ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : หัวใจและความรู้สึกของผู้ชายคนหนึ่ง
ตอนที่ 9 มาแล้วค่ะ หายไปนานมากๆ ไม่รู้ว่าจำกันได้หรือเปล่า ถ้าลืมก็ไปอ่านตอนเก่าก่อนได้นะคะ
หวังว่าตอนนี้จะสนุก (ไม่ค่อยถนัดเขียนฉากเลิฟซีนเลยจริงๆน้า)  แนะนำติชมได้เหมือนเดิมจ๊ะ..
ปล.บางช่วงอาจจะแปลกๆเพราะ cha ตรวจแก้แค่รอบเดียวเอง แถมทิ้งไปนานด้วย มันเลยไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ ไม่ว่ากันนะ
++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 9 หัวใจและความรู้สึกของผู้ชายคนหนึ่ง
“นี่ใช่มั๊ย..คนที่พี่รัก!”
ร่างสูงของภูมิยืนกอดอกมองเจด้วยสายตาโกรธขึงเต็มที่ สายตาคมไล่เลยไปที่โทรศัพท์เจ้ากรรมในมือของอีกฝ่ายก่อนจะคว้าข้อมือบางขึ้นมา พร้อมกับจ้องมองชื่อของปลายสายบนหน้าจอด้วยความโกรธจัด!
“DD มันเป็นใคร!!”
เจที่เพิ่งจะระงับสติได้รีบกระชากข้อมือของตนกลับด้วยความตกใจกลัว แต่ภูมิก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ทั้งสองเลยยื้อยุดกันไปมาอยู่แบบนั้น
“ปล่อยนะ!!” เสียงใสตะโกนลั่น
“พี่ก็บอกมาก่อนสิว่า DD คือใคร!! พูดจาสนิทสนมกันขนาดนั้น มันคือแฟนของพี่ใช่ไหม!!”
“ไม่ใช่!! แค่ลูกค้าคนสำคัญ นายอย่ามายุ่งเลย ปล่อยฉันได้แล้ว!” เจรีบเอ่ยปฏิเสธ และเริ่มรู้สึกกังวลกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับผิดในน้ำเสียงอันสั่นเครือของตนได้
“มันชื่ออะไร!!”
“ก็บอกแล้วว่าเป็นลูกค้า นายไม่ต้องสนใจหรอก”
“ผมอยากรู้ ถ้าพี่ไม่บอกผมก็จะไม่ปล่อย”
ภูมิจ้องหน้าพี่เมียของตนนิ่ง ไม่สนใจอาการยื้อยุดฉุดกระชากของตนตรงหน้าซักนิด แต่ผู้คนภายในล๊อบบี้กลับเริ่มหันมามองกันบ้างแล้ว ซึ่งทำให้เจต้องรีบส่งสายตาเตือน แต่ภูมิยังคงมีท่าทางไม่สนใจอยู่เหมือนเดิม
“เดชา ดวงนนท์ พอใจหรือยัง” เจตอบแบบไม่สนใจนัก ยังพยายามสะบัดข้อมือของตนให้พ้นจาการถูกดึงรั้ง
“ผมจะไปดูรายชื่อลูกค้าของเราว่ามีคนชื่อเดชา ดวงนนท์หรือเปล่า หวังว่าพี่คงไม่ได้โกหกผมนะ” พูดจบ ภูมิก็ยอมปล่อยข้อมือบางให้เป็นอิสระแบบไม่ค่อยเชื่อใจเท่าไหร่
“อยากจะไปดูก็ตามใจ เขาเป็นลูกค้าคนสำคัญที่ติดต่อกับฉันโดยตรง นายหาไปก็คงไม่เจอง่ายๆหรอก”
เจไม่คิดจะเสวนากับน้องเขยให้นานนักจึงรีบเดินหนีออกมาทันที แต่ภูมิก็ติดตามมาแบบไม่ยอมให้คลาดสายตา เขาจึงต้องถอนหายใจออกมายาวๆเพราะรู้สึกอัดอัดใจเต็มที
..สงสัยว่ากลับไปบ้านคราวนี้คงต้องไปคุยให้จริงๆจังๆกันซักครั้งแล้ว .
++++++++++++++
วันนี้ที่ร้านของดวงเมืองยังคงแน่นขนัดไปด้วยบรรดาลูกค้าเหมือนเคย
เจเข้ามาในเวลาที่ค่อนข้างเป็นช่วงดึกแล้ว เขาเข้าไปนั่งที่โต๊ะประจำของตนแบบไม่ต้องมีใครมาคอยดูแลเพราะเป็นขาประจำที่นี่ สักพักกาแฟดำหอมกรุ่นก็มาเสิร์ฟให้
“กาแฟครับคุณเจ วันนี้มาดึกจัง”
เจส่งยิ้มให้ “วันนี้งานยุ่งน่ะ แล้วเจ้านายไม่อยู่เหรอ”
“อยู่ครับ แต่เห็นรับโทรศัพท์แล้วก็ผลุนผลันออกไปเลย นี่ถ้ารู้ว่าคุณเจมาคงต้องรีบมาหาแน่ๆเลยครับ เพราะตั้งแต่เปิดคลับก็เห็นชะเง้อมองที่หน้าประตูตลอด พอไม่ใช่คุณเจก็หน้าบูดเลย พวกผมล่ะแย่ไปตามๆกัน”
“ทำไมอย่างงั้นล่ะ ไม่แน่..บางทีเขาอาจจะไม่ได้รอผมอยู่ก็ได้นะ”
“น้อยไปสิครับ” เอกก้มลงแอบกระซิบเบา “เมื่อวานเจ้านายเขารอคุณเจตั้งแต่เย็นเหมือนกัน พอรู้ว่าคุณเจไม่มาก็อารมณ์เสียใหญ่ แต่พอได้เบอร์โทรจากคุณดลเท่านั้นแหละ พณฯท่านก็ยิ้มออกทันทีเลยครับ”
หัวใจดวงน้อยของเจพองโตจนแน่นหน้าอก นี่ดวงเมืองเริ่มมีใจให้เขาแล้วใช่ไหม ความพยายามของเขาไม่สูญเปล่า คนๆนั้นกำลังจะยอมรับเขาแล้ว ..
“อ้อ..แล้วก็อีกเรื่องครับคุณเจ..พรุ่งนี้วันเกิดเจ้านาย คลับของเราจะปิดบริการเร็วหน่อยเพราะจะจัดปาร์ตี้เล็กๆกัน คุณเจก็มาด้วยกันสิครับ เป็นโอกาสดีเลยนะ”
“วันเกิดของเมืองเหรอ” เจทำท่าตกใจมาก เพราะตนไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ในใจรู้สึกผิดขึ้นมาที่ทำไมตัวเองไม่รู้เรื่องที่สำคัญของคนที่รักแบบนี้
“ฉันมาแน่นอน ขอบใจนะที่บอก เพราะถ้าเอกไม่บอก เมืองก็คงไม่ยอมบอกฉันแน่ๆ”
เอกพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับหัวเราะ ก่อนจะขอตัวไปทำงานของตนต่อ เจจึงนั่งรอคนรักต่อไป พลางคิดอะไรเพลินๆ วันเกิดของดวงเมืองทั้งที ต้องพิเศษหน่อย แต่ตายละหว่า! เขายังไม่ได้เตรียมของขวัญเลยนี่นา.. พรุ่งนี้แล้วด้วยสิ! ..เจจึงพยายามนั่งคิดหาของขวัญที่จะต้องพิเศษสุดๆ
“เมืองเขาจะชอบอะไรนะ เนคไท ไม่ดี ไม่เห็นเคยผูกนี่นา หรือจะเอาปากกา...ก็พื้นๆเกินไปหน่อย เอ..หรือซื้อรถซักคันให้ไปเลย..โอ๊ย! เขาก็รู้หมดสิว่าจริงๆแล้วเรารวยน่ะ”
..คิดไปคิดมาก็ไม่ได้ของถูกใจซักอย่าง เลยนั่งหน้าเครียด แต่บางทีก็อมยิ้มขึ้นมาแล้วก็กลับมาหน้าเครียดใหม่ ..
“ทำไมมันยากแบบนี้นะ”
เจบ่นอุบเมื่อนึกหาของขวัญที่ถูกใจให้ไม่ได้ หรือจะเอาตัวเองผูกโบว์ให้ดี แต่แค่คิดก็รู้สึกขนลุกแล้ว ถ้าดวงเมืองเห็นเข้าคงจับเขาโยนออกนอกคลับแน่ ความคิดบ้าๆ (แต่อยากทำแฮะ)
“คิดอะไรอยู่ครับท่านประธาน เดี่ยวหน้าเคร่งเดี๋ยวหน้ายิ้ม คนมองกันทั้งคลับแล้วครับ”
อยู่ๆก็มีร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งก้มลงมามองเขา พร้อมรอยยิ้มขำ ด้านหลังยังมีหญิงสาวสวยในชุดราตรีสีดำสั้นดูเซ็กซี่กำลังหัวเราะอยู่เช่นกัน
“อ้าวคุณกร..คุณโส มาได้ยังไงกันนี่”
ร่างสูงใหญ่เลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวก่อนเจ้าตัวจะนั่งลงตรงข้ามผู้เป็นเจ้านาย “ก็นัดเดทกับสาวสวยอย่างโส ผมก็ต้องเลือกคลับหรูๆหน่อยสิครับ จริงไหม”
โสรยาหันไปส่งสายตาหมั่นไส้ให้ จนภากรต้องยอมสารภาพ
“แหม ผมพูดเล่นครับ วันนี้เราสองคนมาเที่ยวกันเฉยๆ แล้วก็อยากมาทำความรู้จักกับคนสำคัญของเจ้านายหน่อย”
เจยิ้มเขิน “อย่าไปพูดให้เขาได้ยินเชียว ไม่งั้นโดนโกรธแน่ๆ”
“คร้าบ คร้าบ แล้วนี่เจ้าตัวอยู่แถวนี้หรือเปล่าครับ ผมกับโสจะได้ช่วยกันสแกนหน่อย”
“ไม่รู้สิ ยังไม่เห็นเลย แต่พวกคุณมาก็พอดีเลย ผมกำลังจะโทรไปหาอยู่”
“มีเรื่องอะไรสำคัญหรือครับ”
“พรุ่งนี้วันเกิดเมืองเขา ผมคิดว่าจะหยุดงานซักวัน คุณช่วยเคลียร์งานทั้งหมดไปทำวันจันทร์แทนแล้วกัน”
“ก็พอได้ครับ เพราะพรุ่งนี้ไม่ค่อยมีอะไรอยู่แล้ว”
“แล้วคุณโสล่ะ ตารางนัดมีปัญหาหรือเปล่า”
“อ๋อ..ไม่หรอกค่ะ ส่วนใหญ่นัดสำคัญจะอยู่วันจันทร์” หญิงสาวยิ้มและมองไปแบบเข้าใจ “หรือว่าเมื่อกี้คุณเจกำลังคิดหาของขวัญอยู่หรือค่ะ”
พูดถูกแผงเลย คนเป็นเจ้านายเลยยิ้มแห้งๆ
ภากรมองเพื่อนสาวด้วยความทึ่ง “รู้ได้ไงน่ะโส”
“เขาเรียกว่าเซ้นท์ของลูกผู้หญิงย่ะ ผู้ชายน่ะทึ่มกับเรื่องแบบนี้จะตาย” แล้วหันมาสนใจเจ้านายด้วยท่าทางอยากรู้เต็มที่
“แล้วคุณเจคิดไว้หรือยังคะ”
เจสั่นศีรษะทันที “ยังเลย ผมก็พยายามหาอยู่ อยากได้ของขวัญที่ทำให้เขาประทับใจ แล้วก็มีความหมายด้วย”
“นาฬิกาดีไหมค่ะ ที่แผนกออกแบบเพิ่งจะส่งแบบใหม่มาให้ดู สวยมากเลยค่ะ เหมาะกับคุณสุภาพบุรุษ แล้วถ้าคุณเจสั่งทำพิเศษก็คงจะเป็นนาฬิกาที่มีเรือนเดียวในโลกแน่”
เจเองก็รู้สึกปิ๊งไอเดียขึ้นมาตั้งแต่ได้ยินแล้ว นาฬิกางั้นเหรอ จำได้ว่าที่บ้านมี ได้การล่ะ
“ขอบคุณมากเลยคุณโส ผมหาของขวัญให้เขาได้แล้วล่ะ พรุ่งนี้คุณช่วยส่งแบบนาฬิกาทั้งหมดมาให้ผมด้วยนะ เอาแต่เช้าเลย เพราะช่วงบ่ายผมจะให้ช่างลงมือทำตัวเรือน”
“ได้ค่ะ..”
พอหาทางออกเรื่องที่กำลังกลุ้มใจได้เรียบร้อยแล้ว เจก็ยิ้มจนหน้าบานแล้วเข้าสู่โลกส่วนตัวไปเรียบร้อย
สองเลขาจึงพากันยิ้มขัน แล้วหันไปแอบซุบซิบนินทากันสนุก แต่สายตาก็ยังไม่ลืมที่จะสอดส่ายคอยมองหาคนที่โชคดีที่สุดในประเทศที่ได้หัวใจของผู้เป็นเจ้านายไปครอง เพราะทั้งสองอยากรู้จริงๆว่าคนที่ชื่อดวงเมือง..คนที่ถูกรัก..หน้าตาจะเป็นยังไง ..
+++++++++++++++++++++++++
..ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว .
แต่เจก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าของคลับ หัวใจที่ตอนแรกพองโตก็เริ่มเหี่ยวแฟบลงบ้างแล้ว ใบหน้าสวยดูเศร้าระคนผิดหวัง แต่ลึกๆก็ยังมีความหวังอยู่ว่าวันนี้คงจะได้พบหน้าแน่ๆ ส่วนสองเลขาก็นั่งมองหน้ากันไปมาแบบไม่รู้จะช่วยเจ้านายยังไงดี
“คุณเจ ดึกแล้วนะครับ ผมว่ากลับบ้านก่อนดีกว่า” ภากรบอก รู้สึกเป็นห่วงคนตรงหน้านิดหน่อย
“นั่นสิคะ ดึกมากแล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ดีกว่าค่ะ” โสรยาเอ่ยสนับสนุน
เจไม่ได้ตอบ เพราะเขายังไม่อยากจะกลับเลย ในใจรู้สึกสงสัยไม่รู้ว่าดวงเมืองไปไหนถึงกลับดึกขนาดนี้ หรือจะเป็นเพราะโทรศัพท์นั่นกันนะ ใครโทรมา..ผู้หญิงหรือเปล่า แค่คิดก็รู้สึกไม่ดีซะแล้วสิ
“คุณสองคนกลับไปก่อนเถอะ ผมจะนั่งอยู่อีกซักพักนึง” เขาตอบเสียงเบา
“แต่ว่า” โสรยาไม่เห็นด้วย พลางหันไปขอให้คนข้างๆช่วยพูด แต่ภากรก็ได้แต่ส่ายหน้า
“ถ้างั้นเราสองคนกลับก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรโทรหาพวกเราได้ตลอดเวลาเลย”
ภากรบอก แล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง โสรยาจึงต้องลุกตามอย่างเสียไม่ได้ เธอจึงส่งสายตาเคืองๆมาให้ชายหนุ่มแต่เขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ขอบคุณนะ ทั้งสองคนเลย คุณกรส่งคุณโสให้ถึงบ้านนะ แล้วขับรถกลับระวังด้วยล่ะ” เจยิ้มส่ง
สองเลขาก้มศีรษะให้ผู้เป็นเจ้านาย แล้วจึงพากันเดินออกมายังภายนอกคลับ ภากรยังคงมีท่าทีสบายๆผิดกับโสรยาที่ออกจะโกรธๆอีกฝ่ายอยู่นิดหน่อย
“กร ทำไมไม่พูดให้คุณเจกลับบ้านล่ะ มันดึกมากแล้วนะ” เธอถาม
ร่างสูง เปิดประตูรถให้หญิงสาว แล้วดันอีกฝ่ายให้เข้าไปอย่างไม่ค่อยสนใจอยากจะตอบคำถามนัก
และหลังจากที่หญิงสาวนั่งอยู่ในรถเรียบร้อยแล้วก็ยังอดบ่นไม่ได้ ใครๆก็รู้ว่าคุณเจตราเข้าพบยากขนาดไหน ขนาดคนใหญ่คนโตบางคนยังรอคิวยาวเหยียด แถมไม่รู้ว่าจะถูกปฏิเสธหรือเปล่าด้วย บางคนถึงขนาดขอร้องเธอให้ช่วยนัดพบคุณเจเป็นการส่วนตัวให้ด้วยซ้ำ
“อีตาดวงเมืองนั่นก็ร้ายชะมัด ให้ท่านประธานของเรามานั่งรออยู่ได้ตั้งหลายชั่วโมง รู้บ้างหรือเปล่านะว่าคนที่อยากจะพบคุณเจน่ะต้องรอคิวยาวขนาดไหนกัน ตัวเองโชคดีขนาดนี้ยังไม่รู้คุณค่าอีก น่าหมั่นไส้จริง”
“เอาน่า..ตอนนี้คุณเจกำลังอยู่ในห้วงรัก ถึงลำบากแค่ไหนแต่เพื่อคนที่รักก็ยอมทำทั้งนั้น ฉันถึงไม่ยอมพูดไงล่ะ เพราะพูดไปเจ้าตัวก็ไม่ยอมฟังหรอก”
“แล้วจะปล่อยไว้แบบนี้เหรอกร..ฉันรู้สึกเป็นห่วงยังไงก็ไม่รู้สิ”
พูดจบ โสรยาก็หันมองไปทางคลับโดยไม่รู้ตัว
“ก็รอดูกันไปอีกซักพัก ยังไงคนๆนั้นก็เป็นคนที่คุณเจเลือกแล้ว และเขาอาจจะไม่เลวร้ายเหมือนที่เราสองคนคิดก็ได้”
ภากรบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ขัดกับความรู้สึกในใจ นัยน์ตาสีเข้มมีแววไหวระริกอยู่ลึกๆด้วยความห่วงกังวล
“ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนั้น กลับเถอะ” โสรยาเอ่ยบอก
ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกจากคลับไปอย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่นั่งข้างๆยังคงมองไปที่คลับใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
และมองอยู่..จนกระทั่งมันค่อยๆหายลับไปจากสายตา
+++++++++++++++
หลังจากที่สองเลขาคนสนิทกลับไปแล้ว ร่างโปร่งยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่แบบนั้น ในสมองคิดไปต่างๆนาๆ ทั้งเป็นห่วงและน้อยใจ
ก็ตนอุตส่าห์เคลียร์งานทั้งวันจนไม่ได้กินไม่ได้นอน เหนื่อยแทบขาดใจ ทั้งหมดก็เพื่อจะหาเวลามาพบหน้ากัน แต่สุดท้ายกลับปล่อยให้ต้องรอคอยอยู่คนเดียว ได้แต่นั่งกินกาแฟ ซึ่งบนโต๊ะก็มีอยู่ไม่ต่ำกว่าสามถ้วยแล้ว
เจถอนหายใจยาวแบบหมดหวัง นี่เขาจะกลับบ้านดีไหมนะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่อย่างที่โสรยาบอกจะดีกว่าหรือเปล่า แต่ไม่นาน ความคิดนี้ก็ตกไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้นะ..ห้ามท้อเด็ดขาด นี่มันเพิ่งเริ่มเท่านั้น ถ้าเกิดยอมแพ้ตอนนี้จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ”
พอตัดสินใจได้แล้วจึงเดินเข้าไปหาบริกรหนุ่มทันที สีหน้าแจ่มใสขึ้น
“เอก..วันนี้ผมขอค้างที่นี่ได้หรือเปล่า” เจเอ่ยถาม
บริกรหนุ่มที่กำลังง่วนอยู่กับเค้าท์เตอร์เครื่องดื่มหันมาส่งยิ้มเจื่อนๆให้ “ได้สิครับ ต้องขอโทษคุณเจมากๆเลยครับที่ต้องให้นั่งรอนานขนาดนี้ ผมไม่ทราบจริงๆว่าเจ้านายไปไหน”
“ไม่เป็นไรหรอก ผมเป็นคนอดทน เรื่องแค่นี้สบายมาก”
เจยิ้มตอบ ก่อนจะเดินไปในห้องส่วนตัวของดวงเมืองด้วยท่าทางที่เหนื่อยล้าเต็มที เขาทิ้งตัวลงบนโซฟากว้าง รู้สึกหมดแรงยังไงบอกไม่ถูก มือทุบลงไปที่หลังคอเบาๆเพื่อคลายอาการเกร็ง และแม้จะกินกาแฟเข้าไปตั้งสามถ้วยแล้วแต่ดูเหมือนจะไม่อาจห้ามความรู้สึกง่วงงุนที่เริ่มถาโถมเข้ามาได้เลย
“อาบน้ำซักหน่อยดีกว่าเรา”
ร่างโปร่งค่อยๆลุกจากโซฟา เดินโซเซไปที่ตู้เสื้อผ้า ค้นได้เสื้อผ้าของเจ้าของห้องมาได้ชุดหนึ่งพร้อมกับผ้าเช็ดตัวอีกผืน แล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างคนหมดแรง
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตขาวตัวโคร่งกับกางเกงสีดำหลวมๆ และพอมองตัวเองในกระจกแล้วก็ทำให้นึกถึงคนเป็นเจ้าของขึ้นมาทันที ใบหน้าใสแดงระเรื่อขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
“คนอะไรตัวใหญ่จัง เสื้อหลวมโคร่งเลย”
เจรีบสลัดความคิดบ้าๆออกจากหัว แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างอย่างถือวิสาสะ ก็เจ้าของเขาอนุญาตแล้วนี่นา ยังไงก็ขอรบกวนหน่อยแล้วกัน
นัยน์ตาคู่สวยหลับลงอย่างอ่อนล้า และไม่นานก็เคลิ้มหลับไปแบบไม่รู้ตัว จึงไม่ทันได้รู้สึกว่าในความมืดสลัวนั้นได้มีใครคนหนึ่งซึ่งเดินเข้ามาและนั่งลงที่ข้างเตียง พร้อมกับจับจ้องมองตนอยู่เนิ่นนานแล้ว .
++++++++++++++
ดวงเมืองกลับเข้ามาในคลับเกือบตีสอง ในคลับยังเหลือเอกซึ่งกำลังขะมักเขม้นเก็บของอยู่ และเมื่ออีกฝ่ายเห็นเขาจึงบอกว่าวันนี้มีคนๆหนึ่งขอนอนค้างที่นี่เพราะอยู่รอพบไม่ไหว
คน..ที่เขาอยากเจอ ซึ่งไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมรู้สึกแบบนั้นได้ .
“แล้วทำไมไม่บอกเขาไปว่าฉันไม่อยู่ ไม่ต้องรอ”
“ก็คุณเจท่าทางอยากพบคุณเมืองมากเลยครับ นั่งรออยู่ตั้งหลายชั่วโมงแล้ว พวกผมก็ไม่รู้จะบอกยังไง” เอกเอ่ยบอกเจ้านายของตนแบบเกรงๆ “ดูคุณเจท่าทางเหนื่อยๆเหมือนคนไม่ได้พักผ่อน ผมเลยเปิดห้องพักของคุณให้ครับ”
“อืม เดี๋ยวฉันไปดูเขาเอง ฝากปิดคลับด้วย”
ดวงเมืองไม่รอคำตอบโต้จากลูกน้องคนสนิท ร่างสูงเดินพรวดๆเข้าไปในห้องส่วนตัวของตนทันที
ภายในห้องค่อนข้างมืดสลัว แถมอากาศก็เย็นจัดจนรู้สึกหนาว เขาจึงเดินเข้าไปหรี่แอร์ให้เบาลงเล็กน้อย ก่อนจะเข้ามายืนประชิดที่เตียงของตนเอง สายตามองไปยังร่างของใครคนหนึ่งที่กำลังหลับนิ่งอยู่ แล้วความเรียบเฉยในนัยน์ตาก็แปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนอ่อนไหว
“คุณเจ”
ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ และยังคงจับจ้องใบหน้าของคนที่หลับไม่วางตา นิ้วเรียวไล้ไปตามหน้าผาก คิ้ว เปลือกตา แก้ม และหยุดที่ริมฝีปากอ่อนนุ่ม
ดวงเมืองโน้มตัวลงมาเข้าใกล้ใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะแนบริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากนุ่มที่หวานละมุนนั้นอย่างไม่รู้สึกตัว ได้ยินเสียงครางเบาๆจากร่างบนเตียง ทำเอาสมองรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมากะทันหัน และแทบไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำอะไรลงไป
จูบลึกซึ้งที่แสนวาบหวาม ส่งผลให้คนที่หลับอยู่เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา แต่ก็ยังงัวเงียเต็มที ดวงเมืองจึงถอนริมฝีปากของตนออกมาอย่างยากเย็น
“เมือง .” เสียงเรียกชื่อของเขาแผ่วหวานจนรู้สึกร่างกายร้อนขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
“คุณไม่สบาย นอนพักเถอะ”
เขากระซิบเบาแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ค่อยรับรู้อะไรเท่าไหร่ คงเพราะกำลังเริ่มจะไม่สบาย และยังอยู่ในอาการมึนงง
“เมือง ผม..รักคุณ เป็นห่วง..มาก”
“อืม..รู้แล้วครับ นอนนะ”
ใช่ เขารู้ถึงความรู้สึกของเจนานแล้ว คำพูดสุดท้ายจากโทรศัพท์ของเมื่อวาน ยังจำได้ตราตรึง
(“ราตรีสวัสดิ์เช่นกันที่รักของผม ขอให้คุณนอนหลับฝันดี ผม..รัก..คุณ”)
เป็นภาษาฝรั่งเศล คนพูดคงไม่รู้ว่าเขาพูดภาษาฝรั่งเศสได้ ถ้ารู้เข้าคงจะอายจนไม่กล้ามาหาเขาแน่
เจยังไม่ยอมนอนตามคำสั่ง แถมยังพยายามจะลุกขึ้นมาให้ได้ ดวงเมืองจึงต้องดันร่างโปร่งให้นอนลงไปอีกครั้ง แต่ตัวเองกลับถูกฉุดรั้งลงมาแทนเลยพลอยล้มลงไปด้วย ทำให้ใบหน้าได้ใกล้กันจนแทบจะแลกลมหายใจ เจจ้องมองดวงเมืองนิ่ง นัยน์ตาแฝงความรักอันหวานซึ้งไว้เต็มเปี่ยม ก่อนจะพร่ำเอ่ยความในใจออกมาจนหมดสิ้นโดยไม่รู้ตัวสักนิด
“รักคุณ..หมดหัวใจเลย รัก..นะ”
ร่างโปร่งรั้งศีรษะของชายหนุ่มเข้ามาใกล้และมอบจูบอันแสนหอมหวานให้ ดวงเมืองไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย แถมยังกดประทับริมฝีปากของตนให้แนบสนิทมากขึ้นอีก รสจูบอันแสนยั่วเย้าและอ่อนหวานที่ได้รับสร้างความร้อนรุ่มในกายจนเขาแทบอดกลั้นไม่ไหว ลิ้นอุ่นรีบเข้าสอดแทรกลิ้มรสความหอมหวนนั้นจนพอใจ จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงอาการหอบและสั่นสะท้านของเจ เขาจึงต้องถอนริมฝีปากออกอีกครั้งด้วยความฝืนกลั้นอารมณ์เต็มที
“คุณกำลังทำให้ผมหลง”
ดวงเมืองก้มลงจูบที่ขมับของเจเบาๆ เห็นเปลือกตาบางหลับสนิทอีกครั้งก็คลายใจลงได้ส่วนหนึ่ง แต่ความรู้สึกและอารมณ์ที่เกิดขึ้นกลับไม่สามารถจะหยุดยั้งเอาไว้ได้ เขากัดริมฝีปากเบาๆอย่างอดกลั้น จ้องมองใบหน้าของคนที่หลับนิ่งก่อนจะลุกหนีเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
แล้วเสียงครางอย่างสุขสมก็ดังลอดออกมาจากในห้องน้ำ ดวงเมืองได้ปลดปล่อยความอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดออกมาในคราวเดียว และสิ่งที่คิดตั้งแต่เริ่มแรกจนกระทั่งสิ้นสุดแห่งห้วงอารมณ์มีเพียงใบหน้าสวยใสที่มีรอยยิ้มหวานและรสจูบอันแสนหอมเท่านั้น ความสุขแผ่ซ่านไปทั่วร่างเมื่อได้นึกถึง
“บ้าชะมัด!”
เขาสบถด่าตัวเองออกมาเมื่อรู้ตัวว่าความรู้สึกยังไม่ถูกเติมเต็มดีนัก และอารมณ์ยังคงไม่สิ้นสุด ทำไมนะ กับคนๆนี้ถึงเกิดความรู้สึกมากมายขนาดนี้ได้
..นี่เขาต้องยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเริ่มหลงรักเข้าให้แล้วจริงๆ
แล้วการเติมเต็มในอารมณ์ก็เริ่มบรรเลงอีกครั้ง คราวนี้หนักหน่วงและเชื่องช้ากว่าเดิม แล้วไม่นานนัก ความสุขก็แผ่ซ่านอีกครั้ง ชายหนุ่มครางออกมาเบาๆอย่างอดกลั้นไว้ไม่ได้ แต่ความรู้สึกสุขสมที่ได้ปลดปล่อยอารมณ์นี้คงเทียบไม่ได้กับการที่ได้ร่วมรักกับคนที่เป็นที่รักจริงๆ
“ทำไมคิดเรื่องแบบนี้ออกมาได้นะ!!..บ้าจริง!!”
ดวงเมืองรีบสลัดความคิดอันเลวร้ายนั้นออกไป ไม่กล้าที่จะนึกถึงอีก นั่นเพราะกลัวว่าจะไม่อาจยับยั้งใจตัวเองได้ เขาหันไปเปิดน้ำตรงฝักบัวที่อยู่ด้านข้างตัว แล้วปล่อยให้สายน้ำอันเย็นเฉียบพุ่งออกมาราดรดไปทั่วร่างกายคงจะมีแต่สายน้ำนี้เท่านั้นที่จะช่วยลดความร้อนรุ่มของเขาให้เย็นลงได้บ้าง
..แล้วค่ำคืนอันแสนทรมานที่เจือไปด้วยความสุขก็ค่อยๆดำเนินผ่านไปอย่างช้าๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา ไม่เปลี่ยนแปลง แต่คืนนี้ได้มีสิ่งหนึ่งที่กำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว นั่นก็คือหัวใจ..
..หัวใจและความรู้สึกของผู้ชายคนหนึ่ง ..
TBC จ้า
หวังว่าตอนนี้จะสนุก (ไม่ค่อยถนัดเขียนฉากเลิฟซีนเลยจริงๆน้า)  แนะนำติชมได้เหมือนเดิมจ๊ะ..
ปล.บางช่วงอาจจะแปลกๆเพราะ cha ตรวจแก้แค่รอบเดียวเอง แถมทิ้งไปนานด้วย มันเลยไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ ไม่ว่ากันนะ
++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 9 หัวใจและความรู้สึกของผู้ชายคนหนึ่ง
“นี่ใช่มั๊ย..คนที่พี่รัก!”
ร่างสูงของภูมิยืนกอดอกมองเจด้วยสายตาโกรธขึงเต็มที่ สายตาคมไล่เลยไปที่โทรศัพท์เจ้ากรรมในมือของอีกฝ่ายก่อนจะคว้าข้อมือบางขึ้นมา พร้อมกับจ้องมองชื่อของปลายสายบนหน้าจอด้วยความโกรธจัด!
“DD มันเป็นใคร!!”
เจที่เพิ่งจะระงับสติได้รีบกระชากข้อมือของตนกลับด้วยความตกใจกลัว แต่ภูมิก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ทั้งสองเลยยื้อยุดกันไปมาอยู่แบบนั้น
“ปล่อยนะ!!” เสียงใสตะโกนลั่น
“พี่ก็บอกมาก่อนสิว่า DD คือใคร!! พูดจาสนิทสนมกันขนาดนั้น มันคือแฟนของพี่ใช่ไหม!!”
“ไม่ใช่!! แค่ลูกค้าคนสำคัญ นายอย่ามายุ่งเลย ปล่อยฉันได้แล้ว!” เจรีบเอ่ยปฏิเสธ และเริ่มรู้สึกกังวลกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับผิดในน้ำเสียงอันสั่นเครือของตนได้
“มันชื่ออะไร!!”
“ก็บอกแล้วว่าเป็นลูกค้า นายไม่ต้องสนใจหรอก”
“ผมอยากรู้ ถ้าพี่ไม่บอกผมก็จะไม่ปล่อย”
ภูมิจ้องหน้าพี่เมียของตนนิ่ง ไม่สนใจอาการยื้อยุดฉุดกระชากของตนตรงหน้าซักนิด แต่ผู้คนภายในล๊อบบี้กลับเริ่มหันมามองกันบ้างแล้ว ซึ่งทำให้เจต้องรีบส่งสายตาเตือน แต่ภูมิยังคงมีท่าทางไม่สนใจอยู่เหมือนเดิม
“เดชา ดวงนนท์ พอใจหรือยัง” เจตอบแบบไม่สนใจนัก ยังพยายามสะบัดข้อมือของตนให้พ้นจาการถูกดึงรั้ง
“ผมจะไปดูรายชื่อลูกค้าของเราว่ามีคนชื่อเดชา ดวงนนท์หรือเปล่า หวังว่าพี่คงไม่ได้โกหกผมนะ” พูดจบ ภูมิก็ยอมปล่อยข้อมือบางให้เป็นอิสระแบบไม่ค่อยเชื่อใจเท่าไหร่
“อยากจะไปดูก็ตามใจ เขาเป็นลูกค้าคนสำคัญที่ติดต่อกับฉันโดยตรง นายหาไปก็คงไม่เจอง่ายๆหรอก”
เจไม่คิดจะเสวนากับน้องเขยให้นานนักจึงรีบเดินหนีออกมาทันที แต่ภูมิก็ติดตามมาแบบไม่ยอมให้คลาดสายตา เขาจึงต้องถอนหายใจออกมายาวๆเพราะรู้สึกอัดอัดใจเต็มที
..สงสัยว่ากลับไปบ้านคราวนี้คงต้องไปคุยให้จริงๆจังๆกันซักครั้งแล้ว .
++++++++++++++
วันนี้ที่ร้านของดวงเมืองยังคงแน่นขนัดไปด้วยบรรดาลูกค้าเหมือนเคย
เจเข้ามาในเวลาที่ค่อนข้างเป็นช่วงดึกแล้ว เขาเข้าไปนั่งที่โต๊ะประจำของตนแบบไม่ต้องมีใครมาคอยดูแลเพราะเป็นขาประจำที่นี่ สักพักกาแฟดำหอมกรุ่นก็มาเสิร์ฟให้
“กาแฟครับคุณเจ วันนี้มาดึกจัง”
เจส่งยิ้มให้ “วันนี้งานยุ่งน่ะ แล้วเจ้านายไม่อยู่เหรอ”
“อยู่ครับ แต่เห็นรับโทรศัพท์แล้วก็ผลุนผลันออกไปเลย นี่ถ้ารู้ว่าคุณเจมาคงต้องรีบมาหาแน่ๆเลยครับ เพราะตั้งแต่เปิดคลับก็เห็นชะเง้อมองที่หน้าประตูตลอด พอไม่ใช่คุณเจก็หน้าบูดเลย พวกผมล่ะแย่ไปตามๆกัน”
“ทำไมอย่างงั้นล่ะ ไม่แน่..บางทีเขาอาจจะไม่ได้รอผมอยู่ก็ได้นะ”
“น้อยไปสิครับ” เอกก้มลงแอบกระซิบเบา “เมื่อวานเจ้านายเขารอคุณเจตั้งแต่เย็นเหมือนกัน พอรู้ว่าคุณเจไม่มาก็อารมณ์เสียใหญ่ แต่พอได้เบอร์โทรจากคุณดลเท่านั้นแหละ พณฯท่านก็ยิ้มออกทันทีเลยครับ”
หัวใจดวงน้อยของเจพองโตจนแน่นหน้าอก นี่ดวงเมืองเริ่มมีใจให้เขาแล้วใช่ไหม ความพยายามของเขาไม่สูญเปล่า คนๆนั้นกำลังจะยอมรับเขาแล้ว ..
“อ้อ..แล้วก็อีกเรื่องครับคุณเจ..พรุ่งนี้วันเกิดเจ้านาย คลับของเราจะปิดบริการเร็วหน่อยเพราะจะจัดปาร์ตี้เล็กๆกัน คุณเจก็มาด้วยกันสิครับ เป็นโอกาสดีเลยนะ”
“วันเกิดของเมืองเหรอ” เจทำท่าตกใจมาก เพราะตนไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ในใจรู้สึกผิดขึ้นมาที่ทำไมตัวเองไม่รู้เรื่องที่สำคัญของคนที่รักแบบนี้
“ฉันมาแน่นอน ขอบใจนะที่บอก เพราะถ้าเอกไม่บอก เมืองก็คงไม่ยอมบอกฉันแน่ๆ”
เอกพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับหัวเราะ ก่อนจะขอตัวไปทำงานของตนต่อ เจจึงนั่งรอคนรักต่อไป พลางคิดอะไรเพลินๆ วันเกิดของดวงเมืองทั้งที ต้องพิเศษหน่อย แต่ตายละหว่า! เขายังไม่ได้เตรียมของขวัญเลยนี่นา.. พรุ่งนี้แล้วด้วยสิ! ..เจจึงพยายามนั่งคิดหาของขวัญที่จะต้องพิเศษสุดๆ
“เมืองเขาจะชอบอะไรนะ เนคไท ไม่ดี ไม่เห็นเคยผูกนี่นา หรือจะเอาปากกา...ก็พื้นๆเกินไปหน่อย เอ..หรือซื้อรถซักคันให้ไปเลย..โอ๊ย! เขาก็รู้หมดสิว่าจริงๆแล้วเรารวยน่ะ”
..คิดไปคิดมาก็ไม่ได้ของถูกใจซักอย่าง เลยนั่งหน้าเครียด แต่บางทีก็อมยิ้มขึ้นมาแล้วก็กลับมาหน้าเครียดใหม่ ..
“ทำไมมันยากแบบนี้นะ”
เจบ่นอุบเมื่อนึกหาของขวัญที่ถูกใจให้ไม่ได้ หรือจะเอาตัวเองผูกโบว์ให้ดี แต่แค่คิดก็รู้สึกขนลุกแล้ว ถ้าดวงเมืองเห็นเข้าคงจับเขาโยนออกนอกคลับแน่ ความคิดบ้าๆ (แต่อยากทำแฮะ)
“คิดอะไรอยู่ครับท่านประธาน เดี่ยวหน้าเคร่งเดี๋ยวหน้ายิ้ม คนมองกันทั้งคลับแล้วครับ”
อยู่ๆก็มีร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งก้มลงมามองเขา พร้อมรอยยิ้มขำ ด้านหลังยังมีหญิงสาวสวยในชุดราตรีสีดำสั้นดูเซ็กซี่กำลังหัวเราะอยู่เช่นกัน
“อ้าวคุณกร..คุณโส มาได้ยังไงกันนี่”
ร่างสูงใหญ่เลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวก่อนเจ้าตัวจะนั่งลงตรงข้ามผู้เป็นเจ้านาย “ก็นัดเดทกับสาวสวยอย่างโส ผมก็ต้องเลือกคลับหรูๆหน่อยสิครับ จริงไหม”
โสรยาหันไปส่งสายตาหมั่นไส้ให้ จนภากรต้องยอมสารภาพ
“แหม ผมพูดเล่นครับ วันนี้เราสองคนมาเที่ยวกันเฉยๆ แล้วก็อยากมาทำความรู้จักกับคนสำคัญของเจ้านายหน่อย”
เจยิ้มเขิน “อย่าไปพูดให้เขาได้ยินเชียว ไม่งั้นโดนโกรธแน่ๆ”
“คร้าบ คร้าบ แล้วนี่เจ้าตัวอยู่แถวนี้หรือเปล่าครับ ผมกับโสจะได้ช่วยกันสแกนหน่อย”
“ไม่รู้สิ ยังไม่เห็นเลย แต่พวกคุณมาก็พอดีเลย ผมกำลังจะโทรไปหาอยู่”
“มีเรื่องอะไรสำคัญหรือครับ”
“พรุ่งนี้วันเกิดเมืองเขา ผมคิดว่าจะหยุดงานซักวัน คุณช่วยเคลียร์งานทั้งหมดไปทำวันจันทร์แทนแล้วกัน”
“ก็พอได้ครับ เพราะพรุ่งนี้ไม่ค่อยมีอะไรอยู่แล้ว”
“แล้วคุณโสล่ะ ตารางนัดมีปัญหาหรือเปล่า”
“อ๋อ..ไม่หรอกค่ะ ส่วนใหญ่นัดสำคัญจะอยู่วันจันทร์” หญิงสาวยิ้มและมองไปแบบเข้าใจ “หรือว่าเมื่อกี้คุณเจกำลังคิดหาของขวัญอยู่หรือค่ะ”
พูดถูกแผงเลย คนเป็นเจ้านายเลยยิ้มแห้งๆ
ภากรมองเพื่อนสาวด้วยความทึ่ง “รู้ได้ไงน่ะโส”
“เขาเรียกว่าเซ้นท์ของลูกผู้หญิงย่ะ ผู้ชายน่ะทึ่มกับเรื่องแบบนี้จะตาย” แล้วหันมาสนใจเจ้านายด้วยท่าทางอยากรู้เต็มที่
“แล้วคุณเจคิดไว้หรือยังคะ”
เจสั่นศีรษะทันที “ยังเลย ผมก็พยายามหาอยู่ อยากได้ของขวัญที่ทำให้เขาประทับใจ แล้วก็มีความหมายด้วย”
“นาฬิกาดีไหมค่ะ ที่แผนกออกแบบเพิ่งจะส่งแบบใหม่มาให้ดู สวยมากเลยค่ะ เหมาะกับคุณสุภาพบุรุษ แล้วถ้าคุณเจสั่งทำพิเศษก็คงจะเป็นนาฬิกาที่มีเรือนเดียวในโลกแน่”
เจเองก็รู้สึกปิ๊งไอเดียขึ้นมาตั้งแต่ได้ยินแล้ว นาฬิกางั้นเหรอ จำได้ว่าที่บ้านมี ได้การล่ะ
“ขอบคุณมากเลยคุณโส ผมหาของขวัญให้เขาได้แล้วล่ะ พรุ่งนี้คุณช่วยส่งแบบนาฬิกาทั้งหมดมาให้ผมด้วยนะ เอาแต่เช้าเลย เพราะช่วงบ่ายผมจะให้ช่างลงมือทำตัวเรือน”
“ได้ค่ะ..”
พอหาทางออกเรื่องที่กำลังกลุ้มใจได้เรียบร้อยแล้ว เจก็ยิ้มจนหน้าบานแล้วเข้าสู่โลกส่วนตัวไปเรียบร้อย
สองเลขาจึงพากันยิ้มขัน แล้วหันไปแอบซุบซิบนินทากันสนุก แต่สายตาก็ยังไม่ลืมที่จะสอดส่ายคอยมองหาคนที่โชคดีที่สุดในประเทศที่ได้หัวใจของผู้เป็นเจ้านายไปครอง เพราะทั้งสองอยากรู้จริงๆว่าคนที่ชื่อดวงเมือง..คนที่ถูกรัก..หน้าตาจะเป็นยังไง ..
+++++++++++++++++++++++++
..ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว .
แต่เจก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าของคลับ หัวใจที่ตอนแรกพองโตก็เริ่มเหี่ยวแฟบลงบ้างแล้ว ใบหน้าสวยดูเศร้าระคนผิดหวัง แต่ลึกๆก็ยังมีความหวังอยู่ว่าวันนี้คงจะได้พบหน้าแน่ๆ ส่วนสองเลขาก็นั่งมองหน้ากันไปมาแบบไม่รู้จะช่วยเจ้านายยังไงดี
“คุณเจ ดึกแล้วนะครับ ผมว่ากลับบ้านก่อนดีกว่า” ภากรบอก รู้สึกเป็นห่วงคนตรงหน้านิดหน่อย
“นั่นสิคะ ดึกมากแล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ดีกว่าค่ะ” โสรยาเอ่ยสนับสนุน
เจไม่ได้ตอบ เพราะเขายังไม่อยากจะกลับเลย ในใจรู้สึกสงสัยไม่รู้ว่าดวงเมืองไปไหนถึงกลับดึกขนาดนี้ หรือจะเป็นเพราะโทรศัพท์นั่นกันนะ ใครโทรมา..ผู้หญิงหรือเปล่า แค่คิดก็รู้สึกไม่ดีซะแล้วสิ
“คุณสองคนกลับไปก่อนเถอะ ผมจะนั่งอยู่อีกซักพักนึง” เขาตอบเสียงเบา
“แต่ว่า” โสรยาไม่เห็นด้วย พลางหันไปขอให้คนข้างๆช่วยพูด แต่ภากรก็ได้แต่ส่ายหน้า
“ถ้างั้นเราสองคนกลับก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรโทรหาพวกเราได้ตลอดเวลาเลย”
ภากรบอก แล้วลุกขึ้นจากที่นั่ง โสรยาจึงต้องลุกตามอย่างเสียไม่ได้ เธอจึงส่งสายตาเคืองๆมาให้ชายหนุ่มแต่เขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ขอบคุณนะ ทั้งสองคนเลย คุณกรส่งคุณโสให้ถึงบ้านนะ แล้วขับรถกลับระวังด้วยล่ะ” เจยิ้มส่ง
สองเลขาก้มศีรษะให้ผู้เป็นเจ้านาย แล้วจึงพากันเดินออกมายังภายนอกคลับ ภากรยังคงมีท่าทีสบายๆผิดกับโสรยาที่ออกจะโกรธๆอีกฝ่ายอยู่นิดหน่อย
“กร ทำไมไม่พูดให้คุณเจกลับบ้านล่ะ มันดึกมากแล้วนะ” เธอถาม
ร่างสูง เปิดประตูรถให้หญิงสาว แล้วดันอีกฝ่ายให้เข้าไปอย่างไม่ค่อยสนใจอยากจะตอบคำถามนัก
และหลังจากที่หญิงสาวนั่งอยู่ในรถเรียบร้อยแล้วก็ยังอดบ่นไม่ได้ ใครๆก็รู้ว่าคุณเจตราเข้าพบยากขนาดไหน ขนาดคนใหญ่คนโตบางคนยังรอคิวยาวเหยียด แถมไม่รู้ว่าจะถูกปฏิเสธหรือเปล่าด้วย บางคนถึงขนาดขอร้องเธอให้ช่วยนัดพบคุณเจเป็นการส่วนตัวให้ด้วยซ้ำ
“อีตาดวงเมืองนั่นก็ร้ายชะมัด ให้ท่านประธานของเรามานั่งรออยู่ได้ตั้งหลายชั่วโมง รู้บ้างหรือเปล่านะว่าคนที่อยากจะพบคุณเจน่ะต้องรอคิวยาวขนาดไหนกัน ตัวเองโชคดีขนาดนี้ยังไม่รู้คุณค่าอีก น่าหมั่นไส้จริง”
“เอาน่า..ตอนนี้คุณเจกำลังอยู่ในห้วงรัก ถึงลำบากแค่ไหนแต่เพื่อคนที่รักก็ยอมทำทั้งนั้น ฉันถึงไม่ยอมพูดไงล่ะ เพราะพูดไปเจ้าตัวก็ไม่ยอมฟังหรอก”
“แล้วจะปล่อยไว้แบบนี้เหรอกร..ฉันรู้สึกเป็นห่วงยังไงก็ไม่รู้สิ”
พูดจบ โสรยาก็หันมองไปทางคลับโดยไม่รู้ตัว
“ก็รอดูกันไปอีกซักพัก ยังไงคนๆนั้นก็เป็นคนที่คุณเจเลือกแล้ว และเขาอาจจะไม่เลวร้ายเหมือนที่เราสองคนคิดก็ได้”
ภากรบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ขัดกับความรู้สึกในใจ นัยน์ตาสีเข้มมีแววไหวระริกอยู่ลึกๆด้วยความห่วงกังวล
“ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนั้น กลับเถอะ” โสรยาเอ่ยบอก
ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกจากคลับไปอย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่นั่งข้างๆยังคงมองไปที่คลับใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
และมองอยู่..จนกระทั่งมันค่อยๆหายลับไปจากสายตา
+++++++++++++++
หลังจากที่สองเลขาคนสนิทกลับไปแล้ว ร่างโปร่งยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่แบบนั้น ในสมองคิดไปต่างๆนาๆ ทั้งเป็นห่วงและน้อยใจ
ก็ตนอุตส่าห์เคลียร์งานทั้งวันจนไม่ได้กินไม่ได้นอน เหนื่อยแทบขาดใจ ทั้งหมดก็เพื่อจะหาเวลามาพบหน้ากัน แต่สุดท้ายกลับปล่อยให้ต้องรอคอยอยู่คนเดียว ได้แต่นั่งกินกาแฟ ซึ่งบนโต๊ะก็มีอยู่ไม่ต่ำกว่าสามถ้วยแล้ว
เจถอนหายใจยาวแบบหมดหวัง นี่เขาจะกลับบ้านดีไหมนะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่อย่างที่โสรยาบอกจะดีกว่าหรือเปล่า แต่ไม่นาน ความคิดนี้ก็ตกไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้นะ..ห้ามท้อเด็ดขาด นี่มันเพิ่งเริ่มเท่านั้น ถ้าเกิดยอมแพ้ตอนนี้จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ”
พอตัดสินใจได้แล้วจึงเดินเข้าไปหาบริกรหนุ่มทันที สีหน้าแจ่มใสขึ้น
“เอก..วันนี้ผมขอค้างที่นี่ได้หรือเปล่า” เจเอ่ยถาม
บริกรหนุ่มที่กำลังง่วนอยู่กับเค้าท์เตอร์เครื่องดื่มหันมาส่งยิ้มเจื่อนๆให้ “ได้สิครับ ต้องขอโทษคุณเจมากๆเลยครับที่ต้องให้นั่งรอนานขนาดนี้ ผมไม่ทราบจริงๆว่าเจ้านายไปไหน”
“ไม่เป็นไรหรอก ผมเป็นคนอดทน เรื่องแค่นี้สบายมาก”
เจยิ้มตอบ ก่อนจะเดินไปในห้องส่วนตัวของดวงเมืองด้วยท่าทางที่เหนื่อยล้าเต็มที เขาทิ้งตัวลงบนโซฟากว้าง รู้สึกหมดแรงยังไงบอกไม่ถูก มือทุบลงไปที่หลังคอเบาๆเพื่อคลายอาการเกร็ง และแม้จะกินกาแฟเข้าไปตั้งสามถ้วยแล้วแต่ดูเหมือนจะไม่อาจห้ามความรู้สึกง่วงงุนที่เริ่มถาโถมเข้ามาได้เลย
“อาบน้ำซักหน่อยดีกว่าเรา”
ร่างโปร่งค่อยๆลุกจากโซฟา เดินโซเซไปที่ตู้เสื้อผ้า ค้นได้เสื้อผ้าของเจ้าของห้องมาได้ชุดหนึ่งพร้อมกับผ้าเช็ดตัวอีกผืน แล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างคนหมดแรง
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาก็อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตขาวตัวโคร่งกับกางเกงสีดำหลวมๆ และพอมองตัวเองในกระจกแล้วก็ทำให้นึกถึงคนเป็นเจ้าของขึ้นมาทันที ใบหน้าใสแดงระเรื่อขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
“คนอะไรตัวใหญ่จัง เสื้อหลวมโคร่งเลย”
เจรีบสลัดความคิดบ้าๆออกจากหัว แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างอย่างถือวิสาสะ ก็เจ้าของเขาอนุญาตแล้วนี่นา ยังไงก็ขอรบกวนหน่อยแล้วกัน
นัยน์ตาคู่สวยหลับลงอย่างอ่อนล้า และไม่นานก็เคลิ้มหลับไปแบบไม่รู้ตัว จึงไม่ทันได้รู้สึกว่าในความมืดสลัวนั้นได้มีใครคนหนึ่งซึ่งเดินเข้ามาและนั่งลงที่ข้างเตียง พร้อมกับจับจ้องมองตนอยู่เนิ่นนานแล้ว .
++++++++++++++
ดวงเมืองกลับเข้ามาในคลับเกือบตีสอง ในคลับยังเหลือเอกซึ่งกำลังขะมักเขม้นเก็บของอยู่ และเมื่ออีกฝ่ายเห็นเขาจึงบอกว่าวันนี้มีคนๆหนึ่งขอนอนค้างที่นี่เพราะอยู่รอพบไม่ไหว
คน..ที่เขาอยากเจอ ซึ่งไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมรู้สึกแบบนั้นได้ .
“แล้วทำไมไม่บอกเขาไปว่าฉันไม่อยู่ ไม่ต้องรอ”
“ก็คุณเจท่าทางอยากพบคุณเมืองมากเลยครับ นั่งรออยู่ตั้งหลายชั่วโมงแล้ว พวกผมก็ไม่รู้จะบอกยังไง” เอกเอ่ยบอกเจ้านายของตนแบบเกรงๆ “ดูคุณเจท่าทางเหนื่อยๆเหมือนคนไม่ได้พักผ่อน ผมเลยเปิดห้องพักของคุณให้ครับ”
“อืม เดี๋ยวฉันไปดูเขาเอง ฝากปิดคลับด้วย”
ดวงเมืองไม่รอคำตอบโต้จากลูกน้องคนสนิท ร่างสูงเดินพรวดๆเข้าไปในห้องส่วนตัวของตนทันที
ภายในห้องค่อนข้างมืดสลัว แถมอากาศก็เย็นจัดจนรู้สึกหนาว เขาจึงเดินเข้าไปหรี่แอร์ให้เบาลงเล็กน้อย ก่อนจะเข้ามายืนประชิดที่เตียงของตนเอง สายตามองไปยังร่างของใครคนหนึ่งที่กำลังหลับนิ่งอยู่ แล้วความเรียบเฉยในนัยน์ตาก็แปรเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนอ่อนไหว
“คุณเจ”
ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ และยังคงจับจ้องใบหน้าของคนที่หลับไม่วางตา นิ้วเรียวไล้ไปตามหน้าผาก คิ้ว เปลือกตา แก้ม และหยุดที่ริมฝีปากอ่อนนุ่ม
ดวงเมืองโน้มตัวลงมาเข้าใกล้ใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนจะแนบริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากนุ่มที่หวานละมุนนั้นอย่างไม่รู้สึกตัว ได้ยินเสียงครางเบาๆจากร่างบนเตียง ทำเอาสมองรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมากะทันหัน และแทบไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำอะไรลงไป
จูบลึกซึ้งที่แสนวาบหวาม ส่งผลให้คนที่หลับอยู่เริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา แต่ก็ยังงัวเงียเต็มที ดวงเมืองจึงถอนริมฝีปากของตนออกมาอย่างยากเย็น
“เมือง .” เสียงเรียกชื่อของเขาแผ่วหวานจนรู้สึกร่างกายร้อนขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
“คุณไม่สบาย นอนพักเถอะ”
เขากระซิบเบาแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ค่อยรับรู้อะไรเท่าไหร่ คงเพราะกำลังเริ่มจะไม่สบาย และยังอยู่ในอาการมึนงง
“เมือง ผม..รักคุณ เป็นห่วง..มาก”
“อืม..รู้แล้วครับ นอนนะ”
ใช่ เขารู้ถึงความรู้สึกของเจนานแล้ว คำพูดสุดท้ายจากโทรศัพท์ของเมื่อวาน ยังจำได้ตราตรึง
(“ราตรีสวัสดิ์เช่นกันที่รักของผม ขอให้คุณนอนหลับฝันดี ผม..รัก..คุณ”)
เป็นภาษาฝรั่งเศล คนพูดคงไม่รู้ว่าเขาพูดภาษาฝรั่งเศสได้ ถ้ารู้เข้าคงจะอายจนไม่กล้ามาหาเขาแน่
เจยังไม่ยอมนอนตามคำสั่ง แถมยังพยายามจะลุกขึ้นมาให้ได้ ดวงเมืองจึงต้องดันร่างโปร่งให้นอนลงไปอีกครั้ง แต่ตัวเองกลับถูกฉุดรั้งลงมาแทนเลยพลอยล้มลงไปด้วย ทำให้ใบหน้าได้ใกล้กันจนแทบจะแลกลมหายใจ เจจ้องมองดวงเมืองนิ่ง นัยน์ตาแฝงความรักอันหวานซึ้งไว้เต็มเปี่ยม ก่อนจะพร่ำเอ่ยความในใจออกมาจนหมดสิ้นโดยไม่รู้ตัวสักนิด
“รักคุณ..หมดหัวใจเลย รัก..นะ”
ร่างโปร่งรั้งศีรษะของชายหนุ่มเข้ามาใกล้และมอบจูบอันแสนหอมหวานให้ ดวงเมืองไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย แถมยังกดประทับริมฝีปากของตนให้แนบสนิทมากขึ้นอีก รสจูบอันแสนยั่วเย้าและอ่อนหวานที่ได้รับสร้างความร้อนรุ่มในกายจนเขาแทบอดกลั้นไม่ไหว ลิ้นอุ่นรีบเข้าสอดแทรกลิ้มรสความหอมหวนนั้นจนพอใจ จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงอาการหอบและสั่นสะท้านของเจ เขาจึงต้องถอนริมฝีปากออกอีกครั้งด้วยความฝืนกลั้นอารมณ์เต็มที
“คุณกำลังทำให้ผมหลง”
ดวงเมืองก้มลงจูบที่ขมับของเจเบาๆ เห็นเปลือกตาบางหลับสนิทอีกครั้งก็คลายใจลงได้ส่วนหนึ่ง แต่ความรู้สึกและอารมณ์ที่เกิดขึ้นกลับไม่สามารถจะหยุดยั้งเอาไว้ได้ เขากัดริมฝีปากเบาๆอย่างอดกลั้น จ้องมองใบหน้าของคนที่หลับนิ่งก่อนจะลุกหนีเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว
แล้วเสียงครางอย่างสุขสมก็ดังลอดออกมาจากในห้องน้ำ ดวงเมืองได้ปลดปล่อยความอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดออกมาในคราวเดียว และสิ่งที่คิดตั้งแต่เริ่มแรกจนกระทั่งสิ้นสุดแห่งห้วงอารมณ์มีเพียงใบหน้าสวยใสที่มีรอยยิ้มหวานและรสจูบอันแสนหอมเท่านั้น ความสุขแผ่ซ่านไปทั่วร่างเมื่อได้นึกถึง
“บ้าชะมัด!”
เขาสบถด่าตัวเองออกมาเมื่อรู้ตัวว่าความรู้สึกยังไม่ถูกเติมเต็มดีนัก และอารมณ์ยังคงไม่สิ้นสุด ทำไมนะ กับคนๆนี้ถึงเกิดความรู้สึกมากมายขนาดนี้ได้
..นี่เขาต้องยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเริ่มหลงรักเข้าให้แล้วจริงๆ
แล้วการเติมเต็มในอารมณ์ก็เริ่มบรรเลงอีกครั้ง คราวนี้หนักหน่วงและเชื่องช้ากว่าเดิม แล้วไม่นานนัก ความสุขก็แผ่ซ่านอีกครั้ง ชายหนุ่มครางออกมาเบาๆอย่างอดกลั้นไว้ไม่ได้ แต่ความรู้สึกสุขสมที่ได้ปลดปล่อยอารมณ์นี้คงเทียบไม่ได้กับการที่ได้ร่วมรักกับคนที่เป็นที่รักจริงๆ
“ทำไมคิดเรื่องแบบนี้ออกมาได้นะ!!..บ้าจริง!!”
ดวงเมืองรีบสลัดความคิดอันเลวร้ายนั้นออกไป ไม่กล้าที่จะนึกถึงอีก นั่นเพราะกลัวว่าจะไม่อาจยับยั้งใจตัวเองได้ เขาหันไปเปิดน้ำตรงฝักบัวที่อยู่ด้านข้างตัว แล้วปล่อยให้สายน้ำอันเย็นเฉียบพุ่งออกมาราดรดไปทั่วร่างกายคงจะมีแต่สายน้ำนี้เท่านั้นที่จะช่วยลดความร้อนรุ่มของเขาให้เย็นลงได้บ้าง
..แล้วค่ำคืนอันแสนทรมานที่เจือไปด้วยความสุขก็ค่อยๆดำเนินผ่านไปอย่างช้าๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา ไม่เปลี่ยนแปลง แต่คืนนี้ได้มีสิ่งหนึ่งที่กำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว นั่นก็คือหัวใจ..
..หัวใจและความรู้สึกของผู้ชายคนหนึ่ง ..
TBC จ้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น