ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แผ่วหวาน
ตอนที่ 2
   
    ภายในห้องพักพนักงานของคลับ  เคนกำลังนั่งร้องโอดโอยและดิ้นหนีไปมาเมื่อแผลสดบนใบหน้าถูกทาด้วยสำลีชุบทิงเทอร์ในมือของมิจังเจ้าของคลับ  ส่วนทัตสึมิก็กำลังนั่งจ้องเจ้าเด็กแสบที่ตอนนี้หน้าตาบูดบึ้งจนแก้มป่อง  แถมจ้องตากลับแบบไม่ยอมแพ้
    “ว่าไงเรา  มาเดินทำอะไรแถวนี้ดึกๆดื่นๆ รู้มั๊ยว่ามันอันตราย”  เขาถาม
    “ยุ่งไรด้วย  คนไม่รู้จักบุญคุณ  ทำคุณบูชาโทษชัดๆ”  หน้ากลมๆเชิดใส่
    นั่น..เอากับเขาสิ..แน่ใจหรือว่าเป็นคำพูดของเด็กอายุสิบขวบ  ทัตสิมึชักฉุนขึ้นมาตะหงิดๆ
    “ไอ้หนู..จะมากไปแล้วมั้งเรา  ตัวแค่นี้ทำเป็นพูดดี  เดี๋ยวเถอะ” 
    “ทำไม!! ผู้ใหญ่คิดรังแกเด็กเหรอ  คิดว่าสู้เป็นคนเดียวหรือไง  มาเลย..เข้ามา  อ้อ!..แล้วก็อย่าเรียกฉันว่าไอ้หนู..คนเขามีพ่อมีแม่ที่ตั้งชื่อมาให้เรียก  จำใส่สมองกลวงๆของนายเลยว่าฉันชื่อมิเนรุ..มิ-เน-รุ  จำไว้“ 
แล้วร่างเล็กๆนั้นก็ลุกขึ้นยืนกอดอกนิ่ง  นัยน์ตากลมจ้องอีกฝ่ายแบบเอาเรื่องสุดๆ
    พอฟังจบ  ทัตสึมิก็ทำตาโตแบบทึ่งๆ.. โอ้โห..เป็นชุดเลย เกือบฟังไม่ทัน  นี่ประธานหนุ่มสุดหล่อ เอซาว่า ทัตสึมิ ที่มีแต่คนเกรงกลัวเกรงใจ  ต้องมานั่งนิ่งอึ้งฟังคำด่าของเด็กตัวกะเปี๊ยกเนี่ยนะ 
    “เป็นไงท่านประธานใหญ่ อึ้งไปเลยล่ะสิ”  เคนส่งเสียงเยาะเย้ยมาพร้อมกับหัวเราะลั่นแต่ดันกระเทือนแผลเลยเปลี่ยนเป็นร้องโอดโอยแทน
    “เด็กนรก!!..ถ้าฉันมีน้องแบบนี้นะจะตีให้ก้นลายเลย..นี่น้องยังขนาดนี้ อยากรู้นักว่าพี่ชายจะขนาดไหน”
    แล้วทัตสึมิก็ทำท่าปวดหัว  และส่ายหน้าแบบเอือมระอาขอยอมแพ้  ทำเอาเพื่อนรักหัวเราะขำกับท่าทางของอีกฝ่าย  นี่ถ้าคนในโรงเรียนมาเห็นประธานใหญ่ผู้เคร่งขรึมเย็นชา มาเถียงแพ้เด็กแบบนี้  ภาพพจน์สวยหรูที่อุตส่าห์สร้างมาคงพังทลายหมดแน่
    “ไม่หรอกจ๊ะ ทัตสึคุง  ตัวพี่น่ะออกจะดี๊ดี  น่ารัก  แต่คนน้องสิ..แสบสันต์อย่าบอกใคร  ใช่ไหมจ๊ะ มิเนรุคุง”
    มิจังเจ้าของคลับหันมาบอกเด็กหนุ่มทั้งสองพลางเก็บกล่องยา  เธอหันมายิ้มหวานให้เจ้าหนูน้อย 
    “มิจังรู้สึกเจ้าหนูนี่ด้วยเหรอ”
    “รู้จักสิ  ก็มิเนรุเป็นน้องชายของนักดนตรีคนใหม่ที่ฉันเคยบอกทัตสึคุงไงล่ะ  นี่คงจะมารับพี่ชายล่ะสิ”
    มิเนรุพยักหน้ารับ  พอดีกับที่บานประตูห้องเปิดออก  แล้วร่างบางผู้เป็นพี่ชายก็เดินลิ่วเข้ามาแบบไม่มองใคร  สองมือเอื้อมไปกอดน้องชายสุดที่รักด้วยความเป็นห่วง  หารู้ไม่ว่ามีใครคนหนึ่งมองตนจนตาค้างตัวแข็งไปแล้ว
“มิเนรุเป็นอะไรหรือเปล่า  มีคนไปบอกพี่ว่าเราไปก่อเรื่องข้างนอกมา”
ไม่พูดเปล่า  มือเรียวจับนู่นจับนี่ของอีกฝ่าย  คนเป็นน้องได้แต่ยิ้มแห้งๆ 
“ไม่เป็นไรฮะ สบายมาก”
“วันหลังไม่ต้องมารับพี่แล้วนะ  พี่กลับบ้านคนเดียวได้”
“ไม่ได้ๆ  ยังไงผมก็ต้องมารับ  แถวนี้ยิ่งมีพวกไว้ใจไม่ได้เยอะอยู่ด้วย”
แล้วเจ้าหนูก็ส่งสายตาพิฆาตให้กับทัตสึมิ  ทำให้คาโอรุมองตาม  จึงเพิ่งรู้ตัวว่าในห้องยังมีคนอื่นอยู่ด้วย  แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพียงมองผ่านไปครั้งเท่านั้น  ทว่าคนเป็นน้องก็รีบดึงพี่ชายลงมาใกล้ๆแล้วแอบเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง  ..แต่ดูท่าจะใส่สีตีไข่ลงไปเยอะเพราะพอฟังจบ คนพี่ก็มองคู่กรณีของน้องชายด้วยสายตาขุ่นๆ
“พูดอย่างกับว่าถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆจะช่วยอะไรได้งั้นแหละ  เด็กชัดๆ”
    ทัตสึมิชักเริ่มหมั่นไส้เจ้าเด็กแสบนี่ขึ้นมาจนได้  หนอย..มาหาว่าเราไว้ใจไม่ได้.. อีกอย่างเขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดๆด้วย ก็เพราะคนที่อยากจะให้สนใจกลับมองตัวเขาผ่านไปแบบนั้น  อะไรกัน..เขาไม่มีอะไรดึงดูดเลยหรือไงนะ..
    “เงียบไปเลย  ใครขอความเห็นนาย  คนในครอบครัวเขากำลังคุยกัน  คนนอกอย่าส-อ-ด”  เจ้าหนูพูดด้วยใบหน้ากวนๆ
    ทัตสึมิอึ้งไปอีกรอบ  ส่วนมิจังเจ้าของคลับกับเคนพยายามกลั้นหัวเราะกันเต็มที่
“โอ๊ย!!..ทนไม่ไหวแล้ว  นี่..”  ทัตสึมิหันไปหาคาโอรุ  “สั่งสอนน้องนายบ้างนะ  เด็กอะไรวะพูดมากชิบ”
นัยน์ตาสวยแข็งกร้าวขึ้นมาทันที  “ก่อนที่จะว่าคนอื่น หัดดูตัวเองหน่อยนะ  น้องฉันเกี่ยวอะไรกับนาย”
    “โอ้โห..พี่น้องเหมือนกันชะมัด”
    “นี่นาย!! ”
    มิจังเห็นท่าไม่ดีเลยรีบเข้าห้าม ก่อนเกิดมวยสด  ส่วนเคนยังไม่ยอมหยุดหัวเราะ  หญิงสาวเลยได้แต่ทำตาเขียวใส่   
“เอาล่ะๆ..เรื่องนิดเดียวเอง  ว่าแต่ทัตสึคุง  วันนี้ทำไมพูดมากจังเลย”
    “ก็ไม่มีอะไรนี่..พอดีอารมณ์เริ่มดีขึ้นมากะทันหัน”
    นัยน์ตาสีเข้มยังแอบมองคนพี่อยู่เป็นระยะๆ  พอเจ้าตัวรู้สึก  เขาก็แกล้งเสหลบไป
    “แล้วไอ้เคน มันเป็นไงบ้าง”
    “ไม่เป็นไรหรอก ฉันทำแผลให้เรียบร้อยแล้ว  แต่วันหลังก็ระวังหน่อย..จะจีบสาวทั้งทีก็ดูหน่อยว่าเขามากับใคร  ฉันไม่อยากให้มีเรื่องหน้าคลับของฉันหรอกนะจ๊ะหนุ่มๆ”
    เคนพยักหน้ายอมรับผิดพร้อมกับฝืนยิ้มเจื่อน
    “อ้อ..คาโอรุจัง  ใกล้เวลาแล้วนะจ๊ะ  ออกไปแสดงฝีมือซักสองสามเพลง  พอจบแล้วก็กลับบ้านได้เลยนะ  เดี๋ยวมิเนรุจะอยู่รอไม่ไหว”
    คาโอรุรับคำ แล้วเดินไปหยิบไวโอลินสุดรัก  สั่งอะไรกับคนเป็นน้องสองสามคำ  เห็นเจ้าหนูพยักหน้าอือๆ  เสร็จแล้วก็เดินออกจากห้องไป  ก่อนปิดประตูยังแอบส่งสายตาไม่เป็นมิตรมาให้ทัตสึมิ ทัตสึมิเห็นแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้
“ถูกใจเหรอ ทัตสึคุง”  มิจังถามเย้า
“อืม..เคยเห็นเขาที่โรงเรียนน่ะ  สีไวโอลินเพราะเชียว” 
ร่างสูงตอบยิ้มๆ  ใช่แล้ว..คาโอรุ..ก็คือคนที่บรรเลงเพลงอันแสนไพเราะนั่น  ไม่คิดเลยว่าจะเจอกันที่นี่..นี่ถ้าไม่เจอเจ้าเด็กแสบ ก็คงไม่รู้จักกันแน่ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย คิดแล้วก็หันไปมองหาร่างเล็กๆทันที
    “อยู่นี่..”
    เจ้าตัวเล็กแอบมายืนฟังผู้ใหญ่คุยกันอยู่ตั้งนานสองนานแล้ว  แถมได้ยินชัดเต็มสองรูหูเลย  ไอ้บ้านี่มันเล็งพี่เขาอยู่  ฝันไปเถอะแก..ข้ามศพช้านนไปก่อนเฟ้ย.. พี่ข้าใครอย่าแตะ
    “แอบฟังคนอื่นคุยกัน  ไม่ดีรู้เปล่า” 
ทัตสึมิหันไปแหย่  อดเอ็นดูไม่ได้เหมือนกันเมื่อเห็นแก้มป่องๆนั้น  อีกอย่างพอพิจารณาเจ้าเด็กนี่ถึงได้รู้ความแตกต่างระหว่างคนพี่กับคนน้อง เพราะนัยน์ตาคู่กลมนี้นั้นแฝงความดื้อรั้นและไม่ยอมใคร แตกต่างกับพี่ชายที่มีนัยน์ตาสวยดูหวานซึ้ง  แต่ดูยังไงๆหน้าตาก็ถอดพิมพ์เดียวกันมาชัดๆ  เห็นแล้วก็คิดถึงคนพี่ขึ้นมาทันที
เจ้าหนูทำตาขวางใส่  “แอบนินทาคนอื่นก็ไม่ดีเหมือนกันนั่นแหละ  รู้นะคิดไรอยู่  ฝันไปเถอะ”
“คิดอา-ราย”
“ก็ที่คิดอยู่นั่นแหละ  พี่ฉันไม่ตาต่ำมองนายหรอก  อย่าหวังซะให้ยาก”
“เด็กนรก..คอยดูไปแล้วกัน  พี่นายเป็นแฟนฉันเมื่อไหร่  จะยุให้ทิ้งนายมาอยู่กับฉัน”
“ไม่มีวันนั้นหรอก  ผู้ใหญ่นรก”
“หนอย..บังอาจมาว่าฉันเหรอ”
“ก็นายมาเรียกฉันว่าเด็กนรกก่อนนี่”
“ก็นายมันเด็กนรกจริงๆนี่”
“นายก็ผู้ใหญ่นรกเหมือนกันแหละ”
“ฉันชื่อเอซาว่า  ทัตสึมิ  ฉันมีชื่อ ก็เรียกซะ แล้วอีกอย่าง ปีนี้ฉันอายุ 18 มากกว่านายตั้ง 8 ปี พูดจาให้มันมีสัมมาคารวะซะมั่ง”
“อ้าว..ฉันก็มีชื่อเหมือนกันทำไมไม่เรียกบ้างล่ะ..บอกไปตั้งหลายครั้งแล้วด้วย..อีกอย่างสัมมาคารวะน่ะเขามีไว้ใช้สำหรับคนที่มีมารยาท  ไอ้คนไม่มีมารยาทน่ะ ไม่ต้องมีหรอก  รู้ไว้ซะ..ผู้ใหญ่นรก”
“ไอ้เด็ก ฮึ่ม!!..โว้ยยย!!”
แล้วสงครามน้ำลายระหว่างประธานสุดหล่อกับเด็กจอมแสบก็ดำเนินต่อไปอีกนาน  แต่ดูท่าคนที่อายุน้อยกว่าจะเป็นฝ่ายชนะเพราะกำลังยักคิ้วยักไหล่ล้อเลียนอีกฝ่ายแถมเผยรอยยิ้มอันแสนจะกวนส้น ส่วนอีกคนก็กัดฟันกรอดๆ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง หมดสภาพประธานหนุ่มผู้เคร่งขรึมไปเลย  มิจังกับเคนได้แต่ส่ายหน้าปลงๆ แล้วแอบหนีออกจากห้องไปเงียบๆ ปล่อยให้สองคนทะเลาะกันไปให้พอใจ 
++++++++++++++++++++++++++
    เที่ยงคืนแล้ว..หลังจากที่ทำงานเสร็จ  คาโอรุก็รีบมาเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที  เสร็จแล้วก็กลับมาที่ห้องพักเพื่อมารับน้องชาย  แต่พอเปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้เขาแอบขำ  ก็เพราะหนึ่งเด็กหนึ่งผู้ใหญ่นอนหลับนิ่งแล้วทั้งคู่  ร่างสูงนอนเหยียดยาวบนโซฟากว้าง ในอ้อมกอดมีเด็กชายตัวเล็กๆนอนซุกอยู่อย่างสบาย
    “เจอหน้ากันก็ทะเลาะกันจะเป็นจะตาย  ทีแบบนี้ล่ะสามัคคีกันหลับเชียว”
    คาโอรุได้โอกาสแอบมองใบหน้าคมที่หลับสบาย  เขารู้สึกคุ้นๆกับใบหน้านี้ยังไงบอกไม่ถูก  เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน  ตอนหลับก็ดูเคร่งขรึมดีออก  แต่เดี๋ยวพอตื่นมา ปากเริ่มขยับพูดเมื่อไหร่ล่ะก็..คิดแล้วรู้สึกเหมือนเห็นอิมเมจมิเนรุตอนโตยังไงก็ไม่รู้สิ
    “แอบมองแบบนี้ แสดงว่าหลงรักฉันแล้วล่ะสิ”
    คนพูดพูดออกมาทั้งๆที่ตายังหลับอยู่
“ตื่นแล้วทำไมไม่บอก”
คิ้วเรียวขมวดแบบไม่พอใจ  คาโอรุรีบเข้าไปอุ้มน้องชายมากอดไว้  แล้วไม่สนใจร่างสูงที่ตอนนี้กะเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งแล้ว
“อย่าปลุกล่ะ  กว่าจะหลับได้เล่นเอาเหนื่อยเลย”  ทัตสึมิบอก
“ขอบคุณมากที่ช่วยดูมิเนรุให้”
“จริงๆเขาก็น่ารักดี  แต่แสบชะมัด  ฉันไม่เคยพูดไม่เคยเถียงใครแพ้มาก่อน  ยอมรับเลยว่าพอเจอน้องนาย..ฉันยอมแพ้เลย”
คาโอรุอดหัวเราะออกมาไม่ได้  ทัตสึมิมองจนตาค้าง น่า..น่าฟัด..เอ๊ย..น่ารักจัง
    “คุยกันตั้งนานยังไม่รู้เลยว่านายชื่ออะไร..ฉันชื่อยูคาระ  คาโอรุ..เรียกคาโอรุก็ได้”  คาโอรุเอ่ยถาม
“ฉัน..เอซาว่า  ทัตสึมิ  เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับนาย”
“โรงเรียนเดียวกับฉัน?”
“อืม..ฉันอยู่ปีสามน่ะ”
“ทำไมนายถึงรู้ล่ะว่าฉันอยู่โรงเรียนไหน”
“เอ่อ จะว่าไงดีล่ะ  คือเมื่อตอนพักกลางวัน  ตอนที่นายแอบมานั่งสีไวโอลินในเขตชั้นปีที่สาม  พอดีฉันอยู่บนต้นไม้น่ะ”  พูดจบแล้ว ก็ยิ้มเขินๆ  “ขอโทษนะที่แอบฟัง  แต่นายสีไวโอลินได้เพราะมากจริงๆ”
คาโอรุไม่ได้ตอบอะไร  แต่แก้มก็แดงระเรื่อเป็นคำตอบออกมาจนได้
“ว่าแต่นามสกุลยูคาระ  คุ้นๆอยู่นะ” 
“อ๋อ..ลูกพี่ลูกน้องฉันเป็นประธานชั้นปีสองน่ะ  นายคงรู้จักมั้ง เขาออกดัง  ชื่อยูคาระ  เรียวสุเกะ”
ทัตสึมิทำท่าคิด  มิน่า..ตอนเห็นเรียวสุเกะครั้งแรกก็รู้สึกคล้ายๆอยู่เหมือนกัน
“เป็นญาติกันนี่เอง..แต่ว่าตระกูลยูคาระก็มีฐานะมากนี่  ทำไมนายต้องมาทำงานพิเศษด้วยล่ะ”
คาโอรุนิ่งเงียบไปชั่วครู่  นัยน์ตาสวยฉายแววเศร้า  “ฉันมันสายปลายแถวแล้ว  ไม่มีเงินมากเหมือนญาติคนอื่นหรอก”
ฟังจากน้ำเสียงก็พอจะรู้ว่ามีอะไรมากกว่าการเป็นยูคาระปลายแถว  แต่ทัตสึมิก็ไม่ได้พูดออกมา
“เหนื่อยมากหรือเปล่า”
“ไม่หรอก”
“ฉันไปส่งที่บ้านนะ ดึกมากแล้ว”
“แล้วเพื่อนของนายล่ะ”
“กลับไปนานแล้ว  ฉันไล่ให้กลับไปก่อนเพราะอยากให้ไปนอนพัก”
“อืม..งั้นก็ขอบคุณนะ”
“ยินดีมากๆ”
ทัตสึมิดีใจจนหน้าบาน  รีบกุลีกุจอแย่งของในมือคาโอรุไปถือเองจนหมด  เห็นเจ้าตัวเล็กนอนหลับนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นพี่ชายอย่างสบายใจแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้  ..ทีแบบนี้ล่ะ ไร้เดียงสาเชียว..
สองหนุ่มเดินคุยกันไปตลอดทาง  ความสนิทสนมก่อเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย แม้แต่คาโอรุเองก็ชักรู้สึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันเพราะตัวเขาเป็นคนที่สนิทกับคนอื่นยากมาก  แต่กับทัตสึมิคนนี้รู้สึกไว้ใจได้ อยู่ด้วยแล้วสบายใจบอกไม่ถูก  แล้วอีกฝ่ายก็เหมือนมีความคิดแบบเดียวกับเขาด้วย
คุยกันยาวจนกระทั่งเดินมาอยู่หน้าบ้านตัวเองแล้ว  บ้านคาโอรุเป็นบ้านไม่ใหญ่ไม่เล็ก ดูกะทัดรัดมากกว่า  รอบข้างมีดอกไม้ปลูกไว้จนแน่น ส่วนหน้าประตูก็ประดับประดาตกแต่งจนสวยงามน่าดู 
“ถึงบ้านแล้ว ขอบคุณมากที่มาส่ง” 
“อืม  แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียน..เอ่อ..หลังตึกปีสามเหมือนเดิมนะ  จะรออยู่”
คาโอรุก้มหน้าหลบสายตาของอีกฝ่าย 
“คำตอบล่ะ”
“ถ้าไม่ติดอะไรก็จะไป  เข้าบ้านก่อนนะ  ราตรีสวัสดิ์”
พูดจบก็รีบวิ่งเข้าบ้านตัวเองทันที  ทัตสึมิจึงยิ้มขำกับท่าทางเขินจัดดูน่ารักของคาโอรุ
“ราตรีสวัสดิ์  ฝันดีนะ คาโอรุ”
ไม่รู้ว่าคนที่อยากให้ได้ยินคำพูดของเขา จะได้ยินหรือเปล่า  แต่ทัตสึมิก็ตะโกนออกไปแบบนั้น  เหม่อมองอยู่สักพัก เขาจึงเดินจากบ้านนั้นมาด้วยความรู้สึกชุ่มชื้นหัวใจแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน..และเฝ้ารอเวลาให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆ .
++++++++++  TBC  ++++++++++
   
    ภายในห้องพักพนักงานของคลับ  เคนกำลังนั่งร้องโอดโอยและดิ้นหนีไปมาเมื่อแผลสดบนใบหน้าถูกทาด้วยสำลีชุบทิงเทอร์ในมือของมิจังเจ้าของคลับ  ส่วนทัตสึมิก็กำลังนั่งจ้องเจ้าเด็กแสบที่ตอนนี้หน้าตาบูดบึ้งจนแก้มป่อง  แถมจ้องตากลับแบบไม่ยอมแพ้
    “ว่าไงเรา  มาเดินทำอะไรแถวนี้ดึกๆดื่นๆ รู้มั๊ยว่ามันอันตราย”  เขาถาม
    “ยุ่งไรด้วย  คนไม่รู้จักบุญคุณ  ทำคุณบูชาโทษชัดๆ”  หน้ากลมๆเชิดใส่
    นั่น..เอากับเขาสิ..แน่ใจหรือว่าเป็นคำพูดของเด็กอายุสิบขวบ  ทัตสิมึชักฉุนขึ้นมาตะหงิดๆ
    “ไอ้หนู..จะมากไปแล้วมั้งเรา  ตัวแค่นี้ทำเป็นพูดดี  เดี๋ยวเถอะ” 
    “ทำไม!! ผู้ใหญ่คิดรังแกเด็กเหรอ  คิดว่าสู้เป็นคนเดียวหรือไง  มาเลย..เข้ามา  อ้อ!..แล้วก็อย่าเรียกฉันว่าไอ้หนู..คนเขามีพ่อมีแม่ที่ตั้งชื่อมาให้เรียก  จำใส่สมองกลวงๆของนายเลยว่าฉันชื่อมิเนรุ..มิ-เน-รุ  จำไว้“ 
แล้วร่างเล็กๆนั้นก็ลุกขึ้นยืนกอดอกนิ่ง  นัยน์ตากลมจ้องอีกฝ่ายแบบเอาเรื่องสุดๆ
    พอฟังจบ  ทัตสึมิก็ทำตาโตแบบทึ่งๆ.. โอ้โห..เป็นชุดเลย เกือบฟังไม่ทัน  นี่ประธานหนุ่มสุดหล่อ เอซาว่า ทัตสึมิ ที่มีแต่คนเกรงกลัวเกรงใจ  ต้องมานั่งนิ่งอึ้งฟังคำด่าของเด็กตัวกะเปี๊ยกเนี่ยนะ 
    “เป็นไงท่านประธานใหญ่ อึ้งไปเลยล่ะสิ”  เคนส่งเสียงเยาะเย้ยมาพร้อมกับหัวเราะลั่นแต่ดันกระเทือนแผลเลยเปลี่ยนเป็นร้องโอดโอยแทน
    “เด็กนรก!!..ถ้าฉันมีน้องแบบนี้นะจะตีให้ก้นลายเลย..นี่น้องยังขนาดนี้ อยากรู้นักว่าพี่ชายจะขนาดไหน”
    แล้วทัตสึมิก็ทำท่าปวดหัว  และส่ายหน้าแบบเอือมระอาขอยอมแพ้  ทำเอาเพื่อนรักหัวเราะขำกับท่าทางของอีกฝ่าย  นี่ถ้าคนในโรงเรียนมาเห็นประธานใหญ่ผู้เคร่งขรึมเย็นชา มาเถียงแพ้เด็กแบบนี้  ภาพพจน์สวยหรูที่อุตส่าห์สร้างมาคงพังทลายหมดแน่
    “ไม่หรอกจ๊ะ ทัตสึคุง  ตัวพี่น่ะออกจะดี๊ดี  น่ารัก  แต่คนน้องสิ..แสบสันต์อย่าบอกใคร  ใช่ไหมจ๊ะ มิเนรุคุง”
    มิจังเจ้าของคลับหันมาบอกเด็กหนุ่มทั้งสองพลางเก็บกล่องยา  เธอหันมายิ้มหวานให้เจ้าหนูน้อย 
    “มิจังรู้สึกเจ้าหนูนี่ด้วยเหรอ”
    “รู้จักสิ  ก็มิเนรุเป็นน้องชายของนักดนตรีคนใหม่ที่ฉันเคยบอกทัตสึคุงไงล่ะ  นี่คงจะมารับพี่ชายล่ะสิ”
    มิเนรุพยักหน้ารับ  พอดีกับที่บานประตูห้องเปิดออก  แล้วร่างบางผู้เป็นพี่ชายก็เดินลิ่วเข้ามาแบบไม่มองใคร  สองมือเอื้อมไปกอดน้องชายสุดที่รักด้วยความเป็นห่วง  หารู้ไม่ว่ามีใครคนหนึ่งมองตนจนตาค้างตัวแข็งไปแล้ว
“มิเนรุเป็นอะไรหรือเปล่า  มีคนไปบอกพี่ว่าเราไปก่อเรื่องข้างนอกมา”
ไม่พูดเปล่า  มือเรียวจับนู่นจับนี่ของอีกฝ่าย  คนเป็นน้องได้แต่ยิ้มแห้งๆ 
“ไม่เป็นไรฮะ สบายมาก”
“วันหลังไม่ต้องมารับพี่แล้วนะ  พี่กลับบ้านคนเดียวได้”
“ไม่ได้ๆ  ยังไงผมก็ต้องมารับ  แถวนี้ยิ่งมีพวกไว้ใจไม่ได้เยอะอยู่ด้วย”
แล้วเจ้าหนูก็ส่งสายตาพิฆาตให้กับทัตสึมิ  ทำให้คาโอรุมองตาม  จึงเพิ่งรู้ตัวว่าในห้องยังมีคนอื่นอยู่ด้วย  แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมากนัก เพียงมองผ่านไปครั้งเท่านั้น  ทว่าคนเป็นน้องก็รีบดึงพี่ชายลงมาใกล้ๆแล้วแอบเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง  ..แต่ดูท่าจะใส่สีตีไข่ลงไปเยอะเพราะพอฟังจบ คนพี่ก็มองคู่กรณีของน้องชายด้วยสายตาขุ่นๆ
“พูดอย่างกับว่าถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆจะช่วยอะไรได้งั้นแหละ  เด็กชัดๆ”
    ทัตสึมิชักเริ่มหมั่นไส้เจ้าเด็กแสบนี่ขึ้นมาจนได้  หนอย..มาหาว่าเราไว้ใจไม่ได้.. อีกอย่างเขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดๆด้วย ก็เพราะคนที่อยากจะให้สนใจกลับมองตัวเขาผ่านไปแบบนั้น  อะไรกัน..เขาไม่มีอะไรดึงดูดเลยหรือไงนะ..
    “เงียบไปเลย  ใครขอความเห็นนาย  คนในครอบครัวเขากำลังคุยกัน  คนนอกอย่าส-อ-ด”  เจ้าหนูพูดด้วยใบหน้ากวนๆ
    ทัตสึมิอึ้งไปอีกรอบ  ส่วนมิจังเจ้าของคลับกับเคนพยายามกลั้นหัวเราะกันเต็มที่
“โอ๊ย!!..ทนไม่ไหวแล้ว  นี่..”  ทัตสึมิหันไปหาคาโอรุ  “สั่งสอนน้องนายบ้างนะ  เด็กอะไรวะพูดมากชิบ”
นัยน์ตาสวยแข็งกร้าวขึ้นมาทันที  “ก่อนที่จะว่าคนอื่น หัดดูตัวเองหน่อยนะ  น้องฉันเกี่ยวอะไรกับนาย”
    “โอ้โห..พี่น้องเหมือนกันชะมัด”
    “นี่นาย!! ”
    มิจังเห็นท่าไม่ดีเลยรีบเข้าห้าม ก่อนเกิดมวยสด  ส่วนเคนยังไม่ยอมหยุดหัวเราะ  หญิงสาวเลยได้แต่ทำตาเขียวใส่   
“เอาล่ะๆ..เรื่องนิดเดียวเอง  ว่าแต่ทัตสึคุง  วันนี้ทำไมพูดมากจังเลย”
    “ก็ไม่มีอะไรนี่..พอดีอารมณ์เริ่มดีขึ้นมากะทันหัน”
    นัยน์ตาสีเข้มยังแอบมองคนพี่อยู่เป็นระยะๆ  พอเจ้าตัวรู้สึก  เขาก็แกล้งเสหลบไป
    “แล้วไอ้เคน มันเป็นไงบ้าง”
    “ไม่เป็นไรหรอก ฉันทำแผลให้เรียบร้อยแล้ว  แต่วันหลังก็ระวังหน่อย..จะจีบสาวทั้งทีก็ดูหน่อยว่าเขามากับใคร  ฉันไม่อยากให้มีเรื่องหน้าคลับของฉันหรอกนะจ๊ะหนุ่มๆ”
    เคนพยักหน้ายอมรับผิดพร้อมกับฝืนยิ้มเจื่อน
    “อ้อ..คาโอรุจัง  ใกล้เวลาแล้วนะจ๊ะ  ออกไปแสดงฝีมือซักสองสามเพลง  พอจบแล้วก็กลับบ้านได้เลยนะ  เดี๋ยวมิเนรุจะอยู่รอไม่ไหว”
    คาโอรุรับคำ แล้วเดินไปหยิบไวโอลินสุดรัก  สั่งอะไรกับคนเป็นน้องสองสามคำ  เห็นเจ้าหนูพยักหน้าอือๆ  เสร็จแล้วก็เดินออกจากห้องไป  ก่อนปิดประตูยังแอบส่งสายตาไม่เป็นมิตรมาให้ทัตสึมิ ทัตสึมิเห็นแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้
“ถูกใจเหรอ ทัตสึคุง”  มิจังถามเย้า
“อืม..เคยเห็นเขาที่โรงเรียนน่ะ  สีไวโอลินเพราะเชียว” 
ร่างสูงตอบยิ้มๆ  ใช่แล้ว..คาโอรุ..ก็คือคนที่บรรเลงเพลงอันแสนไพเราะนั่น  ไม่คิดเลยว่าจะเจอกันที่นี่..นี่ถ้าไม่เจอเจ้าเด็กแสบ ก็คงไม่รู้จักกันแน่ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย คิดแล้วก็หันไปมองหาร่างเล็กๆทันที
    “อยู่นี่..”
    เจ้าตัวเล็กแอบมายืนฟังผู้ใหญ่คุยกันอยู่ตั้งนานสองนานแล้ว  แถมได้ยินชัดเต็มสองรูหูเลย  ไอ้บ้านี่มันเล็งพี่เขาอยู่  ฝันไปเถอะแก..ข้ามศพช้านนไปก่อนเฟ้ย.. พี่ข้าใครอย่าแตะ
    “แอบฟังคนอื่นคุยกัน  ไม่ดีรู้เปล่า” 
ทัตสึมิหันไปแหย่  อดเอ็นดูไม่ได้เหมือนกันเมื่อเห็นแก้มป่องๆนั้น  อีกอย่างพอพิจารณาเจ้าเด็กนี่ถึงได้รู้ความแตกต่างระหว่างคนพี่กับคนน้อง เพราะนัยน์ตาคู่กลมนี้นั้นแฝงความดื้อรั้นและไม่ยอมใคร แตกต่างกับพี่ชายที่มีนัยน์ตาสวยดูหวานซึ้ง  แต่ดูยังไงๆหน้าตาก็ถอดพิมพ์เดียวกันมาชัดๆ  เห็นแล้วก็คิดถึงคนพี่ขึ้นมาทันที
เจ้าหนูทำตาขวางใส่  “แอบนินทาคนอื่นก็ไม่ดีเหมือนกันนั่นแหละ  รู้นะคิดไรอยู่  ฝันไปเถอะ”
“คิดอา-ราย”
“ก็ที่คิดอยู่นั่นแหละ  พี่ฉันไม่ตาต่ำมองนายหรอก  อย่าหวังซะให้ยาก”
“เด็กนรก..คอยดูไปแล้วกัน  พี่นายเป็นแฟนฉันเมื่อไหร่  จะยุให้ทิ้งนายมาอยู่กับฉัน”
“ไม่มีวันนั้นหรอก  ผู้ใหญ่นรก”
“หนอย..บังอาจมาว่าฉันเหรอ”
“ก็นายมาเรียกฉันว่าเด็กนรกก่อนนี่”
“ก็นายมันเด็กนรกจริงๆนี่”
“นายก็ผู้ใหญ่นรกเหมือนกันแหละ”
“ฉันชื่อเอซาว่า  ทัตสึมิ  ฉันมีชื่อ ก็เรียกซะ แล้วอีกอย่าง ปีนี้ฉันอายุ 18 มากกว่านายตั้ง 8 ปี พูดจาให้มันมีสัมมาคารวะซะมั่ง”
“อ้าว..ฉันก็มีชื่อเหมือนกันทำไมไม่เรียกบ้างล่ะ..บอกไปตั้งหลายครั้งแล้วด้วย..อีกอย่างสัมมาคารวะน่ะเขามีไว้ใช้สำหรับคนที่มีมารยาท  ไอ้คนไม่มีมารยาทน่ะ ไม่ต้องมีหรอก  รู้ไว้ซะ..ผู้ใหญ่นรก”
“ไอ้เด็ก ฮึ่ม!!..โว้ยยย!!”
แล้วสงครามน้ำลายระหว่างประธานสุดหล่อกับเด็กจอมแสบก็ดำเนินต่อไปอีกนาน  แต่ดูท่าคนที่อายุน้อยกว่าจะเป็นฝ่ายชนะเพราะกำลังยักคิ้วยักไหล่ล้อเลียนอีกฝ่ายแถมเผยรอยยิ้มอันแสนจะกวนส้น ส่วนอีกคนก็กัดฟันกรอดๆ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง หมดสภาพประธานหนุ่มผู้เคร่งขรึมไปเลย  มิจังกับเคนได้แต่ส่ายหน้าปลงๆ แล้วแอบหนีออกจากห้องไปเงียบๆ ปล่อยให้สองคนทะเลาะกันไปให้พอใจ 
++++++++++++++++++++++++++
    เที่ยงคืนแล้ว..หลังจากที่ทำงานเสร็จ  คาโอรุก็รีบมาเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที  เสร็จแล้วก็กลับมาที่ห้องพักเพื่อมารับน้องชาย  แต่พอเปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้เขาแอบขำ  ก็เพราะหนึ่งเด็กหนึ่งผู้ใหญ่นอนหลับนิ่งแล้วทั้งคู่  ร่างสูงนอนเหยียดยาวบนโซฟากว้าง ในอ้อมกอดมีเด็กชายตัวเล็กๆนอนซุกอยู่อย่างสบาย
    “เจอหน้ากันก็ทะเลาะกันจะเป็นจะตาย  ทีแบบนี้ล่ะสามัคคีกันหลับเชียว”
    คาโอรุได้โอกาสแอบมองใบหน้าคมที่หลับสบาย  เขารู้สึกคุ้นๆกับใบหน้านี้ยังไงบอกไม่ถูก  เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน  ตอนหลับก็ดูเคร่งขรึมดีออก  แต่เดี๋ยวพอตื่นมา ปากเริ่มขยับพูดเมื่อไหร่ล่ะก็..คิดแล้วรู้สึกเหมือนเห็นอิมเมจมิเนรุตอนโตยังไงก็ไม่รู้สิ
    “แอบมองแบบนี้ แสดงว่าหลงรักฉันแล้วล่ะสิ”
    คนพูดพูดออกมาทั้งๆที่ตายังหลับอยู่
“ตื่นแล้วทำไมไม่บอก”
คิ้วเรียวขมวดแบบไม่พอใจ  คาโอรุรีบเข้าไปอุ้มน้องชายมากอดไว้  แล้วไม่สนใจร่างสูงที่ตอนนี้กะเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งแล้ว
“อย่าปลุกล่ะ  กว่าจะหลับได้เล่นเอาเหนื่อยเลย”  ทัตสึมิบอก
“ขอบคุณมากที่ช่วยดูมิเนรุให้”
“จริงๆเขาก็น่ารักดี  แต่แสบชะมัด  ฉันไม่เคยพูดไม่เคยเถียงใครแพ้มาก่อน  ยอมรับเลยว่าพอเจอน้องนาย..ฉันยอมแพ้เลย”
คาโอรุอดหัวเราะออกมาไม่ได้  ทัตสึมิมองจนตาค้าง น่า..น่าฟัด..เอ๊ย..น่ารักจัง
    “คุยกันตั้งนานยังไม่รู้เลยว่านายชื่ออะไร..ฉันชื่อยูคาระ  คาโอรุ..เรียกคาโอรุก็ได้”  คาโอรุเอ่ยถาม
“ฉัน..เอซาว่า  ทัตสึมิ  เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับนาย”
“โรงเรียนเดียวกับฉัน?”
“อืม..ฉันอยู่ปีสามน่ะ”
“ทำไมนายถึงรู้ล่ะว่าฉันอยู่โรงเรียนไหน”
“เอ่อ จะว่าไงดีล่ะ  คือเมื่อตอนพักกลางวัน  ตอนที่นายแอบมานั่งสีไวโอลินในเขตชั้นปีที่สาม  พอดีฉันอยู่บนต้นไม้น่ะ”  พูดจบแล้ว ก็ยิ้มเขินๆ  “ขอโทษนะที่แอบฟัง  แต่นายสีไวโอลินได้เพราะมากจริงๆ”
คาโอรุไม่ได้ตอบอะไร  แต่แก้มก็แดงระเรื่อเป็นคำตอบออกมาจนได้
“ว่าแต่นามสกุลยูคาระ  คุ้นๆอยู่นะ” 
“อ๋อ..ลูกพี่ลูกน้องฉันเป็นประธานชั้นปีสองน่ะ  นายคงรู้จักมั้ง เขาออกดัง  ชื่อยูคาระ  เรียวสุเกะ”
ทัตสึมิทำท่าคิด  มิน่า..ตอนเห็นเรียวสุเกะครั้งแรกก็รู้สึกคล้ายๆอยู่เหมือนกัน
“เป็นญาติกันนี่เอง..แต่ว่าตระกูลยูคาระก็มีฐานะมากนี่  ทำไมนายต้องมาทำงานพิเศษด้วยล่ะ”
คาโอรุนิ่งเงียบไปชั่วครู่  นัยน์ตาสวยฉายแววเศร้า  “ฉันมันสายปลายแถวแล้ว  ไม่มีเงินมากเหมือนญาติคนอื่นหรอก”
ฟังจากน้ำเสียงก็พอจะรู้ว่ามีอะไรมากกว่าการเป็นยูคาระปลายแถว  แต่ทัตสึมิก็ไม่ได้พูดออกมา
“เหนื่อยมากหรือเปล่า”
“ไม่หรอก”
“ฉันไปส่งที่บ้านนะ ดึกมากแล้ว”
“แล้วเพื่อนของนายล่ะ”
“กลับไปนานแล้ว  ฉันไล่ให้กลับไปก่อนเพราะอยากให้ไปนอนพัก”
“อืม..งั้นก็ขอบคุณนะ”
“ยินดีมากๆ”
ทัตสึมิดีใจจนหน้าบาน  รีบกุลีกุจอแย่งของในมือคาโอรุไปถือเองจนหมด  เห็นเจ้าตัวเล็กนอนหลับนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นพี่ชายอย่างสบายใจแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้  ..ทีแบบนี้ล่ะ ไร้เดียงสาเชียว..
สองหนุ่มเดินคุยกันไปตลอดทาง  ความสนิทสนมก่อเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย แม้แต่คาโอรุเองก็ชักรู้สึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันเพราะตัวเขาเป็นคนที่สนิทกับคนอื่นยากมาก  แต่กับทัตสึมิคนนี้รู้สึกไว้ใจได้ อยู่ด้วยแล้วสบายใจบอกไม่ถูก  แล้วอีกฝ่ายก็เหมือนมีความคิดแบบเดียวกับเขาด้วย
คุยกันยาวจนกระทั่งเดินมาอยู่หน้าบ้านตัวเองแล้ว  บ้านคาโอรุเป็นบ้านไม่ใหญ่ไม่เล็ก ดูกะทัดรัดมากกว่า  รอบข้างมีดอกไม้ปลูกไว้จนแน่น ส่วนหน้าประตูก็ประดับประดาตกแต่งจนสวยงามน่าดู 
“ถึงบ้านแล้ว ขอบคุณมากที่มาส่ง” 
“อืม  แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียน..เอ่อ..หลังตึกปีสามเหมือนเดิมนะ  จะรออยู่”
คาโอรุก้มหน้าหลบสายตาของอีกฝ่าย 
“คำตอบล่ะ”
“ถ้าไม่ติดอะไรก็จะไป  เข้าบ้านก่อนนะ  ราตรีสวัสดิ์”
พูดจบก็รีบวิ่งเข้าบ้านตัวเองทันที  ทัตสึมิจึงยิ้มขำกับท่าทางเขินจัดดูน่ารักของคาโอรุ
“ราตรีสวัสดิ์  ฝันดีนะ คาโอรุ”
ไม่รู้ว่าคนที่อยากให้ได้ยินคำพูดของเขา จะได้ยินหรือเปล่า  แต่ทัตสึมิก็ตะโกนออกไปแบบนั้น  เหม่อมองอยู่สักพัก เขาจึงเดินจากบ้านนั้นมาด้วยความรู้สึกชุ่มชื้นหัวใจแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน..และเฝ้ารอเวลาให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆ .
++++++++++  TBC  ++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น