ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักคุณ..หมดใจ

    ลำดับตอนที่ #3 : น้องเขย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 143
      0
      6 ม.ค. 49

    ตอนที่ 3 น้องเขย



    ‘เจตรา อนันตราช’



    นักธุรกิจหนุ่มชั้นแนวหน้าผู้นำการส่งออกสิ่งทอและจิวเวลรี่คนสำคัญของเมืองไทย ด้วยความที่เป็นชายหนุ่มรูปงาม มีฐานะและชาติตระกูลสูง อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจตั้งแต่ยังอายุน้อย ทำให้หนุ่มโสดไฮโซวัยยี่สิบแปดคนนี้มีแต่คนรุมล้อมและให้ความสนใจไปทั่วทั้งเมือง ซึ่งเจ้าตัวดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไรที่ชีวิตส่วนตัวเริ่มถูกขุดคุ้ย ทำให้เป็นที่รู้กันทั่วว่าการเข้าไปถึงตัวของชายหนุ่มนั้นต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหน



    ตึกสีครามสวยสง่าตั้งตระหง่านอยู่บนถนนสายหลักในกรุงเทพฯ ที่นี่เป็นสำนักงานใหญ่ในเครืออนันตราชกรุ๊ป ทำให้มีผู้คนมากมายแทบทุกสายงานเดินไปมาภายในอาคารหรู รวมทั้งเหล่าชาวต่างชาติที่มาติดต่อธุรกิจด้วยตนเอง โดยมีท่านประธานใหญ่เจตรา เป็นผู้ควบคุมดูแลจัดการงานด้วยตนเอง



    ณ ชั้นบนสุด เป็นชั้นส่วนตัวของประธานบริษัทซึ่งแบ่งย่อยออกเป็นหลายห้อง โดยมีห้องทำงานใหญ่อยู่กลาง ขนาบซ้ายขวาด้วยห้องประชุมกว้างและห้องพักส่วนตัวซึ่งบางทีท่านประธานจะอาศัยนอนที่นี่เมื่อมีงานเร่งด่วน



    ภายในห้องทำงานหรู ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตขาวสะอาด และกางเกงสีดำเรียบร้อย กำลังยืนจิบกาแฟอยู่หลังโต๊ะทำงานใหญ่ของตน นัยน์ตาคู่สวยเหม่อมองออกไปยังภายนอกจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แม้กระทั่งเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ยังไม่สามารถเรียกให้ชายหนุ่มรู้ตัวได้ จนกระทั่งเสียงเคาะนั้นถี่และดังขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงสะดุ้งเล็กน้อยแล้วรีบกลับมานั่งทันที



    “ขออนุญาตครับท่านประธาน” เป็นเสียงทุ้มของหนึ่งในเลขา



    “เข้ามาสิ”



    สิ้นเสียงสั่ง บานประตูหน้าห้องจึงเปิดออก เหล่าผู้ก้าวเข้ามาใหม่นั้นประกอบไปด้วยสองชายหนุ่มและหนึ่งหญิงสาว ทั้งสามมีบุคลิกลักษณะและหน้าตาที่ดูดีโดดเด่นจนแตกต่างกับพนักงานทั่วไปอย่างชัดเจน ชายหนุ่มคนแรกเจ้าของเสียงทุ้มเป็นชายหนุ่มรูปร่างสง่างาม ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลา ลักษณะเป็นคนเงียบขรึม นิ่งและใจเย็น ตรงข้ามกับชายหนุ่มคนที่สองที่มีเรือนร่างสูงโปร่งพอๆกับประธาน มีใบหน้ารูปไข่ ดูใสสะอาด และมีรอยยิ้มน้อยๆประดับอยู่เสมอ ทำให้ดูเป็นคนสบายๆและคล่องแคล่ว ส่วนหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวก็ดูสวยสง่าและมีเสน่ห์ไม่แพ้กัน เธอดูฉลาดและทำงานเก่ง ซึ่งไม่ได้มีแค่ความสวยงามเท่านั้น แท้ที่จริงเธอยังเป็นคนจริงจังกับงานมากคนหนึ่ง



    “ทั้งสามคนนั่งก่อน” เจผายมือเชิญ



    ทั้งสามคนจึงนั่งลงตรงข้ามกับเจ้านายตน เตรียมรอรับคำสั่ง



    “คุณเจ มีอะไรหรือคะ” โสรยาเอ่ยถามเจ้านายหนุ่มด้วยสีหน้าเคร่งเครียด



    ร่างโปร่งเพียงยิ้มน้อยๆ “ไม่มีอะไรที่เคร่งเครียดขนาดนั้นหรอกครับ ทุกคนไม่ต้องซีเรียสไป”



    เลขาทั้งสามจึงแอบถอนหายใจโล่งอกไปตามๆกัน เนื่องเพราะนานๆคุณเจตราจะเรียกเลขามาประชุมพร้อมกันทั้งสามคนแบบนี้ ตอนแรกที่โดนเรียก ทุกคนก็คิดว่าจะต้องมีโปรเจคยักษ์ใหญ่หรือไม่ก็ดูงานสำคัญที่ต่างประเทศสักอย่างแน่ๆ



    “ที่ผมเรียกพวกคุณทั้งสามมาก็เพราะว่าผมอยากจะปรับตารางงานซักหน่อย ตั้งแต่นี้ต่อไปผมอยากจะให้มีเวลาว่างตั้งแต่หกโมงเย็นทุกวัน และวันอาทิตย์งดงานทุกอย่าง”



    “อะ..อะไรนะครับ/ค่ะ!!”



    ทั้งสามลุกพรวดจากโต๊ะ และตะโกนออกมาพร้อมกัน



    เจรีบเอามืออุดหู “ใจเย็นๆ ทำไมต้องทำท่าตกใจขนาดนั้นด้วยนะ”



    “โธ่..คุณเจค่ะ เอาเวลาว่างขนาดนั้นจะให้ฉันปรับตารางงานได้ยังไงกันคะ”



    เลขาหนุ่มทั้งสองพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของหญิงสาว



    “เอาเป็นว่าผมจะเข้างานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเลย ตอนกลางวันก็จะไม่พักและวันเสาร์จะทำงานทั้งวันด้วย ตกลงไหม” คนเป็นประธานต่อรองด้วยท่าทีสบายๆ



    “ถ้าคุณเจบอกเหตุผลที่สมควรได้ ผมก็สามารถจัดให้ได้ครับ” ภากรหนึ่งในเลขาเอ่ยเสียงทุ้มเย็น



    “นั่นสิครับ ทำงานแบบนั้นได้หมดแรงตายพอดี ตารางเวลาปกติของคุณก็แน่นเอี๊ยดอยู่แล้ว” อนุวัฒน์เอ่ยสนับสนุน สีหน้าแสดงความเป็นห่วงกังวล



    “ก็ผมอยากมีเวลาส่วนตัวบ้างนี่นา เอาน่า..พวกคุณช่วยปรึกษากันจัดตารางเวลาให้ผมใหม่หน่อยเริ่มวันนี้เลยนะ”



    ร่างโปร่งตอบยิ้มๆอย่างอารมณ์ดี ตรงข้ามกับบรรดาเลขาที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับทั้งสามคน



    “ไม่ใช่ว่าจะเอาเวลาไปหาแฟนหรอกนะครับ”



    อนุวัฒน์กึ่งบ่นกึ่งแซวเล่นแต่ก็ทำให้ใบหน้าที่ขาวสะอาดของเจ้านายตนกลายเป็นสีแดงระเรื่อขึ้น แค่นั้นก็ทำให้รู้แล้วว่าเจ้านายกำลังอยู่ในอารมณ์เขินขนาดไหน



    เลขาทั้งสามคนมองตาค้าง



    “จริงเหรอเนี่ย คุณเจ!!..โอ๊ย!!..ผมไม่อยากจะเชื่อเลย..”



    “ทำไม..ผมมีคนที่ชอบแล้วมันแปลกเหรอ” ใบหน้าสวยงอง้ำ ชักงงๆอยู่ว่าใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้องกันแน่…เจ้าพวกนี้



    “ก็ไม่แปลกหรอกค่ะ แล้วคนที่แสนจะโชคดีคนนั้นเป็นใครกันค่ะ แล้วไปรู้จักกันตอนไหน ทั้งๆที่คุณเจก็อยู่กับพวกเราตลอดแท้ๆ ทำไมพวกเราไม่เห็นรู้เรื่องเลยล่ะค่ะ” โสรยาถาม



    “ก็เพิ่งรู้จักกันเมื่อคืนเอง ตอนนี้กำลังตามจีบอยู่แต่คงจะสำเร็จยากเพราะเขาเริ่มไม่ชอบหน้าผมแล้วล่ะ ผมเลยต้องอาศัยลูกตื้อซักหน่อย”



    เลขาทั้งสามทำตาโตอีกรอบ…



    “มีใครกล้าปฏิเสธคุณเจด้วยเหรอคะเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ!!”



    “จริงๆนะ เขาเป็นเจ้าของคลับแถวๆนี้แหละ ผมบอกเขาว่าจะแวะไปที่คลับของเขาอีกได้ไหม เขาไม่ได้ตอบรับและไม่ได้ปฏิเสธจริงจัง แต่ดูเขาไม่ค่อยอยากให้ผมไปเลย” นัยน์ตาคู่สวยฉายแววเศร้าเล็กๆออกมาทันที แต่ก็รีบปรับอารมณ์กลับมายิ้มแย้มดังเดิม



    “เอาน่า พวกคุณช่วยผมหน่อยแล้วกันนะ แล้วเดี๋ยวปลายปีเพิ่มโบนัสให้”



    “เฮ้อ!! ก็ได้ครับแต่พวกเราไม่ได้หวังโบนัสหรอกนะ แค่อยากให้คุณมีความสุขเหมือนคนอื่นเขาบ้าง” อนุวัฒน์ถอนหายใจยาวแบบปลงๆ



    “เรื่องตารางคงไม่มีปัญหาครับแต่ผมกลัวว่าคุณเจจะรับไม่ไหวนะ ช่วงนี้งานเยอะมาก นี่มิสเตอร์เอริคก็กำลังจะบินมาร่วมประชุมกับคุณเดือนหน้าแล้ว ทางเรายังเตรียมงานไปไม่ถึงไหนเลย” เลขาร่างสูงถามด้วยความเป็นห่วง



    “คุณกรไม่ต้องเป็นห่วง ผมไม่ทำให้เสียงานแน่ เอางี้..ถ้างานในส่วนวันไม่เสร็จ คุณก็ช่วยวางไว้บนโต๊ะผม ผมจะกลับมาทำตอนดึกแล้วจะนอนที่นี่เลย ตื่นเช้าก็มาทำต่อ เป็นไงแบบนี้รับรองเสร็จทันแน่ๆ”



    “ก็ได้ครับ แต่ถ้าผมรู้สึกว่าคุณเจไม่ไหวเมื่อไหร่ ตารางงานใหม่จะถูกยกเลิกทันทีนะครับ ตกลงไหม” เลขาหนุ่มต่อรอง



    “เอาอย่างนั้นก็ได้ แต่พวกคุณนี่เป็นห่วงผมมากเกินไปหรือเปล่า”



    “โธ่..คุณเจคะ ก็คุณเป็นเจ้านายเพียงคนเดียวของพวกเรานี่ค่ะ จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง ว่าแต่ว่าคนที่โชคดีสุดๆคนนั้นเขาชื่ออะไรหรือค่ะ”



    เลขาทั้งสามรีบตั้งใจฟังเต็มที่ ถึงชื่อของบุคคลสุดยอดแห่งปีที่สามารถคว้าหัวใจน้อยๆของเจ้านายของพวกตนได้



    เจยิ้มเขินๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบาๆ “ด..ว..ง…เมือง”



    “อะไรนะครับ/ค่ะ ไม่ค่อยได้ยินเลย”



    “เขาชื่อ ‘ดวงเมือง’ ชัดไหม”



    แล้วใบหน้าสวยใสของประธานบริษัทหนุ่มก็แดงเป็นลูกตำลึงอีกรอบ



    “ดวงเมือง” เลขาทั้งสามพูดออกมาพร้อมกัน



    “ผู้หญิงอะไรชื่อเหมือนผู้ชายเลยนะคะ” โสรยาเอ่ยยิ้มๆ



    เจก้มหน้าลงด้วยความอาย ตอนนี้ความแดงลามไปที่ทั้งลำคอทั้งใบหูของตนแล้ว



    “ก็ผู้ชายน่ะสิ ไม่ได้บอกซักหน่อยว่าเป็นผู้หญิง”



    “หา!!…ผู้ชายยย…!!”



    แล้วเลขาทั้งสามก็ลุกพรวดจากเก้าอี้อีกครั้ง พร้อมทั้งตะโกนคำเดียวกันจนประธานบริษัทต้องเอามืออุดหูอีก แล้วคำถามสารพัดจากบรรดาเลขา (ที่หวงเจ้านายเกินเหตุ) ก็ประดังประเดมาที่เจ้านายหนุ่มเกือบตลอดชั่วโมง



    ++++++++++++++++



    ช่วงบ่ายของวันเป็นเวลาที่ยุ่งที่สุดของเจตรา เอกสารมากมายที่รอให้เขาเซ็นกองพะเนินอยู่ฟากหนึ่งของโต๊ะ ใบหน้าสวยเคร่งเครียด คิ้วเรียวขมวดจนยุ่งไปหมด มือขวาจับปากกาค้างอยู่ นัยน์ตากวาดอ่านไปยังเอกสารตรงหน้าด้วยความตั้งใจ



    “สี่โมงเย็นมีนัดกับคุณวิรงรองเรื่องพลอยจากจันทบุรีนะคะ ส่วนหกโมงเย็นมีนัดกับท่านฑูตไพศาลเรื่องสินค้าที่จะส่งไปสิงคโปร์ แล้วก็คุณหญิงแขไขโทรมาบอกว่าคืนนี้ขอเชิญไปดินเนอร์ที่บ้านเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งค่ะ” เลขาสาวอ่านทวนตารางนัดประจำวัน



    “นัดคุณวิรงรองเลื่อนเป็นพรุ่งนี้เก้าโมงเช้า ส่วนท่านฑูตไพศาลขอเลื่อนเป็นสามโมงเย็นนี้เลย ให้คุณวัฒน์ไปกับผมด้วย ส่วนดินเนอร์ของคุณหญิงเลื่อนนัดเป็นวันเสาร์นี้แทน และขอเป็นลันช์ซักเที่ยงครึ่ง คุณโสโทรไปขอโทษคุณหญิงแทนผมด้วย” เจตอบแบบไม่ใส่ใจ สายตายังไม่ละจากเอกสารในมือ



    เลขาสาวรีบจดกำหนดนัดใหม่แล้วขอแยกตัวออกไปทำงานต่อ แต่สักพักโทรศัพท์สายในก็ดังขึ้น เจจึงต้องละสายตาจากเอกสารสำคัญไปพักหนึ่ง



    “ขอโทษค่ะ คุณภูมิขอพบค่ะ”



    “ผมไม่ว่าง บอกเขาว่างานยุ่ง มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยที่บ้าน” นิ้วเรียวกดตัดสายทันที



    แต่ทว่าคำสั่งของท่านประธานใหญ่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเมื่อร่างสูงของผู้เป็นน้องเขยผลักประตูเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว ด้านหลังมีโสรยาและอนุวัฒน์ที่วิ่งตามเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตะลึง



    “เอ่อ..ขอโทษค่ะคุณเจ ดิฉันห้ามคุณภูมิแล้วแต่ว่า…” เลขาสาวเอ่ยเสียงสลด



    “ไม่เป็นไร ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก แล้วนี่คุณกรไปไหน”



    เจ้านายหนุ่มถามถึงเลขาร่างใหญ่ เพราะมีแต่ภากรเท่านั้นที่สามารถกันน้องเขยของเขาได้



    “พอดีกรไปติดต่อลูกค้าข้างนอก ยังไม่กลับมาเลยครับ” อนุวัฒน์ตอบเสียงสั่น



    “งั้นเหรอ..” เขานิ่งคิดไปชั่วครู่ “ถ้างั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว พวกคุณไปทำงานต่อเถอะ อ้อ..คุณวัฒน์เดี๋ยวออกไปพบท่านฑูตกับผมนะ อย่าลืมเข้ามาเตือนล่ะ เดี๋ยวผมลืม” ว่าแล้วก็ส่งสายตาให้เลขาหนุ่มคู่ใจ



    อนุวัฒน์พยักหน้ารับเข้าใจความหมาย “เข้าใจแล้วครับ”



    แล้วเลขาทั้งสองก็รีบออกไปจากห้องทันที เจจึงหันไปมองหน้าผู้เข้ามาใหม่ด้วยสายตาเฉยชา เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ก้มลงอ่านเอกสารในมือต่อ ทำเอาคนที่เข้ามาใหม่เริ่มเกิดอารมณ์โกรธเกรี้ยวขึ้นแต่ก็ดับมันลงได้แทบจะในทันที ร่างสูงเอื้อมมือไปกดล็อคประตูห้องโดยไม่ให้เจ้าของห้องรู้ตัว



    “พี่จะหันมามองผมหน่อยไม่ได้หรือครับ”



    ร่างสูงพยายามเอ่ยเสียงเรียบเย็นแต่หางเสียงยังแฝงอารมณ์ไม่พอใจอยู่เล็กน้อยเมื่อเห็นคนตรงหน้าทำเป็นไม่สนใจเขา



    “นายมีอะไร ถ้าไม่สำคัญก็ไปคุยกันที่บ้าน ตอนนี้ฉันยุ่ง”



    “ผมมาขอโทษ..เรื่องเมื่อวาน”



    เจเงยหน้าขึ้นมอง “ถ้าเรื่องนั้นฉันก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เรื่องที่จะพูดมีแค่นี้ใช่ไหม”



    “ทำไมครับ แค่จะเงยหน้ามาพูดกับผมบ้างทำให้พี่เสียเวลาขนาดนั้นเลยหรือยังไง”



    ภูมิเริ่มเดินเข้ามาใกล้โต๊ะทำงานมากขึ้น แต่เจยังคงท่าทีวางเฉยไว้ได้แม้ในใจจะเริ่มลนลานบ้างแล้วก็ตาม



    “ก็บอกแล้วว่าฉันงานยุ่ง มีอะไรไปพูดกันที่บ้าน” ปลายปากกาที่จรดลงบนเอกสารเริ่มสั่นน้อยๆ



    แต่ภูมิยังคงเดินเข้ามาใกล้จนชิดขอบโต๊ะทำงาน เขากวาดเอกสารบนโต๊ะจนปลิวกระจายไปทั่วห้องด้วยความโกรธ!! เจตกใจรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้และพยายามวิ่งไปทางประตูทันทีแต่ก็ไม่ไวไปกว่าร่างสูงที่คว้าข้อมือบางได้และกระชากเจ้าของร่างเข้ามาแนบอ้อมอกตน!!



    “ปล่อย!!..นายทำบ้าอะไร!!” เจตวาดเสียงสั่น



    “พี่ต่างหากที่กำลังทำให้ผมเป็นบ้า”



    “ปล่อยฉัน!!”



    “ทำไม!! ทำไมพี่ถึงไม่สนใจผม พี่ก็รู้ว่าผมคิดยังไงกับพี่!!”



    “นายบ้าไปแล้วหรือไง นายเป็นน้องเขยของฉันนะ!!”



    “ผมไม่ได้รักจอยเลย คนที่ผมหลงรักจนจะเป็นบ้าอยู่แล้วก็คือพี่ต่างหาก!!”



    “ไอ้บ้า! ปล่อยฉันนะ ถ้าไม่อยากให้ยัยจอยรู้ ก็ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!” ร่างโปร่งเริ่มดิ้นรน



    “คำขู่ของพี่ใช้ไม่ได้ผลกับผมหรอก ผมก็อยากเลิกกับเขาเหมือนกัน พี่ไม่รู้หรอกว่าเวลาผมมีอะไรกับเขา ผมต้องจินตนาการว่าเขาคือพี่ทุกครั้ง มันทรมานแค่ไหนพี่รู้บ้างหรือเปล่า!!”



    “หายบ้าซะทีภูมิ ปล่อยฉัน ถ้านายอยากมากก็ไปหาคนอื่น อย่ามายุ่งกับฉัน!!” เจตะคอกใส่



    “ที่ผมพูดมาทั้งหมดพี่ไม่เข้าใจหรือยังไง ผมอยากมีอะไรกับพี่..พี่คนเดียวเท่านั้น!! ถึงผมจะไปมีกับคนอื่นผมก็ต้องคิดว่าเขาคือพี่ทุกที แม้กระทั่งช่วยตัวเองผมก็ต้องคิดถึงแต่หน้าของพี่ เรือนร่างของพี่ ผมอยากจะ..อยากจะ..โธ่เว้ย!!..ผมทนเก็บกดความรู้สึกแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว!!”



    “หยุดพูดเดี๋ยวนี้ ฉันไม่อยากฟัง!!”



    “ยอมเป็นของผมเถอะ ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รับรองว่าผมจะทำให้พี่มีความสุขที่สุด ขอผมเถอะ…”



    เสียงของภูมิเอ่ยเว้าวอนเป็นครั้งแรก อารมณ์บางอย่างแผ่กระจายจากเบื้องล่างซาบซ่านไปทั่วร่างกาย แม้ในห้องทำงานหรูจะปรับอากาศไว้เย็นสบายเพียงใด แต่ความร้อนจากกายกลับทำให้ทั้งร่างร้อนผ่าวไปด้วยแรงปรารถนาที่ถูกกักเก็บเอาไว้เนิ่นนาน มือใหญ่ข้างหนึ่งคว้าข้อมือบางทั้งสองไว้แน่น! ส่วนอีกข้างจับศีรษะของอีกฝ่ายไม่ให้หลบหลีกไปไหนก่อนจะก้มลงประทับจูบลงไปอย่างรวดเร็ว!!…



    “อื้อ..!!!”



    ริมฝีปากของภูมิบดเบียดลงไปยังริมฝีปากอ่อนนุ่มหวานละมุนของอีกฝ่ายเนิ่นนานด้วยความปรารถนาอย่างรุนแรงส่งผลให้ร่างโปร่งเริ่มอ่อนระทวยลง มือของเจที่ตอนแรกขัดขืนเต็มที่ก็เริ่มอ่อนแรงลงตาม และเมื่อภูมิสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ติดขัดของคนในอ้อมกอด ชายหนุ่มจึงค่อยถอนริมฝีปากของตนออกอย่างเสียดาย



    “ผมรักพี่ ได้ยินไหมครับ”



    มือแข็งแรงกระชากเสื้อเชิ้ตตัวบางของร่างโปร่งจนขาดวิ่นไปทั้งแถบ ริมฝีปากร้อนผ่าวโลมไล้ไปทั่วลำคอขาวเนียน สูดกลิ่นหอมกรุ่นจากผู้เป็นพี่เมียอย่างเต็มที่ ก่อนจะฝังรอยจูบรุนแรงไว้ทุกทีที่ริมฝีปากของตนลากผ่าน



    “อย่า!!..ไม่..ปล่อยฉัน!!”



    เสียงครางแผ่วด้วยความเจ็บปวดและขยะแขยงกับสัมผัสที่ได้รับของคนในอ้อมกอดกลับทำให้ภูมิคลั่งไปด้วยความกระหายในรัก กระหายในเรือนร่างอันสวยงามนี้ สัมผัสจึงเริ่มรุนแรงขึ้นทีละน้อย!…



    “พี่เป็นของผม!!”



    ++++++++++++++++++



    …อีกด้านหนึ่ง……..



    หน้าห้องท่านประธานใหญ่ เลขาทั้งสองเดินไปมาจนแทบจะชนกันแล้ว อนุวัฒน์ทนไม่ไหวอีกต่อไปเมื่อได้ยินเสียงเถียงกันดังลั่นที่ดังออกมาจากห้องเจ้านาย เขาพยักหน้าให้เลขาสาวว่าถึงเวลาแล้ว โสรยาพยักหน้าเข้าใจ



    “เฮ้ย!!!



    “อะไรวัฒน์!!



    “ประตูล็อคอ่ะ”



    “ตายจริง!!..จะทำยังไงล่ะที่นี้..โธ่เอ้ย..เวลาแบบนี้กรดันไม่อยู่ซะนี่” หญิงสาวบ่นด้วยความร้อนใจ



    “ทำไงดีโส..ฉันเป็นห่วงคุณเจจัง”



    “นั่นสิ..กุญแจสำรองห้องท่านประธานก็ไม่มีซะด้วย”



    “งั้นเดี๋ยวฉันโทรหากรให้รีบมาเลยดีกว่า”



    ว่าแล้วอนุวัฒน์ก็รับคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว



    “ฮัลโหล กรเหรอ อยู่ไหนน่ะรีบกลับมาที่บริษัทด่วนเลยนะ คุณเจแย่แล้ว!!”



    “เฮ้ย!!..เกิดอะไรขึ้น!! ตอนนี้ฉันกำลังจะเดินไปถึงอยู่แล้ว” เสียงทุ้มจากปลายสายแสดงความตกใจ



    “ดีเลย รีบมาเร็วๆ ก็คุณภูมิอ่ะดิบุกมาหาคุณเจถึงห้องเลย ฉันกับโสเอาไว้ไม่อยู่ แถมยังล็อคห้องไว้อีก ไม่รู้ป่านนี้คุณเจของฉันป่นปี้ไปแล้วหรือยัง”



    พูดจบก็พอดีร่างสูงของเลขาหนุ่มวิ่งเข้ามาพอดี ภากรรีบถลาไปที่ประตูห้องเจ้านายอย่างรวดเร็ว



    “คุณภูมิ!! คุณเจ!! เปิดประตูหน่อยครับ!! ผมมีธุระสำคัญ คุณภูมิ!! คุณเจ!!”



    ชายหนุ่มทุบประตูเสียงดังแต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตู เขาแนบใบหูกับประตู ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆของเจ้านายตัวเองดังลอดออกมา



    “คุณเจแย่แล้ว ไอ้บ้านั่น!!”



    “ทำไงดีกร..”



    “ฉันจะพังเข้าไป ทั้งสองคนถอยออกไปก่อน”



    และก่อนที่ในห้องจะเกิดอะไรขึ้นมากไปกว่านั้น เลขาร่างใหญ่ก็กระแทกประตูเข้ามาได้ทันพอดี ภาพตรงหน้าทำเอาสติของเลขาทั้งสามขาดผึง! เมื่อพบว่าเจ้านายของตนนอนเสื้อผ้าขาดวิ่นอยู่ที่พื้น! น้ำตานองใบหน้า! ส่วนอีกคนกำลังพรมจูบไปทั่วร่างโปร่งนั้น ไม่ได้สนใจอะไรรอบตัวอีกเลย…



    “แก..ไอ้เลว!!”



    ภากรกระชากร่างใหญ่ของคนที่เป็นรองประธานบริษัทขึ้นมา หมัดหนักๆซัดเปรี้ยงเข้าให้ที่ปลายคางของอีกฝ่าย จนตัวลอยกระแทกผนังสลบเหมือดไปทันที!!



    “คุณเจ!!”



    เลขาทั้งสามรีบประคองร่างอันอ่อนระโหยของเจ้านายให้ลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ภากรรีบถอดเสื้อนอกของตนออกแล้วคลุมให้ร่างโปร่งทันที ดีทีกางเกงของอีกฝ่ายยังคงไม่ถูกดึงออกไป



    “ไม่เป็นอะไรนะครับคุณเจ..พวกผม..พวกผมมาช่วยทันใช่ไหม!!” อนุวัฒน์เอ่ยเสียงสั่น



    เจพยักหน้ารับช้าๆ ตลอดร่างยังคงสั่นสะท้าน..



    “ไปครับไปที่ห้องพักก่อน เรื่องทางนี้ผมจัดการเอง โส วัฒน์ ดูแลคุณเจด้วยนะ แล้วก็โทรไปขอเลื่อนนัดท่านฑูตด้วยบอกว่าคุณเจไม่สบายมาก”



    ทั้งสองพยักหน้ารับแล้วรีบประคองร่างโปร่งของเจ้านายออกไปทันที ภากรจึงรีบลากร่างใหญ่ที่สลบเหมือดอยู่นั้นไปที่โซฟา ก่อนจะหันหลังกลับและล็อคประตูห้องทำงานไว้อย่างแน่นหนา



    “ไอ้เลวเอ๊ย!!”



    เขาสบถด่าก่อนที่จะรีบเดินไปที่ห้องพักส่วนตัวของเจ้านาย ดีที่ชั้นบนสุดนี้เป็นชั้นส่วนตัวของประธานบริษัท นอกจากเลขาทั้งสามที่ขึ้นตรงกับท่านประธานแล้วก็ไม่ค่อยมีใครได้ขึ้นมามากนัก ทำให้เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในบริษัทนี้มีเพียงคู่กรณีทั้งสองและเหล่าเลขาสามคนเท่านั้นที่รับรู้….



    TBC ค้าบบบ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×