ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : งานคือเงิน
เพียงพิณเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อเชิ๊ตสีขาวได้รูปรับกับสัดส่วนออกมาเปลี่ยน เธอยืนมองดูตัวเองอยู่หน้าจกแล้วหมุนตัวไปมาดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า
เชิ๊ตขาวแขนยาวพอดีตัวพัดแขนจนเกือบถึงข้อศอก ชายเสื้อพอดีเอว อวดสัดส่วนที่น่ามอง รับกับกางเกงยีนส์เอวต่ำโชว์สะโพกกลมกลึง
"น่าจะโอเคแล้วนะ" หญิงสาวพูดกับตัวเอง เสื้อผ้าชุดนี้ดูไม่เรียบร้อยเกินไป และคิดว่าไม่โป๊เกินไป น่าจะใส่ไปทำงานที่บาร์ได้
เพียงพิณออกไปทำงานก่อนแพรพลอยจะกลับบ้าน เมื่อคำนวณเวลาดูแล้วเธอออกจากบ้านเร็วเกินไป แต่เธอก็ไม่อยากไปทำงานวันแรกสาย แต่ก่อนจะถึงบาร์เพียงพิณเผอิญไปเห็นร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ซึ่งเปิดอยู่ใกล้ ๆ
เธอหยุดยืนอยู่หน้าร้านเป็นนานก่อนจะชั่งใจเดินเข้าไปใช้บริการ เพียงพิณเช็คอีเมล์ของตนเองพบว่ามีอีเมล์ไม่ได้่อ่านเกือบ 10 ส่วนใหญ่ส่งมาจากกลุ่มเพื่อน ของเธอทั้งนั้น
เมื่อไล่ดูรายชื่อของผู้ส่งแล้ว เพียงพิณกลับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ...ไม่มีอีเมล์จากรณภพเลยสักฉบับ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่ส่งอีเมล์หาเธอบ้าง หรืออาจเป็นเพราะเธอสารภาพรักกับเขา ทำให้เขาอึดอัดที่จะติดต่อหาเธอ
เพียงพิณเปิดอ่านอีเมล์ทุกฉบับเห็นแมทส่งรูปปกนิตยสารของต่างประเทศซึ่งมีรูปเธอขึ้นปกมาให้ดู อลันเองก็ส่งรูปที่ไปเที่ยวมัลดีฟมาให้ แต่พออ่านอีเมล์ของเมฆาเธอกลับเห็นแต่คำบ่นของเขาว่าเรียนหนักบ้าง ทานอาหารไม่อร่อยบ้าง
แต่พอมาอ่านอีเมล์ฉบับล่าสุดซึ่งแมทเป็นคนส่งมา เธอนัดทุกคนไปรวมตัวสังสรรค์กันที่อเมริกาซึ่งมีรณภพกับเมฆาอยู่ นัดครั้งนี้เป็นการนัดรวมตัวกันเพื่อสังสรรค์เท่านั้น เพราะทุกคนไม่ได้เจอกันมานาน
ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเจอเพื่อน ๆ อีกไหม
หลังจากอ่านอีเมล์จนครบ เพียงพิณก็ปิดอีเมล์ทันที โดยไม่มีการส่งอีเมล์ ไม่มีการตอบอีเมล์ใด ๆ หลังจากออกจากร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ เธอก็เดินเข้าไปในบาร์หาเจ๊หงส์เจ้าของร้านทันที
"สวัสดีค่ะเจ๊" เพียงพิณยกมือไหว้
"มาแล้วเหรอ ดีเลยจะได้มาช่วยกันจัดร้าน นัท ๆ" เจ๊หงส์ตะโกนเรียกลูกจ้างอีกคน
"ครับเจ๊" ชายหนุ่มนามว่านัทเดินเข้ามาพร้อมกับผ้าเช็ดโต๊ะสีขาวหม่นในมี "มีอะไรเหรอเจ๊"
"นี่พิณ เด็กเสริฟใหม่ทำงานวันนี้วันแรก เจ๊ให้อยู่ช่วงทดลองงานก่อน นัทสอนงานพิณด้วยล่ะ"
"ครับเจ๊"
"สวัสดีค่ะ" พิณยกมือไหว้นัท
"โอ๊ะ ไม่ต้องยกมือไหว้หรอก มันรู้สึกแปลก ๆ ทักทายเฉย ๆ ก็พอดูเป็นกันเองดีกว่า ...พิณตามพี่มาที่หลังร้านเลยละกันเดี๋ยวพี่จะได้เริ่มสอนงานให้"
"ค่ะ" เพียงพิณรับคำสั้น ๆ แล้วเดินตามลูกจ้างหนุ่มรุ่นพี่ไปที่หลังร้าน ซึ่งเป็นห้องล็อคเกอร์สำหรับพนักงานเท่านั้น
"พิณยังทดลองงานอยู่เจ๊เขายังไม่อนุญาตให้ใช้ล๊อคเกอร์ แต่ถ้าผ่านช่วงทดลองงานไปแล้วก็ใช้ได้ เพราะเราต้องเตรียมเสื้อผ้าสำรองเข้ามาเปลี่ยนด้วย บางทีลูกค้าเขาทำเหล้าหรืออะไรหกใส่ เราก็ต้องมาเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก เพราะเจ๊เขารักความสะอาดนิดหน่อย เขาไม่ยอมหรอกนะเนื้อตัวมอมแมมแล้วออกไปเสริฟ"
"ค่ะ"
"แล้วก็นี่" ชายหนุ่มหยิบผ้ากันเปื้อนแบบผูกเอวยื่นให้เพียงพิณ "ใส่เอาไว้ แขกเขาจะได้แยกออกว่าเราเป็นเด็กเสริฟไม่ใช่เด็กนั่ง"
"ค่ะ" เพียงพิณรับผ้ากันเปื้อนมาแล้วผูกกับเอวทันที
"งานที่นี่จะหนักหน่อยนะ เจ๊เขาไม่ชอบรับพนักงานเยอะ ๆ แกบอกว่าคนเยอะดูรกตาเกินไป ถ้าวันไหนมีแขกมานั่งเยอะก็อาจจะเหนื่อยเป็นพิเศษ"
หลังจากนั้นเพียงพิณก็ตามชายหนุ่มออกไปหน้าร้าน เธอต้องเริ่มทำตั้งแต่เช็ดโต๊ะเก้าอี้ กวาดร้าน ทำความสะอาดเตรียมพร้อมเปิดร้าน
เมื่อมีเวลาก่อนร้านเปิด เธอก็ต้องศึกษาเมนูของร้าน อาหารแนะนำ โดยเฉพาะเครื่องดื่มเพื่อที่จะได้แนะนำแขกได้ ซึ่งการทำงานวันแรกก็ทำเอาเธอหัวหมุนเหมือนกัน
เมื่อแขกเริ่มเข้าร้าน เธอก็จะเดินตามนัทไปต้อนรับแขกพร้อมเขา พยายามเรียนรู้ทุกอย่างจากเขา ไม่ว่าจะวิธีการต้อนรับแขก การแนะนำเครื่องดื่ม การจัดเซ็ตเครื่องดื่ม หรือแม้แต่การคุยเล่น
ยิ่งดึกแขกเข้าร้านก็ยิ่งเยอะขึ้นเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์จะเป็นชาวต่างชาติ คนไืทยมีเพียงไม่กี่คน เพราะราคาอาหารเครื่องดื่มของบาร์นี้ค่อนข้างแพงเอาการ แล้วคนทำงานที่บาร์แห่งนี้มีไม่เยอะอย่างที่นัทบอกจริง ๆ เมื่อนัทไม่สามารถดูแลแขกโต๊ะอื่นได้ เลยทำให้เธอต้องฉายเดี่ยวรับออเดอร์อย่างกล้า ๆ กลัว
แต่ดีที่ภาษาอังกฤษของเธอดีอยู่แล้ว ทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี จนเมื่อถึงเวลาร้านปิด
หลังจากแขกกลุ่มสุดท้ายออกไปแล้ว เธอกับนัทก็ต้องมานั่งเก็บกวาดร้าน เสร็จแล้วก็ต้องเข้าไปช่วยพวกในครัวล้างจาน กว่างานทุกอย่างจะเสร็จก็เกือบตี 3
"เอ้านี่ ค่าจ้างสำหรับวันนี้" เจ๊หงส์เจ้าของร้านยื่นเงินค่าจ้างสำหรับวันนี้ให้เธอ
"ขอบคุณค่ะเจ๊" เพียงพิณรับเงินมา ธนบัตรเพียงไม่กี่ใบที่ได้รับมาแต่มูลค่ากลับถึงหลักพัน ไม่คาดคิดมาก่อนว่าทำงานที่นี่จะเงินดีขนาดนี้
"งานหนักหน่อยแ่ต่เงินดีใช่ไหมล่ะ ร้านอื่นงานอาจจะไม่หนักเท่านี้ แต่ค่าจ้างก็ไม่ได้ขนาดนี้หรอกนะ ขยันทำงานเข้าไว้ล่ะ แล้วช่วงทดลองงานเจ๊จะให้เงินเป็นวัน แต่ถ้าทำประจำเจ๊จะให้ทีละครึ่งเดือน"
"ค่ะเจ๊ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" เพียงพิณยิ้มอย่างสดใส โชคดีเหลือเกินที่ได้งานนี้
เพียงพิณขึ้นแท็กซี่กลับบ้านเพราะเวลาขณะนั้นไม่มีรถเมล์ให้ขึ้น เมื่อถึงบ้านก็พบว่าแม่นั่งรอเธออยู่ในบ้าน
"พิณ เป็นไงบ้างลูกเหนื่อยไหม"
"นิดหน่อยค่ะแม่ แต่ก็คุ้มนะคะ นี่ค่ะแม่ค่าจ้างวันนี้" เพียงพิณยื่นเงินค่าจ้างที่ได้ในวันนี้ให้มารดาทั้งหมด
เมื่อผู้เป็นแม่เห็นเงินที่ได้จากหยาดเหงื่อของลูกสาว น้ำตาก็อดที่ไหลออกมาไม่ได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเงินเท่านี้นับว่าน้อยมาก แทบจะกลายเป็นเศษเงินสำหรับเธอเลยก็ว่าได้ แต่ในตอนนี้...เพื่อให้ได้เงินมา เธอถึงกลับยอมให้เพียงพิณหยุดเรียน แล้วออกไปทำงานกลางค่ำกลางคืน
"แม่ร้องไห้ทำไมคะ"
"แม่สงสารพิณ พิณต้องเลิกเรียนแล้ว..."
"แม่คะ เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันนะคะ แล้วแม่ก็ไม่ต้องสงสารพิณหรอกค่ะ งานที่พิณทำก็สนุกดีนะคะ ได้เจอคนมากมายด้วย ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงนะคะแม่ ...แล้วแพรล่ะคะ"
"เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำแล้วลูก"
"แพรได้ถามถึงพิณบ้างรึเปล่าคะ"
"ถาม แม่ก็บอกแพรตามที่พิณให้แม่พูดนั่นแหละ"
"ดีแล้วล่ะค่ะแม่ แม่ไปนอนเถอะนะคะดึกขนาดนี้แล้ว แล้ววันหลังแม่ก็ไม่ต้องมานั่งรอพิณอย่างนี้นะคะ เดี๋ยวเสียสุขภาพหมด"
"ก็แม่เป็นห่วงพิณนี่ลูก ไปทำงานกลับบ้านมาดึกดื่นอย่างนี้ มันอันตราย"
"พิณจะระวังตัวค่ะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ แต่ถ้าแม่เอาแต่นั่งคอยพิณกลับมาทุกวัน ๆ อย่างนี้ พิณเองก็เป็นห่วงแม่เหมือนกันนะคะ ตอนนี้พิณเหลือแค่แม่กับแพรเท่านั้น แม่ต้องรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี ๆ อย่าให้เจ็บป่วยไปนะคะ พิณไม่อยากเสียแม่ไปเหมือนกับพ่อ"
เมื่อได้ยินลูกสาวคนโตพูดอย่างนี้ ผู้เป็นแม่เองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ นอกจากตามใจลูกให้ลูกสบายใจขึ้น
"ก็ได้ลูก แม่จะไม่มานั่งคอยพิณอย่างนี้อีกแล้ว แต่พิณก็ต้องระวังตัวเองดี ๆ นะ"
"ค่ะแม่" เพียงพิณสวมกอดมารดาแล้วพาขึ้นห้องไปพักผ่อน ก่อนจะเข้าห้องของตนเองแล้วล้มตัวนอน เมื่อหัวถึงหมอนเธอก็สลบ หลับใหลในทันที
ในวันต่อ ๆ มาเพียงพิณไปทำงานตามเดิม และนัทก็สอนให้เธอรู้งานมากขึ้น เขาสอนให้เธอรู้จักยี่ห้อของเหล้า วิธีชงเหล้า แม้แต่รสของเหล้าแต่ละยี่ห้อ เธอก็ต้องชิม
"ที่นี่เป็นบาร์เหล้า เหล้าที่มีอยู่ในร้านก็ต้องรู้จักไว้ จะได้แนะนำแขกได้" หนุ่มรุ่นพี่สอนเธอ ซึ่งเธอก็พยายามเรียนรู้ไว้แม้ว่าเรื่องพวกนี้มันจะหนักหนาเกินไปสำหรับเธอ
นอกจากเหล้าในร้านแล้ว วันต่อ ๆ มาเธอยังต้องคอยชิมคอกเทลสูตรต่าง ๆ และยังต้องฟังส่วนผสมเบื้องต้นของมันด้วย ทำให้หลายวันที่ผ่านมานี้ นอกจากจะทำเอาเธอเกือบเมาแล้ว ยังทำเอาเธอมึนอีกด้วย
แต่ความพยายามในการเรียนรู้งานและทำงานของเธอก็ทำให้เจ๊หงส์ยอมรับและรับเธอเป็นพนักงานประจำจนได้ แม้ว่างานกลางคืนแบบนี้จะอันตรายและทำให้เสียสุขภาพ แต่ถ้าเทียบกับค่าจ้างที่ได้ในแต่ละเดือนซึ่งมากกว่าพนักงานบริษัทวุฒิ ป.ตรี แล้ว เธอถือว่างานนี้คุ้มค่าที่สุด
เชิ๊ตขาวแขนยาวพอดีตัวพัดแขนจนเกือบถึงข้อศอก ชายเสื้อพอดีเอว อวดสัดส่วนที่น่ามอง รับกับกางเกงยีนส์เอวต่ำโชว์สะโพกกลมกลึง
"น่าจะโอเคแล้วนะ" หญิงสาวพูดกับตัวเอง เสื้อผ้าชุดนี้ดูไม่เรียบร้อยเกินไป และคิดว่าไม่โป๊เกินไป น่าจะใส่ไปทำงานที่บาร์ได้
เพียงพิณออกไปทำงานก่อนแพรพลอยจะกลับบ้าน เมื่อคำนวณเวลาดูแล้วเธอออกจากบ้านเร็วเกินไป แต่เธอก็ไม่อยากไปทำงานวันแรกสาย แต่ก่อนจะถึงบาร์เพียงพิณเผอิญไปเห็นร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ซึ่งเปิดอยู่ใกล้ ๆ
เธอหยุดยืนอยู่หน้าร้านเป็นนานก่อนจะชั่งใจเดินเข้าไปใช้บริการ เพียงพิณเช็คอีเมล์ของตนเองพบว่ามีอีเมล์ไม่ได้่อ่านเกือบ 10 ส่วนใหญ่ส่งมาจากกลุ่มเพื่อน ของเธอทั้งนั้น
เมื่อไล่ดูรายชื่อของผู้ส่งแล้ว เพียงพิณกลับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ...ไม่มีอีเมล์จากรณภพเลยสักฉบับ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่ส่งอีเมล์หาเธอบ้าง หรืออาจเป็นเพราะเธอสารภาพรักกับเขา ทำให้เขาอึดอัดที่จะติดต่อหาเธอ
เพียงพิณเปิดอ่านอีเมล์ทุกฉบับเห็นแมทส่งรูปปกนิตยสารของต่างประเทศซึ่งมีรูปเธอขึ้นปกมาให้ดู อลันเองก็ส่งรูปที่ไปเที่ยวมัลดีฟมาให้ แต่พออ่านอีเมล์ของเมฆาเธอกลับเห็นแต่คำบ่นของเขาว่าเรียนหนักบ้าง ทานอาหารไม่อร่อยบ้าง
แต่พอมาอ่านอีเมล์ฉบับล่าสุดซึ่งแมทเป็นคนส่งมา เธอนัดทุกคนไปรวมตัวสังสรรค์กันที่อเมริกาซึ่งมีรณภพกับเมฆาอยู่ นัดครั้งนี้เป็นการนัดรวมตัวกันเพื่อสังสรรค์เท่านั้น เพราะทุกคนไม่ได้เจอกันมานาน
ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเจอเพื่อน ๆ อีกไหม
หลังจากอ่านอีเมล์จนครบ เพียงพิณก็ปิดอีเมล์ทันที โดยไม่มีการส่งอีเมล์ ไม่มีการตอบอีเมล์ใด ๆ หลังจากออกจากร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ เธอก็เดินเข้าไปในบาร์หาเจ๊หงส์เจ้าของร้านทันที
"สวัสดีค่ะเจ๊" เพียงพิณยกมือไหว้
"มาแล้วเหรอ ดีเลยจะได้มาช่วยกันจัดร้าน นัท ๆ" เจ๊หงส์ตะโกนเรียกลูกจ้างอีกคน
"ครับเจ๊" ชายหนุ่มนามว่านัทเดินเข้ามาพร้อมกับผ้าเช็ดโต๊ะสีขาวหม่นในมี "มีอะไรเหรอเจ๊"
"นี่พิณ เด็กเสริฟใหม่ทำงานวันนี้วันแรก เจ๊ให้อยู่ช่วงทดลองงานก่อน นัทสอนงานพิณด้วยล่ะ"
"ครับเจ๊"
"สวัสดีค่ะ" พิณยกมือไหว้นัท
"โอ๊ะ ไม่ต้องยกมือไหว้หรอก มันรู้สึกแปลก ๆ ทักทายเฉย ๆ ก็พอดูเป็นกันเองดีกว่า ...พิณตามพี่มาที่หลังร้านเลยละกันเดี๋ยวพี่จะได้เริ่มสอนงานให้"
"ค่ะ" เพียงพิณรับคำสั้น ๆ แล้วเดินตามลูกจ้างหนุ่มรุ่นพี่ไปที่หลังร้าน ซึ่งเป็นห้องล็อคเกอร์สำหรับพนักงานเท่านั้น
"พิณยังทดลองงานอยู่เจ๊เขายังไม่อนุญาตให้ใช้ล๊อคเกอร์ แต่ถ้าผ่านช่วงทดลองงานไปแล้วก็ใช้ได้ เพราะเราต้องเตรียมเสื้อผ้าสำรองเข้ามาเปลี่ยนด้วย บางทีลูกค้าเขาทำเหล้าหรืออะไรหกใส่ เราก็ต้องมาเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก เพราะเจ๊เขารักความสะอาดนิดหน่อย เขาไม่ยอมหรอกนะเนื้อตัวมอมแมมแล้วออกไปเสริฟ"
"ค่ะ"
"แล้วก็นี่" ชายหนุ่มหยิบผ้ากันเปื้อนแบบผูกเอวยื่นให้เพียงพิณ "ใส่เอาไว้ แขกเขาจะได้แยกออกว่าเราเป็นเด็กเสริฟไม่ใช่เด็กนั่ง"
"ค่ะ" เพียงพิณรับผ้ากันเปื้อนมาแล้วผูกกับเอวทันที
"งานที่นี่จะหนักหน่อยนะ เจ๊เขาไม่ชอบรับพนักงานเยอะ ๆ แกบอกว่าคนเยอะดูรกตาเกินไป ถ้าวันไหนมีแขกมานั่งเยอะก็อาจจะเหนื่อยเป็นพิเศษ"
หลังจากนั้นเพียงพิณก็ตามชายหนุ่มออกไปหน้าร้าน เธอต้องเริ่มทำตั้งแต่เช็ดโต๊ะเก้าอี้ กวาดร้าน ทำความสะอาดเตรียมพร้อมเปิดร้าน
เมื่อมีเวลาก่อนร้านเปิด เธอก็ต้องศึกษาเมนูของร้าน อาหารแนะนำ โดยเฉพาะเครื่องดื่มเพื่อที่จะได้แนะนำแขกได้ ซึ่งการทำงานวันแรกก็ทำเอาเธอหัวหมุนเหมือนกัน
เมื่อแขกเริ่มเข้าร้าน เธอก็จะเดินตามนัทไปต้อนรับแขกพร้อมเขา พยายามเรียนรู้ทุกอย่างจากเขา ไม่ว่าจะวิธีการต้อนรับแขก การแนะนำเครื่องดื่ม การจัดเซ็ตเครื่องดื่ม หรือแม้แต่การคุยเล่น
ยิ่งดึกแขกเข้าร้านก็ยิ่งเยอะขึ้นเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์จะเป็นชาวต่างชาติ คนไืทยมีเพียงไม่กี่คน เพราะราคาอาหารเครื่องดื่มของบาร์นี้ค่อนข้างแพงเอาการ แล้วคนทำงานที่บาร์แห่งนี้มีไม่เยอะอย่างที่นัทบอกจริง ๆ เมื่อนัทไม่สามารถดูแลแขกโต๊ะอื่นได้ เลยทำให้เธอต้องฉายเดี่ยวรับออเดอร์อย่างกล้า ๆ กลัว
แต่ดีที่ภาษาอังกฤษของเธอดีอยู่แล้ว ทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี จนเมื่อถึงเวลาร้านปิด
หลังจากแขกกลุ่มสุดท้ายออกไปแล้ว เธอกับนัทก็ต้องมานั่งเก็บกวาดร้าน เสร็จแล้วก็ต้องเข้าไปช่วยพวกในครัวล้างจาน กว่างานทุกอย่างจะเสร็จก็เกือบตี 3
"เอ้านี่ ค่าจ้างสำหรับวันนี้" เจ๊หงส์เจ้าของร้านยื่นเงินค่าจ้างสำหรับวันนี้ให้เธอ
"ขอบคุณค่ะเจ๊" เพียงพิณรับเงินมา ธนบัตรเพียงไม่กี่ใบที่ได้รับมาแต่มูลค่ากลับถึงหลักพัน ไม่คาดคิดมาก่อนว่าทำงานที่นี่จะเงินดีขนาดนี้
"งานหนักหน่อยแ่ต่เงินดีใช่ไหมล่ะ ร้านอื่นงานอาจจะไม่หนักเท่านี้ แต่ค่าจ้างก็ไม่ได้ขนาดนี้หรอกนะ ขยันทำงานเข้าไว้ล่ะ แล้วช่วงทดลองงานเจ๊จะให้เงินเป็นวัน แต่ถ้าทำประจำเจ๊จะให้ทีละครึ่งเดือน"
"ค่ะเจ๊ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" เพียงพิณยิ้มอย่างสดใส โชคดีเหลือเกินที่ได้งานนี้
เพียงพิณขึ้นแท็กซี่กลับบ้านเพราะเวลาขณะนั้นไม่มีรถเมล์ให้ขึ้น เมื่อถึงบ้านก็พบว่าแม่นั่งรอเธออยู่ในบ้าน
"พิณ เป็นไงบ้างลูกเหนื่อยไหม"
"นิดหน่อยค่ะแม่ แต่ก็คุ้มนะคะ นี่ค่ะแม่ค่าจ้างวันนี้" เพียงพิณยื่นเงินค่าจ้างที่ได้ในวันนี้ให้มารดาทั้งหมด
เมื่อผู้เป็นแม่เห็นเงินที่ได้จากหยาดเหงื่อของลูกสาว น้ำตาก็อดที่ไหลออกมาไม่ได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเงินเท่านี้นับว่าน้อยมาก แทบจะกลายเป็นเศษเงินสำหรับเธอเลยก็ว่าได้ แต่ในตอนนี้...เพื่อให้ได้เงินมา เธอถึงกลับยอมให้เพียงพิณหยุดเรียน แล้วออกไปทำงานกลางค่ำกลางคืน
"แม่ร้องไห้ทำไมคะ"
"แม่สงสารพิณ พิณต้องเลิกเรียนแล้ว..."
"แม่คะ เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันนะคะ แล้วแม่ก็ไม่ต้องสงสารพิณหรอกค่ะ งานที่พิณทำก็สนุกดีนะคะ ได้เจอคนมากมายด้วย ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงนะคะแม่ ...แล้วแพรล่ะคะ"
"เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำแล้วลูก"
"แพรได้ถามถึงพิณบ้างรึเปล่าคะ"
"ถาม แม่ก็บอกแพรตามที่พิณให้แม่พูดนั่นแหละ"
"ดีแล้วล่ะค่ะแม่ แม่ไปนอนเถอะนะคะดึกขนาดนี้แล้ว แล้ววันหลังแม่ก็ไม่ต้องมานั่งรอพิณอย่างนี้นะคะ เดี๋ยวเสียสุขภาพหมด"
"ก็แม่เป็นห่วงพิณนี่ลูก ไปทำงานกลับบ้านมาดึกดื่นอย่างนี้ มันอันตราย"
"พิณจะระวังตัวค่ะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ แต่ถ้าแม่เอาแต่นั่งคอยพิณกลับมาทุกวัน ๆ อย่างนี้ พิณเองก็เป็นห่วงแม่เหมือนกันนะคะ ตอนนี้พิณเหลือแค่แม่กับแพรเท่านั้น แม่ต้องรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี ๆ อย่าให้เจ็บป่วยไปนะคะ พิณไม่อยากเสียแม่ไปเหมือนกับพ่อ"
เมื่อได้ยินลูกสาวคนโตพูดอย่างนี้ ผู้เป็นแม่เองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ นอกจากตามใจลูกให้ลูกสบายใจขึ้น
"ก็ได้ลูก แม่จะไม่มานั่งคอยพิณอย่างนี้อีกแล้ว แต่พิณก็ต้องระวังตัวเองดี ๆ นะ"
"ค่ะแม่" เพียงพิณสวมกอดมารดาแล้วพาขึ้นห้องไปพักผ่อน ก่อนจะเข้าห้องของตนเองแล้วล้มตัวนอน เมื่อหัวถึงหมอนเธอก็สลบ หลับใหลในทันที
ในวันต่อ ๆ มาเพียงพิณไปทำงานตามเดิม และนัทก็สอนให้เธอรู้งานมากขึ้น เขาสอนให้เธอรู้จักยี่ห้อของเหล้า วิธีชงเหล้า แม้แต่รสของเหล้าแต่ละยี่ห้อ เธอก็ต้องชิม
"ที่นี่เป็นบาร์เหล้า เหล้าที่มีอยู่ในร้านก็ต้องรู้จักไว้ จะได้แนะนำแขกได้" หนุ่มรุ่นพี่สอนเธอ ซึ่งเธอก็พยายามเรียนรู้ไว้แม้ว่าเรื่องพวกนี้มันจะหนักหนาเกินไปสำหรับเธอ
นอกจากเหล้าในร้านแล้ว วันต่อ ๆ มาเธอยังต้องคอยชิมคอกเทลสูตรต่าง ๆ และยังต้องฟังส่วนผสมเบื้องต้นของมันด้วย ทำให้หลายวันที่ผ่านมานี้ นอกจากจะทำเอาเธอเกือบเมาแล้ว ยังทำเอาเธอมึนอีกด้วย
แต่ความพยายามในการเรียนรู้งานและทำงานของเธอก็ทำให้เจ๊หงส์ยอมรับและรับเธอเป็นพนักงานประจำจนได้ แม้ว่างานกลางคืนแบบนี้จะอันตรายและทำให้เสียสุขภาพ แต่ถ้าเทียบกับค่าจ้างที่ได้ในแต่ละเดือนซึ่งมากกว่าพนักงานบริษัทวุฒิ ป.ตรี แล้ว เธอถือว่างานนี้คุ้มค่าที่สุด
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น