ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : งานคือเงิน 2
...หลายปีผ่านไป...
จากวัยรุ่นท่าทางเรียบร้อย การงานและความรับผิดชอบได้เปลี่ยนให้เธอกลายเป็นสาวกร้านโลก ความไร้เดียงสาบริสุทธิ์ที่เคยมี ได้เปลี่ยนเป็นมารยาร้อยเล่มเกวียน มารยาที่สามารถทำให้ตนเองเอาตัวรอดได้
"พิณ เมื่อไหร่จะตอบตกลงพี่ซะที เป็นเด็กเสริฟให้เจ๊หงส์ทุกวัน ๆ อย่างนี้ไม่เหนื่อยแย่เหรอ มาทำงานกับพี่ดีกว่าสบายก็สบายกว่า เงินก็ได้เยอะกว่า ลูกค้าพี่มีแต่พวกเสี่ยกระเป๋าหนักกับฝรั่งเงินหนา พี่รับรองเลยนะว่าอย่างพิณเนี่ย ราคาดีแน่นอน" หญิงสาวในชุดแนบเนื้อโชว์สัดส่วน นั่งอยู่หน้าเคาท์เตอร์ในบาร์ หันมาชักชวนเพียงพิณเมื่อเธอมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ
"นังหวาน แกไม่ต้องไปชวนพิณมันเลยนะ เด็กมันดี ๆ แกจะทำให้มันใจแตกรึไง แล้วที่ฉันให้แกมานั่งในบาร์เนี่ย ก็เผื่อว่าแกจะหาลูกค้าได้ ไม่ใช่ให้แกมาชวนเด็กฉันไปอยู่ด้วย" เจ๊หงส์ดักคอหญิงสาวที่ชื่อว่าหวาน จากด้านในเคาท์เตอร์
หวานตาเป็นหญิงขายบริการซึ่งมานั่งหาลูกค้าในบาร์ของเจ๊หงส์ได้หลายปี จนตอนนี้ค่อนข้างกว้างขวางมีเด็กในสังกัดเป็นของตนเอง และเธอก็กำลังสนใจเพียงพิณเป็นที่สุด
"ฉันถามพิณมันนะเจ๊ ไม่ได้ถามเจ๊สักหน่อย แล้วถ้าเด็กมันยินยอมเอง มันก็ช่วยไม่ได้นะ" หวานตาหันไปหาเพียงพิณอีกครั้ง "ว่าไงจ๊ะพิณ พี่รอพิณอยู่นะ"
"พี่หวานไปหาคนอื่นเถอะ พิณอยู่กับเจ๊หงส์อย่างนี้ดีกว่า ...แขกเรียกแล้ว พิณไปก่อนนะ" เพียงพิณรีบเดินไปที่โต๊ะของแขก กลัวว่าถ้าอยู่ใกล้หวานตามากกว่านี้ เธอจะต้องฟังหวานตาชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมเธออีก
เพียงพิณในชุดเสื้อกล้ามสีดำ กางเกงยีนส์เอวต่ำเน้นสะโพกกลมกลึง เป็นจุดสนใจที่ใคร ๆ ต้องเหลียวมอง แม้ว่าที่เอวจะคาดผ้ากันเปื้อนบ่งบอกถึงตำแหน่งเด็กเสริฟในร้าน แต่ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มทุกเวลานั้น ยิ่งทำให้หญิงสาวดูมีเสน่ห์และน่ามองยิ่งขึ้น
"คืนนี้คุณว่างไหม" คำถามจากแขกชาวต่างชาติที่เพียงพิณมักจะเจอบ่อย ๆ
"เสียใจด้วยค่ะ คืนนี้ฉันไม่ว่างแล้ว" เพียงพิณตอบอย่างมีจริตจะก้าน
"แล้วคืนพรุ่งนี้ล่ะ"
"ค่าตัวฉันแพงนะคะ"
"เท่าไหร่"
"5 พันดอล์ต่อคืนไม่ขาดไม่เกิน"
"อย่าล้อเล่นน่าที่รัก" ชายตรงหน้าเอื้อมมือมาจับมือของเพียงพิณแล้วลูบเบา ๆ
"ฉันไม่ได้ล้อเล่นหรอกค่ะ ของดีก็ต้องแพงเป็นธรรมดา ...ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะคะ" เพียงพิณค่อย ๆ ชักมือตนเองกลับอย่างนิ่มนวล
เธอเดินไปที่หลังร้านแล้วเช็ดมือที่โดนแขกต่างชาติจับ ถูกับกางเกงแรง ๆ ลบสัมผัสเมื่อครู่ออกไป
"เซ็งจริง ๆ" ถ้าไม่ติดที่แขกพวกนี้ให้ค่าทิปหนัก เธอคงไม่ยอมเปลืองตัวอย่างนี้หรอก
ทุกคืนถ้าไม่โดนจับมือ ลูบแขน จับก้น ก็เป็นต้องโดนชวนขึ้นเตียงตลอด
คิดแล้วก็เหนื่อยหน่ายเหลือเกิน
เพียงพิณอยู่ทำใจไม่นาน ก็เดินกลับไปทำงานต่อ
"พิณ เก็บเงินแขกโต๊ะนั้นด้วย" นัท อดีตเด็กเสริฟรุ่นพี่ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนตำแหน่งมาเป็นมือขวาของเจ๊หงส์ ยื่นบิลเรียกเก็บเงินให้เพียงพิณ
"โต๊ะไหนนะพี่นัท"
"โต๊ะที่จับมือพิณเมื่อกี้นี้แหละ"
"เห็นด้วยเหรอ"
"ไม่เห็นสิแปลก ...ไปเก็บเงินเร็ว แขกจะลุกออกไปอยู่แล้ว"
"ค่า"
หญิงสาวปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างแข็งขัน แม้บางครั้งจะรู้สึกเหนื่อยใจก็ตาม แต่เธอก็พยายามนึกถึงค่าตอบแทนในแต่ละเดือนที่จะได้เพื่อเรียกกำลังใจในการทำงานให้ตนเอง
เมื่อยามค่ำคืนผ่านไป แสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านช่องหน้าต่างในยามเช้าก็ไ่ม่อาจทำให้เพียงพิณที่กำลังหลับใหลตื่นขึ้นมาได้เลย จนเวลาล่วงเข้าสู่ช่วงใกล้เที่ยงวันดวงตาที่ปิดสนิทถึงได้ค่อย ๆ ปรือขึ้น
หลังจากอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น เพียงพิณก็เดินไปที่โต๊ะอาหาร ซึ่งแพรพลอยนั่งหน้าบึ้งคอยอยู่ก่อนแล้ว
"แม่ล่ะ" เพียงพิณถามหาแม่
"ไปปากซอย ซื้อน้ำปลา" แพรพลอยตอบอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก "นี่...เมื่อไหร่พี่จะหยุดเที่ยวกลางคืนซะที ผลาญเงินไปวัน ๆ แบบนี้มีความสุขนักรึไง เรียนก็ไม่จบเอาแต่เที่ยวตะลอน ๆ แบบนี้ แม่เขาเป็นห่วงนะรู้ไหม โตแล้วรู้จักคิดซะบ้างสิ"
"มันเรื่องของพี่"
"แต่แม่เป็นห่วง แล้วเงินที่ใช้ไปทุกวัน ๆ นี้อีกล่ะ เงินประกันของพ่อจะถึงจะเยอะแต่สักวันมันก็ต้องหมด เอาไปใช้กับเรื่องไร้สาระแบบนี้ ถ้าพ่อรู้เข้าพ่อคงเสียใจแ่ย่"
"แพรไปอารมณ์เสียมาจากไหนรึเปล่าเนี่ย ทำไมวันนี้ถึงได้บ่นจัง" ปกติแพรพลอยก็มักจะบ่นเธอเรื่องเธอออกบ้านทุกวันอยู่แล้ว แต่วันนี้กลับยกเอาพ่อและแม่ขึ้นมาพูดด้วย ไม่รู้ว่าอารมณ์เสียมาจากไหน
"อ้าวพิณ ตื่นแล้วเหรอลูก รอแป๊บนึงนะแม่ืทำกับข้าวใกล้เสร็จแล้ว" ผู้เป็นแม่ทักเมื่อกลับมาจากข้างนอก
"ค่ะแม่" เพียงพิณมองมารดาเดินเข้าห้องครัวไปทำกับข้าวแล้วนึกถึงสมัยก่อน แม่ของเธอไม่เคยเข้าครัว ทำอาหารไม่เป็นเลยสักอย่าง แต่เมื่อสภาวะการณ์ในปัจจุบันบังคับ แม่จึงเริ่มหาหนังสือมาหัดทำอาหาร แรก ๆ ก็กระท่อนกระแท่นไปบ้าง อาหารที่ทำออกมานั้ นกินได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ตอนนี้แม่ของเธอก็เหมือนแม่บ้านทั่วไป ที่ทำอาหารเป็นทำงานบ้านเป็น
แพรพลอยมองดูแม่ที่ค่อนข้างจะเอาใจใส่พี่สาวเป็นพิเศษแล้วรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาอีกระลอก วัน ๆ เพียงพิณเอาแต่เที่ยวกลับดึกให้แม่ต้องเป็นห่วง นอกจากแม่จะไม่ต่อว่าสักคำ ยังเป็นห่วงเป็นใยเป็นพิเศษอีกต่างหาก ไม่ว่าอะไรก็แทบจะประเคนให้อีกแล้ว
"แพรอิ่มแล้ว เดี๋ยวแพรจะออกไปอ่านหนังสือบ้านเพื่อนนะคะ" น้ำเสียงกระแทกกระทั้น ทำให้เพียงพิณมองตามน้องสาวที่ลุกออกจากโต๊ะหลังทานอาหารเสร็จ แล้ววิ่งขึ้นบนบ้าน สักพักก็สะพายกระเป๋าและหิ้วหนังสือออกจากบ้านไป
"แพรเขาอารมณ์ไม่ดีมาจากไหนรึเปล่าคะแม่" คำถามของเพียงพิณทำให้ผู้เป็นแม่เกิดอาการหนักใจ
นางไม่อยา่กหาโยนภาระต่าง ๆ ให้เพียงพิณ แต่ไม่บอกเรื่องแพรพลอยก็คงไม่ได้
"แพรเขาคงโกรธแม่น่ะลูก"
"โกรธแม่? เมื่ออะไรคะแม่"
"... แพรเขาอยากไปฝึกงานที่อเมริกา แต่แม่ไม่ให้เขาไป"
"ฝึกงาน! ทำไมต้องไปฝึกที่อเมริกาด้วยคะ ฝึกที่บ้านเราไม่ได้เหรอคะ"
"แม่ก็บอกเขาไปอย่างนั้น แต่แพรเขาบอกว่าที่มหาวิทยาลัยมีโครงการอะไรสักอย่างเหมือนพวกโครงการแลกเปลี่ยน ให้นักศึกษาไปฝึกงานที่ต่างประเทศ ทีนี้แพรเขาก็อยากไป เพราะเห็นว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี
ส่วนตัวแม่ แม่ก็คิดว่าดีสำหรับแพร แต่พิณก็รู้ว่าไปต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายมันสูงขนาดไหน เท่าที่แพรบอกมาก็เป็นแสน"
หลักแสน!
"แพรบอกรึเปล่าคะว่าต้องไปฝึกงานเมื่อไหร่"
" เห็นว่าเทอมหน้านะลูก คงอีกประมาณ 3 เดือน"
"... พิณขอคิดก่อนนะคะแม่" เธออยากมอบสิ่งที่ดีทีสุดให้น้อง แต่เงินจำนวนนั้นมันมากเกินไป เธอไม่สามารถหาเงินขนาดนั้นได้ภายในไม่กี่เดือน
"พิณไม่ต้องคิดมากหรอกลูก เดี๋ยวแม่จะคุยกับแพรเอง"
"แต่ถ้ามีเป็นโอกาสดีสำหรับแพรจริง ๆ พิณก็อยากสนับสนุนน้อง"
"แต่เราไม่มีเงินขนาดนั้นนะพิณ เงินทำงานของพิณก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น
"พิณจะลองหาทางดูค่ะแม่ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ" เพียงพิณพูดจาสบาย ๆ เพื่อไม่ให้มารดาเป็นห่วง แต่ในใจนั้นเธอทั้งหนักใจ และค่อนข้างเครียด "พิณยังรู้สึกเพลีย ๆ อยู่เลยค่ะแม่ พิณขอขึ้นไปนอนต่อนะคะ"
เพียงพิณขึ้นไปบนห้องแล้วนั่งบนเตียงเล็กของตน แม้จะยังรู้สึกอ่อนเพลียแต่ก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้เพราะเรื่องของแพรพลอย
ทุกวันนี้เธอกับแม่ต้องสร้างเรื่องว่าเธอออกเที่ยวกลางคืนทุกวันเพื่อไม่ให้แพรพลอยรู้ว่าเธอออกไปทำงาน แพรพลอยเป็นคนจริงจัง หากรู้ว่าเงินประกันของพ่อหมดไปตั้งแต่แรกจนเธอต้องเลิกเรียนออกมาหาเงินทำ เธอกลัวว่าน้องเองก็จะเลิกเรียนเหมือนเธอ ซึ่งเธอไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย และเธอก็ไม่อยากเสี่ยงด้วย
นอกจากกลัวแพรพลอยจะเลิกเรียนหนังสือแล้ว ตอนนี้เธอยังกลัวว่าน้องจะกลายเป็นเด็กมีปัญหาด้วย เธอรู้ว่าตอนนี้แพรพลอยมีอคติกับตนมากแค่ไหน และก็คิดว่าแม่รักเธอมากกว่า เธอเคยได้ยินน้องพูดกับแม่เรื่องของเธอ
แพรพลอยคิดว่าแม่ลำเอียง เห็นเธอออกเที่ยวทุกวันใช้เงินสิ้นเปลือง นอกจากจะไม่ตำหนิเธอแล้วยังคอยเป็นห่วงเป็นใย แต่กลับบ่นเวลาที่แพรพลอยเสื้อผ้า ซื้อเครื่องประดับ
มีครั้งหนึ่งเธอกำลังเอาเงินให้แม่ แต่ตอนนั้นแพรพลอยเข้ามาเห็นพอดี แล้วก็คิดว่าแม่กำลังให้เงินเธอ ตอนนั้นบ้านแทบแตก แพรพลอยโวยวายเรื่องแม่ให้เงินเธอใช้มากมายทั้ง ๆ ที่เธอเอาแต่เที่ยว ส่วนตัวเองที่ยังเรียนอยู่แม่กลับพูดเสมอว่าต้องประหยัด เหตุการณ์ในครั้งนั้นเกือบทำให้แม่หลุดปากเรื่องที่เธอทำงาน ยังดีที่เธอห้ามไว้ได้ทัน
แต่ตอนนี้เธอควรจะทำยังไงดี
เงินจากที่ทำงานได้เยอะก็จริง แต่ค่าใช้จ่ายที่ตามมาก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากัน เงินเก็บที่สำรองไว้มากพอจ่ายค่าเทอมให้แพรพลอย แต่ไม่มากพอที่จะให้แพรพลอยไปอเมริกาได้
จู่ ๆ เพียงพิณก็นึกถึงหวานตาขึ้นมา จำนวนเงินที่จะได้มาง่าย ๆ นั้นอาจะทำให้เธอหาเงินพอส่งให้แพรพลอยไปอเมริกาได้
...แต่ว่า เธอไม่อยากทำเลย
ตอนเย็นเพียงพิณออกไปทำงานก่อนที่แพรพลอยจะเข้าบ้าน ระหว่างทำงานเธอก็ทำตัวเป็นปกติ ยิ้มแย้มเหมือนไม่มีเรื่องทุกร้อนใด ๆ แ่ต่พอเห็นพี่หวานเข้ามาในร้าน นั่งหน้าเคาท์เตอร์ตรงที่ประจำแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าก็ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าหม่นหมอง
"พี่หวาน พิณมีเรื่องอยากคุยด้วย ไปคุยกันที่หลังไ้้้ด้ไหม" เพียงพิณฉวยโอกาสที่เจ๊หงส์ไม่อยู่ประจำที่เคาท์เตอร์ เข้าไปคุยกับหวานตา
"มีอะไรเหรอน้องพิณ"
"คือ...ไม่คุยกันหลังร้านดีกว่าพี่หวาน ตรงนี้คนพลุกพล่านเกินไป"
"ก็ได้ ๆ"
เพียงพิณพาหญิงสาวเดินมาที่หลังร้าน ห้องพักของพนักงานซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่
เธอจัดการล๊อคประตู กันไม่ให้มีบุคคลที่สามเข้ามาขัดจังหวะ
"เอ้าว่ามามีเรื่องอะไรถึงให้พาพี่มาคุยในนี้"
"คือว่า...พี่หวานยัง เอ่อ พี่หวานจำเรื่องที่คุยกับพิณได้ไหม"
"เรื่องอะไรล่ะพิณ พี่คุยกับพิณตั้งหลายเรื่อง"
"ก็เรื่อง เอ่อ...เรื่องที่พี่หวานชวนพิณทำงาน" ปลายเสียงอ่อนลงเพราะตนเองก็ไม่อยากจะพูดถึงเท่าใดนัก
"เอ๋ พิณยอมตกลงแล้วเหรอ ดีจังรู้ไหมว่าอย่างพิณน่ะราคาดีแค่ไหน ไม่เสียแรงที่พี่พูดกรอกหูเราอยู่ทุกวัน" หวานตาดีใจยกใจ นึกถึงเงินค่านายหน้าที่จะได้จากการทำงานของเพียงพิณ
"แต่พิณมีข้อแม้นะพี่หวาน"
เมื่อได้ยินคำว่าข้อแม้ ปากที่กำลังจะฉีกถึงใบหูของหวานตากลับหุบฉับลงทันที "ข้อแม้อะไรพิณ"
"พิณจะทำแค่ครั้งเดียว แล้วพิณก็ขอตั้งราคาเอง ถ้ามีคนตกลงพิณก็โอเค แต่ถ้าไม่มีพิณก็ไม่ทำ แล้ว...พิณขอกำหนดระยะเวลาด้วย หากกลางเดือนหน้าพี่หวานยังหา...หาแขกให้พิณไม่ได้ พิณก็ไม่ทำเหมือนกัน"
"อ้าว ทำไมทำอย่างนี้ล่ะน้องพิณ แต่ก็...ก็ไ้ด้" เมื่อนึกถึงค่าเปอร์เซ็นต์ที่จะหักจากเพียงพิณแล้ว หวานตาก็ยอม ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย "แล้วพิณคิดค่าตัวเท่าไหร่ล่ะ"
"พิณขอแสนห้า ส่วนพี่หวานจะตั้งราคาไว้เท่าไหร่ก็แล้วแต่พี่หวาน แต่พิณขอแสนห้า"
"แสนห้า!!" หวานตาตะโกนออกมา "จะบ้าเหรอพิณ ตั้งแสนห้าใครมันจะบ้าซื้อผู้หญิงชั่วคราวแพงขนาดนั้น"
"ก็อย่างที่พิณบอกนั่นล่ะพี่หวาน ถ้าไม่มีคนตกลงพิณก็ไม่ทำ"
"เฮ้อ ก็ได้ ๆ พี่จะลองหาให้ดูแล้วกัน ...นี่คิดว่าทำครั้งเดียวจะรวยเป็นเศรษฐีเลยรึไงคะน้องพิณ"
เพียงพิณได้แต่ยิ้มแหยะ ๆ คราวนี้ถือเป็นการเดิมพันของตัวเธอเอง ถ้าหากมีคนยอมตกลงค่าตัวหลักแสนของเธอ เธอก็ยอมตกนรกสักครั้ง แต่ก็ได้เงินมาเพื่ออนาคตของคนที่เธอรัก แต่หากไม่มีใครยอมซื้อเธอ ก็ถือเป็นคราวเคราะห์ของแพรพลอยแล้วกัน
จากวัยรุ่นท่าทางเรียบร้อย การงานและความรับผิดชอบได้เปลี่ยนให้เธอกลายเป็นสาวกร้านโลก ความไร้เดียงสาบริสุทธิ์ที่เคยมี ได้เปลี่ยนเป็นมารยาร้อยเล่มเกวียน มารยาที่สามารถทำให้ตนเองเอาตัวรอดได้
"พิณ เมื่อไหร่จะตอบตกลงพี่ซะที เป็นเด็กเสริฟให้เจ๊หงส์ทุกวัน ๆ อย่างนี้ไม่เหนื่อยแย่เหรอ มาทำงานกับพี่ดีกว่าสบายก็สบายกว่า เงินก็ได้เยอะกว่า ลูกค้าพี่มีแต่พวกเสี่ยกระเป๋าหนักกับฝรั่งเงินหนา พี่รับรองเลยนะว่าอย่างพิณเนี่ย ราคาดีแน่นอน" หญิงสาวในชุดแนบเนื้อโชว์สัดส่วน นั่งอยู่หน้าเคาท์เตอร์ในบาร์ หันมาชักชวนเพียงพิณเมื่อเธอมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ
"นังหวาน แกไม่ต้องไปชวนพิณมันเลยนะ เด็กมันดี ๆ แกจะทำให้มันใจแตกรึไง แล้วที่ฉันให้แกมานั่งในบาร์เนี่ย ก็เผื่อว่าแกจะหาลูกค้าได้ ไม่ใช่ให้แกมาชวนเด็กฉันไปอยู่ด้วย" เจ๊หงส์ดักคอหญิงสาวที่ชื่อว่าหวาน จากด้านในเคาท์เตอร์
หวานตาเป็นหญิงขายบริการซึ่งมานั่งหาลูกค้าในบาร์ของเจ๊หงส์ได้หลายปี จนตอนนี้ค่อนข้างกว้างขวางมีเด็กในสังกัดเป็นของตนเอง และเธอก็กำลังสนใจเพียงพิณเป็นที่สุด
"ฉันถามพิณมันนะเจ๊ ไม่ได้ถามเจ๊สักหน่อย แล้วถ้าเด็กมันยินยอมเอง มันก็ช่วยไม่ได้นะ" หวานตาหันไปหาเพียงพิณอีกครั้ง "ว่าไงจ๊ะพิณ พี่รอพิณอยู่นะ"
"พี่หวานไปหาคนอื่นเถอะ พิณอยู่กับเจ๊หงส์อย่างนี้ดีกว่า ...แขกเรียกแล้ว พิณไปก่อนนะ" เพียงพิณรีบเดินไปที่โต๊ะของแขก กลัวว่าถ้าอยู่ใกล้หวานตามากกว่านี้ เธอจะต้องฟังหวานตาชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมเธออีก
เพียงพิณในชุดเสื้อกล้ามสีดำ กางเกงยีนส์เอวต่ำเน้นสะโพกกลมกลึง เป็นจุดสนใจที่ใคร ๆ ต้องเหลียวมอง แม้ว่าที่เอวจะคาดผ้ากันเปื้อนบ่งบอกถึงตำแหน่งเด็กเสริฟในร้าน แต่ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มทุกเวลานั้น ยิ่งทำให้หญิงสาวดูมีเสน่ห์และน่ามองยิ่งขึ้น
"คืนนี้คุณว่างไหม" คำถามจากแขกชาวต่างชาติที่เพียงพิณมักจะเจอบ่อย ๆ
"เสียใจด้วยค่ะ คืนนี้ฉันไม่ว่างแล้ว" เพียงพิณตอบอย่างมีจริตจะก้าน
"แล้วคืนพรุ่งนี้ล่ะ"
"ค่าตัวฉันแพงนะคะ"
"เท่าไหร่"
"5 พันดอล์ต่อคืนไม่ขาดไม่เกิน"
"อย่าล้อเล่นน่าที่รัก" ชายตรงหน้าเอื้อมมือมาจับมือของเพียงพิณแล้วลูบเบา ๆ
"ฉันไม่ได้ล้อเล่นหรอกค่ะ ของดีก็ต้องแพงเป็นธรรมดา ...ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะคะ" เพียงพิณค่อย ๆ ชักมือตนเองกลับอย่างนิ่มนวล
เธอเดินไปที่หลังร้านแล้วเช็ดมือที่โดนแขกต่างชาติจับ ถูกับกางเกงแรง ๆ ลบสัมผัสเมื่อครู่ออกไป
"เซ็งจริง ๆ" ถ้าไม่ติดที่แขกพวกนี้ให้ค่าทิปหนัก เธอคงไม่ยอมเปลืองตัวอย่างนี้หรอก
ทุกคืนถ้าไม่โดนจับมือ ลูบแขน จับก้น ก็เป็นต้องโดนชวนขึ้นเตียงตลอด
คิดแล้วก็เหนื่อยหน่ายเหลือเกิน
เพียงพิณอยู่ทำใจไม่นาน ก็เดินกลับไปทำงานต่อ
"พิณ เก็บเงินแขกโต๊ะนั้นด้วย" นัท อดีตเด็กเสริฟรุ่นพี่ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนตำแหน่งมาเป็นมือขวาของเจ๊หงส์ ยื่นบิลเรียกเก็บเงินให้เพียงพิณ
"โต๊ะไหนนะพี่นัท"
"โต๊ะที่จับมือพิณเมื่อกี้นี้แหละ"
"เห็นด้วยเหรอ"
"ไม่เห็นสิแปลก ...ไปเก็บเงินเร็ว แขกจะลุกออกไปอยู่แล้ว"
"ค่า"
หญิงสาวปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างแข็งขัน แม้บางครั้งจะรู้สึกเหนื่อยใจก็ตาม แต่เธอก็พยายามนึกถึงค่าตอบแทนในแต่ละเดือนที่จะได้เพื่อเรียกกำลังใจในการทำงานให้ตนเอง
เมื่อยามค่ำคืนผ่านไป แสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านช่องหน้าต่างในยามเช้าก็ไ่ม่อาจทำให้เพียงพิณที่กำลังหลับใหลตื่นขึ้นมาได้เลย จนเวลาล่วงเข้าสู่ช่วงใกล้เที่ยงวันดวงตาที่ปิดสนิทถึงได้ค่อย ๆ ปรือขึ้น
หลังจากอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น เพียงพิณก็เดินไปที่โต๊ะอาหาร ซึ่งแพรพลอยนั่งหน้าบึ้งคอยอยู่ก่อนแล้ว
"แม่ล่ะ" เพียงพิณถามหาแม่
"ไปปากซอย ซื้อน้ำปลา" แพรพลอยตอบอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก "นี่...เมื่อไหร่พี่จะหยุดเที่ยวกลางคืนซะที ผลาญเงินไปวัน ๆ แบบนี้มีความสุขนักรึไง เรียนก็ไม่จบเอาแต่เที่ยวตะลอน ๆ แบบนี้ แม่เขาเป็นห่วงนะรู้ไหม โตแล้วรู้จักคิดซะบ้างสิ"
"มันเรื่องของพี่"
"แต่แม่เป็นห่วง แล้วเงินที่ใช้ไปทุกวัน ๆ นี้อีกล่ะ เงินประกันของพ่อจะถึงจะเยอะแต่สักวันมันก็ต้องหมด เอาไปใช้กับเรื่องไร้สาระแบบนี้ ถ้าพ่อรู้เข้าพ่อคงเสียใจแ่ย่"
"แพรไปอารมณ์เสียมาจากไหนรึเปล่าเนี่ย ทำไมวันนี้ถึงได้บ่นจัง" ปกติแพรพลอยก็มักจะบ่นเธอเรื่องเธอออกบ้านทุกวันอยู่แล้ว แต่วันนี้กลับยกเอาพ่อและแม่ขึ้นมาพูดด้วย ไม่รู้ว่าอารมณ์เสียมาจากไหน
"อ้าวพิณ ตื่นแล้วเหรอลูก รอแป๊บนึงนะแม่ืทำกับข้าวใกล้เสร็จแล้ว" ผู้เป็นแม่ทักเมื่อกลับมาจากข้างนอก
"ค่ะแม่" เพียงพิณมองมารดาเดินเข้าห้องครัวไปทำกับข้าวแล้วนึกถึงสมัยก่อน แม่ของเธอไม่เคยเข้าครัว ทำอาหารไม่เป็นเลยสักอย่าง แต่เมื่อสภาวะการณ์ในปัจจุบันบังคับ แม่จึงเริ่มหาหนังสือมาหัดทำอาหาร แรก ๆ ก็กระท่อนกระแท่นไปบ้าง อาหารที่ทำออกมานั้ นกินได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ตอนนี้แม่ของเธอก็เหมือนแม่บ้านทั่วไป ที่ทำอาหารเป็นทำงานบ้านเป็น
แพรพลอยมองดูแม่ที่ค่อนข้างจะเอาใจใส่พี่สาวเป็นพิเศษแล้วรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาอีกระลอก วัน ๆ เพียงพิณเอาแต่เที่ยวกลับดึกให้แม่ต้องเป็นห่วง นอกจากแม่จะไม่ต่อว่าสักคำ ยังเป็นห่วงเป็นใยเป็นพิเศษอีกต่างหาก ไม่ว่าอะไรก็แทบจะประเคนให้อีกแล้ว
"แพรอิ่มแล้ว เดี๋ยวแพรจะออกไปอ่านหนังสือบ้านเพื่อนนะคะ" น้ำเสียงกระแทกกระทั้น ทำให้เพียงพิณมองตามน้องสาวที่ลุกออกจากโต๊ะหลังทานอาหารเสร็จ แล้ววิ่งขึ้นบนบ้าน สักพักก็สะพายกระเป๋าและหิ้วหนังสือออกจากบ้านไป
"แพรเขาอารมณ์ไม่ดีมาจากไหนรึเปล่าคะแม่" คำถามของเพียงพิณทำให้ผู้เป็นแม่เกิดอาการหนักใจ
นางไม่อยา่กหาโยนภาระต่าง ๆ ให้เพียงพิณ แต่ไม่บอกเรื่องแพรพลอยก็คงไม่ได้
"แพรเขาคงโกรธแม่น่ะลูก"
"โกรธแม่? เมื่ออะไรคะแม่"
"... แพรเขาอยากไปฝึกงานที่อเมริกา แต่แม่ไม่ให้เขาไป"
"ฝึกงาน! ทำไมต้องไปฝึกที่อเมริกาด้วยคะ ฝึกที่บ้านเราไม่ได้เหรอคะ"
"แม่ก็บอกเขาไปอย่างนั้น แต่แพรเขาบอกว่าที่มหาวิทยาลัยมีโครงการอะไรสักอย่างเหมือนพวกโครงการแลกเปลี่ยน ให้นักศึกษาไปฝึกงานที่ต่างประเทศ ทีนี้แพรเขาก็อยากไป เพราะเห็นว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี
ส่วนตัวแม่ แม่ก็คิดว่าดีสำหรับแพร แต่พิณก็รู้ว่าไปต่างประเทศ ค่าใช้จ่ายมันสูงขนาดไหน เท่าที่แพรบอกมาก็เป็นแสน"
หลักแสน!
"แพรบอกรึเปล่าคะว่าต้องไปฝึกงานเมื่อไหร่"
" เห็นว่าเทอมหน้านะลูก คงอีกประมาณ 3 เดือน"
"... พิณขอคิดก่อนนะคะแม่" เธออยากมอบสิ่งที่ดีทีสุดให้น้อง แต่เงินจำนวนนั้นมันมากเกินไป เธอไม่สามารถหาเงินขนาดนั้นได้ภายในไม่กี่เดือน
"พิณไม่ต้องคิดมากหรอกลูก เดี๋ยวแม่จะคุยกับแพรเอง"
"แต่ถ้ามีเป็นโอกาสดีสำหรับแพรจริง ๆ พิณก็อยากสนับสนุนน้อง"
"แต่เราไม่มีเงินขนาดนั้นนะพิณ เงินทำงานของพิณก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น
"พิณจะลองหาทางดูค่ะแม่ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ" เพียงพิณพูดจาสบาย ๆ เพื่อไม่ให้มารดาเป็นห่วง แต่ในใจนั้นเธอทั้งหนักใจ และค่อนข้างเครียด "พิณยังรู้สึกเพลีย ๆ อยู่เลยค่ะแม่ พิณขอขึ้นไปนอนต่อนะคะ"
เพียงพิณขึ้นไปบนห้องแล้วนั่งบนเตียงเล็กของตน แม้จะยังรู้สึกอ่อนเพลียแต่ก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้เพราะเรื่องของแพรพลอย
ทุกวันนี้เธอกับแม่ต้องสร้างเรื่องว่าเธอออกเที่ยวกลางคืนทุกวันเพื่อไม่ให้แพรพลอยรู้ว่าเธอออกไปทำงาน แพรพลอยเป็นคนจริงจัง หากรู้ว่าเงินประกันของพ่อหมดไปตั้งแต่แรกจนเธอต้องเลิกเรียนออกมาหาเงินทำ เธอกลัวว่าน้องเองก็จะเลิกเรียนเหมือนเธอ ซึ่งเธอไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย และเธอก็ไม่อยากเสี่ยงด้วย
นอกจากกลัวแพรพลอยจะเลิกเรียนหนังสือแล้ว ตอนนี้เธอยังกลัวว่าน้องจะกลายเป็นเด็กมีปัญหาด้วย เธอรู้ว่าตอนนี้แพรพลอยมีอคติกับตนมากแค่ไหน และก็คิดว่าแม่รักเธอมากกว่า เธอเคยได้ยินน้องพูดกับแม่เรื่องของเธอ
แพรพลอยคิดว่าแม่ลำเอียง เห็นเธอออกเที่ยวทุกวันใช้เงินสิ้นเปลือง นอกจากจะไม่ตำหนิเธอแล้วยังคอยเป็นห่วงเป็นใย แต่กลับบ่นเวลาที่แพรพลอยเสื้อผ้า ซื้อเครื่องประดับ
มีครั้งหนึ่งเธอกำลังเอาเงินให้แม่ แต่ตอนนั้นแพรพลอยเข้ามาเห็นพอดี แล้วก็คิดว่าแม่กำลังให้เงินเธอ ตอนนั้นบ้านแทบแตก แพรพลอยโวยวายเรื่องแม่ให้เงินเธอใช้มากมายทั้ง ๆ ที่เธอเอาแต่เที่ยว ส่วนตัวเองที่ยังเรียนอยู่แม่กลับพูดเสมอว่าต้องประหยัด เหตุการณ์ในครั้งนั้นเกือบทำให้แม่หลุดปากเรื่องที่เธอทำงาน ยังดีที่เธอห้ามไว้ได้ทัน
แต่ตอนนี้เธอควรจะทำยังไงดี
เงินจากที่ทำงานได้เยอะก็จริง แต่ค่าใช้จ่ายที่ตามมาก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากัน เงินเก็บที่สำรองไว้มากพอจ่ายค่าเทอมให้แพรพลอย แต่ไม่มากพอที่จะให้แพรพลอยไปอเมริกาได้
จู่ ๆ เพียงพิณก็นึกถึงหวานตาขึ้นมา จำนวนเงินที่จะได้มาง่าย ๆ นั้นอาจะทำให้เธอหาเงินพอส่งให้แพรพลอยไปอเมริกาได้
...แต่ว่า เธอไม่อยากทำเลย
ตอนเย็นเพียงพิณออกไปทำงานก่อนที่แพรพลอยจะเข้าบ้าน ระหว่างทำงานเธอก็ทำตัวเป็นปกติ ยิ้มแย้มเหมือนไม่มีเรื่องทุกร้อนใด ๆ แ่ต่พอเห็นพี่หวานเข้ามาในร้าน นั่งหน้าเคาท์เตอร์ตรงที่ประจำแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าก็ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าหม่นหมอง
"พี่หวาน พิณมีเรื่องอยากคุยด้วย ไปคุยกันที่หลังไ้้้ด้ไหม" เพียงพิณฉวยโอกาสที่เจ๊หงส์ไม่อยู่ประจำที่เคาท์เตอร์ เข้าไปคุยกับหวานตา
"มีอะไรเหรอน้องพิณ"
"คือ...ไม่คุยกันหลังร้านดีกว่าพี่หวาน ตรงนี้คนพลุกพล่านเกินไป"
"ก็ได้ ๆ"
เพียงพิณพาหญิงสาวเดินมาที่หลังร้าน ห้องพักของพนักงานซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่
เธอจัดการล๊อคประตู กันไม่ให้มีบุคคลที่สามเข้ามาขัดจังหวะ
"เอ้าว่ามามีเรื่องอะไรถึงให้พาพี่มาคุยในนี้"
"คือว่า...พี่หวานยัง เอ่อ พี่หวานจำเรื่องที่คุยกับพิณได้ไหม"
"เรื่องอะไรล่ะพิณ พี่คุยกับพิณตั้งหลายเรื่อง"
"ก็เรื่อง เอ่อ...เรื่องที่พี่หวานชวนพิณทำงาน" ปลายเสียงอ่อนลงเพราะตนเองก็ไม่อยากจะพูดถึงเท่าใดนัก
"เอ๋ พิณยอมตกลงแล้วเหรอ ดีจังรู้ไหมว่าอย่างพิณน่ะราคาดีแค่ไหน ไม่เสียแรงที่พี่พูดกรอกหูเราอยู่ทุกวัน" หวานตาดีใจยกใจ นึกถึงเงินค่านายหน้าที่จะได้จากการทำงานของเพียงพิณ
"แต่พิณมีข้อแม้นะพี่หวาน"
เมื่อได้ยินคำว่าข้อแม้ ปากที่กำลังจะฉีกถึงใบหูของหวานตากลับหุบฉับลงทันที "ข้อแม้อะไรพิณ"
"พิณจะทำแค่ครั้งเดียว แล้วพิณก็ขอตั้งราคาเอง ถ้ามีคนตกลงพิณก็โอเค แต่ถ้าไม่มีพิณก็ไม่ทำ แล้ว...พิณขอกำหนดระยะเวลาด้วย หากกลางเดือนหน้าพี่หวานยังหา...หาแขกให้พิณไม่ได้ พิณก็ไม่ทำเหมือนกัน"
"อ้าว ทำไมทำอย่างนี้ล่ะน้องพิณ แต่ก็...ก็ไ้ด้" เมื่อนึกถึงค่าเปอร์เซ็นต์ที่จะหักจากเพียงพิณแล้ว หวานตาก็ยอม ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย "แล้วพิณคิดค่าตัวเท่าไหร่ล่ะ"
"พิณขอแสนห้า ส่วนพี่หวานจะตั้งราคาไว้เท่าไหร่ก็แล้วแต่พี่หวาน แต่พิณขอแสนห้า"
"แสนห้า!!" หวานตาตะโกนออกมา "จะบ้าเหรอพิณ ตั้งแสนห้าใครมันจะบ้าซื้อผู้หญิงชั่วคราวแพงขนาดนั้น"
"ก็อย่างที่พิณบอกนั่นล่ะพี่หวาน ถ้าไม่มีคนตกลงพิณก็ไม่ทำ"
"เฮ้อ ก็ได้ ๆ พี่จะลองหาให้ดูแล้วกัน ...นี่คิดว่าทำครั้งเดียวจะรวยเป็นเศรษฐีเลยรึไงคะน้องพิณ"
เพียงพิณได้แต่ยิ้มแหยะ ๆ คราวนี้ถือเป็นการเดิมพันของตัวเธอเอง ถ้าหากมีคนยอมตกลงค่าตัวหลักแสนของเธอ เธอก็ยอมตกนรกสักครั้ง แต่ก็ได้เงินมาเพื่ออนาคตของคนที่เธอรัก แต่หากไม่มีใครยอมซื้อเธอ ก็ถือเป็นคราวเคราะห์ของแพรพลอยแล้วกัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น