ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Love,policeman

    ลำดับตอนที่ #1 : คนขี้แกล้ง

    • อัปเดตล่าสุด 6 ม.ค. 49


    555 แอบมาเขียนเรื่องใหม่ อย่าลืมติดตามอ่านกันนะจ๊ะ



    +++++++++++++++++++++++++



    “นี่คุณธเรศ! รายงานการประชุมของเมื่อเช้าได้หรือยัง!! ผมรอมาสามชั่วโมงแล้ว!!!”



    “ย..ยังครับ ผมจะรีบไปพิมพ์ให้เดี๋ยวนี้เลย”



    ธเรศหรือธัชเลขาหน้าจืด ในแว่นตากรอบหนาเตอะ รีบละล่ำละลักตอบคุณจีรกาล ประธานบริษัทยักษ์ใหญ่หรือก็คือผู้เป็นเจ้านายของตนด้วยเสียงอันสั่นเครือ  แล้วร่างสูงโปร่งก็โค้งคำนับให้อีกฝ่ายนิดนึงก่อนจะตาลีตาเหลือกวิ่งหน้าตั้งออกไปจากห้องทันที



    “อ้าว..ธัช  โดนคุณจีเล่นงานมาอีกแล้วเหรอ ดูซิหน้าซีดเชียว”  



    วรรณณี เพื่อนเลขาที่เพิ่งรู้จักกันได้หนึ่งอาทิตย์เอ่ยทัก  สีหน้าของเธอดูจะเป็นห่วงคนตรงหน้าไม่น้อยเพราะแค่เห็นร่างผอมที่กลัวจนตัวลีบเป็นกุ้ง แถมหน้าตาก็ดูซีดเป็นกระดาษ และเพิ่งจะเดินคอตกออกมาจากห้องเจ้านาย ก็รู้ว่าโดนคนเป็นเจ้านายเล่นงานมาแน่ๆ



    “ก็นิดหน่อยครับพี่วรรณ”   ธัชเอ่ยตอบพร้อมกับยิ้มแห้งๆ



    “พี่ล่ะไม่เข้าใจจริงๆ  ทำไมคุณจีถึงชอบดุธัชนักนะ  ทีกับพี่หรือกับคนอื่นไม่เห็นจะเคยตวาดใส่แรงๆแบบนี้เลย  จะมีก็นานๆครั้งแต่ก็แค่ดุเสียงดังบ้างนิดหน่อยเท่านั้นเองนี่นา”



    “สงสัยคุณจีเขาไม่ค่อยชอบหน้าผมมั้งครับพี่”



    หญิงสาวพยักหน้าหงึกทำท่าเห็นด้วย  



    “แต่แน่ใจนะว่าเราไม่เคยไปทำอะไรให้คุณจีเขาไม่พอใจน่ะ”



    “โธ่พี่..ผมเพิ่งมาทำงานได้อาทิตย์เดียวเองจะไปทำอะไรให้เจ้านายโกรธได้ล่ะครับ”  ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อย



    “นั่นสิ..ยังไงช่วงนี้ยังอยู่ในโปร  ต้องอดทนหน่อยนะธัช”



    เขารับคำพร้อมกับสั่นหัวแบบปลงกับชีวิต เห็นอีกฝ่ายหิ้วกระเป๋าแต่งหน้าแต่งตาสวยเช้งก็เลยถามกลับไป



    “พี่จะไปไหนเหรอครับ”



    “อะไรกันจ๊ะ นี่มันเที่ยงแล้วนะ ก็ต้องไปหาอะไรกินน่ะสิ  ธัชล่ะไปด้วยกันมั๊ย”



    ร่างผอมทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางที่หมดแรง  มือหยิบเอกสารบนโต๊ะแกว่งไปแกว่งมาให้หญิงสาวดู



    “นี่ล่ะครับ  อาหารกลางวัน  กว่าจะทำเสร็จคงหมดเวลาพักพอดี..”



    “อะไรกัน  รีบขนาดนั้นเชียว ..ไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับมาทำก็ได้นี่นา เดี๋ยวพี่มาช่วยนะ”



    “อย่าเลยครับพี่  ท่านเจ้านายกำลังทำหน้ายักษ์นั่งรออยู่ด้วย  ขืนผมเอาไปให้ช้า..ยักษ์คุณจีคงเหยียบผมแบนติดดินแน่เลย”



    วรรณณีหัวเราะขำกับท่าทางและคำพูดของอีกฝ่าย   “ธัชนี่ดูภายนอกไม่ได้เลยนะ ครั้งแรกที่เห็นก็ท่าทางเงียบๆ เรียบร้อยแล้วก็ดูขี้กลัวๆด้วย  แต่ที่ไหนได้แอบร้ายเหมือนกัน ระวังเถอะ..คุณจีมาได้ยินเข้า จะไม่แค่โดนเหยียบจนแบนแน่..”



    “จ้างก็ไม่กลัว”  ชายหนุ่มลอยหน้าลอยตาพูด ทั้งๆที่พยายามเงี่ยหูฟังว่าเจ้านายของตนอยู่แถวนี้หรือเปล่า  ถ้าอยู่..ใครล่ะจะกล้าพูด



    “จ้าๆ ไม่กลัว แต่ใครไม่รู้ พอโดนตวาดคำเดียวรีบวิ่งหน้าตั้งกลับมา นั่งตัวลีบ หน้าซีดเป็นไก่ไปเลย”



    “โธ่..พี่อ่ะ”  



    วรรณณียิ้มให้อย่างเอ็นดู   “เอาเถอะ..ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะจ๊ะ พี่ไปก่อนนะ”



    ธัชส่งยิ้มตอบให้อีกฝ่าย  “ครับ กินข้าวเผื่อผมด้วยแล้วกัน”  



    จนเมื่อหญิงสาวหายลับไปจากประตูแล้ว  ธัชจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ มือเรียวถอดแว่นกรอบสีดำหนาที่ทั้งใหญ่ทั้งเชยออก  เผยให้เห็นใบหน้าขาวสะอาดสดใส  นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของเจ้าตัวดูสวยกระจ่างรับกับริมฝีปากเล็กบางที่เชิดรั้นนิดๆ บ่งบอกนิสัยของผู้เป็นเจ้าของที่ท่าทางจะดื้ออย่างร้ายกาจ  ท่าทางกิริยาก็เงียบขรึมจริงจังแฝงความโกรธเอาไว้ ผิดกับความทะเล้นขี้เล่นเมื่อครู่ลิบลับ



    “ฝากไว้ก่อนเถอะพี่จี..เสร็จงานเมื่อไหร่จะเอาคืนให้หายแค้นเลย!”



    ++++++++++++++++++++++++++



    ในห้องทำงานสุดหรูของท่านประธานบริษัทใหญ่  ผู้เป็นเจ้าของยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่งด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ  บนใบหน้าคมเข้มปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากอย่างอารมณ์ดี  นิ้วเรียวหมุนปากกาในมือแบบไม่รู้ตัว คล้ายกำลังคิดถึงเรื่องอะไรบางอย่างจนเพลิน



    “แกล้งคนสนุกชะมัด”  เขาพูดขึ้นลอยๆ



    และเมื่อนึกถึงเรื่องที่ทำให้รู้สึกสนุกขึ้นมา  รอยยิ้มจึงกว้างขึ้นแบบห้ามไม่อยู่ จะอะไรซะอีกล่ะ..ก็เลขาคนใหม่ที่ท่าทางขี้กลัวคนนั้นน่ะสิ….



    “คนอะไร เวลากลัวแล้วชอบทำหน้าตาตลกๆ”



    จริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้อยากจะได้ไอ้รายงานการประชุมอะไรนั่นหรอก แค่อยากจะแกล้งเท่านั้นเอง  แล้วก็ได้ผลมากด้วย เพราะแค่ตวาดใส่ดังๆ  อีกฝ่ายก็กลัวเขาจนหงอไปเลย  ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ด้วย  ดูไปดูมาแล้วก็น่ารักดี



    “แต่เอ..ท่าทางกลัวๆแบบนี้เหมือนเคยเห็นที่ไหนนะ  คุ้นๆชอบกล”



    จีรกาลนั่งคิดไปคิดมา พยายามนึกก็นึกไม่ออก  แต่ไอ้ท่าทางหวาดๆ และชอบวิ่งหนีเขาแบบนี้เหมือนเคยเห็นจริงๆ  



    “ช่างเหอะ  นึกออกเมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้เอง”



    ชายหนุ่มไม่สนใจอีก  เขากำลังจะลุกขึ้นออกจากห้อง  ไปหาเลขาคนใหม่เพื่อหาเรื่องแกล้งต่อ แต่พอดีเสียงมือถือส่วนตัวดังขึ้น จึงต้องกดรับแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก  แต่พอรู้ว่าใครโทรมา  อารมณ์ขุ่นเคืองที่มีก็หายไปทันที



    “ว่าไงเรา อยู่ที่ไหนล่ะ”



    “อยู่ที่หน้าตึกค่ะ กำลังจะเดินเข้าไปแล้ว”  



    “มาหาพี่ถึงนี่มีอะไร  ไม่ใช่ว่าเพิ่งโดนแฟนทิ้งมาหรอกนะ”



    “โธ่พี่จีอ่ะ  พูดอะไรเนี่ย มีแต่หนูที่เป็นฝ่ายทิ้งคนอื่นนะ”  ปลายสายส่งเสียงงอน



    “จ้าๆ คนสวยแสนเพอร์เฟ็ค แล้วตกลงมาทำอะไรล่ะ หรืออยากจะมาสมัครทำงานที่บริษัทพี่  อ้อ..พอดีมีตำแหน่งแม่บ้านว่างอยู่ตำแหน่งนึงนะ”



    “พีจีบ้า  ใครเขาอยากจะมาเป็นแม่บ้านกันล่ะ  เค้าจะมาชวนไปกินข้าวด้วยต่างหาก”



    “คิดยังไงถึงจะมากินข้าวกับพี่ล่ะ ทุกทีเห็นมีหนุ่มหล่อค่อนเมืองต่อคิวกันขอนัดตลอด”



    “แหม..ทำเป็นน้อยใจไปได้ น้องสาวคนดีจะเห็นคนอื่นดีกว่าพี่ชายสุดที่รักได้ยังไงกันคะ”  



    “ปากหวานแบบนี้ พี่กลัวนะ”



    “ไม่พูดด้วยแล้ว  เดี๋ยวขึ้นไปหานะคะ บาย”



    หลังจากน้องสาวแสนสวยของตนวางสายไปแล้ว  จีรกาลก็สั่นศีรษะด้วยความเอ็นดู  แล้วรีบคว้าสูทมาใส่เพื่อเตรียมออกไปข้างนอก



    พอออกมาจากห้อง ก็ได้ยินเสียงกดคอมพิวเตอร์ดังรัวอยู่ที่มุมด้านหนึ่ง  เขาเลยแอบไปชะเง้อมอง พบว่าคุณเลขาขี้กลัวกำลังนั่งปั่นทำรายงานที่เขาสั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ท่าทางเคร่งเคียด  นิ้วเรียวนั้นกดแป้นรัวเร็วแบบไม่ต้องมอง  นี่หรือกลัวว่าเขาจะดุใส่อีก เลยต้องมารีบทำ ข้าวปลาไม่ยอมไปกินกันนะ  



    จีรกาลเริ่มรู้สึกผิดนิดๆ เขาแกล้งมากไปหรือเปล่าเนี่ย  คิดแล้ว ร่างสูงจึงค่อยย่องเดินเข้าไปใกล้เพื่อแอบมองอีกฝ่าย



    ใบหน้าด้านข้างของธเรศดูแปลกตาไปจากปกติมาก จนทำให้เขาเหม่อมองจนตะลึงไป  นั่นเพราะอีกฝ่ายไม่มีแว่นตาหนาเตอะอยู่บนใบหน้าแล้ว   ทำให้เพิ่งจะรู้สึกว่าเลขาคนใหม่ที่ตอนแรกดูจืดสนิทจนดูไม่ได้นั้น จริงๆแล้วมันไม่ใช่อย่างที่คิดเลย  คนๆนี้ดูดีอย่างน่าประหลาด  ดูน่าทะนุถนอมแต่ก็ดูเข้มแข็งด้วย  ทำไมนะทั้งๆที่ตัวเองก็หน้าตาดีขนาดนี้แต่กลับเอาแว่นตาที่แสนเชยมาปิดบังเอาไว้  น่าเสียดาย….



    “คุณธเรศ!!”



    ร่างนั้นสะดุ้งขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก  แล้วอยู่ดีๆ จีรกาลก็รู้สึกวูบไปแบบไม่รู้ตัว  พอรู้อีกทีเขาก็ถูกคนที่ตัวเองเรียกพยุงขึ้นมาจากพื้นแล้ว  อะไรกัน!..เขาโดนอะไรเนี่ย!! รู้สึกเจ็บแปลบๆตรงปลายคางด้วย



    “อูยย!! เจ็บๆ”



    “ปะ..เป็นไงบ้างครับ..ผมขอโทษ..ผมไม่ได้ตั้งใจ”



    “คุณทำอะไรผมเนี่ย  เจ็บชะมัดเลย!”  จีรกาลสะบัดหน้าตัวเองไปมาแบบเบลอๆ



    “ก็..อยู่ดีๆคุณก็มาอยู่ข้างหลังผมเงียบๆ  พอได้ยินเสียงคุณเรียก ผมตกใจก็เลยลุกพรวดขึ้นมาจนชนคุณล้มลงไปน็อคพื้นน่ะครับ”  



    ไม่รู้ว่าธเรศกลับมาใส่แว่นเมื่อไหร่  ใบหน้าเลยกลับมาดูจืดสนิทไร้จุดเด่นเหมือนเดิม  เลขาหนุ่มก้มหน้าและตัวก็สั่นๆ ด้วย  ท่าทางจะกลัวเขามากเลย



    “ผมไม่คิดว่าคุณจะตกใจมากขนาดนี้  เห็นคุณกำลังทำงานเพลินเลยไม่อยากกวน  แต่ที่ไหนได้…”



    ธเรศรีบกล่าวขอโทษทันที   “ขอโทษครับ”



    จีรกาลถอนหายใจแบบไม่ค่อยพอใจนัก  แต่พอมองอีกฝ่ายที่ตัวสั่นเป็นลูกนก  ทำท่าจะร้องไห้  เขาเลยใจอ่อนยวบ ความรู้สึกโกรธหายไปหมดตั้งแต่เห็นหน้าตาที่กำลังกลัวจนลนนั่นแล้ว  แต่แปลกมาก..ทำไมหกล้มแล้วดันเจ็บที่คางได้ก็ไม่รู้  ไม่เหมือนหกล้มเลยแต่เหมือนโดนชกมากกว่า



    “ผมไม่เป็นไรมากหรอก  ว่าแต่คุณเถอะ นี่คิดจะทำงานไม่ลงไปกินข้าวบ้างเหรอ  มันจะเที่ยงครึ่งแล้วนะ”



    “ก็..ก็คุณสั่ง”



    ให้ตายสิ…คนอะไรทำไมซื่อ (บื้อ) ได้ขนาดนี้น้า ร่างสูงคิดพร้อมแอบไปหัวเราะ  หารู้ไม่ว่าคนที่ถูกหัวเราะกำลังส่งสายตาพิฆาตมาให้ตน



    “งานไว้หลังเที่ยงก็ได้ ไปกินข้าวก่อน คุณน่ะผอมจะแย่อยู่แล้ว เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปใครจะช่วย”



    “เรื่องของผม”



    “คุณว่าอะไรนะ”



    ธเรศดูเหมือนจะรู้ตัวว่าตนหลุดพูดอะไรออกมา



    “ไม่..ไม่มีอะไรครับ  เอ่อ..ถ้าคุณจีจะออกไปทางข้าวก็ไปเถอะครับ  ไม่ต้องห่วง  ผมทำงานอีกแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ลงไปแล้วครับ”



    “ไม่ดี..อีกเดี๋ยวยัยจิ๋วก็มาแล้ว  ไปกินข้าวด้วยกันสามคนเลยแล้วกัน”



    ธเรศทำท่าดีใจจนออกนอกหน้า  “คุณจิ๋ว..คุณจิ๋วหรือครับ”



    จีรกาลเห็นคนตรงหน้าหน้าตาพอได้ยินชื่อน้องสาวของเขาก็เบิกบานขึ้นมาทันที  เลยชักรู้สึกไม่สบอารมณ์นิดหน่อย  ทำไมกัน..ทีกับเขาแม้แต่หน้ายังไม่ค่อยยอมมองตรงๆด้วยซ้ำ  แต่กับผู้หญิงล่ะหน้าบานออกมาเชียว (ตูนึกว่าไม่สบอามรณ์เพราะหวงน้องสาวซะอีก -_-‘’ : คนเขียน)



    “อะไร..ดีใจอะไรนักหนา รู้เหรอว่ายัยจิ๋วคือใคร”



    “ก็..น้องสาวคุณจีไงครับ”



    “บอกไว้ก่อนนะว่าห้ามยุ่ง  ฉันไม่ชอบ”



    ใบหน้าที่แสนจืดชืดนั้นสลดลงทันที  จีรกาลเลยรู้สึกสะใจนิดๆที่แกล้งอีกฝ่ายได้  



    คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความไม่พอใจ แต่ก็รีบคลายไปอย่างรวดเร็ว  “ผม..ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นครับ แค่อยากจะเห็นเท่านั้นเอง”



    [I]‘ติ๊ด ตี๊ดดๆ’[/I]



    แล้วเสียงมือถือก็ดังขึ้นเบาๆ สองสามครั้ง  ร่างโปร่งสะดุ้งขึ้นก่อนจะรีบเอาหยิบมือถือรูปร่างแปลกๆออกมาจากกระเป๋า



    “ขอโทษครับ ผมขอตัวไปคุยโทรศัพท์ซักครู่”



    แล้วเจ้าตัวก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว  ทิ้งให้จีรกาลยืนรออยู่ลำพัง  ทั้งๆที่ชายหนุ่มอยากจะตามไปดูว่าใครกันที่โทรมาหา เพราะท่าทางตื่นๆของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกสงสัย  แล้วนี่ทำไมต้องไปคุยที่อื่นด้วย เป็นความลับมากนักหรือไง…



    “ท่าจะบ้าแล้วเรา มันเรื่องของเขานี่นา”



    ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆแบบไม่เข้าใจตัวเอง ก่อนจะพยายามสลัดความคิดยุ่งๆของตนออกไป …



    +++++++++++++++++



    ที่บริเวณดาดฟ้าของตึก  ร่างสูงโปร่งกำลังยืนคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางทั้งจริงจังและเคร่งเครียด  นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสอดส่ายไปมาโดยรอบคล้ายกำลังระแวดระวัง  เสียงที่พูดก็ค่อนข้างเบาแต่อีกฝ่ายคงได้ยินชัดเจนเพราะยังส่งเสียงตอบกลับมาไม่หยุดหย่อน



    [/I]“อืมม รู้แล้ว  ฉันคอยระวังอยู่”

    “บ้าชะมัด  ฉันไม่น่ารับงานนี้เลย  น่าจะปฏิเสธบอสไปตั้งแต่แรก  รู้มั๊ย..เมื่อกี้ฉันเผลอปล่อยให้เขามายืนอยู่ข้างหลังได้ตั้งนานสองนาน  แถมพอรู้ตัว..มือก็กำหมัดชกเขาจนน็อคไปเลย”

    “ฉันรู้ๆ  ทำไงได้ก็คนมันฝังใจนี่  พออยู่ต่อหน้าทีไรเสียศูนย์ทุกทีเลย”

    “ไม่ต้องมาหรอก ฉันยังไหว เอาไว้ไม่ไหวจริงๆจะให้ช่วยแล้วกัน  ทางนู้นเป็นไงบ้างล่ะ”

    “งั้นเหรอ..คอยระวังมันหน่อย  มันมาเมืองไทยเมื่อไหร่ก็โทรบอกฉันทันทีเลยนะ อืมม..แค่นี้..เลิกกัน..”[/I]



    ชายหนุ่มรีบเก็บโทรศัพท์ของตนทันที  ก่อนจะกวาดมองรอบๆด้านอีกครั้งเพื่อความปลอดภัย แล้วจึงรีบวิ่งลงมาหาเจ้านายหนุ่มของตนด้วยสีหน้าท่าทางที่กลับมาเป็นธเรศ เลขาหน้าจืดผู้แสนซื่อดังเดิม…..



    ++++++++++++++++++++

    TBC จ้า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×