ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Past way

    ลำดับตอนที่ #1 : แรกพบ

    • อัปเดตล่าสุด 22 ส.ค. 48


    พอดีเรื่องนี้เคยลงไว้ที่เวปส่วนตัว แต่มันใกล้ล่มเต็มทีเลยอยากจะมาฝากไว้ที่นี่ซักพัก

    (จริงๆฝากไว้ที่บอร์ดอีกที่นึงแต่ขี้เกียจมาเซฟทีละข้อความน่ะ (^^\'\')

    พอหาที่ลงได้แล้วจะลบออกค่ะ (กลัวโดนเวปมาสเตอร์เจอจัง หุๆ)

    อ่านกันเงียบๆอย่าคิดมากแล้วกันนะคะ ฝากคอมเมน ติชมด้วยค่ะ ขอบคุณมากเลย







    ตอนที่ 1



    “เอ้า..สำหรับเดือนนี้  ใช้ประหยัดหน่อยล่ะ”

        มือเล็กๆ ยื่นออกไปรับซองเงินมาจากฝ่ายตรงข้าม  นำมาใส่กระเป๋าตนเอง พร้อมกล่าวคำขอบคุณเบาๆ

        “ไปได้แล้ว ฉันมีนัด”

        ร่างเล็กรับคำ รีบหยิบกล่องไวโอลินข้างตัว  แล้วเดินออกมาจากร้านอาหารหรูทันที  ใบหน้าสวยหวานประกอบกับรูปร่างบอบบางทำให้คนที่เดินผ่านไปมาอดมองเหลียวหลังไม่ได้  แต่เด็กหนุ่มคล้ายไม่สนใจเลย  

        “เอ..บอกให้คอยที่นี่ นี่นา”   เขากวาดสายตาไปรอบๆถนน  มองหาใครบางคน

        “พี่คาโอรุ  อยู่นี่ฮะ”   เสียงเล็กๆดังมาจากอีกฟากหนึ่งของถนน

        เด็กหนุ่มยิ้มบางเมื่อค้นพบคนที่กำลังมองหาอยู่  ที่แท้ก็คือเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ที่หน้าตาถอดแบบออกมาจากตน  ซึ่งกำลังโบกไม้โบกมือให้

        “เจ้าตัวยุ่ง  มานี่เร็ว”

        เด็กน้อยรีบเดินเข้ามาหาพี่ชายพร้อมรอยยิ้มกว้าง  

        “เสร็จธุระแล้วหรือฮะ  แล้วตาแก่นั่นว่าไงบ้าง”

        คาโอรุเอามือเคาะศีรษะน้องชายเบาๆด้วยความเอ็นดู   “ไปเรียกคุณพ่อแบบนั้นได้ไง  ไม่น่ารักเลยนะ”

        “เจ็บนะ  พี่อ่ะ”

    “ก็เคาะให้เจ็บน่ะสิ”

    มิเนรุยังลูบหัวตัวเองเบาๆ พร้อมกับทำหน้าเบ้   “คนนี้ก็ตาแก่เหมือนกัน”   ปากเล็กๆช่างเจรจาก็ยังไม่หยุดส่งเสียงบ่น

    “อา-ไร-นะ  เมื่อกี้พูดว่าอะไร”

    “เปล่าฮะ ถามพี่ว่าพ่อว่าไงบ้าง”  มิเนรุแกล้งฉีกยิ้มเอาใจแล้วก็เฉไฉไปจนได้  คนเป็นพี่ชายจึงส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มขำ

    “ก็เหมือนเดิม  แต่พี่รู้สึกว่าคราวนี้ให้น้อยนะ  พี่คงต้องรับงานพิเศษเพิ่มอีกนิด”  

    จากสีหน้ายิ้มแย้มของเด็กน้อย ก็เปลี่ยนเป็นโกรธขึ้งทันที  คิ้วเรียวขมวดจนยุ่ง    “ผมไปพูดกับพ่อเอง  เดี๋ยวมาฮะ”

    ตัดสินใจแล้ว  ร่างเล็กก็ทำท่าจะเดินเข้าไปในร้านอาหารจริงๆ  คาโอรุจึงรีบคว้าร่างของน้องชายเอาไว้แล้วยกขึ้นอุ้ม รีบเดินออกไปให้ห่างทันที

    “พี่คาโอรุ  ปล่อยผมน้า!!  ผมจะไปพูดกับตาแก่นั่นให้รู้เรื่อง!!”

    “เราน่ะจะแก่แดดเกินไปแล้ว  คิดว่าตัวเองอายุเท่าไหร่กันฮ่ะ  แล้วคุณพ่อก็มีนัดด้วย  ถ้าเข้าไปท่านได้โกรธใหญ่”

    “พี่ก็แบบนี้ทุกที  อะไรๆก็ยอมไปหมด  โธ่!!..เจ็บใจ  อย่าให้เจอเชียว  พ่อจะป่วนให้วงแตกเลย”  

    นี่ล่ะ นิสัยบ้าดีเดือด ลุยแหลกไม่ยอมใครของมิเนรุ  ผู้เป็นพี่ชายถอนใจด้วยความระอา

    มิเนรุเงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย  นัยน์ตากลมโตฉายแววเศร้า  “แล้วพี่จะไหวเหรอ..ช่วงนี้หน้าหนาว  อาการกำเริบบ่อย”

    “ไหวสิ  พี่กินยาคุมอยู่เรื่อย”

    “ถ้าไม่ไหวต้องรับบอกผมหรือบอกป้าโทเมะนะฮะ  อย่าฝืนนะ มันอันตราย”

    “จ้าจ้า  คุณน้อง  พี่ชายจะทำตามคำสั่งทุกข้อเลย”

        แล้วสองพี่น้องก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน  ก่อนจะเดินจากที่แห่งนั้นไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข



    ++++++++++++++++++++++++++



        โรงเรียนมัธยมปลายเซเรียวเป็นโรงเรียนเอกชนที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ  เด็กนักเรียนที่นี่ส่วนใหญ่ก็คือพวกคุณหนูคุณชายที่มีพ่อแม่เป็นคนใหญ่คนโต หรือไม่ก็เป็นนักธุรกิจร้อยล้านพันล้าน  แต่ก็มีส่วนน้อยที่เป็นนักเรียนยากจนแต่เรียนดีที่พยายามสอบชิงทุนเข้ามา  ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมากเพราะเมื่อเข้ามาแล้วจึงได้รู้ว่าสังคมของคนรวยนั้นต่างกับพวกตนชนิดฟ้ากับเหว  ความแตกต่างของชนชั้น..ที่ไม่ต้องมองไปไกลเพราะเพียงแค่ในโรงเรียนมัธยมก็มีให้เห็นเต็มไปหมดแล้ว..และที่นี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น เช่นกัน

        ในโรงเรียนเซเรียวแบ่งอาณาเขตออกเป็นสามเขตด้วยกันคือ เขตชั้นปีที่หนึ่ง  ชั้นปีที่สอง และชั้นปีที่สาม  ซึ่งทั้งสามเขตจะมีประธานชั้นปีคอยควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อยอยู่ และส่วนใหญ่ประธานชั้นปีก็มักจะเป็นพวกลูกคนใหญ่คนโตที่มีอำนาจพอที่จะเป็นที่เกรงกลัวของเด็กคนอื่น  และในปีนี้คนจากตระกูลยูคาระก็ได้เป็นประธานชั้นปีที่สองและจากตระกูลเอซาว่าก็ได้เป็นประธานชั้นปีที่สาม  ตามความคาดหมาย

        

    เขตชั้นปีที่สอง…

        ยูคาระ คาโอรุ หนึ่งในนักเรียนชั้นปีที่สอง ยังคงนั่งอยู่ในห้องเรียนของตน  ข้างตัวมีกล่องไวโอลินวางนิ่งอยู่  และแม้ว่าเสียงออดพักกลางวันจะดังมานานแล้ว แต่ร่างเล็กยังไม่ได้ลุกไปไหน  เขาเพียงหยิบกระดาษที่มีโน๊ตเพลงสำหรับไวโอลินเขียนอยู่มากมายขึ้นมาอ่าน  เพื่อพยายามลืมความหิวของตน  แต่ทว่าคนที่ไม่อยากเจอก็ดันเข้ามาก่อกวนจนได้

        “โอ้โห!! ขยันจริง โธ่!!..ไม่ยอมไปกินข้าวเลย  เอ..หรือว่าไม่มีเงินพอจะซื้อข้าวกันแน่..น่าสงสารจัง แหม!..ก็ไม่บอกกันก่อน  จะได้เอาอาหารที่เหลือๆมาให้”

        “คุณเรียวสุเกะล่ะก็  ไปพูดแบบนั้นได้ไงครับ  เดี๋ยวคุณคาโอรุน้อยใจแย่  ผมว่าน่าจะบริจาคเศษเงินของพวกเราเอาไปซื้อขนมปังมาให้คุณคาโอรุจะดีกว่านะครับ”

    “ไอ้เรารึก็เป็นถึงประธานชั้นปีซะด้วย  เอางี้ยูอิจิ  นายไปรองน้ำก๊อกมาให้คาโอรุซักแก้วสิ  กินไปก่อนกันหิวไง”

    แล้วผู้มาใหม่ที่ไร้มารยาททั้งสองก็หัวเราะกันไปมาอย่างสนุกสนาน  คาโอรุเพียงเหลือบมองลูกพี่ลูกน้องของตนด้วยสายตาอันว่างเปล่า  เขาเก็บกระดาษโน๊ตเพลงลง หยิบไวโอลินข้างตัว ก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ แต่ก็ไม่วายได้ยินคำดูหมิ่นถากถางที่ดังเข้าหูตลอด  ในใจรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยแม้จะได้ยินได้ฟังคำพูดแบบนี้มานานเต็มทีแล้วก็ตาม

        เขาเดินไปเรื่อยๆพร้อมกับไวโอลินของตน  แทบไม่รู้ตัวเลยว่าเดินมาที่ไหนแล้ว  เพียงแต่รู้สึกว่าบริเวณนี้ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมา  เขาจึงนั่งลงบนพื้นหญ้านุ่มๆ  ถอนหายใจยาว สงบจิตสงบใจ  ก่อนจะเปิดกล่องเอาไวโอลินตัวน้อยออกมาลูบเบาๆ

        “อดทนเอาไว้คาโอรุเอ๋ย  คุณแม่ครับช่วยเป็นกำลังใจให้ผมด้วย”

        ไวโอลินตัวน้อยนี้เป็นสิ่งที่เหลืออยู่เพียงสิ่งเดียวที่แม่ของคาโอรุทิ้งไว้ให้ก่อนจากไป  เขารักมันมากเท่ากับชีวิต  มือเล็กๆหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเริ่มต้นบรรเลง

        เสียงไวโอลินอ่อนโยนและเศร้าซึ้งที่ดังขึ้นแผ่วๆ เรียกให้ใครคนหนึ่งที่กำลังนอนพักผ่อนเพลินๆอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้องลุกขึ้นมารับฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม  เขาแทบลืมหายใจเมื่อได้เห็นผู้บรรเลงที่หันหน้ามาพอดี  

        “ไม่เคยเห็นหน้าเลย  ไม่ใช่ปีสามสินะ”

        ใช่แล้ว นี่เป็นเขตของชั้นปีที่สาม  และต้นไม้ใหญ่หลังตึกก็เป็นที่พักผ่อนเวลาเบื่อๆเซ็งๆ หรือเวลาโดดงานของผู้เป็นประธานใหญ่สุดหล่อชั้นปีที่สาม  ‘เอซาว่า  ทัตสึมิ’  คนนี้

        “เพราะจัง”

        ทัตสิมึยังจ้องมองคาโอรุไม่วางตา  สายตาของเขาสังเกตไปแทบจะทุกส่วนของอีกฝ่าย ..ทั้งใบหน้า..เรือนผม..นัยน์ตา..หรือริมฝีปาก..  เขาบอกได้คำเดียว…ถูกใจ

        เสียงไวโอลินระรื่นหูยังคงดังอยู่ไม่ขาด  ทัตสึมิไม่รู้ว่าเป็นเพลงอะไร เพราะเขาไม่เคยสนใจดนตรีมาก่อน แต่ดูท่าคราวนี้เขาจะต้องหันมาสนใจบ้างแล้ว  โดยเฉพาะไวโอลิน และ..เด็กคนนี้  

        “ทัตสึ..ไอ้ประธานโว้ย!!  อยู่ไหนวะ!!”

        นั่น..เสียงมารผจญมาแล้ว  เห็นร่างเล็กนั้นชะงักและหยุดบรรเลงไปซะเฉยๆ  ทัตสึมิจึงขมวดคิ้วอย่างขัดใจ..ไอ้เพื่อนเวร..มาขัดจังหวะซะได้..เขาทำท่าจะกระโดดลงจากต้นไม้แต่ก็ไม่ทันร่างเล็กที่รีบเก็บไวโอลินของตนและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

        เมื่อร่างสูงใหญ่ยืนอยู่บนพื้นเรียบร้อย  ร่างเล็กนั้นก็จากไปแล้ว  เขาตีหน้ายุ่งอย่างอารมณ์เสีย  พอเห็นเจ้าเพื่อนตัวดีเดินมาอย่างอารมณ์ดี  ปฏิบัติการไล่เตะเพื่อนก็เริ่มทันที

        “ไอ้บ้า!!..มาตามทำไมตอนนี้วะ  ดูดิหายไปแล้ว”

        “อะไรของนายวะ  มาตามดีๆดันมาไล่เตะเราซะได้  แล้วอะไรของนายหายล่ะ”

        “หัวใจว่ะ”

        “แหวะ!! พูดมาได้ไม่อายเลยนะ  เลิกเลี่ยนได้แล้ว  อาจารย์ให้มาตามเพราะใกล้เวลาประชุมกับประธานปีสอง  เรื่องกิจกรรมในงานโรงเรียนน่ะ”

    “โอ๊ย!! เบื่อ  รู้งี้ไม่รับเป็นประธานให้งานหนักหรอก  ฉันยกตำแหน่งให้นายแต่แรกก็ดีหรอก”  คนพูดทำท่าเซ็ง

    “เฮ้ย!!  จ้างให้ก็ไม่เป็น นายเป็นแหละดีแล้ว”

        “นายหรือฉันก็เหมือนกันนั่นแหละ  โธ่เอ้ย!!..ฉันกะว่าวันนี้จะโดดแท้ๆ”

        แล้วสองหนุ่มหล่อประธานกับรองประธานก็พากันเดินกลับไปยังเขตชั้นปีสามของตนด้วยความรู้สึกเบื่อๆ  แต่ก่อนเดินจากไป ทัตสึมิยังอดไม่ได้ที่เหลียวหลังกลับมามองยังบริเวณที่เมื่อครู่คนๆหนึ่งนั่งสีไวโอลินที่แสนไพเราะนั้น  

        “พรุ่งนี้จะมาหรือเปล่านะ”  

        เขารำพึงเบาๆ ก่อนจะตัดใจเดินจากไป



    ++++++++++++++++++++++++++++

        

        การประชุมเกี่ยวกับกิจกรรมงานโรงเรียนประจำปีที่จะจัดขึ้นนั้นเป็นกิจกรรมแรกของปี  ซึ่งเน้นหนักที่นักเรียนชั้นปีที่สองและสามเท่านั้น  ทำให้ประธานชั้นปีที่สอง  ‘ยูคาระ เรียวสุเกะ’ ต้องเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย  ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ค่อยอยากมาซักเท่าไหร่ถ้าไม่ใช่เพราะตำแหน่งประธานชั้นปีค้ำคออยู่  

        “ทนอีกหน่อยนะครับ คุณเรียวสุเกะ”  

    ยูอิจิผู้เป็นรองประธานรีบกล่าวปลอบ  เขารู้ดีว่าประธานเรียวสุเกะมีเส้นความอดทนสั้นแค่ไหน  แล้วนี่ยังต้องมานั่งรอประธานใหญ่อยู่เกือบครึ่งชั่วโมง  ถ้าเจอหน้ากันแล้วไม่วีนแตกกันไปข้างก็ไม่ใช่คุณเรียวสุเกะแล้ว  

        และก่อนที่เรียวสุเกะจะได้อาละวาดจริงๆ  ประตูก็เปิดเข้ามาพอดี  แล้วร่างของรองประธานชั้นปีที่สามก็ปรากฏขึ้นพร้อมรอยยิ้มธุรกิจ  เบื้องหลังตามมาด้วยประธานใหญ่ชั้นปีที่สามที่หน้าตาเรียบเฉยออกเย็นชานิดๆ  

        เพียงแค่เรียวสุเกะได้เห็นประธานใหญ่ชัดๆ  ร่างทั้งร่างของตนก็คล้ายถูกนัยน์ตาสีเข้มและเย็นชาสะกดจนนิ่งงันไป  ไอ้ความคิดที่ตอนแรกว่าจะวีนแตกอาละวาดให้เละก็หายไปไหนไม่รู้  เขาเหม่อมองจนกระทั่งร่างสูงนั่งประจำที่แล้ว  นัยน์ตาสีเข้มนั้นคล้ายส่อแววไม่พอใจอยู่ลึกๆเมื่อรู้สึกว่ายังถูกจ้องมองอยู่

        “คุณเรียวสุเกะครับ  คุณเรียวสุเกะ!!”

        ยูอิจิตะโกนเรียก  ทำให้เรียวสุเกะสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะรีบหลบสายตาลงด้วยความเขินเต็มที่  

        “เอาล่ะ  มาแนะนำตัวกันหน่อย  ฉันชื่อเคน..เป็นรองประธานปีสาม  แล้วนี่ทัตสึมิ..ประธานใหญ่”  เคนแนะนำตนเองพร้อมแจกรอยยิ้มธุรกิจเหมือนเดิม

        “ผมชื่อยูอิจิ เป็นรองประธานปีสอง  นี่คุณเรียวสุเกะ..เป็นประธานปีสองครับ”

        ทัตสึมิพยักหน้ารับ   “เอาล่ะ เรามาคุยกันให้จบๆดีกว่า  พอดีฉันมีธุระ..เคนเอาตารางงานมาหน่อยสิ”

        เคนยื่นตารางงานส่งให้ทัตสิมิ  เขารับมันมาอ่านเงียบๆ  

        “การแสดงของชั้นปีสอง  อยากให้มีมากกว่านี้อีกนิด”

        เรียวสุเกะเพียงพยักหน้ารับ ไม่ได้พูดอะไร  แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้ยูอิจินั่งมองตาค้างแล้ว  คุณเรียวสุเกะที่นิสัยชอบอาละวาดคนนั้นเป็นอะไรไปแล้วนี่..

        “ฉันอยากได้รายชื่อของผู้รับผิดชอบงานในแผนกต่างๆก่อนวันศุกร์นี้  ถ้าจะให้ดีจัดรายงานงบประมาณมาให้ดูด้วย  เอ่อ..เรียวสุเกะสินะ  ถ้ามีปัญหาอะไรก็มาหาฉันได้ที่ตึกปีสามนี่  ยินดีต้อนรับ”

        “คะ..ครับ”

        “เอาล่ะ  เลิกประชุมแค่นี้ก่อน”

        แล้วร่างสูงของผู้เป็นประธานใหญ่ก็เดินตัวปลิวออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว  ทำเอารองประธานผู้เป็นเพื่อนสนิทวิ่งตามไม่ทัน   ส่วนเรียวสุเกะก็นั่งทำหน้าเคลิ้มฝันไปกับประธานหนุ่มหล่อที่เพิ่งพบกันไม่กี่นาที

        “คนอะไรทั้งหล่อทั้งเท่ห์  นี่เรามัวไปงมโข่งอยู่ที่ไหนนะ  ถึงไม่ได้รู้เลยว่าในโรงเรียนมีคนยอดเยี่ยมขนาดนี้”    

        “เอ่อ..คุณเรียวสุเกะ..คุณทัตสึมิเป็นผู้ชายนะครับ”  

        “แล้วทำไม..คนที่ฉันถูกใจไม่ว่าหญิงหรือชาย ฉันก็ไม่ถือหรอก.. คอยดูนะ..เขาต้องเป็นของฉันแน่”  เรียวสุเกะยิ้มอย่างมาดมั่น

        ยูอิจิฝืนยิ้มแห้งๆให้ประธานของตน  จริงๆแล้ว คุณเรียวสุเกะก็หน้าตาน่ารักดี แต่นิสัยนี่ตรงข้ามกับหน้าตาสุดๆ  คิดๆแล้วชักเห็นใจรุ่นพี่ทัตสึมิขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน



    +++++++++++++++++++++++



        หลังเลิกเรียน  คาโอรุมักจะรีบออกจากโรงเรียนเพื่อไปทำงานพิเศษที่คลับใกล้ๆบ้านประจำ  วันนี้ก็เช่นกัน  เมื่อมาถึงคลับแล้ว  ก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที  มือคว้าไวโอลินคู่ใจ  ก่อนจะไปยืนกลางฟลอร์  แล้วเริ่มต้นบรรเลงเพลงหวานคลาสสิค เพลงเศร้าซึ้ง หรือเพลงขับกล่อมอ่อนนุ่ม ซึ่งนั่นก็แล้วแต่ความต้องการของลูกค้า    หลังจากที่บรรเลงติดต่อกันไปได้สามเพลงแล้ว  คาโอรุจึงขอตัวเข้ามานั่งพักในห้องเงียบๆ ทำให้ไม่ทันพบกับเด็กหนุ่มอีกคนผู้เป็นที่สนใจจากบรรดาลูกค้า  ที่กำลังเดินเข้ามาในคลับพอดี

        “ฮาย..มายฮันนี่  มาได้ไงจ๊ะ”  

        สาวใหญ่เจ้าของร้านเอ่ยต้อนรับเด็กหนุ่ม พร้อมกับยื่นเบียร์ให้ขวดหนึ่ง เขารับมันมาดื่มอย่างรวดเร็ว

        “เบื่อๆน่ะ”  เด็กหนุ่มตอบ

    “แหม..เห็นคลับฉันเป็นของตายล่ะสิ..”  หญิงสาวแกล้งทำเชิดใส่

    “โธ่..ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกมิจัง  ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างน่ะ..ว่าแต่ลูกค้าเยอะขึ้นนะ  มีอะไรพิเศษหรือเปล่า”

    “อืม..พอดีช่วงนี้ฉันรับนักดนตรีใหม่น่ะ  ฝีมือดีมากๆ  ลูกค้าชอบกันใหญ่เลย  แถมหน้าตายังน่ารักอีก”

    “เหรอ..ชักอยากเห็นแล้วสิ  มาหรือยังล่ะ”

    “ยังใจร้อนเหมือนเดิมเลยนะทัตสึคุง  อีกครึ่งชั่วโมงก็จะมาบรรเลงเพลงสุดท้ายแล้วล่ะ”

    “งั้นเดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงฉันเข้ามาใหม่แล้วกัน  เดี๋ยวไปตามเคนหน่อย  มันจีบสาวอยู่ข้างนอกน่ะ”

        ทัตสึมิวางขวดเบียร์ลงแล้วเดินออกจากคลับไป  พอออกมาถึงนอกถนนกลับเห็นเพื่อนของตนกำลังโดนคนกลุ่มใหญ่ทำร้ายอยู่  ด้านข้างมีหญิงสาวคนหนึ่งท่าทางตื่นกลัวยืนร้องให้คนช่วย

        “เฮ้ย!!  ทำไรเพื่อนฉัน!!”

        ทัตสึมิรีบวิ่งเข้าไปหมายจะไปช่วยเพื่อนตัวเอง แต่ขาดันไปสะดุดกับท่อนไม้ที่ขวางอยู่ด้านหน้า  ร่างสูงใหญ่จึงล้มคว่ำไม่เป็นท่า  

        “ฮะๆ ตลกชะมัด”

        เสียงหัวเราะเหรอ .. ทัตสึมิรีบพยุงร่างตนขึ้นทันที  เบื้องหน้ากลับปรากฏเด็กผู้ชายตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักถือไม้อันโตที่เขาสะดุดอยู่ในมือ  เสียงหัวเราะเยาะเย้ยนั้นทำเอาความโกรธของเขาพุ่งปรี๊ดจนหน้าดำหน้าแดง

        “ไอ้หนู..เอาไม้มาขวางฉันทำไมเนี่ย  ลูกใครวะ..ไม่มีพ่อแม่สั่งสอนหรือไง”

        พูดยังไม่ทันจบ  ไม้หน้าสามในมือเล็กๆนั้นก็ฟาดมาที่แขนของเขาทันที  และคงจะฟาดมาอีกหลายที ถ้าเขาไม่คว้ามันเอาไว้ซะก่อน

        “โอ๊ย!!..มันเจ็บนะ ไอ้เด็กเวร..ตีฉันทำไม!!”

        “ก็ดันมาว่าพ่อแม่นี่  รู้งี้ไม่ช่วยซะก็ดีหรอก”

        เด็กน้อยแลบลิ้นใส่ฝ่ายตรงข้ามที่ตอนนี้ทำหน้างงสุดชีวิต

        “อ้าว..ไม่ไปช่วยเพื่อนเหรอ..ใกล้ตายแล้วนะนั่น  เอาไม้ไปด้วยล่ะ”

        “เออ..ลืมไปเลย”

        แล้วร่างสูงก็รีบคว้าไม้หน้าสามอันโต  เข้าไปช่วยตะลุมบอนกับเหล่านักเลงทั้งหลาย แต่ดูท่าสองเด็กหนุ่มที่แม้จะสู้เก่งแต่เจอกับหมาหมู่ห้าชายฉกรรจ์ก็ชักเริ่มไม่ไหว  เห็นลางแพ้มาตะหงิดๆ  เด็กน้อยส่ายหน้าแบบสังเวชใจ  

        “เอาล่ะ..วิธีสุดท้าย”

        แล้วเขาก็สูดลมหายใจจนเต็มปอด  เอามือมาป้องปากให้เสียงดังแล้วตะโกนออกมาจนสุดเสียง

        “ตำรวจมา..ตำรวจมาแล้วจ้า  ทุกคนรีบหนีเร้ววว!!”

        แค่ได้ยินประโยคแรก  วงตะลุมบอนก็แตกกระเจิงแล้ว  นักเลงห้าคนหนีกันไปคนละทิศละทาง  ที่เหลือบนพื้นก็มีแต่สองเด็กหนุ่ม  หนึ่งนั้นอาการหนักหน่อยเพราะหัวแตกจนเลือดไหลเต็มหน้า

        “นายเป็นไงบ้าง เคน”

        ทัตสึมิถามแล้วรีบเข้าไปพยุงเพื่อนรัก

    “ยังไม่ตาย แต่ก็เกือบ  ขอบใจว่ะที่มาช่วย”

    “ฉันไม่ได้ช่วยอะไรมากนักหรอก  จะขอบใจก็ต้องขอบใจเจ้าหนูนั่น”

        ทัตสึมิบุ้ยปากไปทางเด็กผู้ชายตัวเล็กที่ยืนยิ้มเผล่แถมยักคิ้วให้ทั้งสองอย่างอารมณ์ดี  เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ เด็กอะไรแก่แดดชะมัด

        “เป็นไงบ้าง  ต้องไปโรงบาลเปล่า”

        “ไม่ต้องหรอกหนู  ขอบใจมากนะที่ช่วย”  เคนตอบพร้อมกับเอามือไปลูบหัวฝ่ายตรงข้ามแต่ร่างเล็กๆนั้นก็หลบทันพอดี

        “หัวข้าใครอย่าแตะ  แตะได้เฉพาะพี่ชายเท่านั้น”

        “จะมากไปหน่อยนะเรา  อายุเท่าไหร่กันเชียวฮึ..”

        ทัตสึมิยิ้มขำกับท่าทางของอีกฝ่าย  อดไม่ได้ต้องเอามือไปหยิกแก้มด้วยความเอ็นดู  แต่ก็รู้แกวว่าเจ้าเด็กนี่ต้องหลบแน่ๆ เลยรอให้หลบจริงๆแล้วจึงหยิกแก้มนุ่มๆสำเร็จไปทีนึง

        “ไอ้บ้านี่..มาหยิกแก้มเค้า..จะฟ้องพี่ด้วย”

        “เด็กจริงๆอ่ะแหละ”

    “ใครว่าเด็ก  เค้าอายุสิบสามแล้ว”

    “โกหก!!”  สองหนุ่มพร้อมใจกันตะโกนใส่  ใครจะเชื่อ ตัวแค่เนี้ย..อายุสิบสาม

    “สิ..สิบ ขวบก็ได้  ไม่เห็นต้องตะโกนเลย”  เจ้าหนูบ่นอุบที่ถูกจับได้

        “แล้วนี่เรามาทำอะไรแถวนี้ดึกๆดื่นๆ  บ้านอยู่ที่ไหน  ชื่ออะไร”   เคนถาม

        “เกี่ยวไรด้วย  ไปดีกว่า  ไม่ชอบพูดกับคนแปลกหน้า”

        เจ้าเด็กจอมแสบทำท่าจะเดินหนีไปจริงๆ  ทัตสึมิหมั่นไส้จึงรีบปล่อยเพื่อนตน แล้วรีบคว้าร่างเล็กๆของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะพาอุ้มเข้าคลับไปอย่างง่ายดาย  ถึงแม้ว่าจะมีเสียงด่าที่ไม่ซ้ำจากปากเล็กๆนั้นตลอดเวลาก็ตาม

        “เคน มาทำแผลในคลับนะ  เดี๋ยวฉันจัดการเจ้าหนูนี่ซักหน่อย”

        เคนหัวเราะ  พร้อมกับเดินโซเซตามเข้าคลับไปอย่างว่าง่าย



    ++++++++++++ TBC +++++++++++++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×