คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [chapter1] เปิดตัวแนวร่วม . 100%
Chapter1 : เปิดตัวแนวร่วม
“โอ้ยยยยยย!! สายแล้วๆ ไอ้นาฬิกาปลุกเวรนี่ก็จริงๆเลย แทนที่จะปลุกก่อนถึงเวลาซักครึ่งชั่วโมงรู้ก็รู้ว่าฉันตื่นสาย ชิชิชิ -3- ” เสียงบ่นงึมงำที่ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์ดังลอดต่อเนื่องออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มของร่างเล็กที่กำลังวิ่งวุ่นไปมาอยู่ในห้องนอนของตนอย่างเร่งรีบ มือเล็กปัดป่ายหาข้าวของไปทั่วด้วยความรีบ ชุดนักเรียนที่ใส่แล้วเรียบร้อยถูกจัดอีกครั้งหน้ากระจกบานใหญ่ก่อนที่ร่างเล็กจะคว้ากระเป๋าเป้วิ่งตรงไปยังเส้นทางที่คุ้นเคย
“เฮ้อ กี่โมงแล้ววะเนี่ย..” เมื่อขาเรียวก้าวเข้ามาภายในสถานที่ที่เรียกว่า ‘โรงเรียน’ มือบางก็ยกขึ้นดูเวลาทันที เมื่อเห็นว่ายังไม่สายอย่างที่คิด ขาเรียวก็ก้าวตรงไปยังโต๊ะประจำของกลุ่มที่สวนของโรงเรียนอย่างรวดเร็ว
“ไอ้ฮีชอลลล! ทำไมวันนี้มาสายจังวะ พวกฉันมีเรื่องจะเล่าให้แกฟังเยอะแยะเลย มานั่งนี่ๆ” ยังไม่ทันเดินไปถึงเสียงหวานแหลมที่คุ้นหูเป็นอย่างดีก็ดังขึ้นอย่างรู้งาน เรียกรอยยิ้มให้ปรากฏบนใบหน้าของร่างเล็ก
“เออๆก็ดีกว่าไม่มาแล้วกันโว้ย มีอะไรก็ว่ามาพวกแก?” ตอบตามแบบฉบับก่อนจะนั่งลงตามคำเชิญของเพื่อนและรุ่นน้องสุดที่รักทั้งหลายที่มานั่งเสนอหน้ากันแบบนี้ทุกเช้า
“แหมๆ จะเรื่องอะไรได้อีกล่ะพี่ฮีชอลก็! ก็เรื่องยัยเจสสิก้านั่นแหละ” เสียงที่โคตรจะคุ้นโสตประสาทที่ไม่ใช่ของเพื่อนดังขึ้นมาสวนฮีชอลทันที เล่นเอาฮีชอลกรอกตาไปมาอย่างปลงๆกับรุ่นน้องพวกนี้
“โอเค มีอะไรว่ามา”
“ก็เมื่อวานนี้ฉันเห็นยัยเจสสิก้ามันไปตบกับเด็กหญิงล้วนโรงเรียนข้างๆเราเนี้ย!” กลายเป็นอีทึกที่อดรนทนไม่ไหวชิงพูดขึ้นมาต่อเสียก่อน ทำให้ดงเฮที่ตั้งใจจะพูดอยู่แล้วนั้นต้องอ้าปากงับลมไปโดยปริยาย
“แหมๆ ไม่จบแค่นั้นนะพี่ฮีชอล เมื่อวานนี้ยัยเจสสิก้ามันมาลากพี่ซีวอนของพี่กลับบ้านไปตั้งแต่เที่ยงเลยแหละ เลวจริงๆ -3- ” ไม่ยอมอ้าปากงับลมเปล่าๆ ร่างเล็กๆแต่พูดมากก็ต่อประเด็นร้อนทันที
“เฮ้ยๆ พูดให้ดีๆนะเว่ย ไอ้หมอนั่นไม่ใช่ของฉันซักหน่อย..”
“โธ่ พี่ฮีชอล ตอนนี้ไม่ใช่ เดี๋ยววันอื่นก็ต้องใช่! ใช่มั้ยฮยอกแจ ~” ร่างอวบที่นั่งเงียบมานานปริปากพูดแซวรุ่นพี่คนสวยของตัวเองต่อจากเพื่อนรักทันที แถมยังโยงเรียกหาพยานที่นั่งอยู่ข้างๆอีกต่างหาก
“เอ่อ...ใช่ฮะ ^^’ ” เกาหัวแกรกๆอย่างไม่ค่อยมั่นใจ ก่อนจะยิ้มตาหยีส่งไปให้เพื่อนๆพี่ๆในวงสนทนา แล้วกลับไปเป็นผู้ฟังที่เรียบร้อยเช่นเดิม
“นี่แกยังไม่เลิกนิสัยติ๋มริซึ่มอีกหรอฮยอกแจ ไม่น่าเชื่อนะเนี่ยว่าจะมาอยู่กับพวกพูดเป็นต่อยหอยอย่างซองมินกับดงเฮได้” คำพูดทีเล่นทีจริงจากปากฮีชอลยิ่งทำให้ฮยอกแจต้องก้มหน้าคล้ายกับคนที่ขาดความเชื่อมั่นในตนเองอย่างแรงเข้าไปใหญ่
“โธ่ ฮยอกแจ พี่ฮีชอลเค้าแหย่เล่นนิดเดียว อย่าคิดมากน่า ~” ซองมินกับดงเฮจัดการปลอบลูบหัวลูบหลังเพื่อนขี้กลัวของพวกเขาเป็นการใหญ่ เป็นที่รู้ๆกันเลยว่าฮยอกแจนั้นขี้อายเอาซะมากๆ แถมยังไม่มั่นใจในตัวเองอีก เวลาพูดอะไรกระทบกระเทือนจิตใจก็จะกลายเป็นไก่หงอยไปในบัดดล
“เอ้าๆ พวกแกนี่ไปกันใหญ่จริงๆ - -* เลิกๆ แยกย้ายกันไปเข้าเรียนได้แล้ว” เมื่อเห็นท่าไม่ดีเพื่อนที่ดีอย่างอีทึกก็พาฮีชอลชิ่งไปก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดราม่าโดยทันที
“เฮ้ยๆอีทึก วิ่งรอฉันด้วยดิวะ !” ไม่รู้มันจะรีบอะไรนักหนา กลัวไม่ได้เรียนก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเรียนทีไรมันก็นอนหลับน้ำลายเยิ้มทุกคาบ แล้วทีนี้มาทำเป็นวิ่งแจ้นเชียว - -‘
“เออ โทษที อินจัดไปหน่อยว่ะ” เปลี่ยนจากวิ่งมาเป็นเดินกอดคอเพื่อนอีกคนที่เดินหอบแฮ่กๆตามหลังตัวเองมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“แกนี่เป็นหนักจริงๆว่ะอีทึก - -‘ ” สองเพื่อนซี้เดินไปเรื่อยเปื่อยอย่างไม่สนใจเวลา ปล่อยสติให้ล่องลอยไปกับสายลม ~
“เฮ้ยๆไอ้วอน ดูนั่นดิ..น้องฮีชอลของข้าเดินมาทางนี้ว่ะ” ชายหนุ่มร่างหนาห้องA ที่ใช้เวลาในการคลั่งไคล้ร่างเล็กมานานเกินปีกระตุกชายเสื้อของเพื่อนสนิทอย่างแรงด้วยความตื่นเต้น
“หรอ...งั้นเอ็งก็เข้าไปหาเค้าเลยแล้วกัน” กระตุกยิ้มให้เพื่อนอย่างมีเลศนัย ก่อนลำแข้งยาวจะกระแทกเข้าที่กลางหลังของเพื่อนสนิทอย่างจังจนพุ่งออกไปจากที่ซ่อนหลังพุ่มไม้โดยทันที
“เฮ้ยยยย!!~” ทันทีที่รู้สึกถึงลูกถีบจากด้านหลังปากก็อ้าออกแหกปากทันทีด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าร่างของตนนั้นกำลังพุ่งตรงไปยังสองหนุ่มหน้าสวยของโรงเรียน
“เฮ้ยยยยยยยย!!!!” สองเสียงหวานประสานกันดังด้วยความตกใจอย่างยิ่งเมื่อเห็นวัตถุคล้ายคนกำลังพุ่งมาทางพวกเค้าด้วยความเร็วสูง ฮีชอลกอดหมับเข้าที่เอวของอีทึกแน่นพร้อมหลับตาปี๋ด้วยความตกใจ
พลั่กกกกก !
“โอ้ยยยยย!” เสียงที่คาดว่าน่าจะเป็นของชายหนุ่มร่างเล็กสองคนที่อีกคนกอดเอวอีกคนนึงแน่น ส่วนอีกคนนั้นยืนตาค้างอยู่กับที่ แต่มันไม่ใช่ ! เสียงร้องนั้นกลับเป็นของคังอิน เมื่อพุ่งเข้ามาก็รับแรงถีบงามๆจากอีทึกเข้าไปเต็มๆจนล้มลงไปกองกับพื้น เล่นเอาซีวอนที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดถึงกับหลุดขำออกมา
“โดนทั้งหน้าทั้งหลังเลยกู..โอย” เมื่อวัตุถุคล้ายคนที่กองอยู่ตรงแทบเท้าของอีทึกนั้นเริ่มเคลื่อนไหวได้ ฮีชอลก็เตรียมจะฉุดอีทึกนั้นเผ่นตามสัญชาติญาณโดยทันที แต่ช้าไปเมื่อเสียงเข้มๆของรุ่นพี่ปีสี่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของบุคคลที่เป็นอริกับกลุ่มของร่างบางมาตั้งแต่ไหนแต่ไรดักขึ้นเสียก่อน
“เฮ้ย พวกเธอน่ะหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!” แกล้งตีหน้าขรึมเมื่อเห็นชายหรุ่มทั้งสองยอมหยุดแต่โดยดี
“ทำเพื่อนฉันเจ็บล้วจะชิ่งแบบนี้มันไม่ง่ายไปหน่อยรึไง...” สาวเท้าย่างสามขุมเข้าหาร่างเล็กหน้าสวยที่คล้ายกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในหัว โดยหวังจะแกล้งให้กลัวก็เท่านั้น
“เอ้า! มาโทษกันแบบนี้ได้ไงวะ ก็เพื่อนมึงวิ่งเข้ามาหาตีนเพื่อนกูเองนี่ ช่วยไม่ได้” อีทึกเองก็ตกใจกับคำพูดของฮีชอลที่ไม่อยากเชื่อว่าจะออกมาเป็นแบบนี้ แล้วแผนที่กำลังจะก่อร่างสร้างขึ้นมามันจะสำเร็จมั้ยล่ะฮีชอลเอ๋ยยยย ~
“อ้าว! ไอ้น้อง พูดให้มันดีๆหน่อยนะ ฉันเป็นพี่นายก็หัดเคารพกันบ้าง” จากที่แกล้งตีหน้าขรึมเมื่อได้ยินคำตอบที่แสนจะกวนจากร่างเล็กตรงหน้าอารมณ์โทสะก็เข้ามาแทนที่โดยทันที
“จำไว้นะ ! กูจะเคารพเฉพาะคนที่กูคิดว่าควรเคารพ ซึ่งคนๆนั้นไม่ใช่มึงกับแฟนมึงแน่นอน...” จ้องตาร่างสูงตรงหน้าอย่างอาฆาตแค้น แค้นที่มาจากเจสสิก้าโดยล้วน แต่มันก็ทำให้คนอย่างฮีชอลพาลได้ไปทั่ว โดยเฉพาะกับคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘คนรัก’ ของศัตรู
“ปากดีเกินไปมั้ยไอ้น้อง!!” หมัดหนักๆถูกปล่อยใส่เข้าที่มุมปากของร่างเล็กพอดิบพอดีจนใบหน้าสะบัดออกไปตามแรงเหวี่งของหมัด สร้างความตกตะลึงให้กับสองคนที่เหลือเป็นอย่างมาก
“ฮีชอล ฮีชอล..!!” ร่างบางของอีทึกแทบจะสิ้นสติเมื่อเห็นว่าร่างบางกำลังต่อปากต่อคำกับร่างสูงของซีวอนที่เป็นคนรักของเจสสิก้า ไม่รู้เลยว่าฮีชอลกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้อีทึกนั้นแทบจะสิ้นสติยิ่งกว่าเมื่อเห็นร่างของเพื่อนรักทรุดลงไปกองกับพื้นเมื่อโดนหมัดหนักของรุ่นพี่ปีสี่เสยเข้ามุมปากไปอย่างจัง
“ไอ้ซีวอน...แกทำเกินไปหรือเปล่าวะ” คังอินที่เพิ่งเรียกสติกลับคืนมาแล้วลุกขึ้นมาพูดกับเพื่อนของตัวเองอย่างเครียดๆ ก็มันเล่นต่อยน้องเค้าซะสลบขนาดนี้ เดี๋ยวเป็นเรื่องขึ้นมา คนที่ซวยก็คือตัวมันเองนั่นแหละ
“.......” ไม่มีคำตอบจากร่างสูง นอกจากแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อมากมายกำลังยกร่างเล็กๆของคนที่ถูกเขาทำร้ายไปเมื่อกี้ขึ้นมาแล้วตรงไปยังห้องพยาบาลของโรงเรียนโดยทันที และในวินาทีที่ซีวอนและคังอินไม่ได้สังเกตนั้น มุมปากที่เปื้อนเลือดของฮีชอลกลับยกยิ้มขึ้นมาให้เพื่อนรักที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่อย่างงงๆ
“ร้ายนักนะไอ้ฮีชอล...แกจะทำอะไรของแกเนี่ย” ส่ายหัวกับความคิดที่ซับซ้อนของเพื่อนคนนี้ ให้ตายสิ นี่เค้าควรตามมันไปดีมั้ยเนี่ย เผื่อไปทำแผนมันแตกก็ต้องซวยแน่ๆ คิดได้ดังนั้นอีทึกจึงตัดสินใจเดินขึ้นไปยังตึกเรียนเพื่อบอกข่าวแก่เพื่อนสาวอีกคนที่ป่านนี้คงขึ้นเรียนไปแล้ว
“เอ่อ เป็นไงบ้างครับน้องฮีชอล หายเจ็บหรือยัง?” เมื่อเข้าไปทำแผลเสร็จเรียบร้อยโดยให้การณ์แก่ครูห้องพยาบาลว่าฮีชอลนั้นตกบันได คังอินก็รีบกุลีกุจอถามไถ่อาการฮีชอลโดยทันที ต่างจากอีกคนที่เดินตามหลังมาเงียบๆ
“มันจะหายได้ยังไงครับคุณพี่ ผมโดนต่อยนะไม่ใช่มดกัด” ตอบห้วนๆอย่างไม่ใส่ใจแถมยังส่งค้อนวงโตไปให้คังอินอีกชุด ร่างสูงที่เดินตามมาเงียบๆถึงกับหลุดขำในความตรงของร่างเล็กนี้
“อืม ฮีชอล” เสียงทุ้มที่เรียกชื่อของเขาเบาๆแต่กลับส่งผลให้ร่างบางสะบัดหน้าไปทางต้นเสียงเสียแรงด้วยความตกใจ
“อะไร...” ถามกลับด้วยเสียงเย็นชา แต่ภายในใจกลับเต้นครึกโครมเสียยิ่งกว่ากลองศึก
“ฉันขอโทษที่ต่อยนายไป หายโกรธนะ คิดซะว่าหายกันที่นายด่าฉัน..” ดวงตาคมเข้มสีนิลที่จ้องมาทให้ร่างเล็กต้องจ้องกลับไปอย่างไม่เข้าใจในความรู้สึก
“ก็ถ้าอยากให้เป็นแบบนั้น...ตอนเที่ยงเลี้ยงข้าวฉันสิ” ยกยิ้มมุมปากให้ชายหนุ่มอย่างไม่ใส่ใจ เพราะรู้ดีว่ายัยเจสสิก้าแฟนสาวของร่างสูงนั้นไม่ยอมปล่อยมาแน่ๆ แต่ลองคิดในมุมกลับกัน ถ้าซีวอนเกิดมาได้ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นกับยัยเจสสิก้า...แค่คิดก็สนุกซะแล้วล่ะ
“โอเค ไม่มีปัญหา!” ส่งยิ้มหวานกระชากจิตไปยังร่างบางอีกครั้งเป็นการทิ้งทวน ก่อนจะกระชากเพื่อนร่างหนาของตนที่ยังมึนตั้งแต่โดนฮีชอลส่งค้อนวงโตไปให้กลับไปขึ้นเรียนด้วยกัน
...................................................................................................
“คังอิน.. น้องฮีชอลของแกเนี่ย ฉันขอได้มั้ยวะ..” เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องคำถามที่ร่างสูงไม่เคยถามเพื่อนสนิทคนนี้เลยในชีวิตก็ได้ออกมาจากปากหยักเป็นครั้งแรก สร้างความประหลาดใจให้กับคังอินเป็นอย่างมาก
“แหมะ! ทีนี้ล่ะมาทำเป็นขอ ฉันก็แค่ปลื้มน้องเค้า แต่คุณเจสสิก้าของแกน่ะจะยอมให้มั้ย นี่แหละสำคัญ” เตือนสติเพื่อนด้วยความหวังดีก่อนจะเดินลิ่วเข้าไปนั่งยังโต๊ะเรียนของตนเองปล่อยให้ร่างสูงใช้ความคิด
ก็ถ้าฉันไม่บอก ก็คงไม่มีใครรู้หรอกจริงมั้ย..?
“อะไรนะ! ว้าย...สุดยอดไปเลยยัยฮีชอล ฉันรักแกจริงๆ” เสียงวี้ดว้ายของหญิงสาวดังขึ้นภายในห้องเรียนห้องAของเด็กปีสาม แต่ทุกคนภายในห้องก็ชินกับมันจนหมดแล้ว ทำให้หญิงสาวไม่ต้องเกรงกลัวมครในการเพิ่มระดับเดซิเบลของเสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆ
“มันจะดีหรอวะฮีชอล เล่นแบบนี้คนที่เสียความรู้สึกอาจจะไม่ใช่ยัยเจสสิก้าก็ได้นะเว่ย” อีทึกที่นั่งอยู่ข้างๆฮีชอลกระซิบเสียงแผ่วเตือนเพื่อนรักที่กำลังสนุกกับแผนการแกล้งเจสสิก้า
“อีทึก! แกก็ ฉันว่าดีออก แม่นั่นจะได้อกระเบิดตู้มม ตายไปเลย สะใจมาก ! ฮ่าฮ่าฮ่า~” ไม่ใช่ฮีชอลที่ตอบกลับ แต่เป็นเสียงแหลมๆของหญิงสาวที่ตอบลับมาแทนเพื่อนรักอีกคนของเขา
“ฉันถามฮีชอลไม่ใช่แกนานะ หุบปากไปเลย! -3-”
“มันก็ต้องลองดูสิอีทึก จะเอาคืนยัยเจสสิก้าตัวแสบทั้งที ก็คงต้องทุ่มทุนสร้างกันหน่อย”
“อ๊ายยย! ฮีชอลแกโดนพี่ซีวอนชกไปทีเดียวความคิดแกดีขึ้นมากเลยว่ะ สงสัยฉันต้องไปขอบคุณพี่ซีวอนซะแล้วมั้ง..” แกล้งพูดหยอกล้อเพื่อนรักตามนิสัย เป็นที่รู้กันดีว่านานะนั้นถึงจะปากร้าย แต่ก็รักเพื่อนอย่าบอกใครเลย
“ให้ฉันชกแกก่อนดีมั้ยไอนานะ มานี่เลยยยย ~” สิ้นเสียงฮีชอลก็เกิดภาพผู้ชายร่างเล็กๆวิ่งไล่สาวสวยเซ็กซี่รอบห้องเรียน สำหรับคนอื่นมันอาจจะดูน่าปวดหัวแต่สำหรับอีทึก มันกลับเป็นความเคยชิน เพื่อนสองคนที่ดูเหมือนร้ายกาจ แต่แก่นแท้แล้วก็ไม่ต่างอะไรไปจากวัยรุ่นทั่วไปธรรมดา ที่รักเป็น โกรธเป็น...
“ฉันก็ขอให้แกไม่แพ้ใจตัวเองซะก่อนนะฮีชอล...”
เป็นตอนแรกค่ะที่แก้ไข เรื่องก็จะเปลี่ยนแนวมาประมาณนี้ค่ะ แต่ความอาฆาตของทุกคนยังคงอยู่ครบ ฮ่าฮ่า :'D
ใครอ่านซ้ำตอนนี้แล้วอยากแสดงความคิดเห็นก็ได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกคนจ้า ~
ความคิดเห็น