คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 12 เป็นทุกอย่าง... (100%)
12
เป็นทุกอย่าง...
[เจิ้น]
วันนี้มีเด็กเกเรแอบหนีไปดูหนังกับผู้ชายจนได้ครับ แต่มีเหรอที่ผมจะไม่ทำอะไรเลย เพราะก่อนหน้านี้แอบเอาเบอร์เพื่อนที่ชื่อกั้งของทับทิมมาแล้ว หลังจากนั้นก็โทรไปคุยด้วย คุยเกือบครึ่งชั่วโมงผมก็หาข้อสรุปให้กับตัวเองได้ว่าหมอนี่ไม่ได้ร้าย แถมยังดีกับทับทิมมากด้วย เลยได้ลูกสมุนเพิ่มมาหนึ่งคน ฝากให้ช่วยดูแลทับทิมและคอยรายงานความเคลื่อนไหวเวลาไปไหนด้วยกัน
โดยเฉพาะวันนี้ พอดูหนังเสร็จกั้งก็โทรมารายงานผมทันที ทั้งคู่จะไปกินชาบูกันต่อ ผมเลยให้กั้งช่วยจัดการเรื่องที่นั่งและตามไปอีกที ไอ้เจก็บ่นอีกตามเคยเพราะไม่ได้อยู่ช่วยงานที่ร้าน ถ้าไม่ติดว่าเป็นทับทิม มันคงด่าผมเยอะกว่านี้แน่นอน
ตอนแรกที่มาถึงก็ยิ้มแหละ แต่พอเห็นเหตุการณ์ตรงหน้ากลับหุบยิ้มแทบไม่ทันก่อนจะรีบเดินเข้าไปคว้าข้อมือทับทิมเอาไว้ คนตรงหน้ากำลังจะร้องไห้ ผมกลับห้ามเอาไว้ แม้ไม่ได้พูดออกไปตรง ๆ ทับทิมก็สามารถเข้าใจการกระทำของผมได้ จนพวกเราเดินกลับมานั่งกินชาบูกันต่อจนอิ่ม
"งั้นผมกลับก่อนนะครับ ฝากทับทิมด้วย"
"ขอบใจมากนะ"
"สบายมากพี่" หมอนี่เป็นคนอารมณ์ดีสินะและผมก็หวังด้วยว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีของทับทิมแบบนี้ตลอดไป "ทิม กั้งกลับแล้วนะ"
"อืม" ตอบแค่นี้แหละครับ จนกั้งเงยหน้าขึ้นมามอง ผมเลยพยักหน้าให้แทน เจ้าตัวเลยยอมเดินออกไป
"กลับหอกันนะ" พูดพลางยื่นมือข้างหนึ่งไปจับมือของทับทิมเอาไว้ คนตรงหน้าเลยปรายตามามองหน้าผมพร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อย
"หนูยังไม่ลืมเค้กนะคะ"
"โอเคให้จริงอย่างที่แสดงออกมาตอนนี้ด้วยละกัน" พอเจอคำพูดนี้ของผมไปถึงกับเม้มปากเข้าหากันจนแน่นเชียว ก่อนจะมุ่ยปากให้ ผมเลยส่ายหน้าไปมาแทน จับมือทับทิมพาเดินออกจากห้างตรงไปที่รถ
"ไม่มีหมวกกันน็อคค่ะ"
"พี่เอาใบของไอ้เจมาด้วย รู้แหละว่าไม่ได้พกไปไหนมาไหนตลอด"
"พกก็บ้าแล้วแหละค่ะ" ยังมีหน้ามาอารมณ์ดีใส่อีกครับ ผมเลยหยิบหมวกกันน็อคใบของตัวเองใส่ให้ทับทิม ก่อนจะใส่ใบของไอ้เจแทน ขับรถพากลับหอน้องทันที มาถึงก็หาที่จอดเพราะวันนี้จะขึ้นไปด้วย
"อยากซื้ออะไรก่อนขึ้นห้องไหม"
"เค้กค่ะ หนูยังไม่ลืมนะ แถวหอมีร้านอยู่" เงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมคำตอบ
"นำไปสิครับ" ยิ้มออกมาทันที สำหรับทับทิมเรื่องของหวานถือเป็นเรื่องใหญ่มาก จับมือทับทิมเอาไว้ปล่อยให้น้องเดินนำ ส่วนผมเดินตามไปจนถึงร้านที่ว่า เป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ แต่ข้างในกลับขายขนมเค้กเป็นชิ้นเล็กทรงสามเหลี่ยมอยู่ด้วย
"สวัสดีครับ วันนี้รับกี่ชิ้นดีครับ" พอได้ยินเสียงคนพูด ผมรีบเงยหน้าขึ้นไปมองทันที ยิ้มตาแทบปิด คนข้าง ๆ ผมก็ยิ้มตอบให้ด้วยนะ เจ้าของร้านหน้าตาดีครับ แต่น้อยกว่าผมเยอะ
"สามค่ะ เอาเหมือนเดิมนะคะ"
"ได้ครับ"
มีเหมือนเดิมด้วยครับ แสดงว่ามาซื้อบ่อย ผมก็เอาแต่จ้องทับทิมเขม็งจนเจ้าตัวหันมามองยิ้ม ๆ
"ทำหน้าดุไปได้ จ่ายเงินให้หนูด้วย พี่บอกว่าจะเลี้ยง"
"ออกไปรอข้างนอกเลย"
"ทำไมล่ะคะ"
"ออกไปครับ" แทบจะกัดฟันพูด ทับทิมทำหน้างงก่อนจะยอมเดินออกไป ผมเลยรอเค้กให้แทน จนเจ้าของร้านยื่นมาให้ "เท่าไหร่ครับ"
"หนึ่งร้อยครับ ผมให้ไปสี่ชิ้นนะครับ"
"สั่งสามไม่ใช่เหรอครับ"
"แถมให้น้องครับ นี่ครับ" ถ้าคว้ามาแรง ๆ ได้ผมจะทำแล้วครับ ตอนนี้คงทำได้แค่แค่นยิ้มพลางยื่นแบงค์ร้อยให้ก่อนจะรีบเดินออกมาจากร้าน มองหน้าคนที่ยืนระบายยิ้มรออยู่ทันที
"หึ!"
"ที่แท้ก็หึง..." เก่งขึ้นเยอะครับ แซวได้ก็แซวใหญ่เลย พอเห็นว่าผมจะเดินออกมาก่อนก็รีบยื่นมือมาคว้าข้อมือผมเอาไว้ทันที "ในสายตาของหนู พี่หล่อที่สุดแล้ว ถึงเมื่อก่อนพี่จะใจร้ายไปหน่อยก็ตาม หนูก็ยังมองว่าพี่เป็นคนดีมาก ๆ เลย"
"นี่ชมหรือด่าครับ"
"ก็ต้องชมสิคะ กลับห้องกันดีกว่าค่ะ" อารมณ์ดีให้จริงเถอะครับ ผมกลัวว่าอีกเดี๋ยวจะร้องไห้ออกมาแทน...
ระหว่างทางกลับห้องก็ยังไม่วายแวะร้านขายน้ำอีกนะครับ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ร้านนั้นก็ขาย พอเห็นว่าผมมองอยู่ก็รีบเงยหน้าขึ้นมาตอบ "กลัวเดินกลับเข้าไปแล้วพี่จะหึงอีกค่ะ"
"หลงตัวเอง"
"หนูไม่ได้หลงตัวเองหรอก มีแต่พี่นั่นแหละที่หลงหนู ตามแจเลยนะคะ"
ต้องขอบคุณใคร ที่ทำให้ทับทิมมีความกล้าขนาดนี้ แต่จะว่าไปก็เป็นนิสัยของน้องมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่งั้นจะกล้าปีนระเบียงห้องนอนผมทุกวันเหรอ
"ดี๊ด๊าแบบนี้ให้ตลอดนะ พี่ไม่อยากให้เราทำหน้าเศร้า"
"แค่มีพี่อยู่ หนูก็หายเศร้าแล้ว"
"แล้วถ้าวันหนึ่งไม่มีพี่ขึ้นมาล่ะ" เจอคำถามนี้ของผมไปถึงกับเงียบเลยทีเดียว ก่อนจะเบือนหน้าขึ้นมามองสบตา แถมรอยยิ้มที่เคยมีเริ่มจางหายไป
"หนูไม่เชื่อหรอกว่าพี่จะหายไปอีก... พนันกับหนูไหมล่ะคะ" ตอนแรกก็คิดว่าจะเศร้า แต่พอเห็นว่ายิ้มออกมาแบบนี้ผมก็พลอยยิ้มตามไปด้วย จนโกโก้ที่สั่งเสร็จ ผมเป็นคนจ่ายอีกตามเคย คราวนี้คงกลับห้องกันได้แล้วแหละ
สาบานว่านี่คือห้องของผู้หญิง รกมาก เสื้อผ้ากองกันอยู่ข้างหลังเพียบเลยครับ แถมหนังสือก็วางไม่เป็นระเบียบ
"เหมือนห้องนี้ไม่มีผู้หญิงอยู่เลยนะ"
"อย่าแซวหนูสิ วันนี้หนูตั้งใจจะซักผ้านั่นแหละ แต่กะว่าจะไปดูหนังกับกั้งก่อน ส่วนหนังสือเมื่อคืนเผลอหลับเลยไม่ได้เก็บค่ะ"
"งั้นก็ไปซักผ้า เดี๋ยวหนังสือพี่จัดให้"
"กินเค้กก่อนไม่ได้เหรอคะ" ยังมีต่อรองอีกครับ
"ซักผ้าให้เสร็จก่อนครับ" เจอสายตาจริงจังของผมเข้าไปถึงกับยอมเดินคอตกออกไปซักผ้าเลยทีเดียว ส่วนหนังสือข้างในผมเป็นคนจัดให้
ลากยาวกันจนถึงช่วงเย็น กว่าทับทิมจะซักผ้าและตากเสร็จก็เกือบสองชั่วโมงแล้ว ส่วนผมจัดหนังสือเสร็จตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก ระหว่างนั้นก็นอนเล่นเกมรอ จนทับทิมเดินกลับเข้ามา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น เหมือนเราไม่ได้อยู่ในห้องด้วยกันเพราะต่างคนต่างก้มหน้าเล่นโทรศัพท์จนมีข้อความบางอย่างเด้งแจ้งเตือนเข้ามา ผมเลยรีบกดเข้าไปดูทันที
เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองสบตากับทับทิมที่มองผมอยู่ก่อนแล้ว...
"ไม่รับเหรอคะ"
"ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนแล้วนะ" หยอดออกไปตรง ๆ เลยครับ เล่นเอาคนตรงหน้านิ่งอึ้งไปเลยทีเดียว
"เป็นพี่ก็ได้นะคะ" นี่ก็ตอบกลับมาได้อีก
"พี่ก็ไม่อยากเป็นแล้ว"
"แล้วอยากเป็นอะไรล่ะคะ"
"เป็นทุกอย่าง..." ทับทิมรีบเบือนหน้าไปมองทางอื่นทันที ผมเลยขยับเข้าไปนั่งใกล้กว่าเดิม ยื่นมือข้างหนึ่งไปจับปลายคางทับทิมให้หันกลับมามองหน้าเพื่อสบตากัน "เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ค่อย ๆ เรียนรู้กันไป ได้หรือเปล่า"
"หึงได้ไหมคะ"
"ได้"
"หวงก็ได้ใช่ไหมคะ"
"ลองไม่หวงดูสิ"
"จริง ๆ ความสัมพันธ์แบบนี้ระหว่างเรามันเริ่มต้นขึ้นตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอคะ แค่ช่วงเวลาหนึ่งที่พี่พยายามทำตัวห่างออกไป หนูเองก็ต้องพยายามโตเป็นผู้ใหญ่ให้มากขึ้นด้วย ขอบคุณที่ยังนั่งอยู่ตรงหน้าหนูเหมือนวันแรกที่เราเจอกันนะคะ" รอยยิ้มบนใบหน้าของทับทิมทำให้ผมมีความสุขเสมอ
"ขอบคุณที่ยังคงเลือกพี่เป็นคนแรกเสมอ ยัยหมูเอ๊ย"
"อือ หยิกแก้มหนูทำไมคะ เจ็บนะ" มันเขี้ยวอยากจะฟัดแก้ม แต่บางครั้งผมก็ต้องข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมไม่อยากผิดสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อ เดี๋ยวท่านจะไม่ไว้ใจครับ
"กินเค้กไหม"
"กินค่ะ กำลังหิวพอดีเลย" ทับทิมเป็นฝ่ายลุกไปหยิบเค้กมาวางลงพร้อมกับโต๊ะญี่ปุ่นเล็ก ๆ เพื่อให้การกินของน้องสะดวกขึ้น ส่วนผมแค่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เท่านั้น "กินไหมคะ เค้กร้านนี้ไม่หวาน แถมอร่อยมากด้วย"
"ไม่กินครับ"
"กินหน่อยนะคะ ชิมสักคำก็ยังดี" พูดพลางตักเค้กใส่ช้อนยื่นมาจ่อที่ปากของผมด้วย "พี่เจิ้น"
"พี่ไม่ชอบของหวาน"
"ไม่ชอบของหวานหรือไม่ชอบคนขายกันแน่คะ เพราะเขาหล่อ" ยั่วโมโหเก่งจริง ๆ จนต้องเงยหน้าขึ้นไปมองสบตา ผมกำลังทำหน้าดุอยู่นะ แต่ทับทิมกลับยิ้มออกมาซะงั้น "หล่อน้อยกว่าพี่นิดหน่อยค่ะ"
"เหอะ!"
"กินหน่อยนะคะ" พอพูดตรง ๆ ไม่ได้ผลก็เปลี่ยนเป็นอ้อนผมแทน "พี่เจิ้น กินสักคำสิ"
"ก็ได้ แค่คำเดียวนะ" ที่ยอมกินเพราะอยากรู้ว่าอร่อยจริงไหม เลยยอมอ้าปากให้ทับทิมป้อน รสชาติก็งั้น ๆ แหละครับ ส่วนเรื่องไม่หวานจนเลี่ยน อันนี้ยอมรับครับ แต่ผมก็ไม่ชอบอยู่ดี
"เป็นยังไงบ้างคะ"
"ก็งั้น ๆ แหละ"
"ไม่เชื่อหรอก เมื่อกี้พี่อมยิ้มด้วย"
"รีบกิน ก่อนที่จะไม่ได้กินอีก" ขู่เสียงดังจนทับทิมยกเค้กออกห่างจากมือผมแทน ชอบจริง ๆ กับเค้กเนี่ย แต่ไม่รู้ทำไมน้ำหนักถึงไม่ขึ้น แถมยังไม่อ้วนเหมือนเมื่อก่อน ตัวเล็กนิดเดียวจนผมหวงออกนอกหน้าตลอดเลย
เวลาไหนแล้วนะ ลืมดูนาฬิกาหรือไม่ก็ไม่อยากดูมากกว่า ทับทิมเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา นั่งกินเค้กที่ได้มาสี่ชิ้นอยู่คนเดียวจนหมด เหมือนพยายามกินเพื่อเยียวยาจิตใจ
“ไม่กลับเหรอคะ?” ประโยคนี้ที่ไม่อยากได้ยิน เพราะยังไม่อยากกลับ
“ว่าจะนอนค้างน่ะ”
“ฮะ!” ถึงกับตกใจเลยทีเดียว เปลือกตาทั้งสองข้างกะพริบเข้าหากันถี่เชียว “ละ ล้อหนูเล่นหรือเปล่าคะ”
“พูดจริง”
“เอ่อ...” หรือควรจะแกล้งต่อดี พอเห็นแบบนี้ก็อดสงสารไม่ได้ งั้นกลับดีกว่า
Rrrr
กำลังจะลุกขึ้นเพื่อกลับบ้าน แต่กลับต้องชะงักและนั่งลงต่อก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับสาย
“ครับ”
(โทรมากวนหรือเปล่า)
“ไม่นี่”
(ขอโทษนะ ถึงจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ก็ยังอยากพูดออกมาอยู่ดี หลินลองมาคิด ๆ ดูหลายรอบแล้ว ถ้าเจิ้นไม่พูดออกมาตรง ๆ แบบนั้น หลินก็คงหลอกตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ ขอบคุณที่ยังอยากเป็นเพื่อนกับหลินอยู่นะ)
“อืม ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ เพื่อนยังไงก็คือเพื่อน”
(งั้นหลินไม่กวนแล้วนะ ขอโทษแทนพี่หนามด้วย)
“เราเข้าใจ หลินไม่ต้องคิดมากหรอก”
(อืม แค่นี้แหละ)
“ครับ”
วางสายจากหลิน หันไปมองคนข้าง ๆ นั่งจ้องหน้าผมเขม็งเชียวครับ
“พี่...”
“จะนอนค้างที่นี่ก็ได้นะคะ”
“ฮะ!” ตกใจครับ แต่ก็ต้องอมยิ้มออกมาต่อ “หึง?”
“เปล่า... ก็พี่บอกว่าเพื่อน” ปฏิเสธผมเสียงแข็งเชียว แถมยังไม่ยอมหันมามองหน้าอีกต่างหาก “จะค้างไหมคะ”
“ครับ”
“พี่นอนเตียงก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูนอนที่พื้นเอง”
“จะบ้าเหรอ? เราแหละนอนเตียง เดี๋ยวพี่นอนพื้นเอง” แค่นอนค้าง ทุกคนไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกครับ ทับทิมเพิ่งผ่านเรื่องไม่ดีมา ผมเลยไม่อยากให้นอนคนเดียว อย่างน้อย ๆ ก็อยากให้ผ่านคืนนี้ไปด้วยกันก่อน
“เดี๋ยวหนูไปหาชุดให้พี่ใส่นอนนะคะ”
“ครับ”
ดี๊ด๊าใหญ่เลยครับ นั่งรอจนทับทิมหยิบชุดฟุตบอลมายื่นให้ ตัวใหญ่อยู่นะ แต่สีเริ่มเก่าแล้ว บ่งบอกถึงเวลาที่นานหลายปีเชียว
“ไม่รู้พี่จะใส่ได้ไหม ชุดเก่าหนูเองแหละ”
“จะบอกว่าตอนนี้ผอมแล้วไง” แอบแซวยิ้ม ๆ จนน้องเบะปากให้
“พี่ยังว่าหนูเป็นเด็กอ้วนอยู่เลย นี่ผ้าขนหนูค่ะ ไปอาบน้ำได้แล้ว”
“ครับ” ยื่นมือไปรับของก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ มองสำรวจไปรอบ ๆ ด้วยครับ มีแต่สีชมพู ดีนะที่หยิบชุดฟุตบอลสีน้ำเงินมาให้ผมน่ะ ถ้าเป็นสีหวานเหมือนตรงหน้าคงไม่กล้าใส่เดินไปไหนแน่นอน
ผมใช้เวลาทำธุระส่วนตัวแค่ไม่นานและแน่นอนว่ามันต้องเซฟตัวเองหลายอย่าง รู้ ๆ กันก็พอครับ นอนห้องคนอื่น ของก็ไม่เตรียม มันเลยลำบากแบบนี้แหละ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เดินออกจากห้องน้ำพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ จนเห็นเจ้าของห้องนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงแล้วครับ ไม่มีความระวังตัวเองเลยจริง ๆ ผมเลยเดินเข้าไปมองใกล้ ๆ เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันทันที
“ร้องไห้งั้นเหรอ?” บ่นพึมพำกับตัวเองเพราะเห็นคราบน้ำตาไหลออกมาด้วย “เข้มแข็งอย่างปากพูดไม่ได้จริง ๆ สินะ”
ผมยิ้มพลางส่ายหัวไปมา ไม่ได้ปลุกให้ลุกไปอาบน้ำหรอกครับ ปล่อยให้นอนอยู่อย่างนั้นแหละ แต่ใกล้ ๆ มีหมอนกับผ้าห่ม และผ้าปูวางอยู่แล้ว เลยหยิบมาปูที่พื้นก่อนจะปิดไฟและเข้านอน
Rrrr
ตัวขัดจังหวะความสุขโทรมาอีกแล้วครับ เลยต้องรีบกดรับสายก่อนจะลุกออกไปคุยในห้องน้ำแทน กลัวทับทิมตื่น
“ฮัลโหล”
(มึงจำทางกลับบ้านไม่ได้เหรอครับ ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่กลับมาอีก)
“จำได้ครับ แต่ไม่กลับ”
(จริงจังไหม)
“เออ”
(ไอ้เจิ้น)
“กูรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ เพราะฉะนั้นมึงไม่ต้องกลัวไปหรอก มีอะไรอีกไหม กูจะไปนอนแล้ว”
(สองทุ่มกว่าเนี่ยน่ะนะ)
“แล้วกูนอนไม่ได้เหรอ?”
(เออ จำที่พูดเอาไว้ด้วยนะ)
“ครับ แค่นี้แหละ”
กดวางสายก่อนจะเดินออกไป แต่กลับต้องตกใจเพราะมีคนลุกขึ้นมานั่งฟุบหน้ากับเข่าตัวเองอยู่บนเตียง
“พี่ทำให้ตื่นเหรอ”
“ปะ เปล่าค่ะ” น้ำเสียงฟังดูแปลก ๆ ผมไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนจะเดินเข้าไปหา ยื่นมือไปตรงหน้าเพื่อจะเปิดโคมไฟใกล้เตียง แต่เสียงทับทิมกลับดังขึ้นมาซะก่อน “อย่าเปิดนะคะ”
“เป็นอะไร” เงียบอยู่นานก่อนจะนั่งลงข้างขอบเตียงมองไปทางคนด้านบนพร้อมคำถาม แต่ทับทิมกลับเงียบ ผมเองก็ไม่อยากเซ้าซี้ รอให้พร้อมแล้วพูดออกมาเองดีกว่า
“แม่บอกว่าท่านผิดเองที่ยื้อมาจนถึงทุกวันนี้ พ่อกับผู้หญิงคนนั้นเคยเป็นแฟนเก่าและเลิกกันไป หลังจากพ่อกับแม่แต่งงานกันก็เหมือนจะไปได้สวย จนวันหนึ่งเธอก็มาบอกว่าท้อง แม่เองก็ท้องหนูอยู่ด้วย ฮึก!” ผมไม่ได้อยากให้ทับทิมเล่าหรอก แต่เหมือนเจ้าตัวอยากระบายออกมามากกว่า เลยยื่นมือข้างหนึ่งไปกุมมือของทับทิมเอาไว้ น้องเองก็บีบมือผมตอบกลับมาแรงมาก “พ่อขอรับผิดชอบลูก... แต่ทำไปทำมาทุกอย่างกลับไม่ใช่แบบนั้น แม่คงเจ็บปวดมากที่รับรู้ทุกอย่างแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่อยากสูญเสียครอบครัว หลังจากผู้หญิงคนนั้นคลอด พ่อก็ทำเหมือนจะรับผิดชอบแค่ลูก แต่ในความเป็นจริงท่านกลับทิ้งใครไม่ได้เลย มันเลยกลายเป็นแบบนี้มาโดยตลอด แม่ไม่เคยบอกอะไรหนูเลย จนหนูรู้และเห็นทุกอย่างด้วยตาของตัวเอง แม่ถึงยอมบอกว่าจะหย่ากับพ่อและเล่าทุกอย่างให้ฟัง”
ผมแค่นั่งฟังและคอยบีบมือทับทิมเพื่อให้กำลังใจ ตอนนี้ผมคงทำได้แค่รับฟังเท่านั้น เพราะอยากให้เจ้าตัวได้ระบายออกมา
“พ่อขอโอกาส แต่แม่กลับบอกว่ามันก็คงเหมือนเดิมอีก ท่านเลยยอมปล่อยพ่อไป หลังจากหย่าพ่อก็ออกไปจากบ้าน ทุกอย่างกลายเป็นของแม่ เพราะทางนั้นก็มีฐานะพอสมควร... พ่อพยายามโทรหาหนูมาตลอด แต่หนูกลับทำใจที่จะคุยกับท่านไม่ได้ จนหนูเลือกจะตัดขาดทุกอย่างไป ถ้าท่านไม่โกหก ไม่ทำให้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ ท่านก็ยังคงเป็นฮีโร่คนแรกของหนูเสมอ ฮึก! ตะ แต่...”
หมับ!
ทับทิมพยายามฝืนตัวเองไม่ร้องไห้ แต่ยิ่งกลั้นเอาไว้ น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมาจนผมต้องเป็นฝ่ายลุกขึ้นไปนั่งบนเตียงเพื่อดึงน้องเข้ามาสวมกอดเอาไว้จนแน่น มือข้างหนึ่งคอยลูบหัวไปด้วย จนทับทิมกอดตอบแล้วปล่อยโฮออกมาทันที
“ฮึก! ฮือ ๆ หนู... ฮึก!”
“ไม่ต้องพูดแล้ว พี่อยู่ตรงนี้ทั้งคน พี่จะกอดเราเอาไว้แบบนี้แหละ ร้องไห้ออกมาเถอะ”
“ฮือ ๆ”
ผมกอดทับทิมเอาไว้อย่างนี้และปล่อยให้เจ้าตัวร้องไห้ออกมาจนกว่าจะพอใจ เกือบครึ่งชั่วโมงได้ครับก่อนจะผละออกจากตัวผม นั่งสะอื้นแทน
“โอเคหรือยัง”
“ค่ะ”
“เก่งมากเลยรู้ไหม คราวหลังไม่ต้องเก็บมันเอาไว้หรอกนะ มีพี่อยู่ด้วยทั้งคน” ห้องก็ไม่ได้มืดถึงขนาดมองไม่เห็นหน้ากันหรอกครับ อย่างน้อย ๆ ก็เห็นทับทิมอมยิ้มออกมาเล็กน้อย “อยากนอนต่อไหม”
“อาบน้ำก่อนดีกว่าค่ะ”
“เดี๋ยวพี่ลุกไปเปิดไฟห้องน้ำให้ก่อนละกัน”
“ค่ะ”
ผมลุกไปเปิดไฟในห้องน้ำให้เรียบร้อยก็เดินกลับมานั่งที่พื้นข้างขอบเตียง พอทับทิมเตรียมของทุกอย่างเสร็จก็เดินออกไปอาบน้ำ ใช้เวลาระหว่างนั้นแอบเช็กโทรศัพท์ซะหน่อย วางไว้ใกล้ ๆ กับโคมไฟ ไม่ได้ล็อกรหัสด้วยครับ ตั้งใจหรือเป็นแบบนี้กันแน่นะ เลยรีบกดเข้าไปดูทันที ในไลน์ไม่มีอะไรเพราะเพื่อนไม่กี่คน แต่แชทเฟซกลับมีแจ้งเตือนเยอะมาก ปกติทับทิมจะปิดเสียงโทรศัพท์เอาไว้
ผมเลื่อนดูเรื่อย ๆ สายตาก็มองไปทางประตูห้องน้ำตลอด จนมีแจ้งเตือนจากแชทหนึ่งที่ยังไม่ได้กดอ่าน เยอะมาก พอกดเข้าไปดูก็ต้องแปลกใจเพราะเป็นเฟซที่เพิ่งสร้างขึ้นมาด้วยซ้ำไป ดูจนแน่ใจว่าคนที่ส่งข้อความและรูปต่าง ๆ มาให้ทับทิมคือใครก็รีบแคปและส่งเข้าไลน์ผมก่อนจะทำลายหลักฐานด้วยการลบ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทับทิมคงรู้เข้าสักวันแหละ แต่คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้แน่นอน
"ยัยนี่กัดไม่ปล่อยเลยจริง ๆ คงต้องทำอะไรบ้างแล้วสินะ" บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะเก็บโทรศัพท์ทับทิมไว้ที่เดิม จนเจ้าตัวเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
"หนูขอโทษนะคะ"
"เรื่องไหนล่ะครับ"
"ทุกเรื่อง หนูพยายามแล้ว แต่ก็..." พูดต่อไม่ไหวเลยเดินมานั่งข้างผมแล้วเม้มปากเข้าหากันจนแน่นแทน ฝ่ามือประสานเข้าหากัน ท่าทางอึดอัดเชียวครับ
"ใครบอกว่าเราพยายามไม่ดี ได้แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ต่อไปถ้าไม่ไหวหรืออยากร้องไห้ก็แค่บอกพี่ อย่าเก็บเอาไว้แบบก่อนหน้านี้อีก"
"ค่ะ"
"นอนต่อเถอะ"
"ฝันดีนะคะ"
"ฝันดีครับ" ผมปล่อยให้ทับทิมได้นอนก่อน คอยนั่งมองและยิ้มให้ตลอดจนเปลือกตาทั้งสองข้างของน้องปิดสนิท เสียงลมหายใจเข้าออกก็เริ่มสม่ำเสมอ "บอกแล้วว่าจะเป็นทุกอย่างให้ เพราะฉะนั้นจะทุกข์หรือสุข พี่ก็ต้องมีส่วนในเรื่องราวเหล่านั้นด้วย"
พูดออกมายิ้ม ๆ จนมั่นใจว่าทับทิมหลับแล้วจริง ๆ ผมถึงได้ลงจากเตียงเพื่อมานอนต่อบ้าง
ความคิดเห็น