ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักเกินกว่าจะร้าย [จบ]

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 10 คนของผม (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 64


     

    10

    คนของผม

     

     

     

    [เจิ้น]

    เสร็จภารกิจ กลับบ้าน หาข้าวให้ทับทิมกิน พออิ่มก็บอกให้เข้านอน ดึกมากแล้ว นั่งหาวอยู่ตลอด ให้ทับทิมนอนห้องของแขก ก่อนจะเดินกลับขึ้นห้อง กำลังจะอาบน้ำแต่ไอ้เจกลับผลักประตูตามเข้ามาซะก่อน

    “อะไรของมึงอีก”

    “กูคาใจ”

    “เรื่องไหน” ไอ้เจปิดประตูก่อนจะเดินตามมานั่งที่เตียง “ถ้าเรื่องหลินกูเคลียร์จบแล้ว”

    “เรื่องหลินกูไม่ห่วงหรอก กูห่วงเรื่องเด็กที่ชื่อเดียร์มากกว่า” ผมเงียบ ผ่อนลมหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนจะพูดขึ้น

    “นี่ก็อีกคน” กลอกตามองหน้ามันไปด้วย “ไม่ไว้ใจกู”

    “มึงน่ะกูไม่ห่วงหรอก กูห่วงทับทิมมากกว่า จัดการได้ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่จัดการ”

    “ตอนนี้น่ะยัง เพราะกูไม่รู้ว่ายัยนั่นต้องการอะไร จริงอยู่ที่จุดประสงค์อาจจะชัดเจนนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรตรง ๆ กูเลยไม่อยากทำตัวเหมือนกระต่ายตื่นตูม”

    “กล้าเปรียบตัวเองเป็นกระต่ายนะสัส”

    “สุภาษิตครับไอ้เจ มึงนี่ขัดกูตลอดเลย” รู้แหละว่ามันอยากยั่วโมโหผม

    “ไม่ใช่แค่นี้สินะ”

    “อืม แค่อยากให้ทับทิมโตขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าคิดจะคบกับกูก็ต้องเชื่อใจกัน เพราะถ้ากูคบจริงจัง ก็ไม่ใช่เล่น ๆ เหมือนกัน” ไอ้เจยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ของผม “อีกอย่างกูไม่ค่อยชอบจัดการผู้หญิงตรง ๆ มันดูไม่แมนสักเท่าไหร่ ยิ่งเด็กกว่าเยอะด้วย ถ้ามันไม่สุดจริง ๆ อยากปล่อยให้ทับทิมจัดการเองไปก่อน กูก็ไม่ได้อยู่ด้วยตลอด ถ้าเรื่องแค่นี้ยังผ่านไปไม่ได้ แล้วต่อไปจะทำยังไง ปัญหามันไม่ได้มีแค่เรื่องหรือสองเรื่องสักหน่อย”

    “เจิ้นคนจริงจัง ได้ยินมึงพูดแบบนี้กูก็สบายใจ” ไอ้เจไม่ได้ห่วงผมหรอก ห่วงทับทิมมากกว่า กลัวจะถูกผมหลอก

    “กูรู้ว่ามึงกลัวกูจะทำให้ทับทิมต้องเสียใจ กูก็อยากบอกมึงด้วยเหมือนกัน ถึงตอนนี้จะยังไม่ได้คบกับทับทิมจริง ๆ จัง ๆ ก็ไม่ได้แปลว่ากูจะไม่รัก ไม่หวง คนของกู กูก็ย่อมต้องปกป้องให้ดีที่สุดในแบบของตัวเอง ส่วนพวกก้างขวางคอก็แค่เรื่องท้าทายที่ต้องค่อย ๆ จัดการ”

    “เออ! กูก็เชื่อว่ามึงจริงจัง แค่ชอบเล่นเยอะจนกูอดห่วงทับทิมไม่ได้”

    “นี่น้องมึงเองเจ หัดเชื่อใจกูหน่อย”

    “เออ! กูจะรอดู” กว่ามันจะยอมเดินออกไปจากห้อง เปลืองน้ำลายไปเยอะเลยครับ

    พอไอ้เจออกไป ผมก็อาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน เป็นเด็กดีสักหน่อย

     

    วันอาทิตย์ ร้านปิดครับ ปิดแบบไม่ต้องคิดเพราะพากันขี้เกียจ แถมไอ้เจยังติดป้ายประกาศไว้ก่อนผมจะบอกว่าปิดอีก ไหนจะประกาศหน้าแฟนเพจที่มันสร้างเอาไว้ด้วย ส่วนร้านอาหารพ่อเปิดปกติ แต่วันนี้แม่ไม่ได้ไปด้วย

    “เมื่อคืนป้ากลับมาถึงก็ดึกแล้ว ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลย เป็นยังไงบ้าง พออยู่ได้ไหม หรือจะมาอยู่ที่บ้านป้าดี ป้าเป็นห่วงจัง” แม่ร่ายยาวเลยครับ ทับทิมได้แต่นั่งฟังแล้วยิ้ม

    “ให้น้องอยู่หอดีแล้วแม่ อยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัย” ไอ้เจพูดออกมา แต่กลับปรายตามามองทางผมด้วย จนต้องด่ามันแบบไม่ออกเสียงเป็นรางวัลไปแทน

    “หนูอยู่ได้ค่ะ สะดวกด้วย ที่นั่นใกล้กับมหาวิทยาลัย”

    “ยังไม่เปิดเทอมใช่ไหม”

    “ยังเลยค่ะ”

    “งั้นเย็นนี้อยู่กินหมูกระทะกันนะ วันนี้ลุงจะกลับบ้านเร็วน่ะ ป้าบอกให้ซื้อของสดเข้ามาแล้ว”

    “พอทับทิมมาก็กินหมูกระทะเลยนะครับ ทีพวกผมให้หาข้าวกินเอง” ผมครับ ผมพูดเองแหละ จนแม่หันมาทำหน้าดุใส่

    “แน่ใจนะว่าอยากให้น้องกลับหอเร็ว” แม่ผู้รู้ใจ

    “ไม่ครับ” ชัดเจนในความรู้สึกของตัวเองมาก ๆ

    “งั้นก็ไม่ต้องพูดเยอะ เดี๋ยวจะโดนจัดการคนแรก” วันนี้แม่ดุเป็นพิเศษ ทับทิมก็เอาแต่อมยิ้มออกมา ส่วนไอ้เจสะใจออกนอกหน้ามากเลยทีเดียว

     

    ตกลงเรื่องหมูกระทะกันเสร็จก็ถูกแม่ไล่ให้ออกมาแต่งสวนกับไอ้เจ ส่วนท่านกับทับทิมอยู่ในครัวเพื่อจะทำบัวลอยไข่หวาน พ่อบ่นอยากกินแม่เลยจะทำเอาไว้ให้ ส่วนผมคงต้องขอบายเพราะของหวานไม่ใช่ทางเลือกของตัวเองสักเท่าไหร่

    “ดูมึงไม่ค่อยกั๊กเลยนะ”

    “พอกูไม่สนใจก็ด่า พอกูหวงออกนอกหน้าเข้าหน่อยทำเป็นพูดเยอะ ตกลงมึงจะเอายังไง”

    “ใจเย็น ๆ กูไม่ได้จะหาเรื่อง ฮ่า ๆ” จริง ๆ ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

    สามปีที่ผ่านมาเปลี่ยนอะไรไปเยอะเลยครับ โดยเฉพาะความรู้สึกที่โคตรชัดเจนมากของผม

    “รอแบบไม่คาดหวังอะไรมากมาย ใครจะไปคิดว่ายังเป็นคนเดิมที่รู้สึกมากกว่าใคร ๆ ทับทิมหนีไม่รอดแล้วแหละ” ประโยคท้าย ๆ หันไปยักคิ้วให้ไอ้เจด้วย พี่ชายถึงกับส่ายหน้าเหมือนเอือมระอาใส่ผมซะงั้น

    “น้องไม่หนีมึงตั้งนานแล้ว”

    “อย่าขัดกู!”

    ทั้งเถียงและช่วยทำงานในเวลาเดียวกัน กว่าสวนจะเรียบร้อยก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมง ช้าเพราะพักเล่นเกมกันอยู่ครับ พอทำงานเสร็จก็กลับเข้าบ้าน แยกย้ายกันไปอาบน้ำก่อนจะเดินลงมาข้างล่าง ได้กลิ่นหอมของบัวลอยแตะจมูกมาแต่ไกลเลยทีเดียว

    “หอมน่ากินมากเลยแม่” เสียงไอ้เจดังขึ้นมาจากด้านหลังก่อนจะรีบวิ่งลงจากบันไดเดินไปทางครัว ส่วนผมเดินไปนั่งที่โซฟา หยิบรีโมตมาเปิดโทรทัศน์ดู จนมีคนเดินมานั่งข้าง ๆ

    “ลองชิมให้หนูหน่อยสิคะ” ฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับยื่นถ้วยบัวลอยไข่หวานเล็ก ๆ มาตรงหน้า

    “พี่ไม่ชอบกินขนมหวาน”

    “แต่ถ้วยนี้พี่ต้องชอบ ลองดูหน่อยสิ” เอาอะไรมามั่นใจว่าผมต้องชอบ ปกติผมไม่กินของหวานอยู่แล้ว “รับไปสิคะ”

    “พี่ไม่กิน”

    “แต่หนูตั้งใจทำให้เลยนะคะ ปรุงรสชาติเองด้วย เพราะหนูทำแยกหม้อให้ แต่ถ้าพี่ไม่กิน หนูจะเอาไปให้พี่เจกินแทน” พูดจบก็ตั้งท่าจะลุกออกไป จนผมต้องยื่นมือไปคว้าถ้วยบัวลอยมาถือเอาไว้

    “ลองดูก็ได้”

    “คิดว่าจะแน่” ยังมาแซวกันอีกจนต้องทำตาขวางใส่แล้วลองกินบัวลอยดู

    ปกติไม่ชอบกิน แต่ถ้วยนี้ยอมให้พิเศษละกัน แถมกลิ่นยังหอมอีกต่างหาก และที่สำคัญไม่หวานมากด้วย ถือว่ารสชาติกลมกล่อมใช้ได้เลยทีเดียว

    “เป็นยังไงบ้างคะ”

    “ก็กินได้นะ”

    “แค่กินได้เองเหรอคะ พี่เจยังชมว่าอร่อยเลย” พอได้ยินชื่อไอ้เจก็รีบหันขวับไปมองหน้าทับทิมทันที

    “ไหนบอกทำให้พี่ แล้วไอ้เจกินได้ไง” เริ่มขึ้นเลยครับ แต่ทับทิมกลับนั่งกลั้นขำมองหน้าผมแทน “ทับทิม!”

    “หนูล้อเล่น ที่หนูทำแยกให้พี่ก็อยู่ในถ้วยนี้หมดละ... อือ” พูดมากนัก ตักป้อนเข้าปากซะเลย ทับทิมเกือบสำลัก

    “เป็นไง อร่อยไหม”

    “หนูเป็นคนทำ ก็ต้องอร่อยสิคะ”

    “อร่อยก็กินเยอะ ๆ นะ” ตักป้อนเข้าปากทับทิมต่อ รสชาติโอเค แต่คนไม่ชอบกินของหวานอย่างผมเลยไม่อยากกินเยอะ

    “หนูทำให้พี่ ไม่ได้ทำกินเอง ไม่หวานหนูไม่ค่อยชอบหรอก ถ้าพี่ไม่อยากกินก็เอาคืนมา” ยื่นมือมาแย่งด้วยครับ น้ำเสียงก็เหมือนงอนไปเรียบร้อย

    “โอเค พี่กินแล้วก็ได้ครับ” สุดท้ายก็ต้องยอมจริง ๆ เพราะไม่อยากให้เสียน้ำใจ พอเห็นผมนั่งกินก็ยิ้มใหญ่เลย น่าหมั่นไส้!

    “อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมของไอ้เจดังขึ้นมาก่อนจะเดินเข้ามาหา

    “ไอ้กระดูกเบอร์ตอง ชอบมาขัดจังหวะตลอด” ผมด่าขึ้นทันที

    “อะไรคือกระดูกเบอร์ตองวะ”

    “กระดูกหมาเบอร์ใหญ่” กลอกตามองบนใส่มันไปด้วย ชอบขัดขวางความสุขอยู่เรื่อยเลย

    “ฮ่า ๆ มึงก็ช่างสรรหาคำมาด่ากูได้ตลอดเลยนะ”

    “มึงไม่เห็นจะสะทกสะท้าน”

    “ก็เหมือนที่กูด่ามึง แล้วไม่สะทกสะท้านนั่นแหละ” การเถียงกันระหว่างผมกับพี่ชายคงเป็นเรื่องปกติไปแล้วแหละ แต่สำหรับคนข้าง ๆ ได้แต่นั่งทำหน้างงแล้วก็อมยิ้มออกมาแทน

    “ต่อหน้าน้อง หัดพูดจาให้ดี ๆ กันหน่อยนะ” เสียงแม่ดังขึ้นมาอีกคนพร้อมกับสีหน้าดุ ๆ ของท่าน “เจอย่าลืมเอาถุงผ้าไปด้วยนะ”

    “ครับ” ไอ้เจหันไปตอบแม่ก่อนจะหันมาทางผม “อิ่มยัง ลุกได้แล้ว”

    “ไปไหน”

    “ซื้อของที่แม็คโคร” ประโยคนี้จริงจังไม่เล่นแล้วครับ

    “ยัง แต่เดี๋ยวค่อยกลับมากินต่อก็ได้” ผมตอบกลับก่อนจะก้มมองหน้าทับทิม “พี่ฝากเก็บก่อน ห้ามให้ใครกินนะ”

    “จืดขนาดนี้คงไม่มีใครกินหรอกค่ะ นอกจากพี่คนเดียว” พูดออกมายิ้ม ๆ ก่อนจะรับถ้วยบัวลอยไปถือเอาไว้ ผมเลยลุกเดินตามไอ้เจออกไปอีกคน ปล่อยให้ทับทิมอยู่บ้านกับแม่แทน

    มาถึงแม็คโครภายในชั่วพริบตา เพราะอยู่ใกล้บ้านนี่เอง มาถึงก็ถูกใช้ให้ไปเอารถเข็นออกมาเลย ส่วนของที่ต้องซื้อไอ้เจจดมาแล้ว แค่เดินหาเท่านั้น

    "เอาเบียร์ไหม"

    "ซื้อไปให้แม่ด่าดิ" ผมตอบกลับ ไอ้เจถึงกับยิ้มออกมา ที่บ้านยังมีอยู่ครับ แม่บ่นทุกครั้งที่เปิดตู้เย็นแล้วเห็น เพราะซื้อไปตุนเอาไว้เยอะมาก "รีบซื้อของได้แล้ว กูอยากกลับบ้าน"

    "ทำตัวเป็นลูกหมาติดเจ้าของไปได้นะมึง"

    "ไม่ดีเหรอ? กูทั้งรัก ทั้งหลง ทั้งห่วง ทั้งหวงขนาดนี้น่ะ"

    "บางทีมึงก็เยอะจนกูชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าที่พูดออกมาน่ะ จริงจังมากแค่ไหน?" ไอ้เจมองผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย ผมเลยคลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับสีหน้ายียวนกวนประสาทกลับไปให้มันแทน

    "มึงไม่ต้องเชื่อกูไปซะทุกอย่างหรอก รู้แค่ว่ากูจะเป็นคนเดียวที่ไม่ทำร้ายทับทิมก็พอแล้ว"

    "เออ ประโยคนี้ค่อยน่าเชื่อถือหน่อย"

    "สัส! เลือกของต่อได้แล้ว" 

    ผมมีหน้าที่เข็นรถเดินตามหลัง ส่วนไอ้เจมีหน้าที่หารายการของที่จดเอาไว้ ส่วนใหญ่จะซื้อพวกเครื่องปรุงและเครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลมมากกว่า ก่อนจะพากันไปโซนขายของสด

    "ไหนแม่บอกว่าพ่อจะซื้อมาไง"

    "แม่ให้มาซื้อปลากับหมูเพิ่ม ส่วนพวกปลาหมึกกับกุ้งพ่อซื้อเอง" ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินไปหาหมูสับก่อนเลย หยิบถุงมาตักใส่ไปด้วย "ทำไมไม่ซื้อหมูเด้งวะ"

    "อันนี้ซื้อไปไว้"

    "ไว้ทำไม"

    "ทำต้มจืดให้ทับทิมกิน" ไอ้เจไม่ได้ถามอะไรอีกนอกจากยิ้มออกมา

    "เป็นเอามากนะมึงน่ะ หายใจเข้าก็ทับทิม หายใจออกก็ทับทิม"

    "รอมึงเจอคนที่รู้สึกพิเศษมาก ๆ อย่างกูก่อน แล้วมึงจะเข้าใจ" เหมือนมันไม่เชื่อผม ก่อนจะเดินไปเลือกปลาต่อ พอตักหมูสับใส่ถุงเสร็จก็เดินตามไอ้เจไปด้วย

    "เอาไก่ไหม"

    "ไม่เอา เอาหมูติดมันด้วย"

    "ใครจะกิน"

    "ให้ทับทิมกิน รู้สึกว่าผอมไปเยอะเลย" ต้องขุนให้อ้วนหน่อยครับ ถึงจะผอมแต่แก้มยังเยอะ คิดแล้วมันเขี้ยวอยากกัดแก้มเล่นมาก ๆ แต่ติดตรงที่ต้องข่มใจตัวเองเอาไว้ก่อน

    "แบบนี้ไม่ดีเหรอ"

    "ไม่ดี กูขี้เกียจแยกเขี้ยวใส่คนอื่น อย่าลีลา ซื้อไปด้วย ส่วนปลาไม่ต้องซื้อเยอะ เดี๋ยวจะเลือกกินแต่ปลาอีก" สั่งเสร็จเดินออกไปดูอย่างอื่นต่อ มือกำลังยื่นไปหยิบถุงเพื่อตักกระดูกอ่อนหมู แต่กลับต้องชะงักเพราะมีคนยื่นออกไปก่อน พอหันไปมองก็ต้องแปลกใจ

    "อ้าว! พี่นี่เองเหรอ บังเอิญอีกแล้วนะคะ"

    "นั่นสิครับ" ผมตอบกลับ แล้วยื่นมือไปหยิบถุงก่อน เพื่อจะตักกระดูกอ่อน

    "วันนี้ไม่เปิดร้านเหรอคะ"

    "ไม่ครับ"

    "แล้ว..."

    "ว่าแต่เราบังเอิญเจอพี่บ่อย ๆ แบบนี้ หรืออันที่จริงตั้งใจจะมาจีบพี่กันแน่ครับ" ผมพูดแทรกขึ้นมาก่อนจะหันไปมองหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ทำเอาคนตรงหน้าชะงักไปเลยทีเดียว แต่พอตั้งสติได้ก็ยิ้มแหย ๆ ออกมาแทน

    "แล้วเดียร์จีบพี่ได้หรือเปล่าล่ะคะ" ใจกล้ามากเลยครับ จุดประสงค์คงไม่ได้มีแค่นี้แน่นอน

    "คงไม่ได้หรอกครับ พี่มีคนสำคัญอยู่แล้ว น้องก็คงจะรู้จักดี งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ" ผมยิ้มให้ ก่อนจะเดินกลับไปหาไอ้เจที่ยืนมองอยู่ก่อนแล้ว

    "กูเห็นนะ"

    "เห็นแล้วทำไมไม่เข้าไปช่วย"

    "ครั้งแรกมึงจะไม่อะไร ครั้งต่อมาก็จะเริ่มเปิดประเด็น ถ้ายังมีอีกมึงก็จะพูดออกไปตรง ๆ แล้วแบบนี้กูจะเข้าไปยุ่งด้วยทำไม แค่ปากมึงคนเดียวก็เอาอยู่แล้วมั้ง" หมอนี่ก็ยังคงเป็นพี่ชายที่รู้ใจผมเหมือนเดิมนั่นแหละ

    "รู้ดี"

    "กูพี่มึงนะ อยากได้อะไรเพิ่มอีกไหม"

    "เต้าหู้ไข่มึงซื้อมาหรือยัง"

    "เรียบร้อยหมดแล้ว"

    "งั้นก็ไปคิดเงินแล้วกลับ" ผมว่า ไอ้เจพยักหน้ารับก่อนจะพากันไปคิดเงินแล้วก็พากันกลับบ้าน 

    มาถึงบ้านช่วยกันยกของเข้าไปเก็บในครัว แม่กับทับทิมกำลังช่วยกันเตรียมของอยู่พอดี

    "เดี๋ยวเจกับเจิ้นเอาเสื่อไปปูที่สวนด้วยนะ ไปนั่งกินกันตรงนั้นดีกว่า" แม่หันมาบอก ผมกับไอ้เจเลยพยักหน้าให้ก่อนจะพากันเดินออกมา

    "จะบอกทับทิมไหมว่าเจอเด็กคนนั้น"

    "เดี๋ยวค่อยบอก ถ้าบอกตอนนี้หมูกระทะเย็นนี้กร่อยแน่นอน ยิ่งชอบคิดมากอยู่ด้วย"

    "อือ"

    ผมกับไอ้เจช่วยกันจัดสถานที่จนเสร็จก่อนจะพากันเดินเข้าบ้านไปยกของอย่างอื่นต่อ ส่วนพ่อ… แม่บอกว่าท่านกำลังกลับ ที่ร้านก็ปล่อยให้ผู้จัดการดูแลไป ระหว่างรอผมกับไอ้เจหยิบโทรศัพท์ออกมานั่งเล่นเกมฆ่าเวลากันไปพลาง ๆ

    "ค้างที่บ้านป้าอีกสักคืนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยให้พี่เจิ้นไปส่ง" ตาดูหน้าจอโทรศัพท์ มือกดเล่น แต่หูฟังแม่กับทับทิมคุยกันตลอดครับ

    "ค่ะ"

    Rrrr

    เสียงโทรศัพท์เข้า ไม่ใช่เครื่องของผมหรือไอ้เจหรอก ของแม่ก็ไม่ใช่ แต่เป็นของทับทิม

    "หนูขอออกไปรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ" แม่ยิ้มและพยักหน้าให้ ทับทิมเลยเดินออกไป ผมมองตามทันที

    "ไอ้เจิ้นสนใจเกมหน่อย หน้าจอมันอยู่ตรงหน้ามึง ไม่ใช่หน้าบ้าน" ชอบขัดผมตลอดเลย

    "เดี๋ยวกูมา"

    "เฮ้ย ๆ เล่นเกมอยู่"

    "เจิ้น! อย่าเสียมารยาท" แม่พูดดักทางผมซะแล้ว สุดท้ายก็ไม่ได้เดินออกไปแอบฟัง นอกจากนั่งใจจดใจจ่อเล่นเกม หายไปตั้งนานแนะ

    "สงสัยพ่อจะกลับมาแล้ว หนุ่ม ๆ ออกจากเกมแล้วไปช่วยยกของกันด้วยนะ" แม่สั่งแล้วลุกออกไป ผมกับไอ้เจเลยต้องรีบจัดการเกมตรงหน้าก่อนจะกดออกจากเกม แล้วตามออกไปติด ๆ 

    ออกมาก็เห็นทับทิมช่วยยกของอยู่แล้ว ผมเลยรีบเดินเข้าไปคว้ามาถือเอาไว้แทน

    "หนูถือเองก็ได้ค่ะ"

    "ไม่เป็นอะไร" ผมว่า ทับทิมเลยยอมปล่อยมือก่อนจะปล่อยให้ผมถือของเข้าไปไว้ในครัว

    ช่วยกันขนของที่พ่อซื้อกลับมาจนเสร็จ แยกของเป็นส่วน ๆ เพื่อง่ายต่อการหมักและยกออกไปด้านนอก ส่วนนี้แม่กับไอ้เจเป็นคนจัดการครับ ผมเลยเดินออกมานั่งรอข้างนอกกับทับทิม ส่วนพ่อท่านขึ้นไปอาบน้ำ

    "เมื่อกี้ใครโทรมา"

    "แม่ค่ะ แล้วก็โทรหากั้ง..." ประโยคท้าย ๆ พูดเสียงแผ่วเบาเชียวครับ "กั้งชวนไปดูหนังน่ะค่ะ แต่วันนี้คงไม่ได้ไปแล้ว หนูเลยนัดไปดูพรุ่งนี้แทน"

    ขอบคุณที่บอกผมตรง ๆ ครับ พรุ่งนี้จะได้ไม่ให้กลับ!

     

    ปาร์ตี้หมูกระทะเริ่มต้นขึ้นแล้วครับ นั่งเป็นวงกลมในสวนข้างบ้าน ผมนั่งข้างทับทิม เลยคอยตักหมูติดมันที่สุกแล้วใส่จานให้ตลอด

    “พี่เจิ้น พอแล้วค่ะ”

    “กินเยอะ ๆ”

    “พี่ก็ตักอย่างอื่นให้หนูบ้างสิ มีแต่หมูติดมัน กินแล้วพองแก้ม” มุ่ยปากใส่ผมไปด้วยครับ นี่แหละจุดประสงค์ที่อยากให้กิน จะได้อ้วน ๆ “หนูอยากกินปลา”

    “กินหมูให้หมดก่อน”

    “พี่ตักมาตั้งเยอะ หนูกินไม่หมดหรอกค่ะ” เถียงอีกครับ ก่อนจะยื่นตะเกียบไปตักปลา แต่กลับถูกผมตีมือ “หนูเจ็บนะ”

    “กินหมูในจานให้หมดก่อน” ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วครับ

    “ตักมาใส่จานพี่ก็ได้ เดี๋ยวพี่ช่วยกินเอง” ไอ้เจพูดแทรกขึ้นมา แถมยังยื่นจานมาตรงหน้าทับทิมอีก

    “เอาจานมึงกลับไปเลย” ขู่พร้อมกับสายตาดุ ๆ ก่อนจะหันมามองหน้าทับทิม จ้องผมหน้าหงอยเชียว

    "ชิ" เบะปากใส่ผมด้วยครับ แต่ก็ยอมกินจนหมด พอเห็นผมถือตะเกียบหันไปทางตัวเองก็รีบยกจานหนี จนพ่อกับแม่นั่งขำ "หนูตักเองเป็นค่ะ"

    มันน่าตีนัก แผนขุนทับทิมให้อ้วนของผมเริ่มไม่ได้ผลอีกแล้วครับ เจ้าตัวไม่ยอมให้ตักของกินใส่จานเลย จนพ่อตักปลาใส่จานให้ คนข้าง ๆ นิ่งพลางเงยหน้าขึ้นมองเลยทีเดียว

    "กินเยอะ ๆ นะ ไม่ต้องเกรงใจ" พ่อผมพูดพร้อมกับรอยยิ้ม

    "ขอบคุณค่ะ" ทับทิมยิ้มออกมาด้วย แต่แววตาที่ผมเห็นกลับเศร้า จนต้องยื่นตะเกียบไปคีบปลาตรงหน้าค้างเอาไว้ "พี่เจิ้น ลุงตักให้หนูนะ"

    "เอาแต่นั่งมอง คิดว่าไม่กิน"

    "เอาตะเกียบออกไปเลย" แค่นี้แหละครับ อารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย

    "มึงเลิกแกล้งน้องได้แล้ว รีบ ๆ กิน" เสียงไอ้เจดังขึ้นมา ผมเลยหันไปเบะปากใส่มันแทน

    หมูกระทะมื้อเย็นเลยดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนไอ้เจยอมแพ้ ลุกออกไปคนแรกเลยครับ ตามด้วยพ่อกับแม่ เหลือแค่ผมกับทับทิมนี่แหละที่ยังนั่งกินอยู่

    "แกะกุ้งให้หนูหน่อย"

    "ยังไม่อิ่มอีกเหรอ" เงยหน้าขึ้นไปมองสบตาด้วย

    "ใกล้อิ่มแล้วค่ะ แต่ขอกินกุ้งก่อน" อมยิ้มกับคำตอบของทับทิมก่อนจะนั่งแกะกุ้งที่เหลืออยู่ในจานให้กิน ไม่ได้กินคนเดียวหรอกครับ ป้อนใส่ปากผมก็มี

    "พอก่อน พี่เคี้ยวไม่ทัน"

    "ขอบคุณนะคะ" กำลังแกะกุ้งอย่างตั้งใจจนทับทิมพูดขอบคุณออกมา งงจนต้องปรายตาไปมองเลยทีเดียว "วันนี้หนูอบอุ่นมากเลยนะคะ แต่เสียดายที่แม่ไม่ได้อยู่ด้วย"

    "ห้ามคิดว่าอยู่ตัวคนเดียวเด็ดขาดนะ เพราะทุกคนที่นี่ก็เห็นเราเป็นคนในครอบครัวด้วยเหมือนกัน"

    "ค่ะ"

    ติ้ง!

    นั่งยิ้มให้ทับทิมจนได้ยินเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา ปกติไม่ค่อยสนใจหรอก แต่มันดังขัดจังหวะไงเลยอยากหยิบออกมาดู สิ่งที่เห็นคือแท็กจากเฟซบุ๊ก เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันก่อนจะกดเข้าไปดู รูปที่เห็นกลับทำให้ผมต้องมองเข้าไปในบ้านทันที เห็นไอ้เจยืนยิ้มชูโทรศัพท์ไปมาอยู่ด้วยครับ

    "อะไรเหรอคะ"

    "เหนียงออกชัดเจนมากอะ" ผมว่าก่อนจะหมุนหน้าจอโทรศัพท์ให้ทับทิมดู พอเจ้าตัวเห็นก็หันไปทางทิศเดียวกับผมก่อนหน้านี้ทันที

    "ทำไมพี่เจเอารูปนี้ลงคะ หนูไม่เห็นสวยเลย"

    "ปกติก็ไม่เห็นสวย"

    "เหรอคะ? ไม่สวย แต่ทำไมคนแถวนี้ถึงหวงนักหวงหนา"

    "หึ!" อารมณ์ดีเชียวครับ ทับทิมพูดจริง ผมเลยไม่อยากขัด

    นั่งกินหมูกระทะกันอยู่สองคนจนหมด อิ่มแปล้เลยทีเดียว ก่อนจะช่วยกันเก็บ ไอ้เจออกมาช่วยเก็บด้วย จนเสร็จเรียบร้อยบอกให้ทับทิมไปนอน ส่วนไอ้เจเดินขึ้นไปก่อนแล้ว ผมเลยปิดไฟ ปิดบ้าน เดินกลับขึ้นห้องบ้าง แต่ยังไม่ทันได้เข้าห้องพ่อก็เปิดประตูห้องนอนของท่านออกมาซะก่อน

    "พ่อขอคุยด้วยหน่อยสิ"

    "ครับ" เปิดประตูห้องนอนให้พ่อก่อนจะเดินตามท่านเข้าไป เรื่องเดียวที่พ่ออยากคุยเวลานี้คงไม่พ้นทับทิมแน่นอน

    "เป็นยังไงบ้าง"

    "ถ้าพ่อหมายถึงเรื่องผมกับทับทิม ตอนนี้ก็แค่ปล่อยไปตามความรู้สึก ไม่ได้กะเกณฑ์กับความสัมพันธ์ในตอนนี้ อยากให้ค่อย ๆ เรียนรู้กันไปก่อนครับ" พ่อยิ้มให้กับคำตอบของผม

    "เจิ้นดูโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นนะ หลังจากนี้พ่อก็คงเบาใจ ไม่ต้องกลัวว่าเจิ้นจะทำให้ทับทิมต้องเสียใจอีก"

    "ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ถึงขนาดนี้หรอกครับ"

    "ต่อไปก็ดูแลกันให้ดี ๆ นะ น้องยังเด็ก ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ เจิ้นก็คงไม่รีบร้อนหรอกใช่ไหม" คำถามท้าย ๆ ของพ่อเหมือนแอบกดดันผมไปด้วยเลย

    "ผมจะพยายามให้ดีที่สุดครับ" กลัวทำไม่ได้ เลยต้องตอบแบบนี้แทน

    "ก็ยังดีกว่าคำตอบที่พ่อคาดหวังเอาไว้นิดหน่อย งั้นพ่อไปนอนก่อนดีกว่า ลูกก็นอนได้แล้วนะ... ไอ้ลูกหมา"

    "พ่อครับ" เสียงหัวเราะในลำคอของพ่อดังขึ้นมาจนท่านเดินออกไปจากห้อง ผมเลยเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงทันที 

    รู้สึกมีความสุขในแบบที่ผมเลือก... ไม่เคยคิดมาก่อนว่าความสัมพันธ์แบบนี้จะทำให้ผมหัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้

     

    ตื่นเช้ามาก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว วันนี้ร้านเปิดปกติ เลยต้องออกไปเปิดก่อน ส่วนทับทิมปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียวเพราะแม่ออกไปร้านอาหารกับพ่อตั้งแต่เช้าแล้ว

    "หนูกลับเองก็ได้นะคะ"

    "ไม่ต้องรีบหรอก เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง จากบ้านพี่ไปหอเรามันไกล"

    "แต่ว่า..."

    "ไม่มีแต่ครับ รออยู่บ้านนี่แหละ เดี๋ยวพี่กลับมา" ทำหน้าหงอยใส่ผมเชียว ก่อนจะเดินออกไปหาไอ้เจที่รถ

    "ทำไมไม่ไปส่งน้องที่หอก่อน เดี๋ยวกูนั่งวินไปที่ร้านก็ได้" พี่ชายที่แสนดีอีกแล้ว ขัดจุดประสงค์ของผมตลอด

    "ไม่ให้กลับ!" สวนกลับไปทันที จนไอ้เจเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมคำถาม

    "ทำไม?"

    "นัดผู้ชายไปดูหนัง กูเลยไม่ให้กลับ จบไหม?" ตอบก่อนจะหยิบหมวกกันน็อคมาใส่

    "หวงเก่งนะมึง เป็นแฟนกันแล้วเหรอ?" นี่ก็ขัดตลอด ไม่มีครั้งไหนที่คุยกันแล้วไอ้เจไม่ขัดผมเลยจริง ๆ

    "ยัง! กูซ้อมไว้ก่อน เพราะถ้าเป็นเมื่อไหร่ กูหวงหนักกว่านี้อีก"

    "นี่ขนาดมึงซ้อมนะ กูนึกว่าเป็นแฟนกันแล้วซะอีก" ไอ้เจพูดยิ้ม ๆ ก่อนจะสตาร์ทรถ ผมเลยขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย

    "คนของกู ถึงยังไม่ได้เป็นอะไรกัน กูก็หวง เพราะกูถือว่าตัวเองรู้สึกไปเยอะแล้ว"

    "เออ! กูยอม ฮ่า ๆ"

    หลงตัวเองต้องยกให้ผมเป็นที่หนึ่งครับ ตอนนี้ก็นั่งรอที่บ้านไปก่อน เอาไว้อารมณ์ดีมากกว่านี้แล้วค่อยไปส่ง ใกล้ ๆ ช่วงเย็นก็ได้ ผมไม่ซีเรียสอยู่แล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×