ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เสน่หาซ่อนเร้น

    ลำดับตอนที่ #8 : ราตรีที่ลืมไม่ลง (1)

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ย. 67


    เช้าวันนี้ ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องลอดผ่านหน้าต่างหอพัก เข้ามาทักทายฉันด้วยความอ่อนโยน ฉันรู้ดีว่าวันนี้จะไม่ใช่วันธรรมดา ครูพีทจะมารับฉันตอน 10 โมงเช้าเพื่อไปดูงานนิทรรศการภาพถ่ายวรรณคดีในเมือง และมันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงทุกครั้งที่คิดถึงการได้ใช้เวลาทั้งวันกับเขา

    ขณะที่ฉันกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ และซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันก็เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนทุกครั้ง

    “ลิลลี่ ตื่นแล้วเหรอ? วันนี้ต้องกลับบ้านนะ” ซาร่าพูดขึ้นพร้อมกับจัดกระเป๋าเดินทางของเธอ

    “ที่บ้านมีธุระที่ต้องจัดการ ฉันคงจะกลับมาเรียนอีกทีวันจันทร์เลย”

    “เอ๊ะ วันจันทร์เลยเหรอ?” ฉันเงยหน้ามองซาร่า ความรู้สึกหวาดหวั่นเกิดขึ้นเมื่อฉันต้องอยู่หอพักเพียงลำพังคนเดียว

    “ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเหงาแบบนั้นดิ วันจันทร์แค่แปปเดียวเอง” ซาร่ายื่นมือมาดึงแก้มฉัน

    “อื้อๆ รู้แล้ว” ฉันส่งยิ้มให้เธอหายกังวลใจ

    “ถ้ามีอะไรที่อยากคุย ก็โทรหาฉันนะ” ซาร่าย้ำ พร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กไปหน้าประตู

    ฉันพยักหน้าและส่งยิ้มให้เธอ ก่อนที่ซาร่าจะออกจากห้องไป ฉันมองตามเธอที่เดินหายไปจนลับสายตา ความเงียบที่ตามมาหลังจากนั้นทำให้ความคิดเกี่ยวกับครูพีทและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้เริ่มวนเวียนอยู่ในหัวของฉันอย่างไม่หยุดยั้ง

    ฉันเลือกชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนที่มีลายดอกไม้เล็กๆ ทั่วทั้งชุด กระโปรงยาวคลุมเข่าและมีแขนเสื้อพองนิดๆ ที่ทำให้ฉันดูสดใสและน่ารักขึ้น ฉันแต่งหน้าเบาๆ และรวบผมครึ่งศีรษะด้วยโบว์เล็กๆ ที่เข้ากับชุด หวังว่าเสื้อผ้าหน้าผมในวันนี้จะดูดีพอสำหรับวันพิเศษนี้

    เมื่อถึงเวลาสิบโมงตามนัด ฉันเดินออกมาจากหอพัก ครูพีทก็มารออยู่ที่หน้าประตูแล้ว เขายืนพิงรถของเขาและหันมายิ้มให้ฉัน รอยยิ้มนั้นทำให้ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นและมั่นใจมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงยิ่งขึ้น

    ครูพีทแต่งตัวเรียบง่ายแต่ดูดีมาก เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดที่เข้ารูปพอดีกับรูปร่างของเขา กางเกงสแล็คสีดำทำให้เขาดูสุภาพและมีเสน่ห์มากขึ้น เขาใส่นาฬิกาข้อมือเรือนหรูที่เข้ากับบุคลิกของเขาอย่างลงตัว สายตาของฉันไม่สามารถละไปจากเขาได้เลย

    แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็สังเกตเห็นว่าเขากำลังมองมาที่ฉันอย่างตั้งใจ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมและความทึ่ง ราวกับว่าเขาไม่คาดคิดว่าฉันจะแต่งตัวน่ารักและสดใสแบบนี้ ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านขึ้นมาบนใบหน้าขณะที่เขามองฉัน

    “ลิลลี่...วันนี้เธอสวยมากจริงๆ”

    ครูพีทยกยิ้มมุมปาก แววตาที่อาบย้อมไปด้วยความปรารถนาใคร่อยากทำสิ่งที่มากกว่านี้ ทำให้ฉันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

    “ขอบคุณค่ะครู คุณก็หล่อมากเหมือนกัน” ฉันตอบกลับด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย ความรู้สึกอายและตื่นเต้นปะปนกันอยู่ในใจ

    ครูพีทยังคงมองฉันด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก สายตาของเขาที่มองฉันนั้นลึกซึ้งและอบอุ่น ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งอยู่ภายในใจ แต่เขาไม่ได้พูดออกมา

    “อยู่ข้างนอกเรียกพี่พีทสิ” ครูพีทยิ้มกรุ้มกริ่ม

    “จะดีเหรอคะ?” ฉันถามด้วยความไม่แน่ใจ

    “ดีสิ” ครูพีทยิ้มกว้างให้ฉัน

    “ค่ะ พี่พีท” ฉันตอบรับด้วยความเขินอาย

    “ไปกันเถอะ” ครูพีทยิ้ม พร้อมกับเดินไปเปิดประตูรถให้ฉัน

    ขณะที่ฉันนั่งลงในรถและครูพีทขับรถออกไป ฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความตื่นเต้นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจตอนที่เขามองฉัน แต่มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันเป็นคนสำคัญสำหรับเขา และนั่นก็ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงไม่หยุด

    เมื่อรถของครูพีทแล่นเข้าสู่ถนนที่เรียงรายด้วยต้นไม้ใหญ่ ฉันรู้สึกถึงความตื่นเต้นที่เต้นแรงอยู่ในอก ภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่เบาๆ กับเสียงหัวใจของฉันที่เต้นรัวจนฉันได้ยินชัดเจน ครูพีทนั่งขับรถอยู่ข้างๆ ฉัน สายตาของเขาจับจ้องไปยังถนนข้างหน้า ฉันแอบมองการแต่งตัวของครูพีท ที่ช่างดูเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์สุดๆ ความคิดของฉันเตลิดไปเมื่อนึกถึงร่างกายภายใต้เสื้อผ้าของเขา

    “ลิลลี่ มองฉันแบบนี้ เดี๋ยวฉันขับรถไม่ได้กันพอดี” เสียงของครูพีททำให้ฉันหยุดความคิดทั้งหมด เขาหันมามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปสนใจถนนข้างหน้า

    “เอ่อ..หนูตื่นเต้นน่ะค่ะ” ฉันตอบเสียงเบา ความรู้สึกหลายอย่างปะปนกันอยู่ในใจ ทั้งความตื่นเต้น ความคาดหวัง และความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    “นิทรรศการนี้พิเศษมากนะ เป็นการแสดงภาพถ่ายที่ถ่ายทอดเรื่องราวของวรรณคดีผ่านมุมมองของศิลปินหลายคน ฉันคิดว่าเธอต้องชอบแน่ๆ” ครูเจ้าเสน่ห์ยิ้มมุมปากเล็กน้อย

    ฉันยิ้มบางๆ และพยักหน้า แม้ในใจจะรู้สึกประหม่า แต่ฉันก็รู้สึกว่าครูพีทเข้าใจในสิ่งที่ฉันรักและสนใจ นั่นทำให้ฉันรู้สึกดีและรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ฉันสามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงได้

    เมื่อเราไปถึงหอศิลป์ ครูพีทจอดรถและเดินลงมาช่วยฉันเปิดประตูรถ ฉันรู้สึกถึงลมเย็นๆ ที่พัดผ่านผิวหน้า ทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นและตื่นตัวมากขึ้น

    หอศิลป์แห่งนี้เป็นอาคารที่มีสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์น ดูเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความหรูหรา ภายในอาคารเงียบสงบ มีเพียงเสียงก้าวเดินเบาๆ ของผู้เข้าชมนิทรรศการ ฉันรู้สึกเหมือนถูกพาเข้าสู่โลกใหม่ โลกที่เต็มไปด้วยศิลปะและความงดงามที่ล้ำลึก

    เมื่อเราเดินเข้าไปในห้องแสดงนิทรรศการ ฉันตะลึงกับภาพถ่ายที่จัดแสดงอยู่ ภาพถ่ายเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ภาพสวยงาม แต่แต่ละภาพล้วนสะท้อนถึงเนื้อหาของวรรณคดีอย่างลึกซึ้ง ทุกภาพเต็มไปด้วยความหมายที่ซ่อนอยู่ในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ราวกับว่าแต่ละภาพกำลังเล่าเรื่องราวของมันเอง

    “ฉันคิดว่าเธอคงชอบภาพนี้”

    ครูพีทกล่าวขึ้นขณะที่เราหยุดยืนอยู่หน้าภาพถ่ายภาพหนึ่ง ภาพนั้นเป็นภาพของหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางป่า โดยมีแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านต้นไม้ลงมาส่องกระทบใบหน้าของเธอ แววตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความเศร้าและความฝัน ราวกับว่าเธอกำลังมองหาบางสิ่งที่หายไป

    ฉันจ้องมองภาพนั้นอย่างไม่วางตา รู้สึกถึงความลึกซึ้งของภาพที่แฝงไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่หลากหลาย มันทำให้ฉันนึกถึงตัวเอง ความรู้สึกที่มักจะแฝงอยู่ในความเงียบ ความปรารถนาที่อยากจะค้นหาความหมายของชีวิต และการเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด

    “มันสวยมากค่ะ” ฉันพูดออกมาเบาๆ รู้สึกเหมือนเสียงของตัวเองแทบจะหลอมละลายไปกับบรรยากาศในห้องนั้น

    “ภาพนี้ทำให้ฉันคิดถึงหลายๆ อย่าง... มันเหมือนกำลังเล่าเรื่องราวของคนที่กำลังตามหาความสุขในชีวิต”

    ครูพีทยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันพูด

    “เธอเข้าใจมันได้ดีเลยลิลลี่ ศิลปินที่สร้างภาพนี้ต้องการสื่อถึงความปรารถนาที่ลึกซึ้งของมนุษย์ ความต้องการที่จะค้นพบตัวเอง และการเดินทางที่เราทุกคนต้องเผชิญในชีวิต”

    ฉันหันมามองครูพีท เขามองฉันด้วยสายตาที่ลึกซึ้งและอบอุ่น ฉันรู้สึกถึงความเชื่อมโยงที่ไม่อาจอธิบายได้ระหว่างเรา มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกนี้

    หลังจากที่เราใช้เวลาเดินชมภาพถ่ายวรรณคดีในนิทรรศการอย่างเต็มที่ ครูพีทก็พาฉันไปยังร้านอาหารเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ภายในหอศิลป์ ร้านอาหารนี้ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น เรียบง่าย แต่หรูหรา มีผนังที่เป็นกระจกใส มองเห็นสวนเล็กๆ ที่มีงานประติมากรรมตั้งอยู่เป็นจุดๆ ลมเย็นๆ พัดเข้ามาเบาๆ ผ่านบานหน้าต่างที่เปิดไว้ ทำให้บรรยากาศภายในร้านรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย

    ครูพีทเลือกโต๊ะที่มุมหนึ่งของร้าน ซึ่งเป็นมุมที่เงียบสงบและมีวิวสวนที่สวยงามอยู่เบื้องหลัง ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างลงตัว ราวกับว่าที่นี่เป็นที่สำหรับเราสองคนโดยเฉพาะ

    “ร้านนี้มีเมนูที่น่าลองหลายอย่าง” ครูพีทพูดพลางเปิดเมนูให้ฉันดู

    “เธออยากลองอะไรเป็นพิเศษไหม?”

    ฉันมองเมนูที่เต็มไปด้วยรายการอาหารที่มีชื่อเสียงและการนำเสนอที่สวยงาม ทุกอย่างดูน่าทานไปหมด แต่ฉันยังลังเลเล็กน้อย

    “หนูไม่แน่ใจค่ะครู เอ่อ พี่พีท... ทุกอย่างดูน่าทานไปหมด” ฉันเปลี่ยนสรรพนามทันที เมื่อเห็นดวงตาคมกริบมองจ้องมา ครูพีทคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ

    “งั้นฉันจะช่วยเลือกให้แล้วกันนะ ฉันคิดว่าเธอน่าจะชอบลองชิมเมนูนี้” เขาชี้ไปที่เมนูพิเศษของร้าน ซึ่งเป็นสลัดที่ทำจากวัตถุดิบสดใหม่ที่ปลูกในสวนของหอศิลป์เอง ตามด้วยพาสต้าเส้นสดที่ปรุงด้วยซอสทรัฟเฟิลหอมกรุ่น

    ฉันพยักหน้าเห็นด้วย รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ลองอาหารที่ครูพีทเลือกให้

    ไม่นานนัก อาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสลัดสดและซอสทรัฟเฟิลลอยขึ้นมาแตะจมูก ทำให้ฉันรู้สึกหิวมากขึ้น พอเริ่มทาน ฉันพบว่าอาหารนั้นอร่อยเกินกว่าที่ฉันคาดไว้ ความสดของวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารนี้สะท้อนถึงความพิถีพิถันของเชฟ ทำให้ทุกคำที่ฉันลิ้มรสนั้นเต็มไปด้วยความสุข

    “รสชาติเหมือนที่ฉันบอกมั้ย?” ครูพีทถาม

    “ค่ะ... อร่อยมากจริงๆ” ฉันตอบพร้อมกับยิ้มให้

    ขณะที่เราทานอาหารไปพร้อมกับพูดคุยเรื่องวรรณคดีและศิลปะที่เราได้ชมในนิทรรศการ ครูพีทก็เปิดเผยเรื่องราวบางอย่างเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเขา เขาเล่าให้ฉันฟังถึงความรักในศิลปะและวรรณกรรมตั้งแต่วัยเด็ก และเหตุผลที่เขาตัดสินใจย้ายมาทำงานในประเทศไทย ทั้งหมดนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่าเราสองคนมีความเข้าใจและเชื่อมโยงกันในระดับที่ลึกซึ้งขึ้น

    ฉันรับฟังเรื่องราวของเขาด้วยความสนใจและเคารพในตัวตนของเขามากขึ้น ในขณะที่ฉันก็เปิดใจเล่าเรื่องราวบางส่วนของตัวเองให้เขาฟัง แม้จะไม่ได้เปิดเผยทุกอย่างที่ฉันซ่อนอยู่ในใจ แต่ฉันก็รู้สึกว่าการได้พูดคุยกับเขาทำให้ฉันรู้สึกเบาสบาย และรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ฉันสามารถวางใจได้

    บรรยากาศในร้านอาหารที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงพูดคุยเบาๆ ระหว่างเราสองคน และเสียงดนตรีคลอเบาๆ ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเรากำลังอยู่ในโลกส่วนตัวของเราเอง

    หลังจากทานอาหารเสร็จ ครูพีทก็พาฉันไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆ กับหอศิลป์ เป็นสวนที่มีบรรยากาศเงียบสงบและเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ สวนนี้เป็นสถานที่ที่คนเมืองมักจะมาใช้เวลาพักผ่อนในช่วงเย็น ฉันรู้สึกตื่นเต้นกับการได้ใช้เวลาเพิ่มเติมกับครูพีทในสถานที่ที่ดูผ่อนคลายและธรรมชาติแบบนี้

    เมื่อเรามาถึงสวนสาธารณะ สายลมเย็นๆ ของยามเย็นพัดผ่าน ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจและสดชื่น เราเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยหินและล้อมรอบด้วยต้นไม้สูงที่ให้ร่มเงา เสียงนกร้องและเสียงลมพัดผ่านใบไม้ทำให้บรรยากาศในสวนดูเงียบสงบและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

    “ลิลลี่ เธอชอบสถานที่นี่ไหม?” ครูพีทถามขณะที่เราหยุดยืนอยู่ริมบ่อน้ำเล็กๆ ที่มีดอกบัวเบ่งบานอยู่

    “ชอบมากค่ะ” ฉันตอบพร้อมกับยิ้มออกมา

    “มันทำให้ฉันรู้สึกสงบและผ่อนคลายมาก”

    ครูพีทยิ้มตอบก่อนจะหันไปมองวิวรอบๆ “ฉันก็ชอบที่นี่มากเหมือนกัน เวลาที่รู้สึกเครียดหรือเหนื่อยจากงาน ฉันก็มักจะมาที่นี่ มันทำให้รู้สึกว่าสามารถปลดปล่อยความคิดและรีเซ็ตตัวเองได้”

    เรายืนมองวิวทิวทัศน์รอบๆ บ่อน้ำอย่างเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง จู่ๆ ลมก็เริ่มพัดแรงขึ้น พร้อมกับเมฆดำที่ลอยเข้ามาปกคลุมท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ฉันเริ่มรู้สึกถึงละอองฝนที่ตกลงมากระทบผิวหน้าของฉันเบาๆ ก่อนที่ฝนจะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นพายุฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

    “ฝนตกหนักแล้ว เราต้องรีบหาที่หลบแล้วล่ะ!” ครูพีทพูดพร้อมกับพาฉันวิ่งไปที่รถ แต่ด้วยฝนที่ตกหนักและไม่มีที่หลบที่ใกล้พอ ทั้งฉันและครูพีทต่างเปียกปอนไปหมด ฝนที่ตกหนักทำให้เสื้อผ้าและผมของฉันชุ่มน้ำไปจนถึงผิวหนัง ฉันรู้สึกเย็นสั่นจากน้ำฝนที่ซึมเข้ามาทุกส่วนของร่างกาย แต่ก็ไม่สามารถห้ามความตื่นเต้นและสนุกที่เกิดขึ้นได้

    เมื่อเราวิ่งมาถึงรถ ครูพีทรีบเปิดประตูและพาฉันเข้าไปนั่งในรถอย่างรวดเร็ว ฉันนั่งหายใจหอบเล็กน้อย ขณะที่ฝนยังคงกระหน่ำตกลงมากระทบกระจกหน้าต่างเสียงดัง ฝนที่ตกลงมาทำให้เสื้อผ้าตัวนอกของฉันเปียกปอนจนแนบไปกับผิว ร่างกายสั่นระริกด้วยความหนาว

    “เธอเปียกหมดเลย”

    สายตาของครูพีทกวาดตามร่างกายของฉันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เสื้อผ้าที่เปียกปอนแนบชิดไปกับผิวเผยให้เห็นสัดส่วนที่น่าทึ่ง เมื่อสายตาของเขาหยุดนิ่งอยู่ที่เสื้อชั้นในสีแดงเลือดหมูที่โผล่พ้นจากคอเสื้อที่เปียกชุ่ม ความร้อนในดวงตาของเขาก็ลุกโชนขึ้นมาทันที ริมฝีปากกระชับแน่นราวกับกำลังกลั้นอะไรบางอย่างเอาไว้

    “ฉันคงต้องหาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ ก่อนที่เธอจะเป็นหวัด”

    “แต่เราจะไปไหนคะ?” ฉันถามด้วยความกังวล

    ครูพีทนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมา

    “คอนโดฉันอยู่แค่นี้เอง เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและรอให้เสื้อผ้าแห้งก็แล้วกัน”

    ฉันลังเลเล็กน้อย เพราะไม่เคยไปที่พักของครูพีทมาก่อน แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็คงไม่มีทางเลือกมากนัก ฉันพยักหน้าตอบตกลง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×