ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักคุณ..หมดใจ

    ลำดับตอนที่ #6 : ทุ่มใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 123
      0
      6 ม.ค. 49

    ตอนที่ 6 ทุ่มใจ



    เสียงนุ่มฟังดูอ่อนโยน..ที่เจเคยเอาเก็บไปฝัน ตอนนี้เจ้าของเสียงยืนอยู่เบื้องหน้าแล้ว



    ‘ดวงเมือง เดชานนท์’



    …ยังคงเป็นชายหนุ่มหล่อเหลา ที่ติดตาตรึงใจทุกครั้งที่ได้พบ………



    นัยน์ตาคู่คมนั้นทอประกายแข็งกร้าว มือแกร่งข้างหนึ่งยังล็อคคออันธพาลผู้โชคร้ายไว้แน่น ได้ยินเสียงคำรามลอดไรฟันเบาๆแสดงถึงความโกรธของเขาที่ค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และความโกรธนั้นก็มาพร้อมกับความน่ากลัวที่คล้ายแผ่รังสีออกมาจนคนรอบข้างรู้สึกได้..



    ..แต่ทว่าเจกลับไม่รู้สึกกลัวเลย ถ้าจะพูดให้ถูกคือตอนนี้เขาไม่ได้สนใจเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเลยต่างหาก เพราะสิ่งเดียวที่อยู่ในความสนใจก็คือคนที่ได้ครอบครองหัวใจของตน



    และดูเหมือนเขาคนนั้นก็รู้ตัวแล้วว่ากำลังถูกมองโดยใครบางคน แววตากร้าวจึงหันมาสบด้วยแต่เมื่อประสบกับความหวานซึ้งเป็นประกายอันลึกล้ำในนัยน์ตาคู่สวยของฝ่ายตรงข้าม ตนเองกลับต้องถอนสายตาเลี่ยงไปอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่คนอย่างดวงเมืองต้องหลบสายตาของคนอื่น



    “คุณ..คุณเมือง!!!”



    หนึ่งในเหล่าคนผู้กำลังจะโชคร้าย (ดันเจอพระเอกโหด) ตะโกนขึ้นมาเมื่อเห็นชายหนุ่มเจ้าของคลับปรากฏตัว เพียงแค่ชื่อก็ทำเอาคนที่กำลังโดนล็อคอยู่เย็นวาบไปทั้งหลัง ยืนตัวแข็งไม่กล้าขยับตามคำสั่งจริงๆ



    “กล้ามากที่เข้ามาหาเรื่องในคลับของฉัน!!”



    ดวงเมืองพูดเสียงเย็น ด้านหลังเขายังมีตำรวจหนุ่มผู้เป็นเพื่อนสนิทกำลังยืนมองเหล่าอันธพาลที่เหลือด้วยสายตาเหี้ยมๆ เพียงแค่นั้นก็ไม่มีใครกล้าเสี่ยงที่จะหนีอีกแล้ว



    บรรดาลูกค้าในคลับก็เริ่มทยอยกันมามุงดูเมื่อได้ยินเสียงที่ผิดปกติ แต่เมื่อเห็นเจ้าของคลับมาเคลียร์ด้วยตนเอง เรื่องที่น่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ก็หดเล็กลงทันตา



    บริกรหนุ่มสาวทั้งหลายต่างก็รู้หน้าที่ทันทีเพราะเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ทุกคนจึงพากันเชื้อเชิญลูกค้าในโซนของตนกลับไปนั่งที่ดังเดิม เพียงครู่เดียวเหตุการณ์ในคลับก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ



    “ไอ้วุต คุมพวกนั้นไว้ดีๆ” ดวงเมืองหันไปบอกเพื่อนสนิท วุตพยักหน้ารับ



    “ส่วนมึงมากับกูนี่!!”



    ดวงเมืองลากร่างที่แข็งทื่อนั้นไปหลังร้านทันที เจเลยทำท่าจะเดินตามไปแต่ก็ถูกดลรั้งไว้ ร่างเล็กส่ายหน้าไม่ให้ตาม เจจึงมองตามแผ่นหลังนั้นไปอย่างเสียดาย …..



    ในบริเวณหลังคลับ จะมีประตูเล็กๆเป็นทางออกไปยังลานแคบๆซึ่งสามารถเดินทะลุไปยังลานจอดรถได้ แต่มักจะไม่มีใครใช้เนื่องจากเป็นทางที่เปลี่ยวและมืดมาก จะมีก็แต่พนักงานในคลับบางคนที่มักใช้เป็นทางลัดเวลาเดินจากถนนเข้ามาในคลับ



    ซึ่งตอนนี้ลานที่ทั้งแคบและมืดนั้นได้ปรากฏร่างของคนสองคนขึ้น หนึ่งนั้นนอนคุดคู้และดิ้นไปมาเบาๆอยู่บนพื้น ซึ่งพอจะเห็นได้ลางๆว่ามีเลือดไหลนองจากทั้งศีรษะและลำตัว ส่วนใบหน้าก็บิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด และจมูกกับปากก็มีเลือดออกอยู่ตลอดเวลา ส่วนอีกคนกลับยืนนิ่งราวกับรูปปั้น สีหน้าเรียบเฉย และแทบไม่มีร่องรอยของการบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย นัยน์ตาคมของคนที่ยืนอยู่มองนิ่งไปที่ร่างคุดคู้นั้นด้วยความสมเพชเต็มทน



    “ขอเตือนว่าอย่ามายุ่งกับคลับของกูอีก!! อ้อ..ฝากความคิดถึงถึงไอ้เสี่ยไกรด้วย บอกมันด้วยว่ากูเริ่มจะหมดความอดทนกับบรรดาลูกน้องไร้สมองของมันแล้ว เลิกส่งมาซะที!!..รำคาญ!!”



    พูดจบดวงเมืองก็เดินกลับเข้าไปในคลับของตนทันที แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นคนๆหนึ่งอยู่ในคลับ คนๆนั้นอยู่ในเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ เขากำลังยืนคุยไปยิ้มไปอยู่กับร่างโปร่งผู้เป็นหนึ่งในต้นเหตุของเรื่องซึ่งก็คือเจนั่นเอง



    “พิชัยเหรอ..คุณเจรู้จักกับพิชัยด้วย แปลกจริง”



    เห็นแบบนี้แล้ว ดวงเมืองก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดีแบบไร้สาเหตุขึ้นมากะทันหัน หน้าตาของชายหนุ่มที่ธรรมดาก็ดูดุอยู่แล้ว คราวนี้เลยยิ่งดูทะมึนหนักเข้าไปอีก บรรดาลูกน้องเห็นเจ้านายเดินกลับมาอย่างปลอดภัยก็ถอนหายใจโล่งอกกันเป็นแถว แต่พอเห็นอารมณ์ที่ไม่ค่อยดี (สุดๆ) นั้นก็ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าไปเสนอหน้าสอบถาม



    ส่วนเจที่กำลังยืนคุยอยู่กับสารวัตรพิชัยอยู่ พอเห็นเจ้าของคลับเดินเข้ามาก็รีบขอตัวทันที ใบหน้าสวยดูแจ่มใสขึ้น นัยน์ตาก็เป็นประกาย แถมฉีกยิ้มจนหวานเยิ้ม (ไม่ได้ดูเล้ย โดนด่ากลับแน่เอ็ง : คนเขียน -_-‘’)



    “คุณเมือง..เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ไม่บาดเจ็บใช่มั๊ย!!”



    พูดจบเจก็สำรวจร่างสูงที่กำลังยืนตัวแข็งอยู่ทันที มือขาวจับนู่นจับนี่ ลูบไปลูบมาไปบนร่างกายของฝ่ายตรงข้าม พอเห็นว่าไม่มีตรงไหนบุบสลายก็ถอนหายใจโล่งอก



    “ผมเป็นห่วงคุณมากเลย” เจส่งยิ้มอ่อนหวาน



    “ผมไม่เป็นอะไรครับ” ดวงเมืองรู้สึกใจสั่นเล็กๆเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น แต่ก็กลบเกลื่อนไปได้ด้วยท่าทีเฉยๆของตน “ผมต้องขอโทษคุณเจด้วยที่เกิดเรื่องแบบนี้ในคลับ”



    “ไม่ครับ ไม่ใช่ความผิดของคุณ ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณที่คุณมาช่วยไว้ได้ทัน”



    “เป็นหน้าที่ของเจ้าของคลับนี่ครับ”



    “ยังไงผมก็ต้องขอบคุณคุณอยู่ดี เพื่อเป็นการตอบแทน ผมขอเลี้ยงข้าวคุณซักมื้อดีกว่านะครับ”



    ดวงเมืองนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะปฏิเสธเสียงเรียบ “อย่าดีกว่าครับ เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง” พูดจบก็ทำท่าจะเดินเลี่ยงไป



    คำปฏิเสธนั้นกลับทำให้เจรู้สึกหน้าชา ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธนัดของเจตรา อนันตราช มาก่อนเลย นี่เป็นครั้งแรก (เคยแต่ปฏิเสธคนอื่นอ่ะ) เอ..หรือว่าเขาจะรุกเร็วไปนะ ก็เพิ่งจะรู้จักกันแค่สองวันเท่านั้นเองนี่ เมืองเขาอาจจะไม่อยากกินข้าวกับคนที่ยังไม่สนิทใจก็ได้ คิด (เข้าข้างตัวเอง) ได้แบบนี้แล้วก็รู้สึกใจชื้นขึ้นนิดๆ



    “แต่ผมอยากตอบแทนคุณบ้าง” เอาล่ะ..ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น..เอ๊ย!! ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น…



    “ไม่ครับ..ผมไม่เห็นความจำเป็น ขอโทษนะครับคุณเจ..ผมอยากไปคุยกับไอ้วุตหน่อย”



    “เอ่อ..อย่าเพิ่งไปสิครับ คุณ..คุณเมือง”



    อ่า..รั้งไว้ไม่ทันแล้ว ร่างสูงเดินก้าวยาวๆจากไปซะแล้ว โธ่!!..ไม่ได้เรื่องเลย!! เจหนอเจ..แค่ชวนเขามากินข้าวด้วยก็ยังทำไม่ได้ คิดแล้วเศร้า..ร่างโปร่งเดินคอตกตามร่างสูงไปอย่างหงอยเหงา



    ส่วนอีกด้านหนึ่ง บริเวณเคาท์เตอร์ใหญ่ วุตยืนเคียงคู่อยู่กับหมอดล ตำรวจหนุ่มมีสีหน้าเรียบเฉยผิดกับท่าทีปกติธรรมดาที่เคยยิ้มระรื่นสบายใจ ส่วนหมอหน้าหวานก็อารมณ์ไม่ดีพอกัน



    “คราวหลังห้ามเดินไปไหนคนเดียว ถ้าไม่มีผมไปด้วยนะ” วุตพูดแบบไม่มองหน้าคนข้างๆ



    พอได้ยินแบบนี้ คิ้วที่ขมวดผูกโบว์ของดลก็ขมวดหนักกว่าเดิม



    “มีสิทธิ์อะไรมาสั่งไม่ทราบ”



    พูดทั้งๆที่ไม่ได้มองหน้าฝ่ายตรงข้ามเหมือนกัน (มันคุยกันรู้เรื่องยังไงวะเนี่ย : คนเขียน)



    “สิทธิ์ที่เป็นแฟน พอหรือเปล่า”



    “อ้าว!!..นี่เราเป็นแฟนกันหรอกเหรอ..ก็เห็นไปยืนคุยกับคนอื่นกะหนุงกะหนิงนี่”



    “อะไร..ผมคุยกับใครกะหนุงกะหนิง พูดดีๆนะดล”



    “เฮอะ!!..ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทิ้งเราไว้คนเดียวแท้ๆยังจะมาโทษเราอีก ผู้ชายสมัยนี้เป็นแบบนี้ทุกคนเลยหรือเปล่านะเนี่ย!!…(เอ็งก็ผู้ชายนะเฟ้ย)”



    “ผมไม่เคยไปคุยกับใครกะหนุงกะหนิง และผมไม่เคยทิ้งดล ดลจะเข้าใจยังไงก็ตาม..แต่นี่เป็นความจริงจากใจของผม” คนพูดเสียงหนักแน่นเป็นพิเศษ



    หมอดลนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ใบหน้าหวานแดงเรื่อขึ้น “โกรธมากเหรอ”



    “อืม..”



    “ทำยังไงถึงจะหาย”



    “ไม่รู้”



    ร่างเล็กยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเขย่งตัวขึ้นหอมแก้มตำรวจหนุ่มเบาๆ



    “แค่นี้หายโกรธหรือยัง”



    “ยัง”



    “โลภมากจัง”



    ดลเขย่งตัวขึ้นหอมแก้มอีกข้างของฝ่ายตรงข้าม



    “หายยัง”



    “อืม..ใกล้แล้ว”



    สีหน้าที่เรียบเฉยออกจะบึ้งนิดๆในตอนแรกของวุตเริ่มแปรเปลี่ยนไปบ้างแล้ว



    ร่างเล็กหน้ามุ่ย พลางยื่นแก้มของตนให้ ตำรวจหนุ่มจึงรีบก้มลงหอมแก้มที่ทั้งนุ่มทั้งหอม เสร็จแล้วก็ยืนยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีสุดๆ



    “หายโกรธแล้วนะ ถ้ายังไม่หายล่ะก็เลิกกันเลย” ดลเริ่มงอนแก้มป่อง เพราะไม่เคยง้อใครขนาดนี้มาก่อน



    “โธ่ดลก็..”



    “ไม่ต้องเลย ดูซิคนมองกันทั้งคลับ อายจะแย่อยู่แล้ว”



    ใบหน้าหวานของหมอดลแดงเป็นลูกตำลึงตั้งนานแล้ว วุตยิ้มขำ



    “ก็อยากให้มองนี่ จะอายอะไรก็คนเป็นแฟนกันน่ะ”



    “ด้าน!!”



    “ด้านเพราะรักเธอ”



    “แหวะ เลี่ยนชะมัด” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ร่างเล็กก็เผยรอยยิ้มออกมาจนได้



    “แล้วนี่ตกลงดลคิดว่าผมไปคุยกะใครกะหนุงกะหนิงล่ะ”



    “ก็เห็นคุยกับเมืองอยู่ตั้งนานสองนาน ไม่เห็นสนใจผมเลยนี่ ใครจะไปรู้ล่ะ”



    “หา!!..ไอ้เมืองเนี่ยนะ ดลหึงผมกับไอ้เมืองเหรอ!! โอ๊ย!!..ไม่อยากจะเชื่อ”



    “ก็เล่นสร้างโลกส่วนตัวกันสองคนแบบนั้นนี่นา” ดลบ่นพึมพำ



    “คิดไปได้ยังไงเนี่ย ฮึ๊ย!! ขนลุก”



    หมดคนสวยแอบหันไปหัวเราะ..แล้วทั้งสองก็ยืนจีบกันไปอีกนาน ไม่สนใจคนรอบข้างที่เริ่มมองด้วยสายตาอิจฉาสุดๆ จนกระทั่งร่างสูงเจ้าของคลับเดินเข้ามาพร้อมกับส่งเสียงกระแอมเบาๆ จึงเรียกให้สองหนุ่มผละออกจากกัน คนหนึ่งถลึงตาใส่เพื่อนคู่หูที่ดันเข้ามาขัดจังหวะ ส่วนอีกคนก็อายจนหน้าแดงก่ำ



    “ไอ้พวกที่เหลือล่ะ ไปไหนหมด” ดวงเมืองถาม



    “ไอ้ชัยมันมา เห็นบอกว่าคุณเจเป็นคนโทรตาม กูเลยให้มันสั่งลูกน้องให้จับขึ้นรถกลับไปโรงพักหมดแล้ว” วุตตอบแล้วบุ้ยบอกไปอีกทาง



    เห็นชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างสูงในชุดนายตำรวจเต็มยศคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม



    “ว่าไงไอ้เมือง ไม่เจอกันตั้งนานมึงยังไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ชอบหาเรื่องให้ชาวบ้านเขาเหมือนเดิม”



    “มึงก็เหมือนกันไอ้ชัย ยังปากหมาไม่เปลี่ยน”



    ทั้งสองมองหน้ากันนิ่ง สายตาทั้งทิ่มแทงทั้งดุดัน แต่ก็ไม่มีใครหลบไปก่อน ส่งผลให้บรรยากาศรอบด้านทะมึนเหมือนกำลังจะเกิดพายุใหญ่



    “เฮ้ยๆ เพื่อนเก่ากันทั้งนั้นน่า พูดจาดีๆหน่อย”



    วุตรีบไกล่เกลี่ยในฐานะเพื่อนเก่าของคนทั้งคู่ ก็พอจะรู้หรอกว่าไอ้สองคนนี่มันไม่ถูกกันมานานแล้ว เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องมีเรื่องกันทุกที ไม่รู้ว่าไปโกรธเกลียดกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน เขานึกว่าทั้งสองคนไม่ได้เจอกันนานแล้วคงจะไม่มีเรื่องอะไรอีก



    ..แต่ทีไหนได้..มันก็เหมือนเดิมทั้งคู่นั่นแหละ!



    “นั่น..คุณเจกำลังเดินมาแล้ว อย่าทะเลาะกันต่อหน้าเขานะเว้ย หัดอายซะมั่ง โตตัวเท่าควายแล้วยังทะเลาะกันเป็นเด็กไปได้”



    พอวุตพูดจบ สารวัตรพิชัยก็เดินตรงรี่เข้าไปหาเจทันที ดวงเมืองได้แต่มองตามด้วยสายตาขุ่นๆ



    “คุณเจ”



    เจเพียงส่งยิ้มฝืดๆให้สารวัตรหนุ่ม ไม่ได้พูดโต้ตอบอะไร เพราะตอนนี้หัวใจเเห้งเหี่ยวเต็มที ซึ่งความรู้สึกนั้นก็แสดงออกทางสีหน้าที่แสนเศร้าจนเด่นชัด



    “เป็นอะไรไปเจ ยังตกใจอยู่เหรอ” ดลถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นอาการของเพื่อน



    “เปล่าหรอกดล แค่รู้สึกเหนื่อย อยากกลับบ้านแล้วล่ะ”



    “นั่นสินะ กำลังจะเป็นไข้แล้วด้วย ถ้างั้นให้..”



    หมอคนสวยเหลือบมองไปที่ร่างสูงเจ้าของคลับ แต่เจ้าตัวทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ แกล้งหันไปสั่งงานลูกน้องของตน แถมทำท่าจะเดินเลี่ยงไปอีก เจได้แต่มองตามตาละห้อย



    “ผมไปส่งเองครับ”



    พิชัยเสนอตัว ใบหน้ายิ้มกริ่มเจ้าชู้ มือไม่อยู่นิ่งถือวิสาสะจับแขนของร่างโปร่ง ทำท่าจะพาออกไป..ก็ตอนนี้เขาได้โอกาสที่จะใกล้ชิดนักธุรกิจรูปงามที่หมายปองมานาน จะปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆได้ยังไง



    ส่วนเจก็ยืนนิ่งเฉยเหมือนวิญญาณล่องลอยไปแล้ว



    “ฝันไปเถอะ ไอ้ตำรวจขี้หลี ฉันไม่ยกเจให้แกหรอก”



    ดลให้ความรู้สึกติดลบกับนายตำรวจหนุ่มคนนี้ เขารีบคว้าแขนของเจไว้ พร้อมกับส่งยิ้มเย็นๆให้พิชัย

    “ไม่รบกวนคุณสารวัตรดีกว่า อ้อ..พอดีผมมีเรื่องจะคุยกับเจซักหน่อย ขอตัวนะครับ” ดลหันไปมองวุตที่ตอนนี้ทำหน้างงจัด “วุต..ไปส่งเพื่อนเก่าคุณทีนะ ส่งให้ถึงที่จอดรถเลย”



    วุตรับคำง่ายๆ ถึงแม้ไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของแฟนตัวเองนัก แต่ทำตามคำสั่งจะดีกว่า ไม่งั้นโดนงอนล่ะแย่เลย เขาหันไปตบไหล่เพื่อนเก่าเบาๆ เรียกให้พิชัยต้องเดินตามออกไปด้วยความเสียดาย



    หลังจากที่สองหนุ่มเดินจากไปแล้ว ดลก็ลากเจให้มานั่งหลบมุมที่ไม่ค่อยมีใครเห็นในคลับ



    “เกิดอะไรขึ้นเนี่ยเจ ทำหน้าตาซังกะตายเชียว แล้วนี่ไปรู้จักสนิทสนมกับไอ้สารวัตรขี้หลีนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่”



    เจก้มหน้านิ่ง ไม่ได้ตอบคำถาม แต่นัยน์ตาคู่สวยมีน้ำเอ่อคลอบางๆ



    ดลเห็นแล้วอดสงสารเพื่อนไม่ได้ ก็มีสาเหตุเพียงอย่างเดียวที่ทำให้คนเข้มแข็งอย่างเจเป็นแบบนี้ได้



    “เมืองอีกล่ะสิ”



    เจยังนั่งนิ่ง รู้สึกขอบตาร้อนผ่าวแบบห้ามไม่อยู่ ทำให้น้ำตาอุ่นคลอขังไหลลงช้าๆ



    ดลทำตาโตด้วยความตกใจ เพิ่งเข้าใจว่าเจหลงรักดวงเมืองมากจริงๆ “เอาล่ะ ไม่พูดแล้ว อย่าร้องไห้เลยนะเจ เดี๋ยวผมทนไม่ไหวร้องตามคุณอีกคน”



    มือเรียวปาดน้ำตาทิ้งง่ายๆ เจส่งยิ้มขอบคุณให้อีกฝ่าย



    “ท้อหรือเปล่าเจ” ดลถาม



    “นิดหน่อย แต่ไม่ถอยหรอก”



    “นั่นสิ ท้อได้แต่ห้ามถอยนะ นี่เพิ่งสองวันเอง ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะ ผมไม่เชื่อหรอกว่าเมืองเขาจะใจแข็งไปได้ตลอด คุณไม่รู้อะไร..เมื่อกี้ตอนที่ไอ้สารวัตรนั่นมันทำท่าจะพาคุณไปน่ะ เมืองเขาแอบมองตามตาเขียวเลย นี่ถ้าผมไม่ไล่มันไปล่ะก็ เกิดศึกชิงเจแน่ๆ”



    ร่างโปร่งมีท่าทางสดใสขึ้นทันตา “จริงเหรอดล!!”



    “จริงสิ..ก็เคยบอกแล้วนี่นาว่าเมืองน่ะไร้เซ้นท์แถมปากไม่ตรงกับใจอีกต่างหาก ต้องพยายามตื้อหน่อย..ว่าแต่..ยังไม่ได้บอกเลยว่าไปรู้จักสารวัตรพิชัยได้ยังไง”



    “เมื่อก่อนเขาเคยเป็นบอดี้การ์ดคุ้มกันให้ผมตอนที่ผมเคยมีเรื่องขัดผลประโยชน์กับคนในพื้นที่ที่ใช้ขยายฐานงานน่ะ แต่ก็เป็นเรื่องที่นานมากแล้ว ก็รู้สึกเหมือนกันว่าเขามักจะส่งสายตาแปลกๆมาให้ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร พอธุรกิจขยับขยายตามต้องการแล้ว ผมก็ให้เขากลับไป แต่เขามักจะโทรมาคุยด้วยบ่อยๆ”



    “ถ้างั้นก็ระวังหน่อย ทางที่ดีอย่าติดต่อกันอีกเลย ดูเหมือนเมืองเขาจะไม่ค่อยพอใจ”



    “อืม..ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะรู้จักกับเมืองด้วย ดูท่าทางจะไม่ถูกกัน ผมนี่แย่จริงดันไปเรียกเขามา”



    “ไม่ใช่ความผิดของเจหรอกน่า อย่าคิดมาก เอาล่ะ..วันนี้ก็เหนื่อยมามากแล้ว กลับไปพักผ่อนดีกว่านะ”



    เจพยักหน้ารับเนือยๆ พอลุกจากโต๊ะ สายตาก็เริ่มมองหาร่างสูงทันที เห็นดวงเมืองกำลังเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าบูดบึ้งเต็มที่ ทำเอาเจใจสั่นขึ้นมากะทันหัน



    ..ใจเย็นไว้เจ..เรื่องแค่นี้เอง..เคยผ่านเรื่องยากๆกว่านี้มาตั้งเยอะนี่นา…ไม่เป็นไร..ต้องไม่เป็นไร



    เจพยายามส่งยิ้มหวานเต็มที่ ดวงเมืองเห็นแล้วชะงักไปเล็กน้อย สีหน้าที่ดูเหมือนโกรธคนทั้งโลกเริ่มคลายลง



    “เป็นอะไรไปครับ ท่าทางอารมณ์ไม่ดีเลยนะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ดลเริ่มบทสนทนา



    “ไม่มีอะไรครับ โมโหเรื่องพนักงานนิดหน่อย แล้วพวกคุณยังไม่กลับอีกเหรอ” ร่างสูงถาม



    “กำลังจะกลับครับ พอดีเลยเมือง คุณช่วยไปส่งเจที่รถหน่อยนะ ผมจะไปตามหาวุตซักหน่อย ฝากด้วยนะครับ”



    ดลขยิบตาให้เจนิดนึงก่อนจะดันร่างโปร่งให้เข้าหาร่างสูง เจทำหน้าไม่ถูกได้แต่ส่งยิ้มเขินๆ แก้มทั้งสองข้างแดงระเรื่อขึ้นด้วยความอาย ดูน่ารักมากจนดวงเมืองเผลอจ้องมองไปครู่หนึ่ง



    “ไปครับ ผมจะไปส่งที่รถ”



    พูดจบชายหนุ่มก็ไม่ (กล้า) มองฝ่ายตรงข้ามอีกเลย ทำเอาเจอดส่งสายตาตัดพ้อเล็กๆให้ไม่ได้ แต่หารู้ไม่ว่าที่ดวงเมือง (พยายาม) ไม่มองนั้นก็เพราะว่าในใจของเขาเริ่มรู้สึกดีๆกับตนแล้ว (ถ้ารู้คงดีใจแทบตายแน่) และชายหนุ่มไม่อยากจะถลำลึกไปกว่านี้



    เจจึงได้แต่เดินตามดวงเมืองไปเงียบๆ พอถึงลานจอดรถกว้างที่ตอนนี้เหลือรถจอดอยู่ไม่กี่คันก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่าถ้าชายหนุ่มเห็นรถเบนซ์หรูราคาหลายล้านของตนล่ะก็ มีหวังโดนเกลียดแน่ๆ เพราะเจเพิ่งรู้มาจากดลว่าดวงเมืองนั้นเกลียดพวกนักธุรกิจมาก



    ..จบกัน!..แล้วจะแก้ตัวว่ายังไงล่ะ..เจเดินไปกุมขมับไป….



    “รถคุณคันไหนครับ” ดวงเมืองหันมาถาม



    “บะ..เบนซ์ สี..ดำ คันนั้น..คะ..ครับ”



    ดวงเมืองหรี่ตามองเบนซ์หรูด้วยความสงสัย



    “คุณเจทำงานอะไรครับ”



    มะ..มาแล้ว…คำถามที่เจแสนกลัว โอ๊ยตาย!!…ตอบยังไงดีล่ะ



    ดวงเมืองจ้องใบหน้าสวยเขม็ง แต่ในใจกลับอ่อนยวบลงตั้งแต่เห็นสีหน้าที่ซีดๆนั้นแล้ว



    “เอ่อ..ก็..ก็เป็นพนักงานบริษัทธรรมดาน่ะครับ”



    เจตอบเลี่ยงๆไปแล้วแต่เห็นนัยน์ตาคมยังจ้องแบบไม่กะพริบ เหมือนยังไม่คลายความสงสัย ทำให้รู้สึกเหมือนโดนตำรวจสอบปากคำผู้ต้องสงสัยเลย (ก็พระเอกมันตำรวจเก่าอ่ะ : คนเขียน -_-)



    “บริษัทอะไรครับ”



    “ก็..ก็เป็นบริษัทเล็กๆน่ะครับ เกี่ยวกับพวกเสื้อผ้าเครื่องประดับ”



    “เบนซ์คันนั้นของคุณหรือครับ”



    “ใช่…เอ๊ย!!..ไม่ใช่ครับ ของ..เอ่อ..ของ..ของเจ้านายผมน่ะครับ พอดีผมขอยืมท่านมา” พูดจบเจก็ยิ้มแห้งๆ



    “อ๋อ..งั้นเหรอครับ”



    เมื่อเห็นดวงเมืองทำท่าไม่สนใจ เจจึงลอบปาดเหงื่อเย็นๆ ออกไป รู้สึกใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ แต่ก็โล่งอกที่รอดไปได้ชั่วคราว



    “เห็นดลบอกว่าคุณไม่สบาย เป็นเพราะเรื่องเมื่อวานหรือเปล่าครับ”



    “ไม่ครับ พอดีที่ทำงานผมมีปัญหานิดหน่อยเท่านั้นเอง ทำไมครับหรือว่าคุณเป็นห่วง” เจเอียงคอถามพร้อมรอยยิ้มสวย



    “เอ่อ..ก็คุณเป็นลูกค้านี่ครับ” ดวงเมืองตอบเลี่ยงๆ



    “แค่นั้นเองเหรอครับ แหม..ผมนึกว่าคุณยอมรับผมเป็นเพื่อนแล้วซะอีก น่าน้อยใจจังนะ” แล้วเจก็แกล้งทำหน้าเศร้า แม้ในใจจะเศร้าจริงๆก็ตาม (แค่ลูกค้าเองเหรอ โธ่!!)



    “ไม่ใช่แบบนั้นครับ ผมคิดว่าคุณเป็นเพื่อนก็เลยห่วง กลับไปแล้วก็นอนพักให้มากๆนะครับ”



    “ครับ..ผมจะนอนพักให้มากๆ”



    แล้วจะฝันถึงคุณด้วย…เป็นคำที่เจคิดต่อในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป ตอนนี้เริ่มความสัมพันธ์จากความเป็นเพื่อนไปก่อน ต่อไปก็ต้องพัฒนาเป็นอย่างอื่นได้แน่นอน คิดได้แบบนี้แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้



    “พรุ่งนี้ผมจะมาอีก ได้หรือเปล่าครับ” เจหันมาถาม



    “ก็มาสิครับ ไม่มีใครห้ามนี่”



    “คลับของคุณสวยมากเลย ผมชอบ นั่งแล้วสบายใจดีจัง”



    “ชอบก็มาบ่อยๆได้ครับ คลับเปิดตั้งแต่หกโมงเย็น”



    “เจ้าของคลับยินดีต้อนรับแน่นะครับ”



    “ครับๆ ยินดีต้อนรับเสมอเลย”



    “ได้แน่ๆนะครับ ผมจะมาทุกวันเลย”



    “ครับ ผมรู้แล้ว คุณจะมาทุกวันแน่”



    ดวงเมืองตอบพลางสั่นศีรษะเบาๆ แล้วจึงหันไปเปิดประตูรถด้านคนขับให้ร่างโปร่ง ทำให้ไม่ทันเห็นนัยน์ตาคู่สวยที่เหม่อมองเขาด้วยความหลงใหลรักใคร่หมดหัวใจ



    “กาแฟดำที่คลับหอมมากเลยครับ คุณรู้หรือเปล่า..ผมชอบดื่มกาแฟดำที่สุดเลย”



    “งั้นเหรอครับ ก็มีคนชมมากเหมือนกัน”



    “แล้วคุณชอบดื่มอะไรครับ ชอบกาแฟดำไหม”



    “ก็ชอบครับ ดื่มได้ทุกอย่างนั่นแหละ เอาล่ะครับคุณเจ..กลับบ้านได้แล้วนะ”



    ดวงเมืองดันร่างโปร่งให้เข้าไปนั่งที่คนขับ ร่างนั้นพยายามบ่ายเบี่ยงเล็กน้อยแต่ก็ต้องยอมเข้าไปนั่งจนได้



    “เดี๋ยว..เดี๋ยวครับ”



    “อะไรอีกล่ะครับ หรือว่าคุณอยากจะนอนค้างที่นี่ ผมรู้แล้วว่าคุณชอบคลับผมมากๆแต่ผมให้นอนที่นี่ไม่ได้หรอกนะ”



    ดวงเมืองแกล้งพูดประชดแต่ใบหน้าคมกลับอมยิ้มนิดๆ



    “โธ่..เมืองก็…”



    “อะ..อะไรนะครับ!! เมื่อกี้คุณเจเรียกผมว่าอะไรนะ”



    …อ๊าก!!..หลุดปากอ่า แย่ละสิ!!….



    เจรีบเอามือปิดปากตัวเองแน่น แต่หูนรกแบบดวงเมืองมีหรือจะไม่ได้ยิน เจจึงได้แต่ยิ้มกลบเกลื่อนไป



    “ก็เราเป็นเพื่อนกัน ผมเรียกคุณว่าเมืองเฉยๆไม่ได้เหรอครับ อ๋อ..หรือว่ากลัวเสียเปรียบ..ถ้างั้นผมให้คุณเรียกผมว่าเจเฉยๆบ้างดีไหม”



    เจตีหน้าซื่อ พร้อมกับฉีกยิ้มอย่างอารมณ์ดี…



    ดวงเมืองทำท่าจะปฏิเสธเพราะเขาเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาเรียกตีสนิทแบบนี้ แต่พอเห็นใบหน้าที่ดูใสๆไร้เดียงสาแล้วก็ห้ามไม่ลง ได้แต่พยักหน้ารับแบบปลงๆ (หารู้ไม่ว่าโดนหน้าใสๆหลอกเอาซะแร้ว เหอๆ)



    “ถ้างั้นผมกลับก่อนนะครับ เมือง..ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะครับ”



    “ครับคุณเจก็เหมือนกัน”



    เจได้ยินแล้วอดงอนไม่ได้ “ถ้าไม่เรียกเจ จะไม่กลับครับ”



    ดวงเมืองยืนอึ้ง “ครับ..จะ..เจ..ก็เหมือนกัน ขับรถกลับดีๆนะครับ”



    พูดเองก็รู้สึกเขินเอง..ชายหนุ่มไม่เคยพูดแบบนี้กับใครมาก่อนเลยจริงๆ รู้สึกมันหวานๆแปลกๆ เลยได้แต่ทำหน้ายุ่งอยู่แบบนั้น



    เจหัวเราะด้วยความพอใจ รู้สึกแก้มตัวเองร้อนขึ้นมานิดๆเหมือนกันที่คนที่หลงรักมาเรียกชื่อตนแบบนี้ เขาโบกมือลาร่างสูงก่อนจะปิดประตูรถหรู แล้วขับออกไปด้วยสีหน้าที่มีความสุขผิดกับขามาลิบลับ



    ดวงเมืองยังคงยืนมองรถหรูนั้นไปจนลับตา ก่อนจะถอนหายใจยาว



    “เฮ้อ!!.ท่าจะทนไม่ไหวแล้วแฮะเรา..ก็น่ารักซะขนาดนี้นี่”



    เขาสั่นศีรษะเบาๆ ให้กับตัวเอง แล้วหันหลังเดินกลับเข้าคลับไป….





    +++++++++++ TBC  ++++++++++  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×