ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : สวรรค์ส่งเธอมา
ระยะกำหนดเวลาที่เพียงพิณให้แก่หวานตาใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว อีกไม่กี่สิบวันเท่านั้นเธอก็จะบอกแม่ได้ว่าเธอสามารถหาเงินให้แพรพลอยไปอเมริกาได้หรือไม่
เธอบอกไม่ถูกว่าตอนนี้เธอรู้สึกยังไง ยิ่งเวลาผ่านไป ความกังวลใจที่ต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกก็ยิ่งลดลง แต่โอกาสของแพรพลอยก็ลดลงไปด้วย
ถ้าหวานตาหาลูกค้าให้เธอได้จริง เธอยินดีกับน้องที่น้องจะได้หาประสบการณ์ หาสิ่งที่ดีให้กับชีวิต แต่ในขณะเดียวกันเธอกลับต้องจำยอมทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ ...ไม่รู้ว่าตัวเองบ้าหรือโง่กันแน่ที่ตัดสินใจลงไปอย่างนี้
"พิณ พี่มีข่าวดีจะบอก" หวานตาเดินหน้าระรื่นเข้ามาหาเพียงพิณในบาร์
"ข ข่าวดี" เพียงพิณรู้ในทันทีว่าข่าวดีของหวานตาคืออะไร จึงรีบดึงมือหวานตาไปคุยด้านหลังร้าน "ว่ามาเลยพี่หวาน"
"แหมน้องพิณ ไม่ต้องลากพี่มาที่หลังร้านก็ไ้ด้ กลัวคนอื่นจะรู้รึไง ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ พี่น่ะไม่บอกให้ใครรู้หรอก โดยเฉพาะเจ๊หงส์ รายนั้นน่ะยิ่งให้รู้ไม่ได้ใหญ่ ...ขัดลาภหมด"
"สรุปว่า..."
"พี่หาเสี่ยกระเป๋าหนักให้พิณได้แล้ววว" ยิ่งพูดหวานตาก็ยิ่งยิ้มปากขึ้นทุกที
"ได้แล้ว"
"ใช่ ได้แล้ว"
"แสนห้านะคะ" เพียงพิณถามเพื่อความแน่ใจ
"จ่ายสดด้วยนะ รับรองไม่มีเบี้ยว เพราะเสี่ยคนเนี่ยแกกระเป๋าหนักอยู่แล้ว"
เพียงพิณแทบทรุด ไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย ตั้งแสนห้ายังมีคนยอมจ่ายเงินซื้อตัวผู้หญิงแค่คืนเดียว ตอนนี้เธอรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่ก็ร้องไม่ออก มันจุกจนทำอะไรไม่ถูก
"พี่ขอเบอร์น้องพิณไว้ด้วยนะ จะได้โทรไปนัดวันและสถานที่"
"ค ค่ะ" แทนที่จะบอกเบอร์โทรศัพท์ เพียงพิณกลับยื่นโทรศัพท์ของตนให้หวานตาแทน เพราะกำลังเสียศูนย์ทำอะไรถูกเธอจึงอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัว แต่หวานตาก็ไม่ยี่หระเธอเอาโทรศัพท์ของเพียงพิณมากดเบอร์โทรของตนเองแล้วโทรออก หลังจากนั้นก็บันทึกหมายเลขโทรศัพท์ของตนเองใส่เครื่องเพียงพิณให้เสร็จสรรพ
"แล้วพี่จะโทรนัดอีกทีนะจ้ะ" หวานตาฮัมเพลงในลำคอเบา ๆ แล้วเดินจากไปปล่อยให้เพียงพิณยืนเคว้งอยู่หลังร้านเพียงลำพัง
หญิงสาวยืนนิ่งไม่ไหวติงจนเวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว จะรู้ตัวอีกทีเมื่อนัทมาสะกิดเรียก
"พิณเป็นอะไรรึเปล่าทำไมตัวสั่นอย่างนี้ล่ะ ไม่สบายรึเปล่า" นัทจับไหล่เพียงพิณไว้รู้สึกว่าตัวเธอสั่นเล็กน้อย
"ห หาพี่นัท ม มีอะไรรึเปล่า" เพียงพิณเพิ่งรู้สึกตัว แต่ยังก็คงสัมปชัญญะไว้ได้ไม่ดีนัก
"พี่ว่าจะตามเราออกไปข้างนอก เพราะแขกมากันเยอะแล้ว แต่ถ้าเราไม่สบายก็กลับก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวพี่บอกเจ๊แกให้"
"พ พิณสบายดีพี่นัท สบายดีทุกอย่าง พิณว่าพิณออกไปทำงานต่อดีกว่า พี่นัทบอกว่าแขกมากันเยอะแล้วใช่ไหม พิณออกไปทำงานดีกว่า"
"เดี๋ยวพิณ" นัทฉวยข้อมือเพียงพิณไว้ เขารู้สึกว่าตัวเธอยังสั่นอยู่จึงบอกให้เธอพักเสียก่อนจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น ซึ่งเพียงพิณก็รับแต่โดยดี
เธอนั่งลงบนเก้าอี้ยาวที่อยู่ชิดผนังห้อง พยายามทำใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอเลือกเอง ตัดสินใจทำเอง แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงตัวเธอก็ยังไม่หยุดสั่นเสียที
"เอาน่า แค่ครั้งเดียวเอง ใคร ๆ เขาก็ทำกัน งานสบาย เงินดี ...แค่ครั้งเดียว แค่ครั้งเีดียว" เพียงพิณพูดวลีซ้ำ ๆ วนไปวนมาราวกับพยายามสะกดจิตตนเอง ทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้นไม่ต้องคิดอะไรมาก ซึ่งมันก็ได้ผล ตัวเธอหายสั่นและมีสติมากขึ้น
เพียงพิณออกไปหน้าร้านทำงานตามหน้าที่ของตนเองต่อ ดีที่ตอนนี้แขกเข้าร้านมากทำให้เธอวุ่นพอที่จะไม่ต้องคิดอะไรอีก
สองวันต่อมา เพียงพิณได้รับโทรศัพท์จากหวานตา นัดสถานที่และเวลาทำงาน
"น้องพิณต้องไปถึงที่โรงแรมก่อนบ่าย 3 นะจ๊ะ เสี่ยเขาจะรออยู่ในห้อง จำไว้นะว่าต้องปรนนิบัติเสี่ยเขาให้ดี ถ้าเขาพอใจเขาอาจจะให้น้องพิณเพิ่มจากแสนห้าก็ได้นะ" เสียงคุ้นหูระริระรี้จนเพียงพิณรู้สึกได้
"ค่ะ"
"แล้วเจอกันเย็นนี้ที่บาร์นะจ๊ะ"
"ค่ะ" เพียงพิณตอบรับสั้น ๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกไปมากกว่านี้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องออกไปทำงาน เพียงพิณก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูป กางเกงยีนส์ขายาวเอวต่ำ รองเท้าผ้าใบ หิ้วกระเป๋าเป้ที่ใส่เสื้อผ้าสำรองไว้เผื่อเปลี่ยนที่บาร์
"พิณออกไปแล้วนะคะแม่" เพียงพิณสวมกอดมารดาแล้วหอมแก้มนุ่ม ๆ ฟอดใหญ่ เรียกกำลังใจในการทำงาน
"ระวังตัวด้วยนะลูก"
"ค่ะแม่"
"แม่จะโอ๋พี่พิณอะไรนักหนา ออกเที่ยวทุกวันจนเชี่ยวขนาดนี้ ...ลูกรักของแม่เขาไปสนุก ไม่เห็นเขาจะห่วงแม่บ้างเลย แม่ก็ไม่ต้องห่วงเขาให้มากความหรอก"
แม้จะพูดกับมารดาแต่สายตาของแพรพลอยกลับมองมาทางพี่สาว สายตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลนไม่คิดจะปิดบัง จนเพียงพิณทนไม่ได้ระเบิดอารมณ์ใส่น้องสาวอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
"อย่ามามองพี่ด้วยสายตาแบบนี้นะแพร พี่ไม่ชอบ"
"ถ้าไม่ชอบก็เลิกทำตัวไร้สาระให้แม่เป็นห่วงอย่างนี้สิ ทำได้ไหมล่ะ" แพรพลอยเองก็เสียงดังใส่พี่สาวไม่แพ้กัน
"มันเรื่องของฉัน ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน เธอมีหน้าที่เรียนก็เรียนไปไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน" สรรพนามที่เปลี่ยนไปแสดงถึงความโกรธของเพียงพิณในขณะนี้ได้ดี แม้แต่ผู้เป็นแม่ยังตกใจเพราะลูกสาวคนโตมักจะเป็นคนใจเย็นเสมอ เย็นเสียจนบางครั้งเธอก็ดูไม่ออกว่าเพียงพิณกำลังรู้สึกหรือคิดอะไรอยู่
"แม่ดูลูกรักของแม่สิ ทำตัวเหลวแหลกขนาดนี้ยังมีหน้ามาสั่งสอนคนอื่นอีก หึ...คิดว่าตัวเองดีขนาดจะสั่งสอนอื่นได้รึไง เลิกทำตัวลอยไปลอยมาแบบนี้ให้ได้ก่อนเถอะแล้วค่อยมาสั่งสอนแพร"
เมื่ออีกฝ่ายแรงมาแพรพลอยก็แรงกลับ เธอไม่ยอมให้คนที่เอาสาระไม่ได้อย่างเพียงพิณไม่ได้มาพูดจาเอาชนะเธอหรอก
"พิณ แพร พอแล้วลูก หยุดทะเลากันเสียที" ผู้เป็นแม่ทนไม่ไหวต้องเข้าไปห้ามทัพ "พิณเป็นอะไรรึเปล่าลูก ทำไมจู่ื ๆ มาอารมณ์เสียใส่น้องอย่างนี้ล่ะ"
เมื่อได้ยินคำของมารดา เพียงพิณถึงได้รู้สึกตัวว่าตัวเองขาดสติ ทำเรื่องไม่สมเหตุสมผลลงไป แต่สายตาของแพรพลอยทำให้เธอทนไม่ได้จนลืมตัว ระเบิดอารมณ์ใส่
"แพรเองก็เหมือนกัน เราไม่ควรพูดกับพี่เขาอย่างนี้นะ"
"ทำไมแพรจะพูดไม่ได้ล่ะแม่ ในเมื่อสิ่งที่แพรพูดมันเป็นความจริง แม่เองก็เอาแต่เข้าข้างพี่พิณอยู่นั่นแหละ พี่พิณทำอะไรก็เคยผิด" พูดจบแพรพลอยก็หันหลังขึ้นห้อง น้อยใจแม่ที่รักลูกไม่เท่ากัน
"พิณขอโทษค่ะแม่ ช่วงนี้พิณเครียด ๆ ไปหน่อยเลยไปลงกับน้อง ...พิณไปทำงานก่อนนะคะแม่ แล้วเรื่องฝึกงานของแพร พิณหาทางได้แล้วนะคะ แม่ไปบอกให้เถอะค่ะ เผื่อแกจะหายน้อยใจได้บ้าง"
"จริงหรือพิณ แล้ว...พิณหาเงินขนาดนั้นได้ยังไง" แม้จะดีใจแต่ก็ยังไม่วายสงสัยว่าลูกสาวคนโตไปหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นในเวลาอันสั้นได้อย่างไร"
"เอ่อ พิณ...พิณขอยืมเงินเจ้าของร้านน่ะค่ะแม่ พิณ...พิณไปทำงานก่อนนะคะ ไปถึงช้าเขาจะว่าเอา" เพียงพิณไม่รอให้มารดาซักไซร้ได้ต่อ รีบออกจากบ้านไปทำงานทันที
พอไปถึงบาร์เพียงพิณก็เปลี่ยนจากรองเท้าผ้าใบเป็นรองเท้าส้นเตี้ย ปลายเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่ก็มัดเข้าด้วยกัน โชว์หน้าท้องเนียนเรียบแลดูเซ็กซี่ แต่ไม่โป๊จนเกินงาม
เพียงพิณทำงานอย่างขมักเขม้น ด้วยการแต่งตัวที่ดึงดูดสายตาทำให้แขกหลาย ๆ โต๊ะเรียกให้เธอเป็นคนรับออเดอร์ และเพียงพิณเองก็ต้องการทำตัวเองให้ยุ่ง เธอจะได้ไม่มีเวลาฟุ้งซ่านไปคิดเรื่องอื่น และการที่เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานท่าเดียวทำให้เจ๊หงส์และนัทที่รู้จักเพียงพิณมานานกว่าคนอื่น ๆ ในร้านรู้สึกผิดสังเกต
"นัท...นัทว่าพิณมันดูแปลก ๆ ไปรึเปล่า" เจ๊หงส์สะกิดถามลูกน้องมือขวา
"นั่นสิเจ๊ ที่จริงผมก็สังเกตเห็นมันแปลก ๆ มาได้สองสามวันแล้วนะ แต่ไม่กล้าถาม"
"หรือว่าพิณมันมีปัญหาอะไรรึเปล่า" เจ๊หงส์ตั้งข้อสงสัย
"น้องพิณเป็นอะไรไปเหรอเจ๊" หวานตาที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งกำลังมองหาชาวต่างชาติกระเป๋าหนักสำหรับคืนนี้ พอได้ยินชื่อของเพียงพิณ จึงถามแทรกขึ้นมา
"เจ๊ว่าช่วงนี้พิณมันแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ นัทมันก็คิดเหมือนเจ๊"
"แปลกยังไง หวานก็เห็นปกติดีอยู่ ดูนั่นสิ" หวานตาชี้นิ้วไปที่เพียงพิณซึ่งกำลังรับออเดอร์อยู่ "ก็ดูปกติดีออก ยิ้มรับแขกดี ไม่เห็นจะแปลกจากเดิมตรงไหน"
"ก็วันนี้ทั้งวันมันวิ่งวุ่นรับออเดอร์อยู่คนเดียวเลย แถมพิณมันแทบจะไม่ให้ใครเสริฟเลยนะ ทำเองคนเดียวหมด คนอื่น ๆ สบายไปเลย"
"จริงเหรอเจ๊"
"ก็ดูสิ เห็นพิณมันหยุดพักบ้างรึเปล่าล่ะ"
หวานตาลองจับตาดูเพียงพิณ ก็เห็นจริงอย่างที่เจ๊หงส์ว่า เพียงพิณทำงานแทบจะไม่โงหัว วิ่งวุ่นอยู่คนเดียวทั้งที่ไม่จำเป็น เธอสังหรณ์ว่าที่เพียงพิณเป็นอย่างนี้เพราะเธอรึเปล่า หวานตาจึงเสนอว่าเธอจะจัดการพูดกับเพียงพิณให้
เมื่อสบโอกาสหวานตาก็ฉุดแขนเพียงพิณเข้าไปคุยที่หลังร้าน โดยมีสายตาของเจ๊หงส์และนัทมองตาม
"พี่หวานมีอะไรรึเปล่า แขกกำลังเยอะพิณต้องออกไปทำงาน" เพียงพิณเลี่ยงที่จะสบตาหวานตา
"พี่ได้ยินจากเจ๊หงส์ว่าพิณกำลังมีปัญหา ...เรื่องทีพิณให้พี่หาแขกให้รึเปล่า"
"..." เพียงพิณเอาเงียบ
"ไม่พูดก็แสดงว่าใช่ ...พี่พอจะเข้าใจนะว่าพิณอาจจะกดดันอยู่้บ้างเพราะพี่ก็เคย รับแขกครั้งแรกก็อย่างนี้แหละ แต่พิณอย่าลืมนะว่าพิณตัดสินใจไปแล้ว"
"..."
"เอ้านี่ พี่จะให้ของดี" หวานตาล้วงมือเข้าไปหยิบขวดยาสีชาที่อยู่ในกระเป๋า แล้วยื่นให้เพียงพิณ
"อะไรน่ะพี่หวาน"
"รับไปเถอะน่า" หวานตายัดขวดยาใส่มือเพียงพิณแล้วบอกว่า "ยาปลุกเซ็กซ์"
"หา" เพียงพิณรีบคืนขวดยาให้หวานตาทันที แต่หวานตาก็ยัดขวดยาใส่ในมือเพียงพิณอีกครั้ง
"พี่จะบอกให้นะพิณ รับแขกครั้งแรกถ้าพิณอยากให้มันผ่านไปเร็ว ๆ ไม่อยากรู้สึกอะไรนัก พิณก็ใช้ยานี่ซะ หยดใส่น้ำแค่หยดเดียวแล้วดื่ม พอยาออกฤทธิ์ตอนนั้นพิณก็จะมีแต่ความต้องการ ไม่คิดอะไรอื่นอีก เชื่อพี่สิ เวลาพี่ต้องนอนกับพวกเสี่ยแกพุงพลุ้ยหน้าตาน่าเกลียด พี่ก็ใช้ยานี่แหละ จะได้ไม่รู้สึกขยะแขยงเวลาทำ ...เชื่อพี่"
เพียงพิณมองขวดยาในมืออย่างครุ่นคิด หากมันสามารถช่วยให้เธอผ่านขุมนรกนั้นได้โดยไม่รู้สึกอะไรอย่างที่หวานตาบอก ...เธอคงจำเป็นต้องใช้มัน
"ออกไปหน้าร้านกันดีกว่า เจ๊หงส์กับนัทเป็นห่วงเราแย่แล้ว" หวานตาจูงมือเพียงพิณออกไปแต่เพียงพิณกลับรั้งหวานตาไว้ก่อน
"พี่หวานคงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพี่นัท กับเจ๊หงส์หรอกนะ"
"พี่ไม่บอกหรอกน้องพิณจ๋า พี่ไม่โง่พอจะบอกสองคนนั้นหรอกนะ" หากสองคนนั้นรู้ เธอคงชวดเงินค่านายหน้าก้อนโตจากเพียงพิณพอดี
เมื่อเพียงพิณและหวานตาเดินมาึถึงเคาท์เตอร์ที่เจ๊หงส์และนัทนั่งอยู่ หวานตาก็แสร้งทำเป็นพูดว่า
"แหมน้องพิณ ผู้ชายเขาไม่สนใจเราก็ช่างเขาเถอะ สวย ๆ อย่าเราน่ะหาใหม่ได้อยู่แล้ว ไม่ต้องเศร้าไป"
"หา อ เอ่อ ค ค่ะ" เพียงพิณรับมุขจากหวานตาเมื่อหวานตาขยิบตาให้ "เดี๋ยวหวานไปทำงานต่อนะคะ"
เพียงพิณทำท่าจะไปรับออเดอร์โต๊ะที่ยกมือเรียก แต่หวานตากลับฉุดให้เธออยู่ด้วยก่อน
"ปล่อยให้คนอื่นเขาทำงานมั่งสิน้องพิณ เจ๊หงส์เป็นห่วงนะรู้ไหม"
เพียงพิณหันไปมองเจ๊หงส์แล้วยกมือไหว้ขอโทษเจ๊ ที่เธอทำให้เจ๊ต้องเป็นห่วง
"ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว ผู้ชายคนเดียวปล่อย ๆ ไปเถอะ อย่างที่นังหวานมันพูดแหละพิณ สวย ๆ อย่างเราน่ะ หาใหม่เมื่อไหร่ก็ได้"
"ค ค่ะ" เธอจำต้องกลายเป็นคนอกหัก เพราะโกหกคำโตของหวานตา แต่ก็ดีกว่าให้คนอื่น ๆ รู้ว่าเธอกำลังไม่สบายเพราะอะไร
"เจ๊ ๆ ดูแขกโต๊ะนั้นสิ" หวานตาชี้นิ้วไปยังชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่ง ซึ่งใส่สูทดูภูมิฐาน ต่างจากชาวต่างชาติโต๊ะอื่น ๆ ที่ใส่ชุดลำลองสบาย ๆ "ดูดี๊ดูดีนะเจ๊ อุ๊ย! เจ๊ เขามองมาทางฉันด้วยน่ะ"
"ย่ะ ดูท่าทางกระเป๋าหนักอย่างนี้ ขอให้หิ้วกลับได้เถอะย่ะ"
เพียงพิณเห็นท่าทางระริ้กระรี้ของหวานตาแล้วก็อดมองตามไม่ได้ แต่เธอไม่ได้มองไปยังคนที่หวานตาหมายตาไว้ แต่สายตาของเธอกลับไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มคุ้นตา ชายไทยที่อยู่ในกลุ่มชาวต่างชาติ
ทันใดนั้นร่างทั้งร่างก็เย็นเฉียบราวกับถูกแช่แข็ง สิ่งรอบตัวกลายเป็นขาวโพลนไปหมด ในสายตาเห็นเพียงแค่เขาผู้เดียว คนที่เธอไม่มีวันลืม
"...ภพ..."
เธอบอกไม่ถูกว่าตอนนี้เธอรู้สึกยังไง ยิ่งเวลาผ่านไป ความกังวลใจที่ต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกก็ยิ่งลดลง แต่โอกาสของแพรพลอยก็ลดลงไปด้วย
ถ้าหวานตาหาลูกค้าให้เธอได้จริง เธอยินดีกับน้องที่น้องจะได้หาประสบการณ์ หาสิ่งที่ดีให้กับชีวิต แต่ในขณะเดียวกันเธอกลับต้องจำยอมทำในสิ่งที่ไม่ต้องการ ...ไม่รู้ว่าตัวเองบ้าหรือโง่กันแน่ที่ตัดสินใจลงไปอย่างนี้
"พิณ พี่มีข่าวดีจะบอก" หวานตาเดินหน้าระรื่นเข้ามาหาเพียงพิณในบาร์
"ข ข่าวดี" เพียงพิณรู้ในทันทีว่าข่าวดีของหวานตาคืออะไร จึงรีบดึงมือหวานตาไปคุยด้านหลังร้าน "ว่ามาเลยพี่หวาน"
"แหมน้องพิณ ไม่ต้องลากพี่มาที่หลังร้านก็ไ้ด้ กลัวคนอื่นจะรู้รึไง ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ พี่น่ะไม่บอกให้ใครรู้หรอก โดยเฉพาะเจ๊หงส์ รายนั้นน่ะยิ่งให้รู้ไม่ได้ใหญ่ ...ขัดลาภหมด"
"สรุปว่า..."
"พี่หาเสี่ยกระเป๋าหนักให้พิณได้แล้ววว" ยิ่งพูดหวานตาก็ยิ่งยิ้มปากขึ้นทุกที
"ได้แล้ว"
"ใช่ ได้แล้ว"
"แสนห้านะคะ" เพียงพิณถามเพื่อความแน่ใจ
"จ่ายสดด้วยนะ รับรองไม่มีเบี้ยว เพราะเสี่ยคนเนี่ยแกกระเป๋าหนักอยู่แล้ว"
เพียงพิณแทบทรุด ไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย ตั้งแสนห้ายังมีคนยอมจ่ายเงินซื้อตัวผู้หญิงแค่คืนเดียว ตอนนี้เธอรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่ก็ร้องไม่ออก มันจุกจนทำอะไรไม่ถูก
"พี่ขอเบอร์น้องพิณไว้ด้วยนะ จะได้โทรไปนัดวันและสถานที่"
"ค ค่ะ" แทนที่จะบอกเบอร์โทรศัพท์ เพียงพิณกลับยื่นโทรศัพท์ของตนให้หวานตาแทน เพราะกำลังเสียศูนย์ทำอะไรถูกเธอจึงอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัว แต่หวานตาก็ไม่ยี่หระเธอเอาโทรศัพท์ของเพียงพิณมากดเบอร์โทรของตนเองแล้วโทรออก หลังจากนั้นก็บันทึกหมายเลขโทรศัพท์ของตนเองใส่เครื่องเพียงพิณให้เสร็จสรรพ
"แล้วพี่จะโทรนัดอีกทีนะจ้ะ" หวานตาฮัมเพลงในลำคอเบา ๆ แล้วเดินจากไปปล่อยให้เพียงพิณยืนเคว้งอยู่หลังร้านเพียงลำพัง
หญิงสาวยืนนิ่งไม่ไหวติงจนเวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว จะรู้ตัวอีกทีเมื่อนัทมาสะกิดเรียก
"พิณเป็นอะไรรึเปล่าทำไมตัวสั่นอย่างนี้ล่ะ ไม่สบายรึเปล่า" นัทจับไหล่เพียงพิณไว้รู้สึกว่าตัวเธอสั่นเล็กน้อย
"ห หาพี่นัท ม มีอะไรรึเปล่า" เพียงพิณเพิ่งรู้สึกตัว แต่ยังก็คงสัมปชัญญะไว้ได้ไม่ดีนัก
"พี่ว่าจะตามเราออกไปข้างนอก เพราะแขกมากันเยอะแล้ว แต่ถ้าเราไม่สบายก็กลับก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวพี่บอกเจ๊แกให้"
"พ พิณสบายดีพี่นัท สบายดีทุกอย่าง พิณว่าพิณออกไปทำงานต่อดีกว่า พี่นัทบอกว่าแขกมากันเยอะแล้วใช่ไหม พิณออกไปทำงานดีกว่า"
"เดี๋ยวพิณ" นัทฉวยข้อมือเพียงพิณไว้ เขารู้สึกว่าตัวเธอยังสั่นอยู่จึงบอกให้เธอพักเสียก่อนจนกว่าจะรู้สึกดีขึ้น ซึ่งเพียงพิณก็รับแต่โดยดี
เธอนั่งลงบนเก้าอี้ยาวที่อยู่ชิดผนังห้อง พยายามทำใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอเลือกเอง ตัดสินใจทำเอง แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงตัวเธอก็ยังไม่หยุดสั่นเสียที
"เอาน่า แค่ครั้งเดียวเอง ใคร ๆ เขาก็ทำกัน งานสบาย เงินดี ...แค่ครั้งเดียว แค่ครั้งเีดียว" เพียงพิณพูดวลีซ้ำ ๆ วนไปวนมาราวกับพยายามสะกดจิตตนเอง ทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้นไม่ต้องคิดอะไรมาก ซึ่งมันก็ได้ผล ตัวเธอหายสั่นและมีสติมากขึ้น
เพียงพิณออกไปหน้าร้านทำงานตามหน้าที่ของตนเองต่อ ดีที่ตอนนี้แขกเข้าร้านมากทำให้เธอวุ่นพอที่จะไม่ต้องคิดอะไรอีก
สองวันต่อมา เพียงพิณได้รับโทรศัพท์จากหวานตา นัดสถานที่และเวลาทำงาน
"น้องพิณต้องไปถึงที่โรงแรมก่อนบ่าย 3 นะจ๊ะ เสี่ยเขาจะรออยู่ในห้อง จำไว้นะว่าต้องปรนนิบัติเสี่ยเขาให้ดี ถ้าเขาพอใจเขาอาจจะให้น้องพิณเพิ่มจากแสนห้าก็ได้นะ" เสียงคุ้นหูระริระรี้จนเพียงพิณรู้สึกได้
"ค่ะ"
"แล้วเจอกันเย็นนี้ที่บาร์นะจ๊ะ"
"ค่ะ" เพียงพิณตอบรับสั้น ๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกไปมากกว่านี้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องออกไปทำงาน เพียงพิณก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูป กางเกงยีนส์ขายาวเอวต่ำ รองเท้าผ้าใบ หิ้วกระเป๋าเป้ที่ใส่เสื้อผ้าสำรองไว้เผื่อเปลี่ยนที่บาร์
"พิณออกไปแล้วนะคะแม่" เพียงพิณสวมกอดมารดาแล้วหอมแก้มนุ่ม ๆ ฟอดใหญ่ เรียกกำลังใจในการทำงาน
"ระวังตัวด้วยนะลูก"
"ค่ะแม่"
"แม่จะโอ๋พี่พิณอะไรนักหนา ออกเที่ยวทุกวันจนเชี่ยวขนาดนี้ ...ลูกรักของแม่เขาไปสนุก ไม่เห็นเขาจะห่วงแม่บ้างเลย แม่ก็ไม่ต้องห่วงเขาให้มากความหรอก"
แม้จะพูดกับมารดาแต่สายตาของแพรพลอยกลับมองมาทางพี่สาว สายตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลนไม่คิดจะปิดบัง จนเพียงพิณทนไม่ได้ระเบิดอารมณ์ใส่น้องสาวอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
"อย่ามามองพี่ด้วยสายตาแบบนี้นะแพร พี่ไม่ชอบ"
"ถ้าไม่ชอบก็เลิกทำตัวไร้สาระให้แม่เป็นห่วงอย่างนี้สิ ทำได้ไหมล่ะ" แพรพลอยเองก็เสียงดังใส่พี่สาวไม่แพ้กัน
"มันเรื่องของฉัน ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน เธอมีหน้าที่เรียนก็เรียนไปไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน" สรรพนามที่เปลี่ยนไปแสดงถึงความโกรธของเพียงพิณในขณะนี้ได้ดี แม้แต่ผู้เป็นแม่ยังตกใจเพราะลูกสาวคนโตมักจะเป็นคนใจเย็นเสมอ เย็นเสียจนบางครั้งเธอก็ดูไม่ออกว่าเพียงพิณกำลังรู้สึกหรือคิดอะไรอยู่
"แม่ดูลูกรักของแม่สิ ทำตัวเหลวแหลกขนาดนี้ยังมีหน้ามาสั่งสอนคนอื่นอีก หึ...คิดว่าตัวเองดีขนาดจะสั่งสอนอื่นได้รึไง เลิกทำตัวลอยไปลอยมาแบบนี้ให้ได้ก่อนเถอะแล้วค่อยมาสั่งสอนแพร"
เมื่ออีกฝ่ายแรงมาแพรพลอยก็แรงกลับ เธอไม่ยอมให้คนที่เอาสาระไม่ได้อย่างเพียงพิณไม่ได้มาพูดจาเอาชนะเธอหรอก
"พิณ แพร พอแล้วลูก หยุดทะเลากันเสียที" ผู้เป็นแม่ทนไม่ไหวต้องเข้าไปห้ามทัพ "พิณเป็นอะไรรึเปล่าลูก ทำไมจู่ื ๆ มาอารมณ์เสียใส่น้องอย่างนี้ล่ะ"
เมื่อได้ยินคำของมารดา เพียงพิณถึงได้รู้สึกตัวว่าตัวเองขาดสติ ทำเรื่องไม่สมเหตุสมผลลงไป แต่สายตาของแพรพลอยทำให้เธอทนไม่ได้จนลืมตัว ระเบิดอารมณ์ใส่
"แพรเองก็เหมือนกัน เราไม่ควรพูดกับพี่เขาอย่างนี้นะ"
"ทำไมแพรจะพูดไม่ได้ล่ะแม่ ในเมื่อสิ่งที่แพรพูดมันเป็นความจริง แม่เองก็เอาแต่เข้าข้างพี่พิณอยู่นั่นแหละ พี่พิณทำอะไรก็เคยผิด" พูดจบแพรพลอยก็หันหลังขึ้นห้อง น้อยใจแม่ที่รักลูกไม่เท่ากัน
"พิณขอโทษค่ะแม่ ช่วงนี้พิณเครียด ๆ ไปหน่อยเลยไปลงกับน้อง ...พิณไปทำงานก่อนนะคะแม่ แล้วเรื่องฝึกงานของแพร พิณหาทางได้แล้วนะคะ แม่ไปบอกให้เถอะค่ะ เผื่อแกจะหายน้อยใจได้บ้าง"
"จริงหรือพิณ แล้ว...พิณหาเงินขนาดนั้นได้ยังไง" แม้จะดีใจแต่ก็ยังไม่วายสงสัยว่าลูกสาวคนโตไปหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นในเวลาอันสั้นได้อย่างไร"
"เอ่อ พิณ...พิณขอยืมเงินเจ้าของร้านน่ะค่ะแม่ พิณ...พิณไปทำงานก่อนนะคะ ไปถึงช้าเขาจะว่าเอา" เพียงพิณไม่รอให้มารดาซักไซร้ได้ต่อ รีบออกจากบ้านไปทำงานทันที
พอไปถึงบาร์เพียงพิณก็เปลี่ยนจากรองเท้าผ้าใบเป็นรองเท้าส้นเตี้ย ปลายเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่ก็มัดเข้าด้วยกัน โชว์หน้าท้องเนียนเรียบแลดูเซ็กซี่ แต่ไม่โป๊จนเกินงาม
เพียงพิณทำงานอย่างขมักเขม้น ด้วยการแต่งตัวที่ดึงดูดสายตาทำให้แขกหลาย ๆ โต๊ะเรียกให้เธอเป็นคนรับออเดอร์ และเพียงพิณเองก็ต้องการทำตัวเองให้ยุ่ง เธอจะได้ไม่มีเวลาฟุ้งซ่านไปคิดเรื่องอื่น และการที่เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานท่าเดียวทำให้เจ๊หงส์และนัทที่รู้จักเพียงพิณมานานกว่าคนอื่น ๆ ในร้านรู้สึกผิดสังเกต
"นัท...นัทว่าพิณมันดูแปลก ๆ ไปรึเปล่า" เจ๊หงส์สะกิดถามลูกน้องมือขวา
"นั่นสิเจ๊ ที่จริงผมก็สังเกตเห็นมันแปลก ๆ มาได้สองสามวันแล้วนะ แต่ไม่กล้าถาม"
"หรือว่าพิณมันมีปัญหาอะไรรึเปล่า" เจ๊หงส์ตั้งข้อสงสัย
"น้องพิณเป็นอะไรไปเหรอเจ๊" หวานตาที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งกำลังมองหาชาวต่างชาติกระเป๋าหนักสำหรับคืนนี้ พอได้ยินชื่อของเพียงพิณ จึงถามแทรกขึ้นมา
"เจ๊ว่าช่วงนี้พิณมันแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ นัทมันก็คิดเหมือนเจ๊"
"แปลกยังไง หวานก็เห็นปกติดีอยู่ ดูนั่นสิ" หวานตาชี้นิ้วไปที่เพียงพิณซึ่งกำลังรับออเดอร์อยู่ "ก็ดูปกติดีออก ยิ้มรับแขกดี ไม่เห็นจะแปลกจากเดิมตรงไหน"
"ก็วันนี้ทั้งวันมันวิ่งวุ่นรับออเดอร์อยู่คนเดียวเลย แถมพิณมันแทบจะไม่ให้ใครเสริฟเลยนะ ทำเองคนเดียวหมด คนอื่น ๆ สบายไปเลย"
"จริงเหรอเจ๊"
"ก็ดูสิ เห็นพิณมันหยุดพักบ้างรึเปล่าล่ะ"
หวานตาลองจับตาดูเพียงพิณ ก็เห็นจริงอย่างที่เจ๊หงส์ว่า เพียงพิณทำงานแทบจะไม่โงหัว วิ่งวุ่นอยู่คนเดียวทั้งที่ไม่จำเป็น เธอสังหรณ์ว่าที่เพียงพิณเป็นอย่างนี้เพราะเธอรึเปล่า หวานตาจึงเสนอว่าเธอจะจัดการพูดกับเพียงพิณให้
เมื่อสบโอกาสหวานตาก็ฉุดแขนเพียงพิณเข้าไปคุยที่หลังร้าน โดยมีสายตาของเจ๊หงส์และนัทมองตาม
"พี่หวานมีอะไรรึเปล่า แขกกำลังเยอะพิณต้องออกไปทำงาน" เพียงพิณเลี่ยงที่จะสบตาหวานตา
"พี่ได้ยินจากเจ๊หงส์ว่าพิณกำลังมีปัญหา ...เรื่องทีพิณให้พี่หาแขกให้รึเปล่า"
"..." เพียงพิณเอาเงียบ
"ไม่พูดก็แสดงว่าใช่ ...พี่พอจะเข้าใจนะว่าพิณอาจจะกดดันอยู่้บ้างเพราะพี่ก็เคย รับแขกครั้งแรกก็อย่างนี้แหละ แต่พิณอย่าลืมนะว่าพิณตัดสินใจไปแล้ว"
"..."
"เอ้านี่ พี่จะให้ของดี" หวานตาล้วงมือเข้าไปหยิบขวดยาสีชาที่อยู่ในกระเป๋า แล้วยื่นให้เพียงพิณ
"อะไรน่ะพี่หวาน"
"รับไปเถอะน่า" หวานตายัดขวดยาใส่มือเพียงพิณแล้วบอกว่า "ยาปลุกเซ็กซ์"
"หา" เพียงพิณรีบคืนขวดยาให้หวานตาทันที แต่หวานตาก็ยัดขวดยาใส่ในมือเพียงพิณอีกครั้ง
"พี่จะบอกให้นะพิณ รับแขกครั้งแรกถ้าพิณอยากให้มันผ่านไปเร็ว ๆ ไม่อยากรู้สึกอะไรนัก พิณก็ใช้ยานี่ซะ หยดใส่น้ำแค่หยดเดียวแล้วดื่ม พอยาออกฤทธิ์ตอนนั้นพิณก็จะมีแต่ความต้องการ ไม่คิดอะไรอื่นอีก เชื่อพี่สิ เวลาพี่ต้องนอนกับพวกเสี่ยแกพุงพลุ้ยหน้าตาน่าเกลียด พี่ก็ใช้ยานี่แหละ จะได้ไม่รู้สึกขยะแขยงเวลาทำ ...เชื่อพี่"
เพียงพิณมองขวดยาในมืออย่างครุ่นคิด หากมันสามารถช่วยให้เธอผ่านขุมนรกนั้นได้โดยไม่รู้สึกอะไรอย่างที่หวานตาบอก ...เธอคงจำเป็นต้องใช้มัน
"ออกไปหน้าร้านกันดีกว่า เจ๊หงส์กับนัทเป็นห่วงเราแย่แล้ว" หวานตาจูงมือเพียงพิณออกไปแต่เพียงพิณกลับรั้งหวานตาไว้ก่อน
"พี่หวานคงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพี่นัท กับเจ๊หงส์หรอกนะ"
"พี่ไม่บอกหรอกน้องพิณจ๋า พี่ไม่โง่พอจะบอกสองคนนั้นหรอกนะ" หากสองคนนั้นรู้ เธอคงชวดเงินค่านายหน้าก้อนโตจากเพียงพิณพอดี
เมื่อเพียงพิณและหวานตาเดินมาึถึงเคาท์เตอร์ที่เจ๊หงส์และนัทนั่งอยู่ หวานตาก็แสร้งทำเป็นพูดว่า
"แหมน้องพิณ ผู้ชายเขาไม่สนใจเราก็ช่างเขาเถอะ สวย ๆ อย่าเราน่ะหาใหม่ได้อยู่แล้ว ไม่ต้องเศร้าไป"
"หา อ เอ่อ ค ค่ะ" เพียงพิณรับมุขจากหวานตาเมื่อหวานตาขยิบตาให้ "เดี๋ยวหวานไปทำงานต่อนะคะ"
เพียงพิณทำท่าจะไปรับออเดอร์โต๊ะที่ยกมือเรียก แต่หวานตากลับฉุดให้เธออยู่ด้วยก่อน
"ปล่อยให้คนอื่นเขาทำงานมั่งสิน้องพิณ เจ๊หงส์เป็นห่วงนะรู้ไหม"
เพียงพิณหันไปมองเจ๊หงส์แล้วยกมือไหว้ขอโทษเจ๊ ที่เธอทำให้เจ๊ต้องเป็นห่วง
"ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว ผู้ชายคนเดียวปล่อย ๆ ไปเถอะ อย่างที่นังหวานมันพูดแหละพิณ สวย ๆ อย่างเราน่ะ หาใหม่เมื่อไหร่ก็ได้"
"ค ค่ะ" เธอจำต้องกลายเป็นคนอกหัก เพราะโกหกคำโตของหวานตา แต่ก็ดีกว่าให้คนอื่น ๆ รู้ว่าเธอกำลังไม่สบายเพราะอะไร
"เจ๊ ๆ ดูแขกโต๊ะนั้นสิ" หวานตาชี้นิ้วไปยังชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่ง ซึ่งใส่สูทดูภูมิฐาน ต่างจากชาวต่างชาติโต๊ะอื่น ๆ ที่ใส่ชุดลำลองสบาย ๆ "ดูดี๊ดูดีนะเจ๊ อุ๊ย! เจ๊ เขามองมาทางฉันด้วยน่ะ"
"ย่ะ ดูท่าทางกระเป๋าหนักอย่างนี้ ขอให้หิ้วกลับได้เถอะย่ะ"
เพียงพิณเห็นท่าทางระริ้กระรี้ของหวานตาแล้วก็อดมองตามไม่ได้ แต่เธอไม่ได้มองไปยังคนที่หวานตาหมายตาไว้ แต่สายตาของเธอกลับไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มคุ้นตา ชายไทยที่อยู่ในกลุ่มชาวต่างชาติ
ทันใดนั้นร่างทั้งร่างก็เย็นเฉียบราวกับถูกแช่แข็ง สิ่งรอบตัวกลายเป็นขาวโพลนไปหมด ในสายตาเห็นเพียงแค่เขาผู้เดียว คนที่เธอไม่มีวันลืม
"...ภพ..."
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น