ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 02 : เริ่มต้น..
02 : เริ่มต้น
อาจจะเต็มที่แต่ทำได้แค่นี้....
อยากจะหนีเรื่องบ้าๆ นี่ให้พ้นเธอไม่น่าไปตกปากรับคำจุนเฮวเลยคิดได้ยังไงที่จะยอมคบกับเขาเพื่อตบตาคนที่แอบชอบ
แล้วทำไมจุนเฮวต้องทำถึงขนาดนี้?
เรื่องนี้มันบ้าบอจริงๆ ให้ตายสิวันนี้ทั้งวันจุนเฮวก็เอาแต่เกาะติดเธอซะจนไม่มีเวลาว่างเป็นของตัวเธอเองจะมีก็แต่ตอนอยู่ห้องเรียนก็เท่านั้นยิ่งตอนเรียนพละก็ยิ่งแล้วใหญ่มันคาบชนกันไง เลยต้องเรียนด้วยกันโดยปริยาย...
"ก่อนอื่นวันนี้ครูต้องขอโทษด้วยที่ต้องมารับหน้าที่สอนถึงสองห้องร่วมกัน พอดีวันนี้อาจารย์ที่สอนพวกเด็กห้องบีไม่ว่างมาสอนเลยฝากพวกเธอไว้กับครูในคาบนี้"ครูประจำวิชาของห้องพวกพี่ๆ หรือห้องของมิอินร่ายยาวบอกเหตุผลที่เขาต้องมารับหน้าที่ในการสอนควบกันสองห้องอย่างนี้ สงสัยกลัวเด็กจะงง"เอาล่ะ พวกพี่ๆ ก็อย่าแกล้งน้องละกันวันนี้ก็ไม่มีอะไรมากครูอยากให้พวกเธอทั้งหมดจับกลุ่มกันสี่คน"
"ค่ะ/ครับ" นักเรียนแสนว่าง่ายทั้งสี่สิบสี่คนที่ยอมทำตามคำสั่งอย่างง่ายดายโดยไม่รอช้าพวกเขาก็จัดการตามหากลุ่มของตัวเองทันทีจะมีก็แต่ยัยเอ๋อคนเดียวคนเดิมที่เดินเงอะๆ งะๆ หากลุ่มอย่างยากลำบาก ไปกลุ่มนั้นก็เต็มกลุ่มนี้ก็เต็ม
"อ๊ะ!" เมื่อถูกฉุดรั้งจากคนข้างหลังมิอินก็เผลอส่งเสียงออกมาอย่างลืมตัวเพราะมัวแต่ยืนมองหากลุ่มเลยไม่ทันมองคนที่เหมือนจะรอให้เธอเข้ากลุ่มอยู่เต็มที่"จุนเฮว"
"ยืนบื้ออยู่ได้ มานี่" ไม่รอช้าจุนเฮวออกแรงดึงเบาๆ ให้มิอินเดินตามมายังกลุ่มของเขาร่างเล็กของมิอินไม่ได้ขัดขืนแต่จะมีงอแงอยู่หน่อยๆ เพราะเขาออกแรงเยอะไปหน่อยเพราะความรีบร้อน
"เธอนี่ชักช้าชะมัด" หมดคำจะพูดเมื่อสุดท้ายแล้วมิอินก็ต้องอาศัยคนนำทางมาหาพวกเขาฮันบินรำคาญนิดหน่อยที่คนไปตามไม่ใช่เขา
"ฮันบิน!" อะไรของเขาจะมาบ่นให้เธอทำไมเธอก็ใช่ว่าจะยอมตลอดหรอกนะ "จะบ่นอะไรนักหนา"
"เอ่อพวกพี่ๆ คะครูบอกให้กลุ่มที่ครบแล้วไปรวมกันค่ะ"เสียงใสๆของบุคคลหนึ่งพูดขึ้นเพราะไม่อยากให้พวกพี่ๆ ในกลุ่มต้องเถียงกันเพราะเรื่องไร้สาระอย่างนี้
"อ่า..."
"ยัยนี่ช่ือเยริม หมอนี่ฮันบินพี่ชายฉันส่วนยัยนี่มิอิน" จุนเฮวเป็นตัวกลางระหว่างคนสองห้องหยุดพูดไว้กลางอากาศพร้อมกระตุกยิ้มมุมปากอย่างที่ชอบทำ"...แฟนฉัน" รอยยิ้มร้ายกาจไม่ถูกส่งไปให้คนที่เขายืนแนะนำตัวแต่มันกลับถูกส่งไปที่บางคนที่อยู่ข้างๆ 'แฟน' เขาแทน
ก็ไม่อยากจะบอกหรอกว่าเขาอยากจะแกล้งพี่ชายสุดที่รักสักนิดหน่อยเป็นการยั่วโมโหที่เขาชอบทำให้กับคนรอบข้างอยู่บ่อยๆ หลายๆ ครั้งที่ผ่านมามันอาจจะดูตลกแต่ตอนนี้สีหน้าของเขามันดูจะจริงจังเกินเหตุ"...."จนทำให้บางคนที่ขี้หงุดหงิดอยู่แล้วยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
"ปล่อยสิจุนเฮว...ไปกันเถอะ" คนโง่อย่างเธอก็ยังโง่เง่าอยู่วันยังค่ำเพราะแม้แต่ปฏิกิริยาแรงขนาดนี้เธอยังไม่รู้ไม่มีการตอบสนองใดๆ แม้แต่น้อยกลับกันมิอินเอาแต่ผลักไสอ้อมแขนของจุนเฮวที่คล้องคออยู่ก่อนหน้านี้ออกแล้วเดินนำอาดๆ ไปกับเยริมเพื่อนรุ่นน้องคนใหม่ที่พึ่งรู้จักกันไม่ถึงสิบนาที
"อย่าเล่นแบบนี้ฉันไม่ชอบ"
"แล้วทำไมจะเล่นไม่ได้...ก็แฟนกัน" จำใจพูดยั่วกันไปงั้นแหละเพราะเขาชอบเวลาแกล้งฮันบินมันสนุกดี
"ก็รู้...แต่ไม่ชอบ"
พูดจบก็หันหลังเดินตามมิอินกับเยริมไปเพราะไม่อยากที่จะสนทนากับคนที่ทำให้เขาต้องอึดอัดในตอนนี้
ทางด้านจุนเฮวก็เหมือนจะภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปไม่น้อยมัวแต่ยืนมองพี่ชายที่หัวเสียแล้วยกยิ้มอย่างผู้มีชัย...
"แค่เพื่อน?"
"หึ"
"ผมไม่ได้โง่นะพี่ชาย..."
"พี่นั่นแหละที่โง่เอง...J "
เลิกเรียน
เรื่องเมื่อตอนนั้นทำให้ฮันบินหัวเสียไม่น้อยเพราะน้องชายของตัวเองที่เอาแต่จะกวนโอ้ยตลอดจะด่ามันก็ไม่ฟัง..ก็รู้ๆ อยู่จุนเฮวมันหน้าด้าน
"กลับบ้าน" เมื่อจัดกระเป๋าอะไรเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมตัวออกจากห้องโดยไม่ลืมที่จะคว้ามือเพื่อนรักให้ออกตามมาด้วย
"นายจะรีบไปไหนเดินช้าๆ ก็ได้" เจ็บนิดหน่อยเลยได้แค่พูดโอดครวนออกมาอย่างหัวเสียทั้งวันมานี้ไม่รู้ว่าทำไมเด็กพวกนี้จะต้องมาทำให้เธอเหนื่อยใจอยู่ตลอดไม่ว่าจะฮันบินหรือจุนเฮว
"อีกอย่างมันเจ็บนะ"
ถึงกลับโบกตาโพลงเพราะเมื่อบ่นว่าเจ็บอีกคนกลับไม่ยอมขอโทษแต่กลับเปลี่ยนจากการจับแรงๆที่ข้อแขนมากุมมือบางๆนุ่มๆ นี่แทน..
ไม่อยากปล่อย...
"กลับบ้านกัน"
"อืม"
เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนเหงื่อมากมายที่ไหลออกมามันทำให้ความใกล้ชิดของมือทั้งสองเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ แต่ความอบอุ่นที่ส่งผ่านกันนี่มันคืออะไร?
ถึงจะรู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่อยากปล่อยมือนี่เลย..
ถึงจะเคยทำแบบนี้อยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ความรู้สึกมันแปลกๆ เหมือนครั้งนี้ ....
ได้แต่มองแผ่นหลังของคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อนคนนี้ ยิ่งมือหนากระชับสัมผัสมากขึ้นเท่าไหร่หัวใจดวงน้อยก็เอาแต่กระส่ายสั่นอย่างเจ้าเข้า..มันก็ดีใจอยู่หรอกนะที่อีกคนทำอย่างนี้แต่ในใจก็เอาแต่คิด...เพื่อนกันทำอย่างนี้ได้ด้วยหรอ?
ไม่เข้าใจว่าถ้าไม่ได้คิดกันเกินเลยกว่านี้แล้วทำไมจะต้องมาให้ความหวังความรู้สึกเธอเป็นแบบนี้เพราะมิอินก็มั่นใจเหมือนกันว่าคนอย่างฮันบินไม่มีทางมองเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งแน่นอน ....
ถึงจะปวดใจไม่น้อยเมื่อคิดได้แบบนั้นแต่
ดวงใจดวงน้อยๆนี่กลับพองโตเมื่อคนๆ นี้ทำดีด้วยหรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เธอชื่นใจแต่ในขณะเดียวกันก็อยากจะออกห่างออกมาเพราะรู้ถึงเหตุผลที่อีกคนทำดีด้วยแล้วมันทำให้เธอปวดใจ
...แต่ก็ทำอย่างที่คิดไม่ได้...
...แค่เพื่อนก็ยังดี...
...ไม่สิไม่ดี...
...อยากเป็นมากกว่านั้น...
...แต่ก็ไม่กล้าที่จะทำ...
'ไม่อยากเสียนายไปนะฮันบิน'
ได้แต่คิดอยู่ในใจกับสิ่งที่อยากทำแต่ก็ทำไม่ได้เพราะความขี้ขลาดของตัวเธอเองจะโทษอะไรนอกเหนือจากนี้ก็ไม่ได้เพราะมันคือเรื่องจริง
เดินมาเรื่อยไม่รู้ว่าถึงป้ายรถเมื่อไหร่กระนั้นมือหนาๆ ของฮันบินก็ไม่มีท่าทีว่าจะปล่อย
"ฮันบิน.."
"ขึ้นรถเถอะ"
พูดได้ไม่ทันจบประโยคคนข้างกายก็ชิงพูดตัดโดยไม่ทันที่มิอินจะได้พูดต่อก็ต้องก้าวขาขึ้นไปบนรถอย่างเร่งรีบทั้งๆที่เขายังไม่ปล่อยมือแต่กลับกระชับให้มันแน่นขึ้นมากกว่าเดิม
"เหี้ย..." สบถออกมาเบาๆ เพราะถึงแม้ว่าจะฝ่าด่านผู้คนมากมายเพื่อขึ้นมาข้างบนรถแล้วแต่กลับไม่มีที่นั่งเหลือให้ทั้งสองเลยแถมผู้คนก็เบียดเสียดกันมากขึ้นกว่าเมื่อกี้นี้อีก...ก็เข้าใจว่าเวลานี้มันเป็นเวลาเร่งรีบแต่ทำไม่คนต้องเยอะขนาดนี้ด้วยวะ!
"ขยับไปหน่อย" บอกเหมือนสั่งๆ เพราะคนข้างหลังดันมามันเลยทำให้ตอนนี้พื้นที่ระหว่างทั้งสองน้อยลงทุกที..ตอนนี้มันไม่เหลือที่นั่งให้เลยมิอินเลยต้องจำใจยืนนิ่งๆ เป็นหุ่นแข็งท่ามกลางเด็กนักเรียนชายที่ส่วนใหญ่ก็อยู่โรงเรียนเดียวกับเธอแทนไอ้จะให้จับราวข้างบนไว้มันก็ไม่ถึงเพราะความตัวเล็กของเจ้าตัวเอง
ส่วนอีกคนที่พึ่งลากเธอกลับบ้านก็ยืนอยู่ข้างหลังเป็นเกราะป้องกันเพื่อนของตัวเองไว้มือจับราวข้างบนถึงแต่นั่นมันทำให้หน้าอกของฮันบินดันเบาๆ ที่หัวของคนตรงหน้า
"ไม่เอาไม่ต้องขยับ...ยืนนิ่งๆก็พอ" เพราะเห็นว่าที่นั่งข้างหน้ามันเป็นพวกเด็กนักเรียนชายเลยเปลี่ยนคำพูดอย่างฉับพลันทำให้ขาที่พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าสักครึ่งก้าวเสียการทรงตัวเพราะแรงพยุงของรถทำให้รถเสียหลักเล็กน้อย
"อะ!"
เกือบล้มไปข้างหน้าเมื่อรถเสียการทรงตัวแต่ติดตรงที่ว่ามีมือหนาๆคว้าเข้าที่เอวบางเอาไว้ก่อน...มิอินตกใจไม่น้อย เพราะตกใจเหมือนกันที่ฮันบินเลือกที่จะคว้าเอาตรงนั้นเข้าจังๆมันทำให้เธอเจ็บเบาๆ อยากจะด่าทอให้สักหน่อยแต่ความตกใจมันมีมากกว่าเลยได้แค่ยืนนิ่งเป็นหินมากกว่าเดิม
"เป็นไรมั้ย?"
"มะ...ไม่"
...พูดไม่ออกเลยอีกอย่างถ้าขยับมากกว่านี้อะไรๆของเธอมันจะชนกันกับอะไรๆของเขา...
ไม่เอาแบบนี้...
แต่อยากอยู่แบบนี้นานๆจัง...
งี่เง่าจัง...
โง่เง่าจริงๆ....
i K O N
F R I E N D
100%
"ฮืม..."เหมือนคนข้างหลังจะติดรำคาญไม่น้อยฮันบินได้แต่พ่นลมหายใจออกมาหวังระบายอารมณ์ขุ่นมัวที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้โดยหารู้ไม่ว่าคนข้างหน้าเขาก็รู้สึกไม่ต่างกันกับเขาเลยเพราะนอกจากคนจะแน่นเหมือนเดิมแถมไม่มีท่าทีว่าจะลดลงเลยอีกทั้งอริยาบถทั้งสองตอนนี้ก็อยู่ในสภาพที่ล่อแหลมชวนคิดลึกเสียจริง
ตั้งแต่ตอนที่เกือบล้มในคราวนั้นฮันบินก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยมือจากเอวเล็กนี่ไปเลยหนำซ้ำเหมือนเขาจะเพิ่มแรงกอดรัดเพิ่มเข้าไปอีก มันทำให้สติสตางตอนนี้ของมิอินไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลยอยากจะบอกให้ปล่อยแต่ก็ไม่ได้เพราะบอกแล้วไงอยากอยู่แบบนี้นานๆ...แต่ที่จริงก็กลัวคนอารมณ์ร้อนอารมณ์ร้อนมากไปกว่านี้
แต่ยอมรับเลยอึดอัดจริงๆ ระดับอัตราการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะฮึกเหิมเพิ่มขึ้นเมื่อความโคลงเคลงของรถทำให้การทรงตัวติดกันแบบนี้ทำได้ยากขึ้นแต่จะทำอะไรก็ไม่ได้เลยได้แต่ยืนนิ่งกันต่อไปจนกว่าจะถึงป้ายที่ต้องลง
"มิอิน"
"หะ..หืม?"
"เรื่องเธอกับจุนเฮว"
"อืม"
"เหมือนฉันจะเข้าใจนะแต่..." ลมหายใจกลิ่นมิ้นท์อ่อนๆกระทบลงที่แก้มข้างขวามันทำให้ตอนนี้ระยะห่างระหว่างใบหน้าทั้งสองใกล้กันมาก"ฉันยังไม่อยากให้เธอมีใคร"
".!!!."
"ในตอนนี้..."
"ทำไม" เหมือนจะคิดเข้าข้างตัวเองอยู่หน่อยๆถึงได้ถามออกไปอยากจะบอกใจจะขาดว่าที่เลือกคบกับจุนเฮวก็เพราะเขาที่ทำไปทุกอย่างก็เพราะเขาทั้งนั้น...
ทุกอย่าง...
"ฉันอยากให้เธออยู่เป็นเพื่อนฉันก่อน..." อยากจะหาอะไรมาฟาดหน้าตัวเองในตอนนี้เพราะในหัวตอนนี้เอาแต่หาเหตุผลมาอ้างนานาสารพัดว่าที่ฮันบินพูดมันอาจจะหมายถึงเขาชอบเธออยู่หรือเปล่าเวลาที่เธอคบกับใครเขาเลยไม่อยากให้คบ...อะไรประมาณนี้
"ทำให้ฉันลืมฮาริก่อนได้ไหม?"
เหอะ...เหมือนโดนตบหน้าอย่างสมใจนึกตลกดีแหะที่หลอกตัวเองไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าฮันบินรักผู้หญิงคนนั้นมากแค่ไหนมันไม่มีทางเลยไม่มีสักทางที่จะเป็นไปได้ว่าผู้หญิงธรรมดาๆ ที่อยู่ในสถานะเพื่อนคนนี้จะสามารถเลื่อนขั้นให้ได้ไปอยู่ตำแหน่งทางใจที่มันสูงกว่านี้ได้
"ฉันขอร้อง..."
...ใช่แล้วล่ะคงไม่มีวัน...
- Miin talk -
เรื่องนั้น...
โถ่ฮันบินขอร้องเถอะอย่าแสดงหรือส่อปฏิกิริยาอะไรๆ ที่มันแสดงถึงว่านายยังคิดถึงฮาริอยู่ได้มั้ยเพราะมันทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ดวงนี้มันเจ็บปวดเหลือเกิน...
ทุกครั้งที่นายรู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องนั้นอยากจะบอกเหลือเกินว่าฉันก็รู้สึกไม่ต่างจากนายนักหรอกเผลอๆอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำยิ่งเรื่องเมื่อตอนเย็นที่ผ่านมามันยิ่งทำให้รู้ว่านายยังลืมเรื่องฮาริไม่ได้และถ้าจะลืม...มันก็คงจะยากด้วย
ฉันรู้ว่าฮันบินรักฮาริมากเพราะเธอเป็นแฟนคนแรกของเขา...ทุกครั้งที่ฉันได้เห็นว่าทั้งคู่อยู่ด้วยกันมันก็พอจะดูออกว่าผู้หญิงคนนี้มีอิทธิพลต่อฮันบินเป็นอย่างมากจากเด็กหนุ่มวัยรุ่นธรรมดาๆ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรักมาก่อนได้รู้จักกับเรื่องความรักมากขึ้นเพราะเธอ
...ฮาริ จองหญิงสาวลูกครึ่งเกาหลี-ญี่ปุ่น เธอใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นมากว่าสิบหกปีแต่พึ่งกลับมาที่เกาหลีได้ไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำจากนั้นไม่รู้ว่าตอนไหนที่พวกเขาสองคนเริ่มคบกันแต่มันทำให้เพื่อนๆ ทุกคนดูตกใจไม่น้อยเพราะฮาริเป็นรุ่นพี่ฮันบินสี่ปี แต่ตอนนั้นฉันไม่สนใจในเรื่องพวกนี้หรอกเพราะสิ่งสำคัญมากกว่านั้นคือฉันกำลังอกหัก...
อกหักจากคนที่ฉันเฝ้าคอยแอบมองมาเกือบสิบสามปี...ฉันรู้เลยตั้งแต่ตอนแรกที่เจอกันฉันก็รู้สึกชอบเด็กชายคิม ฮันบินเข้าแล้วยิ่งนานวันเข้าเราก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นจนฉันคิดว่าถ้าได้ลองคบกับเขาฉันคงจะมีความสุขไม่ใช่น้อย แต่ก็น่าผิดหวังเพราะเรื่องราวเหล่านั้นมันคงจะเป็นไปได้แค่ในจินตนาการ..
คิดไปคิดมามันก็อาจจะดูตลกไม่ใช่น้อยเลยแหะถ้าเกิดฉันกับฮันบินได้คบกันจริงๆ มันมีครั้งหนึ่งที่เพื่อนๆต่างก็บอกว่าพวกฉันสองคนดูสนิทกันแปลกๆ พวกนั้นก็แซวกันเป็นว่าเล่นว่าถ้าพวกเราได้คบกันมันก็คงจะเป็น 'คู่รักซื่อบื้อ' เพราะอย่างที่บอกสังคมของพวกฉันมันแคบมากทำให้ได้เจออะไรๆ ที่น้อยตามคนอื่นไม่ค่อยทันกันถ้าเทียบกับทุกคนในกลุ่มคนที่ฉลาดน้อยที่สุดในเรื่องการใช้ชีวิตในสังคมก็คงจะเป็นฮันบินที่เป็นรองและฉันที่เป็นบ๊วยล่ะนะ
เพราะตั้งแต่ห้าขวบฉันก็ย้ายมาที่นี่อยู่ที่นี่กับทุกคน อยู่ในระเบียบสังคมที่ผู้ปกครองจัดสรรค์ไว้ให้พอเริ่มโตขึ้นมันก็เลยทำให้พวกฉันยึดติดกับเรื่องเดิมๆ อะไรเดิมๆ ที่คุ้นชินอยู่แบบนี้ ต่างจากพวกพี่น้องคนอื่นๆ ที่เติบโตมาด้วยกันพวกเขาออกจะนอกคอกไปสักหน่อยเลยทำตามใจที่ตัวเองชอบกันได้...ถึงแม้ในสายตาคนอื่นฮันบินอาจจะดูเป็นคนที่สามารถพึ่งพาได้และดูน่ากลัวน่าเกรงขามขนาดไหนแต่สุดท้ายเขาก็คือเด็กหนุ่มธรรมดาๆ ที่ต้องคอยมีคนอยู่เคียงข้างกับเขาเสมอๆ
พูดถึงเครือญาติ...ครอบครัวของฉันมีอยู่ห้าชีวิตฉันมีพี่ชายต่างพ่ออยู่สองคนแม่ฉันแต่งงานมาแล้วสามครั้ง...คนแรกซง ยุนฮยองเขาเป็นพี่ใหญ่สุดตอนนี้ก็เข้าเรียนมหาลัยเลยไม่ค่อยมีโอกาสที่จะเจอสักเท่าไหร่ ส่วนคนที่สองเขาเป็นพี่ฉันปีเดียวจอง ชานอูเขาอยู่โรงเรียนมัธยมชายล้วนนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมช่วงนี้จะไม่เจอเขาเหมือนกับพ่อแม่ที่ทำงานแบบทัวร์รอบโลกพวกท่านไม่ค่อยมีเวลาให้พวกฉันสักเท่าไหร่ตั้งแต่ฉันขึ้นมัธยมปลายมานี้...แต่ยังไงพวกเราทั้งห้าคนก็สนิทกันมากเลยล่ะนะ
ครอบครัวฮันบินอืม...ก็อยู่กันห้าคนเหมือนกันแต่จะว่ายังไงดีคือพวกเขาไม่ใช่พี่น้องกันทั้งหมดฮันบินเป็นลูกคนเดียวแต่เขาก็ยังมีลูกพี่ลูกน้องที่พ่อเขารับเลี้ยงไว้อีกสี่คน คิม จินฮวาน พี่ชายตัวเล็กตอนนี้เขาเรียนหมออยู่ล่ะและสนิทกับพี่ยุนฮยองมากถ้าเขาสองคนได้เป็นคุณหมอกันจริงๆ คงจะดูดีไม่ใช่น้อย ส่วนกูจุนเฮวและคิมดงฮยอกพวกเขาเด็กกว่าหนึ่งปีแต่ก็สนิทเหมือนเป็นเพื่อนกันเลยล่ะ
บ้อบบี้คิม...เขาอยู่อเมริกา
ฉันไม่ชอบเขาสักเท่าไหร่
ก็เป็นแบบนี้ไงฉัน ฮันบิน จุนเฮว ดงฮยอกเลยกลายเป็นแกงค์ที่สนิทกันมาก...
พอแล้วมั้งเรื่องครอบครัว
หลังจากที่นอนคิดอะไรเพลินๆ เกี่ยวกับเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตไปจนหนำใจฉันที่คิดว่าน่าจะถึงเวลาเข้านอนแล้วก็เตรียมตัวจัดการตัวเองทันทีเรื่องอื่น...เรื่องฮันบิน จุนเฮวค่อยว่ากันอีกทีอย่างน้อยๆ ตอนนี้ฉันก็ยังมีดงฮยอกล่ะนะที่พอจะพึ่งพาได้
"อูว...ห้าทุ่มยี่สิบสาม" ตกใจไม่น้อยที่นอนคิดอะไรเพลินจนป่านนี้นอนดีกว่า
- Miin end talk -
หลังจากที่เช็คโทรศัพท์ว่าไม่น่าจะมีใครติดต่อมาแล้วร่างบางก็ผล็อยหลับไปโดยในความฝันของเธออาจจะมีแต่เรื่องราวของวันนี้อยู่เต็มไปหมด...
ครืด ครืด...
Bobby Kim: เป็นไงสาวน้อย?
Bobby Kim: คิดถึงฉันมั้ย?
Bobby Kim: ไม่ต้องห่วง...
Bobby Kim: เดี๋ยวเราจะได้เจอกัน :)...
TBC.
##
ตอนนี้จบ....
ไม่อยากจะบอกเลยว่าอิพี่จอบมัน...
รอติดตามไว้นะ !
.
.
.
ครึ่งนี้จะเป็นการสาธยายเครือญาติค่ะ
จะเยอะไปไหนไรท์เหนื่อย...
คอมเมนท์เป็นกำลังใจไว้หนา!!
.
.
.
.
มิอิน:เขินง่ะ !!! เมนท์ให้เค้าหน่อยน้าเดี๋ยวสละตำแหน่งนางเอกให้
.
.
.
.
.
<3
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น