"จะไม่คุยกับพี่หน่อยเหรอ"
(เชอะ!)
"พี่ก็ไม่ได้มีอะไรปิดบังสักหน่อย"
(ก็ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย หนูรู้แหละว่าพี่เป็นคนยังไง)
"แต่ก็แอบคิดมาก เพราะหวงพี่มาก"
(หลงตัวเอง)
(น้องครับ เค้กได้แล้วครับ)
"นี่ออกไปซื้อเค้กร้านนั้นอีกแล้วเหรอ กินทำไมทุกวัน"
บ่นครับ แต่ทับทิมไม่ได้ฟังผมเลย เหมือนคุยอยู่กับเจ้าของร้านมากกว่า
(วันนี้พี่ชายไม่ได้มาด้วยเหรอครับ)
(ไม่ค่ะ ขอบคุณนะคะ แถมให้ตลอดเลย)
(ไม่เป็นอะไรครับ ไว้มาอุดหนุนอีกนะครับ)
(ค่ะ)
หน็อย! จะรู้บ้างไหมเนี่ยว่ามันไม่ได้อยากแถมอย่างเดียว แต่อยากจีบด้วยน่ะ... แล้วพี่ชายอะไร ไม่ใช่โว้ย!
(พี่เจิ้นคะ)
"หึ!"
(หนูเปิดเผยนะคะ)
"หมอนั่นไม่ได้อยากแถมทุกวันหรอกนะ แต่อยากจีบเรามากกว่า พี่เป็นผู้ชาย ทำไมจะมองไม่ออก"
(ถ้าหวงหนู พี่ก็ต้องดูแลให้ดี ๆ นะคะ)
"ยัยเด็กอ้วน"
(ฮ่า ๆ ไม่ได้อ้วนสักหน่อย พี่อย่ามาชวนเปลี่ยนเรื่องจะได้ไหม เรื่องก่อนหน้านี้หนูก็ไม่โอเคนะคะ บอกตามตรงว่ากลัว เพราะเดียร์บอกว่าจะแย่งทุกอย่างไปจากหนู)
"ทำอย่างกับพี่แย่งไปได้ง่าย ๆ อะ หนูไม่เชื่อใจพี่เหรอ"
(เชื่อค่ะ หนูก็แค่ไม่ชอบที่ทุกคนพยายามอยู่ใกล้พี่ แล้วหนูต้องอยู่ห่างแบบนี้)
"พี่ก็ไม่ได้หายไปไหนนี่ครับ เลิกกลัวได้แล้ว"
(ค่ะ งั้นหนูขึ้นห้องก่อนนะคะ)
"ครับ"
วางสายจากทับทิมก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินกลับเข้าร้าน แต่กลับต้องชะงักเพราะเด็กเดียร์ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า
"มีอะไรหรือเปล่า"
"เปล่าค่ะ" ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะเดินเลี่ยงออกมา แต่กลับมีเสียงพูดดังขึ้นมาจากด้านหลัง "พี่เจิ้นคะ เดียร์..."
"ขอพูดตรง ๆ เลยละกันนะ" ตอนแรกก็ว่าจะฟัง แต่ไม่ดีกว่าครับ ถ้าผมไม่พูดอะไรให้เด็ดขาดออกไปบ้าง ก็คงไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แน่นอน "อย่ามายุ่งกับฉันอีก จุดประสงค์ของเธอ ทำไมฉันจะมองไม่ออกและฉันก็ไม่ใช่เด็ก ที่จะให้ใครมาหลอกใช้ได้ง่าย ๆ และอีกเรื่องที่อยากเตือน ถ้ายังระรานทับทิมไม่เลิก มันจะไม่จบที่ฉันเตือนเธอตรงนี้แน่นอน"
"พี่พูดอะไร เดียร์ไม่เห็นเข้าใจเลย" ตีหน้าซื่อได้เก่งจริง ๆ เลยครับ การแสดงนี้ผมต้องยกโล่ให้เลย
"ไม่เข้าใจก็ดีแล้ว เพราะถ้าเธอเข้าใจอะไรง่าย ๆ มันคงจบไปนานแล้ว อย่าทำตัวเป็นเด็กขี้อิจฉาที่ไม่มีใครสั่งสอนไปหน่อยเลยนะ มันดูทุเรศ!"
"พี่เจิ้น!" สีหน้าเริ่มโกรธจัดออกมาทันที แต่ผมกลับไม่ได้ตอบกลับอะไรนอกจากแสยะยิ้มตรงมุมปากก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าร้าน
"จะให้พวกกูช่วยทำไม แค่ปากมึงคนเดียวก็เหมือนเลี้ยงหมาเอาไว้สิบตัวแล้วเนี่ย" ไอ้ท็อปพูดขึ้นมา พวกมันแอบฟังกันเก่งจริง ๆ
"มันยังไม่จบแค่นี้หรอก นี่แค่เริ่มต้นต่างหาก" ผมพูดออกมาก่อนจะเดินกลับเข้าร้าน ไอ้เป้กับไอ้ท็อปถึงกับยืนเกาหัวกันเลยทีเดียว
ความคิดเห็น