คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9 ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก (100%)
9
ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก
[ทับทิม]
เฮ้อ!
ทำไมช่วงนี้เจอแต่มรสุม แต่หนึ่งในนั้นกลับทำให้ฉันรู้สึกมีความสุข แม้ว่าพี่เจิ้นจะไม่พูดตรง ๆ แต่การกระทำของเขากลับทำให้ฉันมีความสุข อมยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
ตุบ!
เผลอคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เดินก็ไม่ดูทางจนชนใครเข้า ดีนะที่ไม่พากันล้มไปทั้งคู่ พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นพี่หลินยืนอยู่
“ขอโทษค่ะ ทิมไม่ทันได้มองทาง”
“พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ พี่เอายามาให้น่ะ” พี่หลินพูดพลางยื่นถุงยามาให้ ฉันเลยยื่นมือไปรับเอาไว้
“ขอบคุณค่ะ”
“พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง แต่ท่าทางของพี่หลินไม่ได้มาร้ายเลยพยักหน้าตกลง “ไปตรงนั้นดีกว่า”
พี่หลินเดินนำไปทางริมชายหาด ห่างจากบังกะโลที่ฉันกับพี่เจิ้นพักอยู่เล็กน้อย มาถึงก็เอาแต่นั่งเงียบกัน ฉันก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เลยนั่งเงียบอยู่อย่างเดิม จนพี่หลินพูดออกมา
“ทับทิมรู้จักกับเจิ้นมานานแล้วเหรอ” ฉันหันไปมองหน้าคนตั้งคำถามทันที แต่พี่หลินกลับเอาแต่มองตรงไปยังทะเลที่อยู่เบื้องหน้าแทน
“บ้านของทิมกับพี่เจิ้นอยู่ข้างกันน่ะค่ะ เลยสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ อาจจะมีบางช่วงเวลาที่ไม่ได้เจอกันบ้าง จนเขาย้ายบ้านมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นสามปีที่เขาหายไปแบบจริงจังมากเลย” นี่คือความรู้สึกจริง ๆ ของฉัน รู้สึกเหมือนพี่เจิ้นห่างออกไปทุกที แต่สุดท้ายเขาก็กลับเข้ามาอีกครั้ง แถมยังดีกว่าเดิมอีกต่างหาก
“ดีจังเลยนะ” พี่หลินพูดออกมาเสียงแผ่วเบาก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ฉัน แล้วก็พูดออกมาต่อ “พี่ชอบเจิ้นตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ไม่คิดว่าจะได้เป็นเพื่อนกันมาจนถึงทุกวันนี้เพราะตอนนั้นพวกเราเรียนต่างคณะกันด้วยซ้ำไป รู้จักและสนิทกันเพราะเพื่อนในกลุ่มอีกที จากชอบก็กลายเป็นรัก มีคงมีแค่พี่ที่รู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว เพราะเจิ้นคิดแค่เพื่อนมาโดยตลอด”
ตึกตัก ตึกตัก
ฟังกี่ครั้งก็ยังหัวใจเต้นแรงอยู่ดี ถึงจะคุยกับพี่เจิ้นเข้าใจแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีบางช่วงเวลาที่คิดมากอยู่บ้าง
“ทับทิมไม่ต้องห่วงหรอกนะ พี่คงยอมแพ้แล้วจริง ๆ เพราะเจิ้นยืนยันชัดเจนหมดแล้ว ฝืนไปก็มีแต่เจ็บ และอาจจะเสียเพื่อนดี ๆ อย่างเขาไปแทน” ฉันหันไปมองหน้าพี่หลินยิ้ม ๆ เธอเองก็หันมามองหน้าฉันแล้วยิ้มด้วยเหมือนกัน มือข้างหนึ่งยื่นมากุมมือของฉันเอาไว้ด้วย “พี่ฝากเจิ้นด้วยนะ ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแย่”
“ไม่เลยค่ะ ทิมเข้าใจพี่ดี”
“งั้นพี่ไปก่อนนะ ถ้ามีโอกาสเราคงได้เจอกันอีก”
“ค่ะ” ยิ้มให้พี่หลินก่อนที่เธอจะลุกออกไป
พอพี่หลินเดินออกไปแล้ว ฉันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปวิวทะเลส่งไปให้แม่ทางไลน์พร้อมข้อความเล็กน้อยจนแม่ตอบกลับมา
เฮ้อ!
สดชื่นมาก ๆ เลยทีเดียว หลังจากนั้นก็กดเข้าไปอัปสเตตัสในเฟซบุ๊กต่อ เป็นรูปทะเลพร้อมกับข้อความว่า ‘ขอบคุณค่ะ’ แค่นี้จริง ๆ เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่พี่เจิ้นทำให้ มันทำให้ฉันมีความสุขมาก
นั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวอย่างกับคนบ้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายรูปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้อยากถ่ายตัวเองด้วย อยากเก็บความทรงจำในวันที่มีความสุขมาก ๆ เอาไว้ เลยเผยรอยยิ้มกว้าง ๆ ออกมา กำลังจะถ่ายรูปแต่กลับต้องตกใจเพราะพี่เจิ้นมายืนอยู่ข้างหลังเลยเผลอเงยหน้าขึ้นไปมอง เขาเองก็ก้มหน้าลงมามองด้วยเหมือนกัน
ตกใจ อึ้ง ตาค้าง กะพริบตาถี่ ๆ เห็นรอยยิ้มของพี่เจิ้นแล้วหัวใจเต้นแรงมากและที่ตกใจหนักไปกว่าเดิมคือเขากดจูบแผ่วเบาที่หน้าผากของฉันพร้อมกับเสียงอะไรบางอย่างจนทำให้ฉันได้สติ
“พะ พี่เจิ้น” รีบเบี่ยงตัวหลบก่อนจะหันไปมองหน้าเขา คนเจ้าเล่ห์กลับยิ้มออกมาแทน “ตกใจหมดเลย”
“หน้าแดง... เขินเหรอครับ” ยังมีหน้ามาแซวกันอีก
“ปะ เปล่าเขินนะคะ อากาศร้อน” ตอบเฉไฉไปเรื่อย ที่จริงโคตรจะเขินเลย
“เหรอ? แต่ตรงนี้ไม่มีแดดนะ” มองหน้าฉันยิ้ม ๆ เหมือนสะใจที่แกล้งกันสำเร็จ
“เลิกแกล้งหนูสักทีเถอะ พี่มาก็ดีแล้ว เดี๋ยวหนูทายาให้” ยื่นมือไปจับข้อมือของพี่เจิ้นให้ขยับมานั่ง เขามองพลางขมวดคิ้วสงสัยไปด้วย “พี่หลินเอามาให้ค่ะ”
“หือ?”
“แล้วก็คุยกันนิดหน่อย ไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ” พี่เจิ้นเงียบไปก่อนจะพยักหน้าเข้าใจ “เงยหน้าขึ้นมาหน่อยสิคะ”
เขาทำตามที่บอก ฉันเลยขยับเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อจะทายาตรงมุมปากให้เขา มีรอยช้ำแดง ๆ เห็นชัดเลยทีเดียว
“เสร็จแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างพวกเราสองคนอีกครั้ง สายตาเอาแต่ทอดมองไปยังทะเลเบื้องหน้ากันทั้งคู่ จนเสียงคนข้าง ๆ ดังขึ้นมา "พี่ไม่ได้อยากหายไปไหน แต่บางช่วงเวลาของคนเราก็ย่อมต้องทำผิดพลาดกันได้เสมอ และพี่ก็ไม่อยากเป็นคนที่ทำให้ช่วงเวลานั้นเกิดขึ้นระหว่างเรา ขอโทษที่หายไป ต่อไปพี่จะยืนอยู่ในที่ที่ทับทิมสามารถมองเห็นได้ตลอด พี่สัญญา"
ตึกตัก ตึกตัก
หัวใจเต้นแรงมากเลย ทำไมพี่เจิ้นพูดแบบนี้ หรือเขาได้ยินที่ฉันกับพี่หลินคุยกัน
"ได้ยินเหรอคะ" พี่เจิ้นยิ้มพร้อมกับพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะยื่นมือข้างหนึ่งของเขามากุมมือของฉันเอาไว้
"ไม่ว่าจะเจอกับปัญหาอะไร พี่ต้องเป็นคนแรกที่ได้รับรู้นะ ถ้าเชื่อใจพี่ ก็ต้องบอกพี่ทุกเรื่อง"
"ค่ะ"
ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกแบบตายตัวหรือยืนยันให้ชัดเจน แต่มันกลับทำให้ฉันมีความสุข ราวกับว่านี่คือสิ่งที่พวกเรากำลังเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน... ฉันก็อยากโตขึ้น อยากเป็นผู้ใหญ่ให้มากกว่านี้ ไม่ได้อยากถูกปกป้องอยู่ฝ่ายเดียว แต่อยากให้พวกเราต่างปกป้องซึ่งกันและกันมากกว่า
๐๐๐๐๐
กลับกรุงเทพฯ กันแบบงง ๆ แต่ก็มาถึงเย็นแล้ว พี่เจิ้นไม่ยอมไปส่งที่หอแต่พากลับมาที่บ้านของเขา บ้านเงียบมากเพราะยังไม่มีใครกลับมาเลย มาถึงเขาก็หิ้วกระเป๋าไปเก็บที่ห้องนอนแขกชั้นล่างก่อนจะเดินออกมา ตรงไปทางห้องครัวแล้วถือน้ำดื่มออกมาให้ฉันหนึ่งแก้ว
“ขอบคุณค่ะ” ฉีกยิ้มกว้างให้เขาก่อนจะรับแก้วน้ำมาดื่ม “ไม่ไปส่งหนูที่หอเหรอคะ”
“คืนนี้ค้างที่นี่แหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปส่ง”
“ค่ะ”
“พี่จะไปร้านกาแฟ เราจะไปด้วยไหม”
“ไปค่ะ” ไม่ปฏิเสธหรอกเพราะอยากไปมานานแล้ว
พี่เจิ้นเก็บของเสร็จก็ปิดบ้านก่อนจะพาฉันไปที่ร้านกาแฟต่อ วันหยุดด้วยคนเลยเยอะ บรรยากาศช่วงเย็นติดพลบค่ำก็ดีอีกต่างหาก ลมพัดเย็นมาก ลงจากรถพี่เจิ้นก็ถอดหมวกกันน็อคให้ก่อนจะจับมือพาเดินไปทางด้านหลัง เห็นพี่เจวุ่นอยู่กับการชงน้ำ เพราะที่ร้านมีเขาคนเดียว
“ไอ้เจ!”
“เหี้ย! ไอ้เจิ้น มึงแม่ง!”
“ฮ่า ๆ” พี่เจิ้นหัวเราะลั่นเชียว เหมือนสะใจที่ได้แกล้งพี่เจ “เดี๋ยวกูช่วย”
พี่เจิ้นว่าก่อนจะเดินเข้าไปช่วย ฉันเลยหันไปหาที่นั่งรออยู่ใกล้ ๆ จนพี่เจหันมาเห็น
“อ้าว!”
“สวัสดีค่ะ” ยกมือไหว้เขายิ้ม ๆ
“ทำไมไม่บอกว่าพาน้องมาด้วย”
“ตัวตั้งใหญ่มึงยังมองไม่เห็นอีก” พี่เจิ้นตอบกลับพี่เจออกไป ฉันถึงกับต้องก้มมองสำรวจตัวเองเลยทีเดียว ก็ไม่ได้อ้วนเป็นหมูเหมือนเมื่อก่อนสักหน่อย ออกจะผอมแล้วด้วยซ้ำไป แม้แก้มจะยังเยอะอยู่ก็ตาม
“เหรอเจิ้น น้องตัวเล็กนิดเดียว”
“ใช่เลยค่ะ พี่เจิ้นตาถั่วแล้ว” พอมีพวกก็ขึ้นเลย พี่เจิ้นถึงกับปรายตามามองหน้าฉันดุ ๆ เชียว
“พี่คะ ชาเขียวหนึ่งแก้วค่ะ” ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงหุบยิ้มกับน้ำเสียงเมื่อกี้ แต่ความรู้สึกเหมือนคุ้นหูมากเลยทีเดียว จนพี่เจกับพี่เจิ้นหันไปมองหน้าลูกค้า “วันนี้คิดว่าจะมาไม่เจอพี่ซะแล้วนะคะ”
ตึกตัก ตึกตัก
ปฏิกิริยาบางอย่างทำให้ฉันรีบเบี่ยงตัวหลบทันที ไม่รู้สิ! แค่เสียงหัวใจที่เต้นแรงก็ทำให้ฉันรู้สึกไม่โอเคแล้วจริง ๆ
“สงสัยวันนี้จะบังเอิญมั้งครับ” เสียงพี่เจิ้นตอบกลับไป เหมือนหัวใจมีแรงกระตุ้นให้ต้องเต้นแรงมากกว่าเดิม
“เดียร์ แกสั่งเผื่อฉันหรือยัง”
“ยังเลย แกจะเอาอะไร”
“เหมือนแกละกัน”
“เพิ่มชาเขียวอีกแก้วนะคะ” แค่เสียงคุ้นคงไม่พอแล้วสินะ เพราะมีชื่อยืนยันมาด้วยแล้ว ฉันรู้สึกว่ามือทั้งสองข้างกำลังสั่นและกลัวมากด้วย
หมับ!
ถึงกับต้องสะดุ้งสุดตัว พอเอี้ยวตัวหันไปมองก็เห็นพี่เจิ้นยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง เหมือนไม่อยากให้ฉันเห็นอะไรบางอย่างก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งบังเอาไว้
"เป็นอะไร"
"เปล่าค่ะ" ฉันกำลังโกหกพี่เจิ้น ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงฉันกำลังกลัว มือทั้งสองข้างประสานเข้าหากัน แถมยังออกแรงบีบมือของตัวเองหนักจนรู้สึกเจ็บ
"เหมือนพี่จะจำได้ว่าเคยพูดเอาไว้ มีอะไรให้บอก" เจอประโยคนี้ของพี่เจิ้น ฉันถึงกับไม่กล้าสบตาเขาตรง ๆ ได้แต่เสมองไปทางอื่นแทน "คิดว่าพี่เป็นคนแบบไหนกัน ถึงได้เอาแต่กลัว"
"หนูแค่..." ฉันไม่ได้อยากโกหกพี่เจิ้นหรอก แต่พอหันกลับมามองหน้าเขาก็พูดต่อไม่ออกอยู่ดี
"ที่บอกว่าเชื่อใจพี่ จริง ๆ แล้วเชื่อแน่เหรอ?" สะอึกทุกประโยคที่พี่เจิ้นพูดออกมา สีหน้าและน้ำเสียงของเขาจริงจังมาก ในขณะที่ฉันเอาแต่กลัว
"ขอโทษค่ะ"
"พี่ไม่ได้อยากฟังคำขอโทษ" น้ำตาจะไหลแล้วเนี่ย แต่ก็ต้องฮึบเอาไว้ พอเห็นว่าพี่เจิ้นจะลุกออกไปก็รีบคว้าข้อมือของเขาเอาไว้
"หนูแค่ไม่อยากเผชิญหน้าในตอนนี้"
"ถ้าเอาแต่กลัว แล้วเมื่อไหร่จะผ่านช่วงเวลานี้ไปล่ะครับ" พี่เจิ้นยิ้ม มือข้างหนึ่งของเขายื่นมาวางลงบนหัวของฉันพลางขยี้ไปมาจนผมยุ่ง "พี่จะจับมือทับทิมผ่านทุกช่วงเวลาไปให้ได้ครับ"
"ขอบคุณนะคะ"
"จะนั่งสวีทกันอีกนานไหมครับ" เสียงพี่เจดังขัดจังหวะขึ้นมา พี่เจิ้นเลยหันกลับไปมอง "กลับไปหมดแล้ว"
"เออ" ทั้งคู่รู้สินะ แต่อย่างน้อยฉันก็ดีใจที่ช่วงเวลาแย่ ๆ ยังมีพี่เจกับพี่เจิ้นคอยอยู่ข้าง ๆ แบบนี้
ฉันเกือบทำบรรยากาศเสียเพราะความกลัว ถึงจะอยากรู้ว่าเดียร์มาแถวนี้ทำไมก็ตาม แต่ก็ไม่อยากถาม ไม่อยากทำให้พี่เจิ้นต้องคิดมากไปด้วย ตอนนี้ร้านใกล้ปิดแล้ว ฉันเลยออกมานั่งรับลมเล่นด้านนอก จนพี่เจเดินเข้ามาหาพร้อมกับนมอุ่น ๆ หนึ่งแก้ว
"ขอบคุณค่ะ"
"ไอ้เจิ้นเป็นคนทำ พี่แค่เดินเอามาให้ครับ"
"แล้วพี่เจิ้นไปไหนคะ"
"พี่ให้มันล้างแก้วอยู่น่ะ โทษฐานที่ทิ้งร้านบ่อย ๆ" พี่เจตอบก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเพื่อนั่งลง "คิดมากเรื่องก่อนหน้านี้อยู่หรือเปล่าครับ"
"นิดหน่อยค่ะ แค่ไม่อยากเจอ..."
"ไม่ไกลจากที่นี่ก็มีมหาวิทยาลัยอยู่นะ สงสัยจะเรียนที่นั่นน่ะ ทับทิมไม่ต้องคิดมากหรอกนะ ไอ้เจิ้นไม่ใช่คนที่จะถูกยั่วยุจากสิ่งรอบข้างได้ง่าย ๆ หรอก ถ้ามันไม่อยากเล่นด้วย ก็เปล่าประโยชน์ที่จะเข้าหา" พี่เจกำลังปลอบใจหรือข่มขู่ฉันกันแน่เนี่ย เพราะฉันยังจำคำพูดวันนั้นของเดียร์ได้เป็นอย่างดี และพี่เจิ้นก็เป็นอีกคนที่ฉันไม่อยากเสียไป
"ค่ะ"
"นั่งรอคนเดียวได้นะ พี่ไปช่วยมันเก็บร้านก่อน เดี๋ยวบ่นมาอีก"
"ได้ค่ะ" พี่เจยิ้มให้ฉันก่อนจะลุกออกไป ฉันเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น จนมีสายโทรเข้ามาหา ปลายสายคือกั้ง
Rrrr
ยิ้มออกมาทันทีก่อนจะกดรับสายของกั้ง
"ฮัลโหล"
(เสียงอารมณ์ดีเชียวนะ ไปเที่ยวทะเลมาเหรอ)
"อืม แต่กลับมาแล้วแหละ"
(พรุ่งนี้ว่างไหม ไปดูหนังกัน ก่อนเปิดเทอม)
"ยังไม่แน่ใจเลย เดี๋ยวทิมบอกอีกทีนะ แล้วตอนนี้กั้งอยู่ที่ไหนเหรอ"
(จัดห้องเพิ่งเสร็จ เหนื่อยมาก ว่าจะอาบน้ำแล้วก็ลงไปหาอะไรกิน)
"โอเค ไว้พรุ่งนี้ทิมบอกอีกทีนะ"
เสียงกั้งเงียบไป ฉันเลยต้องเงียบตามด้วย เหมือนกั้งมีเรื่องจะถาม แต่ก็ไม่ยอมถามออกมา
"กั้งมีอะไรหรือเปล่า"
(เดียร์...)
ได้ยินแค่นี้เสียงหัวใจของฉันก็พลอยเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว ฉันกับกั้งเป็นเพื่อนที่สนิทกันพอสมควร พวกเราไม่มีความรู้สึกเป็นอื่นนอกจากความบริสุทธิ์ใจและหวังดีกันในแบบเพื่อนเท่านั้น หลาย ๆ เรื่องฉันเองก็ปรึกษากั้งนี่แหละ
(อยู่กรุงเทพฯ ด้วย เรียนที่เดียวกับกั้ง)
"อืม"
(โอเคหรือเปล่า)
"เรื่องไหนเหรอ"
(เรื่องพี่เจิ้น...)
พอเป็นชื่อของเขา เสียงหัวใจของฉันมักจะเต้นแรงเสมอเลย กั้งเองก็รู้เรื่องของพี่เจิ้นพอ ๆ กับเดียร์นั่นแหละ เมื่อก่อนฉันมักจะเล่าให้เพื่อนฟังอยู่เสมอ ตอนนั้นเหมือนสนุกที่ได้พูดออกมา แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันไม่สนุกแล้วสิ
(จริง ๆ กั้งก็ไม่อยากพูดเรื่องนี้ให้ทิมไม่สบายใจหรอกนะ แต่กั้งยังเป็นเพื่อนกับเดียร์ในเฟซบุ๊กอยู่)
"อืม"
(ถึงกั้งจะไม่เคยเจอพี่เจิ้น แต่กั้งก็เชื่อนะว่าเขาน่ะ...)
หมับ!
"พี่ทำไมเหรอครับ?"
"พี่เจิ้น เอาโทรศัพท์หนูคืนมานะคะ" มาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ แถมยังคว้าโทรศัพท์ของฉันไปคุยกับกั้งซะดื้อ ๆ อีก พอลุกจะแย่งคืนก็ไม่ยอมให้ "พี่เจิ้น!"
"รบกวนโทรหาทับทิมให้เป็นเวลาด้วยนะครับ เวลานี้พี่หวง"
ฮึย! พูดอะไรของเขาเนี่ย เขินจนไม่กล้าจะแย่งโทรศัพท์คืนมาเลยทีเดียว พอวางสายจากกั้งก็ยืนจ้องหน้าฉันเขม็งเชียว โทรศัพท์ก็ไม่ยอมคืนให้
"พี่คิดว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วซะอีก" ทำหน้าดุอีกแล้ว อยากจะร้องไห้
"เข้าใจแล้วค่ะ"
"แน่ใจ?" ดุไม่พอ หน้ายังเป็นยักษ์อีกต่างหาก จนฉันไม่กล้ามองหน้าสบตาเขาตรง ๆ ต้องนั่งลงที่เดิมแล้วหยิบแก้วนมอุ่น ซึ่งตอนนี้เริ่มกลายเป็นนมเย็นมานั่งดื่มแทน "ทับทิม!"
ตอนนี้ดุระดับล้านเลยค่ะ!
"หนูรู้ว่าตัวเองกำลังคิดมาก แต่หนูก็เชื่อใจพี่นะคะ หนูแค่ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ก็เท่านั้นเอง" ตอบกลับพี่เจิ้นโดยไม่ยอมมองหน้าเขาตรง ๆ จนพี่เจิ้นยื่นมือมาแย่งแก้วนมไปจากมือพร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้ามฉัน
"พี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะ"
"ค่ะ พี่แก่แล้ว..." เสียงแผ่วเบาเชียว
"ทับทิม!"
"ก็... ขอโทษค่ะ" ก้มหน้าสำนึกผิดแทบไม่ทันเลยทีเดียว สงสัยจะเล่นเยอะไปหน่อย "หนูจะพยายามไม่เจอกับเดียร์ค่ะ"
"ถ้าคนมันจะหาเรื่อง ต่อให้พยายามอยู่ห่างมากแค่ไหน ก็ยังต้องเจอกันอยู่ดี เพราะฉะนั้นยัยเด็กอ้วนของพี่ต้องมีสติ แล้วก็ตอบโต้แบบผู้ใหญ่ด้วย" ประโยคท้าย ๆ เหมือนเขาอยากจะล้อฉันไปด้วย แถมยังยื่นปลายนิ้วมาหยิกแก้มฉันเล่นอีกต่างหาก
"พี่เจิ้น! หนูผอมแล้วเนี่ย"
"ผอมอะไร แก้มยังเยอะเหมือนเดิม" ยังค่ะ ยังไม่เลิกหยิกแก้มฉันเล่นเลย ช้ำหมดแล้วเนี่ย
"แกล้งหนูเหรอคะ?" ขยับเข้าไปจ้องหน้าเขาใกล้ ๆ จนพี่เจิ้นขยับใบหน้าถอยห่างออกไป "ฮ่า ๆ กลัวหนูเหรอ"
"เล่นเยอะ ระวังจะไม่ปลอดภัย รีบกินนมให้หมด จะได้กลับบ้านกันครับ"
พี่เจิ้นยื่นแก้วนมคืนมาให้ฉันก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปเก็บของหน้าร้าน ฉันที่เอาแต่มองตามต้องอมยิ้มออกมาแทน ชอบที่ได้แกล้งเขาแบบนี้... และชอบที่เขาใส่ใจฉันมาก ๆ แม้แต่เรื่องเล็กน้อยก็ตาม
ความคิดเห็น