ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    bad...sorry! โทษที...พอดีไม่ใช่นางเอก . - Woncin -

    ลำดับตอนที่ #3 : [chapter2] การเริ่มต้น . 100%

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 54


         Chapter2 : การเริ่มต้น

     

     

     

     

         “เจสสิก้า...เจสสิก้า! ยัยสิก มานี่เร็ว ~” ทันทีที่หมดคาบเรียนที่สามหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่นั่งอยู่หน้าห้องก็ได้ตะโกนเรียกเพื่อนสาวที่นั่งเรียนอยู่ด้านหลังของห้องโดยทันทีที่เสียงออดดังขึ้น

     

     

     

         “อะไรของแกยัยเหม่ง รอแปปนึงสิ -3-” ตอบกลับทันทีโดยไม่ต้องหันไปมองเจ้าของเสียง จะใครซะอีกล่ะถ้าหากไม่ใช่ยัยเพื่อนตัวดีของตนเองที่วันนี้ตนเองและเพื่อนนั้นถูกลงโทษให้นั่งแยกที่กันเป็นเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์ เหตุเป็นเพราะมัวแต่คุยกันจนไม่สนใจฟังที่อาจารย์ชินดงฮีสุดโหดสอนนั่นเอง

     

     

     

         “เร็วๆสิ เดี๋ยวอาจารย์คาบต่อไปจะเข้ามาแล้ว!” สลับหันไปมองเพื่อนสาวที่กำลังเก็บของยัดลงกระเป๋าสีแสบกับบานประตูเลื่อนของห้องด้วยความวิตก สามชั่วโมงแสนยาวนานที่ไม่ได้คุยกับใครเลย มันรู้สึกคันปากยิบๆแบบช่วยไม่ได้จริงๆ

     

     

     

         “โธ่ ยัยยุนอา!แกก็เห็นว่าฉันไม่ว่าง รอเดี๋ยวมันจะตายรึไง” เมื่อเห็นเพื่อนสาวรบเร้าหนักขึ้น น้ำเสียงไม่พอใจตามนิสัยของเจ้าตัวก็ถูกนำมาใช้อีกครั้งในขณะที่กำลังเก็บข้าวของใต้โต๊ะใส่กระเป๋าของตน ส่งผลให้เพื่อนสาวได้แต่นั่งฟึดฟัดไปมาอย่างหงุดหงิด

     

     

     

         “โอเค มีอะไรว่ามา” เมื่อใช้เวลาเก็บสัมภาระต่างๆเสร็จเรียบร้อยแล้วก็สาวเท้าเดินนวยนาดมายังโต๊ะเรียนที่อยู่ด้านหน้าสุดของห้องตามที่เพื่อนสาวของตนได้ตะโกนเรียกเมื่อครู่

     

     

     

         “แหม ชักช้าจริงๆเลยนะแกเนี่ย...มันน่าเล่าให้ฟังดีมั้ยน้า~” แกล้งเหล่ตามองเพื่อนสาวอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า กวนอารมณ์อีกคนที่เริ่มชักสีหน้าหงุดหงิดอีกครั้ง

     

     

         “ไม่เล่าก็อย่าเล่า แกคิดว่าฉันอยากรู้นักรึไงไอ้ความลับบ้าๆของแกเนี่ย!!” แหวใส่เพื่อนสาวเสียงดังอย่างเหลืออดด้วยความอดทนที่มีอยู่ต่ำ เรียกเสียงหัวเราะสนุกสนานจากยุนอาได้เป็นอย่างดี

     

     

     

         “เวลาแกโกรธนี่ตลกชะมัด...” ยกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะอย่างมีจริต ยิ่งเพิ่มความไม่พอใจให้กับสาวผมทองมากยิ่งขึ้น มือเรียวของหญิงสาวเอื้อมไปบีบที่ลำคอของยุนอาที่กำลังนั่งหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตายเสียอย่างแรงจนเพื่อนสาวของตนนั้นแทบจะสำลัก

     

     

     

         “แค่ก แค่ก! นี่ยัยบ้า แกจะฆ่าฉันหรอ แกนี่มันโรคจิตที่สุดเลยจริงๆ” ปัดมือเรียวของเพื่อนออกจากลำคอของตนทันทีเมื่อรู้สึกตัว

     

     

     

         “ก็แล้วแกจะเล่าอะไรให้ฉันฟังล่ะ พูดซักทีสิ ลีลามากอยู่ได้” ยืนเชิดหน้ากอดอกอย่างไม่พอใจ

     

     

     

         “ก็เรื่องซีวอนของแกนั่นแหละ...” เว้นระยะไปซักพักเพื่อดูอาการของคนตรงหน้า

     

     

     

         “ซีวอน!ซีวอนทำไม? บอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” แล้วเขาก็เดาไม่ผิดเมื่อพูดชื่อคนๆนี้ออกมาจากปาก เพื่อนสาวของตนก็จะมีปฏิกิริยาตอบรับอย่างรุนแรงเสียจนน่าตกใจ

     

     

     

         “ก็ไม่ทำไมหร้อก.. แค่เมื่อเช้านี้ ฉันเห็นซีวอนของแกไปยืนคุยกับไอ้เด็กปีสามห้องA คู่อริของแกก็แค่นั้นเอง” ยกยิ้มร้ายที่มุมปากทันทีเมื่อเห็นสีหน้าที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจของเจสสิก้า

     

     

         “หึ! ไม่แน่นะ ซีวอนเค้าอาจจะชอบไอ้เด็กบ้านั่นก็ได้...” ยิ่งเมื่อเห็นสายตาอาฆาตชิงชังของเพื่อนสาวยุนอาก็ทำการยุยงเขี่ยไฟให้ลุกกระพือขึ้นในจิตใจของเจสสิก้ามากยิ่งขึ้น

     

     

     

         “ไอ้เด็กบ้านั่นอีกแล้วหรอ! รับรองว่ามันไม่ตายดีแน่...” สบถกับตัวเองเบาๆอย่างเยือกเย็นเมื่อฟังคำพูดทั้งหมดจากเพื่อนสาวเรียบร้อยแล้ว ขาเรียวที่มีเพียงกระโปรงสั้นรัดรูปปกปิดก้าวเดินฉับๆกลับไปยังที่นั่งของตัวเองพร้อมความเครียดแค้นในจิตใจที่ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง...ครั้งแล้วครั้งเล่า

     

     

     

     

    .........................................................................................................

     

     

     

    ........ออดดดดดดดด ออดดดดดดดด !~........

     

     

     

         “ออดแล้วเว้ยย!ไปกินข้าวกัน” เสียงของอีทึกตะโกนลั่นเมื่อเสียงสวรรค์และช่วงเวลาที่รอคอยได้มาถึง

     

     

     

         “แหม อีทึก แกไม่ต้องตะโกนบอกเค้าก็คงรู้แหละว่านี่มันพักกินข้าวแล้ว” ตามมาด้วยเสียงแหลมๆของนานะที่ดังขึ้นมาเหน็บแนมอีทึกอีกทอด สร้างเสียงหัวเราะให้กับเพื่อนๆที่เหลืออยู่อีกเกือบครึ่งห้องโดยทันที

     

     

     

         “แกไม่พูดก็ไม่มีใครเค้าว่าเป็นใบ้หรอกนะยัยสาวเซ็กเสื่อม!” เป็นที่รู้กันดีว่าอีทึกนั้นไม่มีวันยอมแพ้นานะเด็ดขาดในการเถียงไม่ว่าจะครั้งไหนๆก็ตาม จนลืมเพื่อนร่างเล็กอีกคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บสัมภาระใส่กระเป๋าเป้ของตนเองอยู่ที่โต๊ะของตนเองในห้องเรียน เพราะตอนนี้หนึ่งชายหนุ่มและอีกหนึ่งหญิงสาวที่ยังเถียงกันไม่เลิกนั้นได้เดินออกมายังหน้าห้องเรียบร้อยแล้ว

     

     

     

         “อีทึกกกก! นายเป็นผู้ชายนะ อย่าเถียงฉันสิ” เมื่อหาเรื่องมาเถียงต่อไปไม่ได้แล้ว สิทธิสตรีเท่านั้นที่หญิงสาวอ้างมันมาเพื่อให้ตนเองชนะการถกเถียงครั้งนี้

     

     

     

         “ได้สิ ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แกน่ะ ! ฮ่าฮ่าฮ่า ~” หัวเราะอย่างสะใจก่อนจะวิ่งลงบันไดไปทิ้งให้หญิงสาวเดินบ่นทำปากขมุบขมิบอยู่คนเดียวด้วยความเคือง

     

     

     

         “อ้าว!มัวแต่เถียงกับอีทึก แล้วฉันไปลืมยัยฮีชอลไว้ที่ไหนเนี้ย - - ” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนอีกคนยังไม่ได้ตามออกมา หญิงสาวเลยวิ่งกลับไปยังห้องเรียนเพื่อไปตามร่างเล็กอีกคนโดยทันที

     

     

     

    ครืดดดด ~

     

     

     

         “ยัยฮีชอลลลลล!!” เมื่อเลื่อนประตูห้องเรียนออกเรียบร้อยเสียงระดับร้อยแปดสิบเดซิเบลก็แผดลั่นห้องด้วยความเคยชิน จนร่างเล็กที่กำลังจะผล็อยหลับไปสะดุ้งขึ้นมาทันทีด้วยความตกใจ

     

     

     

         “อะไรของแกวะนานะ?” เงยหน้าถามเพื่อนสาวที่ยืนทำหน้าโหดอยู่ตรงประตูห้องอย่างมึนๆ

     

     

     

         “แกจะไม่ลงไปกินข้าวรึไงล่ะไอ้บ้า! -0-” พูดจบก็เดินตรงเข้ามากระชากร่างเล็กๆของเพื่อนอีกคนติดมือออกไปด้วยอารมณ์โมโหที่เถียงแพ้อีทึกเป็นรอบที่ล้าน บวกกับความหิวที่เพิ่มมากขึ้นทุกที

     

     

    …………………………………………………………………………

     

     

         “ฉันนึกว่าพวกแกไปตายกันซะแล้วนะเนี่ย ช้าจริง- - ” เมื่อเดินลงมาถึงโรงอาหารที่แออัดไปด้วยผู้คนมากมาย คำทักทายจากเพื่อนที่รักก็ดังแว่วมาแต่ไกล เล่นเอานานะจะตั้งรับกลับแต่ทว่าถูกฮีชอลปิดปากเอาไว้ก่อนด้วยความรำคาญ

     

     

         “เออ แกกับนานะไปซื้อข้าวกันเหอะ เดี๋ยวฉันนั่งเฝ้าโต๊ะไว้ให้ วันนี้ไม่หิวว่ะ” บอกเพื่อนทั้งสองอย่างเบื่อๆก่อนจะหย่อนก้นทิ้งน้ำหนักลงบนเก้าอี้สีน้ำเงินเข้มเพื่อยืนยันคำพูด

     

     

         “โอเค ไปนานะ ไปหาอะไรกระแทกปากกันเถอะเรา” กระชากเพื่อนสาวปากจัดสำหรับเขาตรงยังร้านค้าโดยไม่รอคำตอบที่คล้ายคำบ่นมากกว่าจากหญิงสาว “ไอ้เพื่อนเผด็จการ ชิ-3-”

     

     

     

         ทางด้านฮีชอลที่นั่งรอเพื่อนก็นั่งฟังเพลงจากเอ็มพีสามเครื่องโปรดไปพลางๆ ได้สติอีกทีเมื่อได้ยินคล้ายเสียงตัวอะไรมากระซิบอยู่แถวๆด้านหลังของตน ใบหน้าสวยจึงเบือนไปดูก็พบกับร่างสะโอดสะองของสองสาวปีสี่ที่ยืนเท้าสะเอวท่าเดียวกันจ้องเข้าราวกับจะกลืนกิน

     

     

     

         “มองอะไรของมึง ไม่เคยเห็นคนรึไง บอกแล้วไม่เชื่อว่าวันๆอย่ามัวไปหลบอยู่ในรู...” จ้องหน้าสองสาวกลับแล้วฝากคำด่าเบาๆคล้ายกับพูดคุยกันธรรมดาเป็นรางวัลสำหรับคู่อริคนสวย

     

     

     

         “อย่ามาทำเป็นปากดีหน่อยเลย...” กลายเป็นยุนอาที่ตอบแทนคู่อริตัวจริงไปด้วยความหมั่นไส้

     

     

     

         “ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี พวกมึงนั่นแหละ..มีปัญหาอะไรอีก?” จ้องกลับเขม็งไปที่สองสาว พร้อมถามเข้าตรงประเด็น แน่นอนอยู่แล้วว่าพวกนี้ต้องมีอะไรกับเขาซักอย่าง ถ้าไม่ใช่เรื่องหมั่นไส้หน้าเขาขึ้นมาแบบกระทันหันก็คงไม่พ้นเรื่องซีวอนคนรักของหล่อนนั่นแหละ

     

     

     

         “เรื่องซีวอน! ซีวอนเค้าเป็นแฟนฉัน” นั่นไง! ไม่มีคลาดเคลื่อนซักนิดเดียวจากที่คาดการณ์ไว้ เมื่อสาวผมทองคนสวยได้เอ่ยปากบอกเรื่องที่พาให้ตัวเองมายืนต่อเถียงกับฮีชอลอยู่ตรงนี้ก็ไม่พ้นเรื่องแฟนหนุ่มของเธออยู่ดี

     

     

     

         “รู้แล้วน่า...จะมาบอกทำไม บ้าป้ะเนี่ย?” เกาหัวถามกลับไปอย่างยียวน ก็รู้แล้วว่าแฟนกัน หล่อนจะมาบอกทำเพื่อ??

     

     

     

         “เอ๊ะ!แกน่ะสิบ้า เดี๋ยวปั้ดตบให้หายบ้าเลยดีมั้ยเนี่ย” กลายเป็นยุนอาที่แสดงออกว่าไม่พอใจแทนเจสสิก้าอีกครั้ง พร้อมง้างมือขึ้นกลางอากาศเป็นการขู่ร่างเล็กที่นั่งหันมาประจัญหน้ากับสองสาวอย่างไม่มีทีท่าหวาดหวั่นใดๆ

     

     

     

         “ถ้าไม่มีอะไรก็ไปไกลๆจากตรงนี้เถอะนะ ฉันไม่อยากจะใช้อากาศหายใจร่วมกับพวกเธอ มันขยะแขยง...” น้ำเสียงเย็นๆถูกส่งไปให้หญิงสาวทั้งสอง ทำให้รู้สึกเหมือนโดนมือที่มองไม่เห็นตบหน้าทั้งสองสาวอย่างแรงในทันที

     

     

     

         “ปากดีให้ได้ตลอดเถอะนะ...แกมันก็เก่งแต่ปาก” น้ำเสียงเย้ยหยันจากเจสสิก้าถูกส่งมาให้ร่างเล็กตอบเช่นกันอย่างไม่กลัวเกรง

     

     

     

         “ฉันไม่ใช่พวกเธอหรอกนะที่เก่งแต่ใช้กำลังข่มขู่คนอื่นเค้าน่ะ...มันทุเรศ!

     

     

     

         “หุบปากเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงแหลมที่คล้ายจะเป็นของยุนอาแว๊ดขึ้นอย่างไม่พอใจ สาวสวยหันไปจ้องหน้าเจสสิก้าเป็นเชิงให้จัดการ แต่เพื่อนสาวของตนกลับไม่ให้ความสนใจเลยซักนิดเดียว

     

     

     

         “ยัยเจส...จัดการมันเลยสิ” เมื่อเห็นเจสสิก้าเงียบไปยุนอาก็ลองกระทุ้งศอกเบาๆใส่แขนเพื่อนของเธอที่ดูเหมือนกำลังจับจ้องอะไรอยู่ไกลๆ

     

     

     

         “วันนี้ฝากไว้ก่อนแล้วกันฮีชอล...” ปรายตาลงมามองฮีชอลเพียงนิดก่อนจะสะบัดแขนของเพื่อนสาวตนเองออกด้วยความรำคาญแล้วเดินเชิดไปอีกทางที่มีเป้าหมายสำคัญของเธออยู่

     

     

     

          “ไปหาซีวอนอีกแล้ว ยัยบ้านี่ไม่ได้อย่างใจฉันเลยจริงๆ!” บ่นมุบมิบตามหลังเพื่อนคนสวยของเธอไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก จนสังเกตได้ว่าร่างเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นั้นกำลังจ้องหน้าตนเองเขม็ง

     

     

     

         “มองบ้าอะไรของแกยะ!

     

     

     

         “เอ้า ก็ฉันมองบ้าไง ไม่ใช่บ้าอย่างเดียวนะ...บ้าผู้ชาย!” ได้แต่ยืนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่กับที่อย่างแค้นเคืองเมื่อถูกตอกกลับมาจนเสียหน้า แต่จะให้หล่อนจัดการคนเดียวก็ไม่กล้าพอจึงได้แต่สะบัดกระโปรงก้าวฉับๆออกไปนอกโรงอาหารเสียอย่างเร็ว ทิ้งให้ฮีชอลนั่งเบะปากล้อเลียนด้วยความสนุกสนาน

     

     

     

         “ฮีชอล...” ได้สติอีกทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากใครบางคนที่ดูจะไม่ค่อยคุ้นนัก พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกจนกระทั่งหันหน้าไปเจอเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่ด้านหลังอีกฝั่งของตนเองพอดิบพอดี

     

     

     

          “มาทำไม?” ถามเสียงแข็งทันทีเมื่อเห็นว่าเสียงปริศนานั้นเป็นของใคร ร่างเล็กชักสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

     

     

     

         “อ้าว!ก็ใครบอกจะให้ฉันเลี้ยงข้าวตอนกลางวันล่ะ ก็มาตามที่ตกลงแล้วนี่ไง”

     

     

     

         “........” เมื่อเห็นร่างเล็กนิ่งเงียบไปคล้ายกับกำลังใช้ความคิดของตัวเองอยู่ ร่างสูงก็ถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของร่างบางทันทีเป็นการรอคำตอบจากคนที่กำลังใช้ความคิดบางอย่าง

     

     

     

         “แต่ฉันไม่อยากกินแล้ว” กระตุกยิ้มมุมปากให้ร่างสูงอย่างช่วยไม่ได้ ก็เขาไม่อยากกินจริงๆนี่นา แต่แล้วเมื่อนึกถึงความเป็นจริงบางอย่างขึ้นได้แววตาของร่างบางก็เปลี่ยนไปในทันที รอยยิ้มหวานถูกแต้มขึ้นบางๆที่ใบหน้าจนคนที่เห็นยังอดยิ้มตามไม่ได้

     

     

     

         “อืมม...แต่เห็นว่านายอยากเลี้ยงหรอกนะ ฉันยอมกินก็ได้” เมื่อตอบคำถามแก่ร่างสูงไปแล้วก็ฮีชอลก็ลุกขึ้นยืนรออีกคนให้ลุกตามแล้วเดินตรงไปยังร้านอาหารของโรงเรียนอย่างช้าๆ

     

     

     

         “เฮ้ยๆอีทึก แกดูไอ้ฮีชอลดิ!” หญิงสาวกระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋ที่ยืนต่อแถวอยู่ด้านหลังของอีทึกกระตุกชุดสูทสีน้ำเงินเข้มของร่างบางอย่างแรงด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะชี้มือชี้ไปทางต้นเหตุของเหตุการณ์ตื่นเต้นของเธอโดยไม่รีรอ

     

     

     

         “ฮีชอลกับไอ้รุ่นพี่ซีวอนนี่หว่า...แม่งเอาจริงหรอวะเนี่ย” พึมพำเบาๆในความกล้าของฮีชอล แต่นานะนั้นแทบจะแหกปากกรี๊ดให้ลั่นโรงอาหารไปแล้วในตอนนี้

     

     

     

         “อ๊ายยย ฉันรักยัยฮีชอลจริงๆเลย! เมื่อไหร่แกจะได้อย่างใจฉันเหมือนฮีชอลซักทีนะอีทึก” ยังไม่วายแขวะเพื่อนรักไปซักทีสองที จนผู้ถูกแขวะต้องหันมามองค้อนใส่หญิงสาวจนตาแทบหลุด

     

     

     

         “ล้อเล่นน่าๆ!” จิ๊ปากขัดใจกับท่าทางของอีทึกก่อนจะหันไปมองเพื่อนอีกคนที่กำลังยืนรอชายหนุ่มร่างสูงอีกคนที่กำลังซื้ออาหารเที่ยงให้ด้วยท่าทางที่ปลื้มใจสุดๆ

     

     

     

         “ดูนั่นสิยัยเจส...ยังกะแฟนกันเลย” หญิงสาวคนที่แอบยืนอยู่ตรงมุมๆหนึ่งของโรงอาหารสะกิดเรียกเพื่อนสาวอีกคนให้มองไปยังร่างเล็กของฮีชอลซึ่งเป็นคู่อริของเธอและชายหหนุ่มที่เป็นแฟนของเจสสิก้ากำลังยืนซื้ออาหารอยู่ด้วยกัน

     

     

     

         “เห็นแล้วน่ายัยบ้า!” หันไปหงุดหงิดใส่เพื่อนสาวที่พูดกับเธออย่างไม่เกรงใจจนอีกฝ่ายได้แต่เงียบ

     

     

     

         “มันจะต้องออกไปจากชีวิตพี่ซีวอนของฉัน!!!” ขบกรามมองไปทางสองนนั้นอีกแวบเดียวแล้วเดินหนีไปทันที ไม่อาจทนเห็นภาพที่บาดใจจของตัวเองได้อีกต่อไป

     

     

    แล้วแกกับฉันจะได้รู้กัน คิมฮีชอล...

     

     

    ..........................................................................................................

     

    เป็นการแก้ไขตอนที่สองนะคะ ขอคุณนักอ่านทุกท่านค่ะ เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ด้วยน้า ^^

     

     

     

     

     

     

     

        

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×