ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : แรกพบ
พอดีเรื่องนี้เคยลงไว้ที่เวปส่วนตัว แต่มันใกล้ล่มเต็มทีเลยอยากจะมาฝากไว้ที่นี่ซักพัก
(จริงๆฝากไว้ที่บอร์ดอีกที่นึงแต่ขี้เกียจมาเซฟทีละข้อความน่ะ (^^\'\')
พอหาที่ลงได้แล้วจะลบออกค่ะ (กลัวโดนเวปมาสเตอร์เจอจัง หุๆ)
อ่านกันเงียบๆอย่าคิดมากแล้วกันนะคะ ฝากคอมเมน ติชมด้วยค่ะ ขอบคุณมากเลย
ตอนที่ 1 แรกพบ
..ยามค่ำคืนในเมืองกรุง ....
แสงสีจากบรรดาคลับเธคที่เรียงรายตลอดฝั่งถนนเป็นที่ดึงดูดลูกค้านักเที่ยวกลางคืนมากมายให้ต้องแวะเข้าไปหาความหฤหรรษ์ส่วนตัว ..
และบนถนนสายนี้ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ต้องการอะไร ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญนั่นคือคุณต้องการแบบไหน และคุณมีเงินเท่าไร ทั้งสองข้อนี่ต่างหากที่มีความจำเป็นสำหรับที่นี่
ในซอกตึกอันเปลี่ยวร้างปราศจากผู้คน ร่างๆหนึ่งถูกฉุดกระชากเข้ามาพร้อมกับผู้ชายท่าทางอันธพาลอีกสามคน เสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือของร่างนั้นดังออกมาถึงริมถนนใหญ่แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาหันมามองเลย ต่างคนต่างรีบเดินผ่านไปให้พ้นๆ ไม่อยากจะหาเรื่องใส่ตัว เพราะรู้ว่าอันธพาลคุมถิ่นพวกนี้ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งฆ่าคนได้อย่างง่ายดาย แม้เพียงแค่เดินชนพวกมันก็ตาม
“ไอ้บ้า!! ปล่อยฉันนะ!! พวกแกจะทำอะไร!!!”
เสียงนั้นยังคงตวาดด่าไม่หยุด เจ้าของเสียงไม่เพียงส่งเสียงแต่ร่างยังดิ้นรนไปมา..ทั้งสะบัด!..ทั้งขัดขืน! แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกไปจากวงล้อมของบรรดาอันธพาลคุมถิ่นเหล่านั้นได้
หนึ่งในนั้นแสยะยิ้ม แล้วหันไปเอ่ยกับพรรคพวก
“หน้าตาดีจริงๆ น่าจะจับไปขายนะ แบบนี้ได้ราคาแน่ๆ”
“เฮ้ย!! ไม่ได้ๆ พวกนี้มันฉลาด เป็นพวกมีเงิน จับไปเรียกค่าไถ่ดีกว่าว่ะ ขืนเอาไปขาย พอพวกมันหนีออกมาได้มีหวังแจ้งตำรวจจับ หนีกันหัวซุกหัวซุนพอดี” อีกคนไม่เห็นด้วย
“จะทางไหนก็เข้าซังเตทั้งนั้นแหละว่ะ กูว่าสู้เอามันตรงนี้ดีกว่า ไม่ต้องคิดมาก เสร็จแล้วก็ไป ไม่แน่มันอาจจะไม่แจ้งตำรวจก็ได้ ไอ้คนพวกนี้มันหน้าบางจะตาย จริงไหมคุณคนสวย”
ทั้งสองคนที่เหลือ พยักหน้าเห็นด้วย .
พอได้ยินแบบนั้น ร่างโปร่งที่ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นเหยื่อก็รีบตะโกนร้องขอความช่วยเหลือทันทีเช่นกัน เมื่อรู้ว่าอีกไม่นานตนกำลังจะถูกทำอะไร แต่ก็ไร้ผลสิ้นดี เมื่อไม่มีใครมาแยแสสนใจเขาเลย
ทั้งสามอันธพาลหัวเราะให้กันอย่างหื่นกระหาย มืออันหยาบกร้านของหนี่งในนั้นกระชากเสื้อเชิ้ตสีขาวจากร่างโปร่งจนขาดกระจุยมาแถบหนึ่ง เผยให้เห็นผิวละเอียดอันขาวสะอาด!
คนที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อเมื่อเห็นว่าไม่รอดแน่แล้ว จึงต้องหาวิธีหนีใหม่ หรือไม่ก็ต้องคอยถ่วงเวลาให้คนมาช่วย พอคิดได้แบบนี้แล้ว เสียงหวานระรื่นหูแกมยั่วเย้าก็ดังขึ้นแทนเสียงร้องขอความช่วยเหลือ มือที่เคยผลักไสกลับผ่อนแรงลงทันที
“โธ่!! นึกว่าอะไร ทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะว่าอยากได้แบบนี้ ไม่งั้นก็ยอมไปตั้งนานแล้ว”
เสียงหวานไม่พอ สายตากับท่าทางยั่วๆนั่น ทำเอาสามหนุ่มมองจนตาค้าง
“พวกพี่ไม่ต้อง เดี๋ยวผมถอดเสื้อเองนะ เดี๋ยวจะบริการให้พิเศษเลย”
ว่าแล้วมือสวยๆนั้นก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของตนเองจริงๆ สามอันธพาลยืนจ้องมองอย่างเคลิบเคลิ้มพลางกลืนน้ำลายของตัวเอง สายตาสามคู่โลมเลียไปยังเรืองร่างเบื้องหน้าที่กำลังจะเผยให้เห็นถึงผิวใต้ร่มผ้า
แต่ยังไม่ทันที่เสื้อตัวบางจะถูกถอดออก! หมัดหลุนๆก็ตรงไปยังหนึ่งในอันธพาลที่อยู่ใกล้ที่สุดแบบเต็มแรง ร่างใหญ่นั้นล้มลงนอนโอดครวญ เลือดกำเดาไหลออกมาเป็นทาง!!
“เฮ้ย!!”
อีกสองคนที่เพิ่งได้สติก็ร้องขึ้นพร้อมกัน แต่ก็ช้าไปแล้วเพราะร่างโปร่งที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยนั้นหายไปจากสายตาแล้ว ร่างนั้นวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงไปหน้าถนนแบบไม่เหลียวหลังมามองอีกเลย
“ตามมันไปเร็ว จับมันให้ได้นะเว้ย!!”
คนเลือดกำเดาไหลสั่ง มือข้างหนึ่งยังกุมอยู่ที่จมูกของตน อีกข้างหนึ่งกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ปากก็ส่งเสียงสบถด่ายาว
สองอันธพาลพยักหน้ารับ แล้วรีบวิ่งไล่ทันที
ส่วนร่างโปร่งที่วิ่งแบบไม่คิดชีวิต ก็ยังคงตรงดิ่งไปเบื้องหน้าแบบไม่รู้จุดหมาย
“ซวยชะมัดเลย หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ”
เขาบ่นพึมพำ เมื่อนึกขึ้นว่าก่อนหน้านั้นตนต้องหนีน้องเขยของตัวเองที่พยายามลวนลาม พอหนีได้ก็นึกว่าจะพ้นแต่ดันมาเจอพวกเมายาอันธพาลเจ้าถิ่นลากมาอีก
สมองคิดแต่ขายังคงก้าวไม่หยุด จนกระทั่งวิ่งเลี้ยวเข้ามุมตึก..พอดีปะทะกับร่างสูงใหญ่ของคนๆหนึ่งแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง โดยคนที่ถูกชนไม่ได้สะเทือนเลยสักนิด
“โอ๊ย!!”
แขนเรียวบางที่ใช้รองรับน้ำหนักตัว กระแทกไถลไปกับพื้นคอนกรีตจนถลอกและมีเลือดไหลเป็นทาง แต่ก็มีมือใหญ่แข็งแรงคู่หนึ่งที่ช่วยพยุงให้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
เสียงทุ้มนุ่มนั้นอ่อนโยนจนเหลือเชื่อ ชายหนุ่มที่กะว่าจะหันไปด่าเลยต้องล้มเลิกความคิดไปและเมื่อเหลือบมองคนที่ช่วยพยุงก็ต้องตะลึงไปชั่วขณะ
ร่างสูงใหญ่นั้นอยู่ในชุดสูทสีเข้มเน้นขับให้เห็นถึงบุคลิกอันเคร่งขรึม ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม ประกอบด้วยคิ้วดกหนา นัยน์ตากลมวาวเแต่เรียบเฉย จมูกโด่งสูง และริมฝีปากคมเฉียบดูเด็ดขาด ดูไปราวกับเจ้าพ่อหรือไม่ก็พวกยากูซ่าในญี่ปุ่นที่เคยเห็นในทีวี
“คุณ..เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ร่างสูงถามซ้ำ
เขาเพียงสั่นศีรษะเบาๆ แต่พอมือใหญ่คู่นั้นละจากแขนเรียวของตน กลับต้องยืนเซไปนิดๆ ทำให้ร่างสูงนั้นต้องรีบเข้ามาประคองใหม่ ในอ้อมกอดนั้นได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายบางๆจากผู้เป็นเจ้าของ พาให้เคลิ้มๆไปกับความอ่อนโยนที่ได้รับ
“เฮ้ย!! มันอยู่นั่น อย่าหนีจะโว้ย!!”
แล้วเสียงตะโกนของอันธพาลคู่แค้นเมื่อกี้ก็ทำให้สวรรค์ของเจ้าตัวต้องพังทลายลงแบบไม่มีชิ้นดี
“โธ่เอ้ย!! ยังตามมาอีกเหรอเนี่ย” เขาบ่นก่อนจะค่อยๆถอยออกจากอ้อมอกของร่างสูง
“มีอะไรกับพวกนั้นหรือครับ”
“เอ่อ.. พอดีผมมีเรื่องกับพวกนั้นนิดหน่อย คุณรีบหนีไปก่อนดีกว่าครับ” เขาตอบ
“พวกมันทำอะไรคุณหรือครับ”
ดูท่าคำเตือนของเขาจะไม่มีผลต่อคนตัวใหญ่สุดหล่อคนนี้เลยแม้แต่น้อย คนยังยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน
“ว่าไงครับ พวกมันทำอะไรคุณ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมโดนพวกมันปล้นน่ะ พอดีหนีออกมาได้ พวกมันเลยตามมาแก้แค้น”
จะบอกได้ไงว่าจะโดนข่มขืน น่าอายจะตายไป ..
“อ๋อ..งั้นเหรอครับ”
ร่างสูงรับคำเรียบๆ ใบหน้าเรียบเฉยยังคงไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ผิดกับอีกคนที่ตอนนี้ร้อนรนเต็มที
“ก็งั้นสิครับ เรารีบหนีก่อนดีกว่า คุณไปทางนั้น ส่วนผมไปทางนู้น พวกมันคงจะตามผมแน่ ..ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
ว่าแล้วเขาก็ทำท่าจะออกวิ่ง แต่มือใหญ่แข็งแรงนั้นก็รั้งไว้
“คุณ รีบไปเถอะครับ พวกมันมาใกล้แล้วนะ ปล่อยผม”
“ไม่เป็นไร ..อยู่ที่นี่แหละครับ ไม่ต้องกลัว”
เสียงนุ่มๆนั้นเอ่ยปลอบและก็พอดีกับที่อันธพาลสองคนนั้นวิ่งมาพอดี คนที่ตอนแรกทำใจกล้าจะวิ่งไปอีกทางตอนนี้กลับต้องรีบถอยไปตั้งหลักอยู่ข้างหลังร่างสูงทันที ใบหน้าสวยฉายแววตื่นกลัวจนเริ่มขาวซีด
แล้วทั้งสองฝ่ายก็ประจันหน้ากัน เมื่อสองอันธพาลเห็นผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าก็ต้องหน้าหน้าซีดตามไปด้วยเหมือนกัน
“บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาก่อเรื่องแถวนี้ ไม่เชื่อฟังกันบ้างเลยนะ”
ร่างสูงเริ่มประโยคที่ฟังดูยังไงก็คือคำขู่ดีๆนี่เอง
“โธ่..คุณเมือง ไอ้พวกผมมันก็หากินอยู่แถวนี้ จะให้พวกผมไปที่ไหนได้ล่ะครับ”
หนึ่งในนั้นทำใจกล้าเอ่ยตอบไป
“เตือนๆนายของพวกแกบ้างว่าอย่าล้ำเส้นให้มากนัก แล้วพวกแกก็ไปได้แล้ว อย่ามายุ่มย่ามแถวนี้อีก”
“แหม..พูดง่ายจัง ก็ได้..พวกผมไปก็ได้ แต่คุณต้องส่งผู้ชายคนนั้นมาก่อน”
เสียงพูดโต้ตอบนั้นทำเอาคนที่ถูกเอ่ยถึงสะดุ้งขึ้น ร่างโปร่งจึงขยับชิดแผ่นหลังของร่างสูงที่ตอนนี้เป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวให้ใกล้ยิ่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ดวงเมืองรู้สึกถึงความสั่นกลัวของคนที่อยู่เบื้องหลัง มือใหญ่จึงแนบสัมผัสเบาๆที่หลังมือของอีกฝ่าย ถ่ายเทความอบอุ่นพร้อมกับปลอบประโลมให้หายกังวล
ความอบอุ่นอ่อนโยนแผ่ซ่านเข้าไปที่จิตใจของผู้ที่อยู่เบื้องหลังอย่างประหลาด ทำให้ใบหน้าที่ตอนแรกซีดขาวต้องแดงระเรื่อขึ้น รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวจนตนเองเหมือนจะเป็นไข้
“ฉันส่งเขาให้พวกแกไม่ได้ บอกว่าอย่ามาก่อเรื่องแถวนี้ไง พูดไม่รู้เรื่องเหรอ”
“นี่พวกผมก็เกรงใจคุณมากแล้วนะ คุณจะส่งหรือไม่ส่ง”
“ไม่!!”
“อย่าลืมว่าพวกผมมากันสองคน คุณคนเดียวจะทำอะไรได้”
“ได้ไม่ได้..เดี๋ยวก็รู้”
“เรื่องนี้โทษพวกผมไม่ได้นะ คุณอยากแส่หาเรื่องเอง!!”
แล้วทั้งสองฝ่ายก็เปิดฉากตะลุมบอนกันทันที ปล่อยให้เจ้าของเรื่องตัวจริงยืนตัวสั่นเกาะเสาไฟฟ้าอยู่เพราะความกลัว
การต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรมดำเนินไปได้พักใหญ่ แต่ก็พอจะดูออกว่าจะจบลงที่ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายลงไปนอนหยอดข้าวต้ม เพราะหนึ่งในสองอันธพาลนอนหงายนิ่งสนิทอยู่ที่พื้นไปแล้ว ใบหน้าบูดเบี้ยวเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เลือดสดๆทะลักออกจากทั้งปากและจมูก ส่วนอีกคนก็ทุลักทุเลเต็มทีเมื่อโดนกำปั้นหนักๆซัดเข้าไปที่ปลายคาง ร่างทั้งร่างกระเด็นไปปะทะผนังอย่างแรงจนต้องล้มลงครางออกมาเสียงดัง!
ดวงเมืองหยุดการต่อสู้เพียงเท่านั้น ตัวไร้ซึ่งร่องรอยของการบาดเจ็บเลย สายตาคู่คมรีบกวาดมองหาร่างโปร่ง เห็นร่างนั้นกอดเสาไฟแน่น จึงเดินเข้าไปหาพร้อมกับส่งยิ้มบาง
“ไม่เป็นไรแล้วครับ พวกเราไปกันเถอะ”
หน้าสวยๆพยักรับอย่างเหม่อลอย แต่แล้วนัยน์ตาก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นอันธพาลตัวหัวหน้ากลุ่มอีกคนที่ไม่ได้วิ่งตามมาตอนแรก กลับมายืนอยู่เบื้องหลังร่างสูงพร้อมไม้หน้าสามอันยาว มันเงื้อไม้ขึ้นสูงพร้อมจะฟาดลงมาทุกเมื่อ แต่ก่อนที่จะกระทบกับศีรษะของร่างสูง มันก็ต้องหยุดกึกทันที!!
“ระวัง!!”
คำเตือนนั้นไม่ได้ช่วยให้ไม้หน้าสามที่กำลังฝ่าอากาศมานั้นหยุดได้ อีกเสียงหนึ่งต่างหากที่ทำให้อันธพาลหัวหน้ากลุ่มต้องหยุดนิ่งสนิท ทั้งๆที่ ไม้หน้าสามในมือตนยังค้างอยู่เหนือศีรษะ
‘กริ๊ก..!!’
เป็นเสียงง้างไกปืนปืนขึ้นพร้อมยิง อันธพาลผู้โชคร้ายหน้าซีด ตัวสั่น ไม้หน้าสามในมือหลุดออกจากมือทันทีเมื่อเห็นลำกล้องปืนหยุดอยู่ที่หน้าอกของตนเอง เพียงฝ่ายตรงข้ามเหนี่ยวไก ชีวิตน้อยๆนี้ก็ถูกปลิดไปอย่างง่ายดาย
“บอกแล้วว่าอย่าล้ำเส้น..ถ้ายังไม่อยากตายก็ลากเพื่อนของพวกมึงออกไป ก่อนที่กูจะทนไม่ไหว”
เสียงนั้นทั้งเรียบเฉยทั้งเย็นชา ทั้งสามอันธพาลจึงรีบวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนแบบไม่เหลียวหลัง ไม่กล้าแม้กระทั่งมองหน้าฝ่ายตรงข้ามด้วยซ้ำ คงเข็ดจะที่มาแถวนี้ไปอีกนาน
เมื่อหมดเรื่องจริงๆแล้ว ดวงเมืองจึงรีบเก็บปืนของตนทันที และเปลี่ยนท่าทีจากแข็งกร้าวเป็นอ่อนโยนลง เขาส่งยิ้มให้อีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองเขาอย่างตื่นตะลึง
“ปืนจดทะเบียนถูกกฎหมายครับ ไม่ต้องห่วง”
เขากวาดสายตาสำรวจร่างโปร่งอย่างรวดเร็วเห็นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ที่แขนก็เลือดโชก ก็รู้ว่าคนตรงหน้าเผชิญศึกหนักมาไม่น้อย
“มากับผมก่อนดีกว่าครับ คุณต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำแผล”
ใบหน้าสวยพยักรับช้าๆ ท่าทางเหนื่อยอ่อนอิดโรย แต่นัยน์ตายังคงแจ่มใส มองร่างสูงด้วยความชื่นชมและประทับใจ ก่อนจะก้าวตามชายหนุ่มร่างใหญ่ไปด้วยความยินดี
“ขอบคุณมากครับ”
แล้วทั้งสองก็เดินหายลับไปจากเงามืดยามราตรีแห่งเมืองกรุง .
TBC มีคำผิดตรงไหนบอกได้นะคะ ^^
(จริงๆฝากไว้ที่บอร์ดอีกที่นึงแต่ขี้เกียจมาเซฟทีละข้อความน่ะ (^^\'\')
พอหาที่ลงได้แล้วจะลบออกค่ะ (กลัวโดนเวปมาสเตอร์เจอจัง หุๆ)
อ่านกันเงียบๆอย่าคิดมากแล้วกันนะคะ ฝากคอมเมน ติชมด้วยค่ะ ขอบคุณมากเลย
ตอนที่ 1 แรกพบ
..ยามค่ำคืนในเมืองกรุง ....
แสงสีจากบรรดาคลับเธคที่เรียงรายตลอดฝั่งถนนเป็นที่ดึงดูดลูกค้านักเที่ยวกลางคืนมากมายให้ต้องแวะเข้าไปหาความหฤหรรษ์ส่วนตัว ..
และบนถนนสายนี้ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ต้องการอะไร ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญนั่นคือคุณต้องการแบบไหน และคุณมีเงินเท่าไร ทั้งสองข้อนี่ต่างหากที่มีความจำเป็นสำหรับที่นี่
ในซอกตึกอันเปลี่ยวร้างปราศจากผู้คน ร่างๆหนึ่งถูกฉุดกระชากเข้ามาพร้อมกับผู้ชายท่าทางอันธพาลอีกสามคน เสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือของร่างนั้นดังออกมาถึงริมถนนใหญ่แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาหันมามองเลย ต่างคนต่างรีบเดินผ่านไปให้พ้นๆ ไม่อยากจะหาเรื่องใส่ตัว เพราะรู้ว่าอันธพาลคุมถิ่นพวกนี้ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งฆ่าคนได้อย่างง่ายดาย แม้เพียงแค่เดินชนพวกมันก็ตาม
“ไอ้บ้า!! ปล่อยฉันนะ!! พวกแกจะทำอะไร!!!”
เสียงนั้นยังคงตวาดด่าไม่หยุด เจ้าของเสียงไม่เพียงส่งเสียงแต่ร่างยังดิ้นรนไปมา..ทั้งสะบัด!..ทั้งขัดขืน! แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกไปจากวงล้อมของบรรดาอันธพาลคุมถิ่นเหล่านั้นได้
หนึ่งในนั้นแสยะยิ้ม แล้วหันไปเอ่ยกับพรรคพวก
“หน้าตาดีจริงๆ น่าจะจับไปขายนะ แบบนี้ได้ราคาแน่ๆ”
“เฮ้ย!! ไม่ได้ๆ พวกนี้มันฉลาด เป็นพวกมีเงิน จับไปเรียกค่าไถ่ดีกว่าว่ะ ขืนเอาไปขาย พอพวกมันหนีออกมาได้มีหวังแจ้งตำรวจจับ หนีกันหัวซุกหัวซุนพอดี” อีกคนไม่เห็นด้วย
“จะทางไหนก็เข้าซังเตทั้งนั้นแหละว่ะ กูว่าสู้เอามันตรงนี้ดีกว่า ไม่ต้องคิดมาก เสร็จแล้วก็ไป ไม่แน่มันอาจจะไม่แจ้งตำรวจก็ได้ ไอ้คนพวกนี้มันหน้าบางจะตาย จริงไหมคุณคนสวย”
ทั้งสองคนที่เหลือ พยักหน้าเห็นด้วย .
พอได้ยินแบบนั้น ร่างโปร่งที่ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นเหยื่อก็รีบตะโกนร้องขอความช่วยเหลือทันทีเช่นกัน เมื่อรู้ว่าอีกไม่นานตนกำลังจะถูกทำอะไร แต่ก็ไร้ผลสิ้นดี เมื่อไม่มีใครมาแยแสสนใจเขาเลย
ทั้งสามอันธพาลหัวเราะให้กันอย่างหื่นกระหาย มืออันหยาบกร้านของหนี่งในนั้นกระชากเสื้อเชิ้ตสีขาวจากร่างโปร่งจนขาดกระจุยมาแถบหนึ่ง เผยให้เห็นผิวละเอียดอันขาวสะอาด!
คนที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อเมื่อเห็นว่าไม่รอดแน่แล้ว จึงต้องหาวิธีหนีใหม่ หรือไม่ก็ต้องคอยถ่วงเวลาให้คนมาช่วย พอคิดได้แบบนี้แล้ว เสียงหวานระรื่นหูแกมยั่วเย้าก็ดังขึ้นแทนเสียงร้องขอความช่วยเหลือ มือที่เคยผลักไสกลับผ่อนแรงลงทันที
“โธ่!! นึกว่าอะไร ทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะว่าอยากได้แบบนี้ ไม่งั้นก็ยอมไปตั้งนานแล้ว”
เสียงหวานไม่พอ สายตากับท่าทางยั่วๆนั่น ทำเอาสามหนุ่มมองจนตาค้าง
“พวกพี่ไม่ต้อง เดี๋ยวผมถอดเสื้อเองนะ เดี๋ยวจะบริการให้พิเศษเลย”
ว่าแล้วมือสวยๆนั้นก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของตนเองจริงๆ สามอันธพาลยืนจ้องมองอย่างเคลิบเคลิ้มพลางกลืนน้ำลายของตัวเอง สายตาสามคู่โลมเลียไปยังเรืองร่างเบื้องหน้าที่กำลังจะเผยให้เห็นถึงผิวใต้ร่มผ้า
แต่ยังไม่ทันที่เสื้อตัวบางจะถูกถอดออก! หมัดหลุนๆก็ตรงไปยังหนึ่งในอันธพาลที่อยู่ใกล้ที่สุดแบบเต็มแรง ร่างใหญ่นั้นล้มลงนอนโอดครวญ เลือดกำเดาไหลออกมาเป็นทาง!!
“เฮ้ย!!”
อีกสองคนที่เพิ่งได้สติก็ร้องขึ้นพร้อมกัน แต่ก็ช้าไปแล้วเพราะร่างโปร่งที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยนั้นหายไปจากสายตาแล้ว ร่างนั้นวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงไปหน้าถนนแบบไม่เหลียวหลังมามองอีกเลย
“ตามมันไปเร็ว จับมันให้ได้นะเว้ย!!”
คนเลือดกำเดาไหลสั่ง มือข้างหนึ่งยังกุมอยู่ที่จมูกของตน อีกข้างหนึ่งกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ปากก็ส่งเสียงสบถด่ายาว
สองอันธพาลพยักหน้ารับ แล้วรีบวิ่งไล่ทันที
ส่วนร่างโปร่งที่วิ่งแบบไม่คิดชีวิต ก็ยังคงตรงดิ่งไปเบื้องหน้าแบบไม่รู้จุดหมาย
“ซวยชะมัดเลย หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ”
เขาบ่นพึมพำ เมื่อนึกขึ้นว่าก่อนหน้านั้นตนต้องหนีน้องเขยของตัวเองที่พยายามลวนลาม พอหนีได้ก็นึกว่าจะพ้นแต่ดันมาเจอพวกเมายาอันธพาลเจ้าถิ่นลากมาอีก
สมองคิดแต่ขายังคงก้าวไม่หยุด จนกระทั่งวิ่งเลี้ยวเข้ามุมตึก..พอดีปะทะกับร่างสูงใหญ่ของคนๆหนึ่งแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง โดยคนที่ถูกชนไม่ได้สะเทือนเลยสักนิด
“โอ๊ย!!”
แขนเรียวบางที่ใช้รองรับน้ำหนักตัว กระแทกไถลไปกับพื้นคอนกรีตจนถลอกและมีเลือดไหลเป็นทาง แต่ก็มีมือใหญ่แข็งแรงคู่หนึ่งที่ช่วยพยุงให้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
เสียงทุ้มนุ่มนั้นอ่อนโยนจนเหลือเชื่อ ชายหนุ่มที่กะว่าจะหันไปด่าเลยต้องล้มเลิกความคิดไปและเมื่อเหลือบมองคนที่ช่วยพยุงก็ต้องตะลึงไปชั่วขณะ
ร่างสูงใหญ่นั้นอยู่ในชุดสูทสีเข้มเน้นขับให้เห็นถึงบุคลิกอันเคร่งขรึม ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม ประกอบด้วยคิ้วดกหนา นัยน์ตากลมวาวเแต่เรียบเฉย จมูกโด่งสูง และริมฝีปากคมเฉียบดูเด็ดขาด ดูไปราวกับเจ้าพ่อหรือไม่ก็พวกยากูซ่าในญี่ปุ่นที่เคยเห็นในทีวี
“คุณ..เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ร่างสูงถามซ้ำ
เขาเพียงสั่นศีรษะเบาๆ แต่พอมือใหญ่คู่นั้นละจากแขนเรียวของตน กลับต้องยืนเซไปนิดๆ ทำให้ร่างสูงนั้นต้องรีบเข้ามาประคองใหม่ ในอ้อมกอดนั้นได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายบางๆจากผู้เป็นเจ้าของ พาให้เคลิ้มๆไปกับความอ่อนโยนที่ได้รับ
“เฮ้ย!! มันอยู่นั่น อย่าหนีจะโว้ย!!”
แล้วเสียงตะโกนของอันธพาลคู่แค้นเมื่อกี้ก็ทำให้สวรรค์ของเจ้าตัวต้องพังทลายลงแบบไม่มีชิ้นดี
“โธ่เอ้ย!! ยังตามมาอีกเหรอเนี่ย” เขาบ่นก่อนจะค่อยๆถอยออกจากอ้อมอกของร่างสูง
“มีอะไรกับพวกนั้นหรือครับ”
“เอ่อ.. พอดีผมมีเรื่องกับพวกนั้นนิดหน่อย คุณรีบหนีไปก่อนดีกว่าครับ” เขาตอบ
“พวกมันทำอะไรคุณหรือครับ”
ดูท่าคำเตือนของเขาจะไม่มีผลต่อคนตัวใหญ่สุดหล่อคนนี้เลยแม้แต่น้อย คนยังยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน
“ว่าไงครับ พวกมันทำอะไรคุณ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมโดนพวกมันปล้นน่ะ พอดีหนีออกมาได้ พวกมันเลยตามมาแก้แค้น”
จะบอกได้ไงว่าจะโดนข่มขืน น่าอายจะตายไป ..
“อ๋อ..งั้นเหรอครับ”
ร่างสูงรับคำเรียบๆ ใบหน้าเรียบเฉยยังคงไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ผิดกับอีกคนที่ตอนนี้ร้อนรนเต็มที
“ก็งั้นสิครับ เรารีบหนีก่อนดีกว่า คุณไปทางนั้น ส่วนผมไปทางนู้น พวกมันคงจะตามผมแน่ ..ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
ว่าแล้วเขาก็ทำท่าจะออกวิ่ง แต่มือใหญ่แข็งแรงนั้นก็รั้งไว้
“คุณ รีบไปเถอะครับ พวกมันมาใกล้แล้วนะ ปล่อยผม”
“ไม่เป็นไร ..อยู่ที่นี่แหละครับ ไม่ต้องกลัว”
เสียงนุ่มๆนั้นเอ่ยปลอบและก็พอดีกับที่อันธพาลสองคนนั้นวิ่งมาพอดี คนที่ตอนแรกทำใจกล้าจะวิ่งไปอีกทางตอนนี้กลับต้องรีบถอยไปตั้งหลักอยู่ข้างหลังร่างสูงทันที ใบหน้าสวยฉายแววตื่นกลัวจนเริ่มขาวซีด
แล้วทั้งสองฝ่ายก็ประจันหน้ากัน เมื่อสองอันธพาลเห็นผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าก็ต้องหน้าหน้าซีดตามไปด้วยเหมือนกัน
“บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาก่อเรื่องแถวนี้ ไม่เชื่อฟังกันบ้างเลยนะ”
ร่างสูงเริ่มประโยคที่ฟังดูยังไงก็คือคำขู่ดีๆนี่เอง
“โธ่..คุณเมือง ไอ้พวกผมมันก็หากินอยู่แถวนี้ จะให้พวกผมไปที่ไหนได้ล่ะครับ”
หนึ่งในนั้นทำใจกล้าเอ่ยตอบไป
“เตือนๆนายของพวกแกบ้างว่าอย่าล้ำเส้นให้มากนัก แล้วพวกแกก็ไปได้แล้ว อย่ามายุ่มย่ามแถวนี้อีก”
“แหม..พูดง่ายจัง ก็ได้..พวกผมไปก็ได้ แต่คุณต้องส่งผู้ชายคนนั้นมาก่อน”
เสียงพูดโต้ตอบนั้นทำเอาคนที่ถูกเอ่ยถึงสะดุ้งขึ้น ร่างโปร่งจึงขยับชิดแผ่นหลังของร่างสูงที่ตอนนี้เป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวให้ใกล้ยิ่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ดวงเมืองรู้สึกถึงความสั่นกลัวของคนที่อยู่เบื้องหลัง มือใหญ่จึงแนบสัมผัสเบาๆที่หลังมือของอีกฝ่าย ถ่ายเทความอบอุ่นพร้อมกับปลอบประโลมให้หายกังวล
ความอบอุ่นอ่อนโยนแผ่ซ่านเข้าไปที่จิตใจของผู้ที่อยู่เบื้องหลังอย่างประหลาด ทำให้ใบหน้าที่ตอนแรกซีดขาวต้องแดงระเรื่อขึ้น รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวจนตนเองเหมือนจะเป็นไข้
“ฉันส่งเขาให้พวกแกไม่ได้ บอกว่าอย่ามาก่อเรื่องแถวนี้ไง พูดไม่รู้เรื่องเหรอ”
“นี่พวกผมก็เกรงใจคุณมากแล้วนะ คุณจะส่งหรือไม่ส่ง”
“ไม่!!”
“อย่าลืมว่าพวกผมมากันสองคน คุณคนเดียวจะทำอะไรได้”
“ได้ไม่ได้..เดี๋ยวก็รู้”
“เรื่องนี้โทษพวกผมไม่ได้นะ คุณอยากแส่หาเรื่องเอง!!”
แล้วทั้งสองฝ่ายก็เปิดฉากตะลุมบอนกันทันที ปล่อยให้เจ้าของเรื่องตัวจริงยืนตัวสั่นเกาะเสาไฟฟ้าอยู่เพราะความกลัว
การต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรมดำเนินไปได้พักใหญ่ แต่ก็พอจะดูออกว่าจะจบลงที่ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายลงไปนอนหยอดข้าวต้ม เพราะหนึ่งในสองอันธพาลนอนหงายนิ่งสนิทอยู่ที่พื้นไปแล้ว ใบหน้าบูดเบี้ยวเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เลือดสดๆทะลักออกจากทั้งปากและจมูก ส่วนอีกคนก็ทุลักทุเลเต็มทีเมื่อโดนกำปั้นหนักๆซัดเข้าไปที่ปลายคาง ร่างทั้งร่างกระเด็นไปปะทะผนังอย่างแรงจนต้องล้มลงครางออกมาเสียงดัง!
ดวงเมืองหยุดการต่อสู้เพียงเท่านั้น ตัวไร้ซึ่งร่องรอยของการบาดเจ็บเลย สายตาคู่คมรีบกวาดมองหาร่างโปร่ง เห็นร่างนั้นกอดเสาไฟแน่น จึงเดินเข้าไปหาพร้อมกับส่งยิ้มบาง
“ไม่เป็นไรแล้วครับ พวกเราไปกันเถอะ”
หน้าสวยๆพยักรับอย่างเหม่อลอย แต่แล้วนัยน์ตาก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นอันธพาลตัวหัวหน้ากลุ่มอีกคนที่ไม่ได้วิ่งตามมาตอนแรก กลับมายืนอยู่เบื้องหลังร่างสูงพร้อมไม้หน้าสามอันยาว มันเงื้อไม้ขึ้นสูงพร้อมจะฟาดลงมาทุกเมื่อ แต่ก่อนที่จะกระทบกับศีรษะของร่างสูง มันก็ต้องหยุดกึกทันที!!
“ระวัง!!”
คำเตือนนั้นไม่ได้ช่วยให้ไม้หน้าสามที่กำลังฝ่าอากาศมานั้นหยุดได้ อีกเสียงหนึ่งต่างหากที่ทำให้อันธพาลหัวหน้ากลุ่มต้องหยุดนิ่งสนิท ทั้งๆที่ ไม้หน้าสามในมือตนยังค้างอยู่เหนือศีรษะ
‘กริ๊ก..!!’
เป็นเสียงง้างไกปืนปืนขึ้นพร้อมยิง อันธพาลผู้โชคร้ายหน้าซีด ตัวสั่น ไม้หน้าสามในมือหลุดออกจากมือทันทีเมื่อเห็นลำกล้องปืนหยุดอยู่ที่หน้าอกของตนเอง เพียงฝ่ายตรงข้ามเหนี่ยวไก ชีวิตน้อยๆนี้ก็ถูกปลิดไปอย่างง่ายดาย
“บอกแล้วว่าอย่าล้ำเส้น..ถ้ายังไม่อยากตายก็ลากเพื่อนของพวกมึงออกไป ก่อนที่กูจะทนไม่ไหว”
เสียงนั้นทั้งเรียบเฉยทั้งเย็นชา ทั้งสามอันธพาลจึงรีบวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนแบบไม่เหลียวหลัง ไม่กล้าแม้กระทั่งมองหน้าฝ่ายตรงข้ามด้วยซ้ำ คงเข็ดจะที่มาแถวนี้ไปอีกนาน
เมื่อหมดเรื่องจริงๆแล้ว ดวงเมืองจึงรีบเก็บปืนของตนทันที และเปลี่ยนท่าทีจากแข็งกร้าวเป็นอ่อนโยนลง เขาส่งยิ้มให้อีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองเขาอย่างตื่นตะลึง
“ปืนจดทะเบียนถูกกฎหมายครับ ไม่ต้องห่วง”
เขากวาดสายตาสำรวจร่างโปร่งอย่างรวดเร็วเห็นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ที่แขนก็เลือดโชก ก็รู้ว่าคนตรงหน้าเผชิญศึกหนักมาไม่น้อย
“มากับผมก่อนดีกว่าครับ คุณต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำแผล”
ใบหน้าสวยพยักรับช้าๆ ท่าทางเหนื่อยอ่อนอิดโรย แต่นัยน์ตายังคงแจ่มใส มองร่างสูงด้วยความชื่นชมและประทับใจ ก่อนจะก้าวตามชายหนุ่มร่างใหญ่ไปด้วยความยินดี
“ขอบคุณมากครับ”
แล้วทั้งสองก็เดินหายลับไปจากเงามืดยามราตรีแห่งเมืองกรุง .
TBC มีคำผิดตรงไหนบอกได้นะคะ ^^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น