ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : พลิกผัน
3 ปีผ่านไป
บ้านเช่าหลังเล็กสภาพไม่โทรมมากนัก ได้กลายเป็นที่พำนักอาศัยของสามแม่ลูก แทนคฤหาสน์หลังงามที่เพิ่งถูกขายทอดตลาดไป เพื่อชดใช้หนี้สินแทนหัวหน้าครอบครัวที่จากไปได้ไม่นาน
จากคุณหนูเพียงพิณที่เคยมีคนรับใช้ล้อมหน้าล้อมหลัง บัดนี้ได้กลายเป็นคนธรรมดาที่ต้องทำอะไรทุกอย่างด้วยตัวเอง และก็จะกลายเป็นเพียงพิณที่เข้มแข็ง เป็นหัวหน้าครอบครัวที่แม่ละน้องสามารถพึ่งพิงได้
เพียงพิณลุกจากที่นอนหลังจากที่คิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนมาทั้งคืนแล้ว เธอเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่ที่กำลังนั่งก้มหน้าเศร้าแล้วจับไหล่บอบบางนั้นไว้
"แม่คะ"
"พิณตืนแล้วเหรอลูก" ผู้เป็นแม่พยายามกลบเกลื่อนความขมขื่นเอาไว้ แต่ก็ทำได้ไม่ดีนัก
"พิณตื่นนานแล้วค่ะแม่ แล้วแพรล่ะคะแม่" เพียงพิณถามหาแพรพลอย น้องสาวของตน
"พลอยออกไปเรียนพิเศษแล้วลูก"
"...แม่คะพิณรู้เรื่องเงินประกันของพ่อแล้วนะคะ" เมื่อน้องสาวไม่อยู่บ้าน เพียงพิณจึงตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญกับผู้เป็นแม่
"พิณ!" ผู้เป็นแม่ตกใจ คิดไม่ถึงว่าลูกสาวจะรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอไม่อยากให้ลูกทั้งสองรับรู้เลย
ตั้งแต่บริษัทระส่ำระส่าย เพราะภาวะเศรษฐกิจ สามีของเธอซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทก็เครียดหนักจนล้มป่วย แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถรักษาบริษัทเอาไว้ได้ จนวันที่สามีของเธอเสีย ทุกอย่างที่อยู่ในครอบครองต้องถูกขายทอดตลาดเพื่อนำไปใช้หนี้ ที่สามีของเธอกู้ยืมไว้เพื่อพยุงบริษัท
ทั้งที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ บริษัท ชุดเครื่องเพชร แม้กระทั่งบ้านหลังใหญ่โตก็ต้องถูกขายเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ ดีที่เมื่อขายทุกอย่างทิ้งแล้ว สามารถใช้หนี้ได้หมด เงินที่เหลือจากการขายทุกอย่างเมื่อรวมกับเ่งินประกันของสามีที่เสียไปแล้ว สามารถนำมาเช่าบ้านอยู่กับลูก ๆ ได้
แต่ทว่า...เงินที่เหลืออยู่ไม่สามารถส่งพวกแกให้เรียนจนจบปริญญาได้ ตัวเธอเองตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องลำบาก ไม่เคยต้องทำงานใด ๆ เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะทำงานหาเงินส่งลูกสาวทั้งสองเรียนได้อย่างไร
"พิณไม่ต้องห่วงหรอกลูก แม่จะหางานทำ แม่ไม่ยอมให้ลูกต้องลำบากหรอก"
เพียงพิณยิ้มให้มารดา แต่เป็นยิ้มที่คอยปลอบโยน ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเรื่องทำงานสำหรับแม่ของเธอแล้ว มันแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คนที่สุขสบายตั้งแต่เกิดจนอายุปานนี้ จะให้ออกไปหางานทำก็เกรงว่าลำบากเกินไป แค่เรื่องทำงานบ้านก็เต็มกลืนสำหรับแม่ของเธอแล้ว
"แม่คะ...พิณจะหางานทำค่ะ" น้ำเสียงเด็ดเดี่ยว บอกสิ่งที่เธอตัดสินใจไว้แล้ว และก็ไม่มีใครมาเปลี่ยนใจเธอได้
"แต่พิณกำลังเรียนอยู่นะูลูก พิณจะทำงานได้ยังไง พิณเป็นนักศึกษามีหน้าที่เรียนอย่างเดียวก็พอแล้วลูก"
"ไม่ค่ะแม่ พิณจะเลิกเรียนแล้วออกมาหางานทำ"
"ไม่นะลูก" เสียงของผู้เป็นแม่เริ่มสั่นเครือ "อีกแค่ปีกว่าพิณก็จะเรียนจบแล้ว พิณอย่าทำอย่างนี้สิลูก"
"แม่คะ พิณรู้นะว่าเงินที่เรามีอยู่มันเหลือไม่มากแล้ว ไหนจะค่าเทอมของพิณ ค่าเรียนพิเศษของแพร ค่าเช่าบ้านอีก ถ้าพิณไม่ทำอย่างนี้ เราจะอยู่กันไม่ได้นะคะแม่"
"แต่ว่า"
"เชื่อพิณเถอะค่ะแม่ พิณจะหางานทำเอง แม่คอยอยู่บ้านดูแลบ้าน ดูแลแพรดีกว่าค่ะ ถ้าจะมีคนที่ได้เรียนจนจบ พิณของเลือกแพรดีกว่าค่ะ แพรเป็นคนรักเรียนแล้วก็เรียนเก่งด้วย พิณอยากให้แพรได้เรียน อย่างน้อยก็จนจบปริญญาตรี"
"แต่พิณยังเด็กอยู่นะลูก แล้วพิณจะทำงานอะไร"
"งานมีออกตั้งเยอะแยะค่ะแม่ ถ้าไม่เลือกงาน แม่เชื่อพิณเถอะนะคะ พิณทำได้ค่ะ"
"...แม่ แม่มันไม่เอาไหนเลย ทำให้ลูกต้องมาลำบากอย่างนี้ ถ้าแพรรู้เรื่องเข้า..." ผู้เป็นแม่เริ่มร้องไห้ เสียใจกับความไม่เอาไหนของตนเองจนทำให้ลูกสาวของตนต้องเดือดร้อน
"แม่อย่าบอกแพรนะคะ แม่ก็รู้ว่าแพรนิสัยเป็นยังไง ถ้าแพรรู้เรื่องนี้ แพรต้องเลิกเรียนแล้วออกมาหางานทำเหมือนกันแน่ พิณไม่อยากให้น้องทำอย่างนั้น แม่สัญญากับพิณนะคะว่าจะไม่ให้แพรรู้เรื่องที่พิณเลิกเรียนแล้วหางานทำเด็ดขาด"
"แม่..."
"สํญญานะคะแม่" เพียงพิณของคำมั่นจากผู้เป็นแม่
"ก็ได้ แม่จะบอกไม่แพร"
"ดีแล้วค่ะแม่ ...พิณรักแม่นะคะ" หญิงสาวเข้าไปโอบกอดมารดา ต่อจากนี้ไปเธอจะต้องเข้มแข็งให้มากเพื่อแม่ เพื่อน้อง
"แม่ก็รักพิณนะลูก"
หลังจากนั้นไม่นานเพียงพิณก็ได้งานสอนภาษาอังกฤษให้เด็ก ๆ แถวบ้าน แต่เงินค่าจ้างนั้นน้อยนิด ไม่ค่อยค่าใช้จ่ายที่จะตามมา หลังจากสอนเด็ก ๆ เสร็จเธอก็จะเปิดหางานตามหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่ก็ออกไปเดินตามที่ต่าง ๆ คอยดูประกาศรับสมัครพนักงานที่ติดตามหน้าร้าน
เป็นอย่างนี้อยู่เกือบเดือน แต่ในที่สุดเพียงพิณก็หางานที่มีรายได้ดีสำหรับเธอได้แล้ว เธอได้งานเป็นพนักงานเสริฟในบาร์เหล้าแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบาร์ที่มักจะมีชาวต่างชาติเข้ามานั่ง เจ้าของร้านจึงต้องการคนที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ปฏิสัมพันธ์กับแขกได้ดี
"เจ๊จะให้เราทดลองงานก่อนหนึ่งสัปดาห์ ถ้าผ่านช่วงทดลองงานได้เจ๊ถึงจะจ้างเราจริงจัง แต่ช่วงทดลองนี่เจ๊ก็ยังให้เงินค่าทำงานนะ แต่อาจจะไม่มากเท่าไหร่"
"ได้ค่ะเจ๊" เพียงพิณยกมือไหว้ขอบคุณเจ๊หงส์ เจ้าของร้าน
"บาร์เจ๊จะเปิดค่ำ ๆ หน่อย ฉะนั้นเราต้องมาทำงานตอน 6 โมงเย็น แต่จะเลิกไม่เกินตี 3 เราทำได้ไหม"
"ได้ค่ะได้ กี่โมงก็ได้ค่ะ"
"ดี ถ้างั้นเริ่มงานพรุ่งนี้ อ่อเจ๊บอกก่อนนะว่าเสื้อผ้าแบบนี้พรุ่งนี้ไม่ต้องใส่มานะ" เจ๊หงส์มองเพียงพิณที่แต่งตัวเรียบร้อย แต่ก็เรียบร้อยเกินไปสำหรับบาร์เหล้าเช่นนี้ "มันเรียบร้อยเกินไป ทางการเกินไป นี่มันบาร์เหล้าต้องแต่งตัวให้มันเข้ากับสถานที่ เจ๊ก็ไม่อยากจะแนะนำให้แต่งตัวโป๊อะไรหรอกนะ แต่บางทีถ้าใส่สั้นนิด พอให้ดูเป็นอาหารตาหน่อยค่าทิปก็จะได้เยอะตามด้วย
เกือบลืมบอกไป ที่นี่เด็กเสริฟมีหน้าที่เสริฟ ไม่มีการยอมให้พวกฝรั่งหิ้วกลับบ้านด้วย ส่วนพวกที่ตามฝรั่งกลับหลังบาร์ปิดน่ะ เจ๊มีอยู่แล้ว หรือว่าอยากเปลี่ยนหน้าที่ก็บอกเจ๊ เจ๊จะได้เปลี่ยนให้"
"ไม่ค่ะ ไม่เปลี่ยนค่ะ ขอเป็นแค่เด็กเสริฟก็พอค่ะ" เพียงพิณรีบโบกมือ
"ได้อย่างนั้นก็ดี เจ๊ไม่ชอบหรอกนะที่ทำ 2 หน้าที่ในงานเดียวอย่างนี้ ไม่อยากมีปัญหาภายหลัง"
"ค่ะเจ๊ ยังไงวันนี้หนูกลับก่อนนะคะ แล้วพรุ่งนี้จะมาทำงานตามเวลาค่ะ"
"อืม อย่าลืมเปลี่ยนชุดมาด้วยล่ะ แนวคุณหนูแบบนี้เจ๊ไม่เอานะ"
"ค่ะเจ๊ หนูลาล่ะค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะเจ๊" เพียงพิณยกมือไหว้ขอบคุณเจ๊หงส์อีกครั้ง ก่อนจะกลับบ้าน
เมื่อกลับถึงบ้าน เพียงพิณบอกเรื่องงานของเธอให้แม่ฟัง ถึงแม่จะคัดค้านแต่เธอก็พยายามพูดจนแม่ยอมรับได้ และย้ำกับแม่ว่าห้ามให้แพรพลอยรู้เรื่องนี้เด็ดขาด
"ลูกต้องกลับบ้านดึกขนาดนั้น แพรต้องสงสัยแน่ แม่ว่าเราจะปิดแพรได้ไม่นานหรอกนะ"
"ถ้าแพรถามแม่ก็บอกน้องไปแล้วกันค่ะ ว่าพิณออกไปเที่ยวกับเพื่อน"
"แต่ถ้าพิณทำงานทุกวัน แม่ก็ต้องบอกแพรว่าพิณออกไปเที่ยวทุกคืนอย่างนั้นน่ะหรือ"
"ค่ะแม่"
"แต่แม่ว่า..."
"เอาเถอะค่ะแม่ บอกแพรไปอย่างนั้นก่อน หลังจากนั้นถ้าแพรก็ระแคะระคายเราค่อยว่ากันอีกที"
"จ๊ะลูก"
ผู้เป็นแม่ไม่สามารถทำอะไรได้มาก นอกจากทำตามที่เพียงพิณบอกเท่านั้น เป็นเพราะความอ่อนแอของเธอแท้ ๆ ที่ทำให้ลูก ๆ ต้องมาลำบากเช่นนี้
บ้านเช่าหลังเล็กสภาพไม่โทรมมากนัก ได้กลายเป็นที่พำนักอาศัยของสามแม่ลูก แทนคฤหาสน์หลังงามที่เพิ่งถูกขายทอดตลาดไป เพื่อชดใช้หนี้สินแทนหัวหน้าครอบครัวที่จากไปได้ไม่นาน
จากคุณหนูเพียงพิณที่เคยมีคนรับใช้ล้อมหน้าล้อมหลัง บัดนี้ได้กลายเป็นคนธรรมดาที่ต้องทำอะไรทุกอย่างด้วยตัวเอง และก็จะกลายเป็นเพียงพิณที่เข้มแข็ง เป็นหัวหน้าครอบครัวที่แม่ละน้องสามารถพึ่งพิงได้
เพียงพิณลุกจากที่นอนหลังจากที่คิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนมาทั้งคืนแล้ว เธอเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่ที่กำลังนั่งก้มหน้าเศร้าแล้วจับไหล่บอบบางนั้นไว้
"แม่คะ"
"พิณตืนแล้วเหรอลูก" ผู้เป็นแม่พยายามกลบเกลื่อนความขมขื่นเอาไว้ แต่ก็ทำได้ไม่ดีนัก
"พิณตื่นนานแล้วค่ะแม่ แล้วแพรล่ะคะแม่" เพียงพิณถามหาแพรพลอย น้องสาวของตน
"พลอยออกไปเรียนพิเศษแล้วลูก"
"...แม่คะพิณรู้เรื่องเงินประกันของพ่อแล้วนะคะ" เมื่อน้องสาวไม่อยู่บ้าน เพียงพิณจึงตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญกับผู้เป็นแม่
"พิณ!" ผู้เป็นแม่ตกใจ คิดไม่ถึงว่าลูกสาวจะรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ทั้ง ๆ ที่เธอไม่อยากให้ลูกทั้งสองรับรู้เลย
ตั้งแต่บริษัทระส่ำระส่าย เพราะภาวะเศรษฐกิจ สามีของเธอซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทก็เครียดหนักจนล้มป่วย แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถรักษาบริษัทเอาไว้ได้ จนวันที่สามีของเธอเสีย ทุกอย่างที่อยู่ในครอบครองต้องถูกขายทอดตลาดเพื่อนำไปใช้หนี้ ที่สามีของเธอกู้ยืมไว้เพื่อพยุงบริษัท
ทั้งที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ บริษัท ชุดเครื่องเพชร แม้กระทั่งบ้านหลังใหญ่โตก็ต้องถูกขายเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ ดีที่เมื่อขายทุกอย่างทิ้งแล้ว สามารถใช้หนี้ได้หมด เงินที่เหลือจากการขายทุกอย่างเมื่อรวมกับเ่งินประกันของสามีที่เสียไปแล้ว สามารถนำมาเช่าบ้านอยู่กับลูก ๆ ได้
แต่ทว่า...เงินที่เหลืออยู่ไม่สามารถส่งพวกแกให้เรียนจนจบปริญญาได้ ตัวเธอเองตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องลำบาก ไม่เคยต้องทำงานใด ๆ เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะทำงานหาเงินส่งลูกสาวทั้งสองเรียนได้อย่างไร
"พิณไม่ต้องห่วงหรอกลูก แม่จะหางานทำ แม่ไม่ยอมให้ลูกต้องลำบากหรอก"
เพียงพิณยิ้มให้มารดา แต่เป็นยิ้มที่คอยปลอบโยน ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเรื่องทำงานสำหรับแม่ของเธอแล้ว มันแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คนที่สุขสบายตั้งแต่เกิดจนอายุปานนี้ จะให้ออกไปหางานทำก็เกรงว่าลำบากเกินไป แค่เรื่องทำงานบ้านก็เต็มกลืนสำหรับแม่ของเธอแล้ว
"แม่คะ...พิณจะหางานทำค่ะ" น้ำเสียงเด็ดเดี่ยว บอกสิ่งที่เธอตัดสินใจไว้แล้ว และก็ไม่มีใครมาเปลี่ยนใจเธอได้
"แต่พิณกำลังเรียนอยู่นะูลูก พิณจะทำงานได้ยังไง พิณเป็นนักศึกษามีหน้าที่เรียนอย่างเดียวก็พอแล้วลูก"
"ไม่ค่ะแม่ พิณจะเลิกเรียนแล้วออกมาหางานทำ"
"ไม่นะลูก" เสียงของผู้เป็นแม่เริ่มสั่นเครือ "อีกแค่ปีกว่าพิณก็จะเรียนจบแล้ว พิณอย่าทำอย่างนี้สิลูก"
"แม่คะ พิณรู้นะว่าเงินที่เรามีอยู่มันเหลือไม่มากแล้ว ไหนจะค่าเทอมของพิณ ค่าเรียนพิเศษของแพร ค่าเช่าบ้านอีก ถ้าพิณไม่ทำอย่างนี้ เราจะอยู่กันไม่ได้นะคะแม่"
"แต่ว่า"
"เชื่อพิณเถอะค่ะแม่ พิณจะหางานทำเอง แม่คอยอยู่บ้านดูแลบ้าน ดูแลแพรดีกว่าค่ะ ถ้าจะมีคนที่ได้เรียนจนจบ พิณของเลือกแพรดีกว่าค่ะ แพรเป็นคนรักเรียนแล้วก็เรียนเก่งด้วย พิณอยากให้แพรได้เรียน อย่างน้อยก็จนจบปริญญาตรี"
"แต่พิณยังเด็กอยู่นะลูก แล้วพิณจะทำงานอะไร"
"งานมีออกตั้งเยอะแยะค่ะแม่ ถ้าไม่เลือกงาน แม่เชื่อพิณเถอะนะคะ พิณทำได้ค่ะ"
"...แม่ แม่มันไม่เอาไหนเลย ทำให้ลูกต้องมาลำบากอย่างนี้ ถ้าแพรรู้เรื่องเข้า..." ผู้เป็นแม่เริ่มร้องไห้ เสียใจกับความไม่เอาไหนของตนเองจนทำให้ลูกสาวของตนต้องเดือดร้อน
"แม่อย่าบอกแพรนะคะ แม่ก็รู้ว่าแพรนิสัยเป็นยังไง ถ้าแพรรู้เรื่องนี้ แพรต้องเลิกเรียนแล้วออกมาหางานทำเหมือนกันแน่ พิณไม่อยากให้น้องทำอย่างนั้น แม่สัญญากับพิณนะคะว่าจะไม่ให้แพรรู้เรื่องที่พิณเลิกเรียนแล้วหางานทำเด็ดขาด"
"แม่..."
"สํญญานะคะแม่" เพียงพิณของคำมั่นจากผู้เป็นแม่
"ก็ได้ แม่จะบอกไม่แพร"
"ดีแล้วค่ะแม่ ...พิณรักแม่นะคะ" หญิงสาวเข้าไปโอบกอดมารดา ต่อจากนี้ไปเธอจะต้องเข้มแข็งให้มากเพื่อแม่ เพื่อน้อง
"แม่ก็รักพิณนะลูก"
หลังจากนั้นไม่นานเพียงพิณก็ได้งานสอนภาษาอังกฤษให้เด็ก ๆ แถวบ้าน แต่เงินค่าจ้างนั้นน้อยนิด ไม่ค่อยค่าใช้จ่ายที่จะตามมา หลังจากสอนเด็ก ๆ เสร็จเธอก็จะเปิดหางานตามหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่ก็ออกไปเดินตามที่ต่าง ๆ คอยดูประกาศรับสมัครพนักงานที่ติดตามหน้าร้าน
เป็นอย่างนี้อยู่เกือบเดือน แต่ในที่สุดเพียงพิณก็หางานที่มีรายได้ดีสำหรับเธอได้แล้ว เธอได้งานเป็นพนักงานเสริฟในบาร์เหล้าแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบาร์ที่มักจะมีชาวต่างชาติเข้ามานั่ง เจ้าของร้านจึงต้องการคนที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ปฏิสัมพันธ์กับแขกได้ดี
"เจ๊จะให้เราทดลองงานก่อนหนึ่งสัปดาห์ ถ้าผ่านช่วงทดลองงานได้เจ๊ถึงจะจ้างเราจริงจัง แต่ช่วงทดลองนี่เจ๊ก็ยังให้เงินค่าทำงานนะ แต่อาจจะไม่มากเท่าไหร่"
"ได้ค่ะเจ๊" เพียงพิณยกมือไหว้ขอบคุณเจ๊หงส์ เจ้าของร้าน
"บาร์เจ๊จะเปิดค่ำ ๆ หน่อย ฉะนั้นเราต้องมาทำงานตอน 6 โมงเย็น แต่จะเลิกไม่เกินตี 3 เราทำได้ไหม"
"ได้ค่ะได้ กี่โมงก็ได้ค่ะ"
"ดี ถ้างั้นเริ่มงานพรุ่งนี้ อ่อเจ๊บอกก่อนนะว่าเสื้อผ้าแบบนี้พรุ่งนี้ไม่ต้องใส่มานะ" เจ๊หงส์มองเพียงพิณที่แต่งตัวเรียบร้อย แต่ก็เรียบร้อยเกินไปสำหรับบาร์เหล้าเช่นนี้ "มันเรียบร้อยเกินไป ทางการเกินไป นี่มันบาร์เหล้าต้องแต่งตัวให้มันเข้ากับสถานที่ เจ๊ก็ไม่อยากจะแนะนำให้แต่งตัวโป๊อะไรหรอกนะ แต่บางทีถ้าใส่สั้นนิด พอให้ดูเป็นอาหารตาหน่อยค่าทิปก็จะได้เยอะตามด้วย
เกือบลืมบอกไป ที่นี่เด็กเสริฟมีหน้าที่เสริฟ ไม่มีการยอมให้พวกฝรั่งหิ้วกลับบ้านด้วย ส่วนพวกที่ตามฝรั่งกลับหลังบาร์ปิดน่ะ เจ๊มีอยู่แล้ว หรือว่าอยากเปลี่ยนหน้าที่ก็บอกเจ๊ เจ๊จะได้เปลี่ยนให้"
"ไม่ค่ะ ไม่เปลี่ยนค่ะ ขอเป็นแค่เด็กเสริฟก็พอค่ะ" เพียงพิณรีบโบกมือ
"ได้อย่างนั้นก็ดี เจ๊ไม่ชอบหรอกนะที่ทำ 2 หน้าที่ในงานเดียวอย่างนี้ ไม่อยากมีปัญหาภายหลัง"
"ค่ะเจ๊ ยังไงวันนี้หนูกลับก่อนนะคะ แล้วพรุ่งนี้จะมาทำงานตามเวลาค่ะ"
"อืม อย่าลืมเปลี่ยนชุดมาด้วยล่ะ แนวคุณหนูแบบนี้เจ๊ไม่เอานะ"
"ค่ะเจ๊ หนูลาล่ะค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะเจ๊" เพียงพิณยกมือไหว้ขอบคุณเจ๊หงส์อีกครั้ง ก่อนจะกลับบ้าน
เมื่อกลับถึงบ้าน เพียงพิณบอกเรื่องงานของเธอให้แม่ฟัง ถึงแม่จะคัดค้านแต่เธอก็พยายามพูดจนแม่ยอมรับได้ และย้ำกับแม่ว่าห้ามให้แพรพลอยรู้เรื่องนี้เด็ดขาด
"ลูกต้องกลับบ้านดึกขนาดนั้น แพรต้องสงสัยแน่ แม่ว่าเราจะปิดแพรได้ไม่นานหรอกนะ"
"ถ้าแพรถามแม่ก็บอกน้องไปแล้วกันค่ะ ว่าพิณออกไปเที่ยวกับเพื่อน"
"แต่ถ้าพิณทำงานทุกวัน แม่ก็ต้องบอกแพรว่าพิณออกไปเที่ยวทุกคืนอย่างนั้นน่ะหรือ"
"ค่ะแม่"
"แต่แม่ว่า..."
"เอาเถอะค่ะแม่ บอกแพรไปอย่างนั้นก่อน หลังจากนั้นถ้าแพรก็ระแคะระคายเราค่อยว่ากันอีกที"
"จ๊ะลูก"
ผู้เป็นแม่ไม่สามารถทำอะไรได้มาก นอกจากทำตามที่เพียงพิณบอกเท่านั้น เป็นเพราะความอ่อนแอของเธอแท้ ๆ ที่ทำให้ลูก ๆ ต้องมาลำบากเช่นนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น