คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : คำเชิญที่เสี่ยง...
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ รู้สึกเหมือนหัวของฉันหนักอึ้งและร่างกายของฉันอ่อนล้าอย่างประหลาด ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อพยายามระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความงุนงงว่าฉันกลับมาถึงหอพักได้อย่างไร
ขณะที่ฉันกำลังพยายามเรียกสติกลับมา ประตูห้องพักก็เปิดออกอย่างเบามือ ฉันหันไปมองเห็นซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“ลิลลี่ เธอโอเคหรือเปล่า?” ซาร่าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
“ฉันเห็นเธอดูไม่ค่อยดีเลยเมื่อคืนนี้ ตอนที่ครูพีทอุ้มเธอกลับมาที่หอพัก”
ฉันชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของซาร่า
“ครูพีท... อุ้มฉันกลับมาที่หอพักงั้นเหรอ?”
ฉันถามกลับด้วยเสียงที่ยังคงแหบพร่า หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ‘ครูพีท’ ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวานค่อยๆ ทยอยกลับมาในหัวของฉันทีละเล็กทีละน้อย
“ใช่ เธอสลบไป ฉันตกใจมากเลยอะ” ซาร่าพูดพลางนั่งลงข้างเตียงของฉัน
“ฉัน... ฉันไม่ค่อยแน่ใจ” ฉันตอบกลับเสียงแผ่ว รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน
“ฉันคงรู้สึกเหนื่อยมากน่ะ...”
“เธอแน่ใจนะ เมื่อวานเธอหน้าแดงมากเลยตอนที่ครูอุ้มเธอกลับมาน่ะ”
ฉันพยายามยิ้มเพื่อให้ซาร่าเบาใจ “ฉันสบายดี แค่เหนื่อยนิดหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรหรอก”
แต่ในใจของฉันกลับเต็มไปด้วยความอาย ฉันเริ่มระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ได้ชัดเจนขึ้น ครูพีททำให้ฉันรู้สึกถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งและเร่าร้อนเกินกว่าที่ฉันเคยสัมผัส ร่างกายของฉันตอบสนองต่อการสัมผัสของเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนกระทั่งฉันรู้สึกหมดแรงและทุกอย่างก็มืดลง
ฉันหน้าแดงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ราวกับว่าความรู้สึกที่ถูกเก็บกดไว้กำลังกลับมาเล่นงานฉันอีกครั้ง ฉันพยายามซ่อนความอายและปิดบังความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเขินอาย แต่มันกลับยากขึ้นเมื่อซาร่ายังคงมองฉันด้วยสายตาที่เป็นห่วง
“ลิลลี่ เธอดูเหมือนจะเป็นไข้เลยนะ” ซาร่าพูดพลางเอื้อมมือมาแตะหน้าผากของฉัน
“หน้าเธอแดงมาก วันนี้เธอควรพักผ่อนดีกว่ามั้ย?”
“ฉันไม่เป็นไร...” ฉันพยายามฝืนยิ้ม และพยายามลุกขึ้น
“นอนไปเลยนะ เดี๋ยวฉันลาครูให้” ซาร่าไม่ยอมและดันตัวฉันลงไปนอนบนเตียง
“เดี๋ยวบ่ายฉันมานะ” ซาร่าลุกขึ้น พร้อมกับหยิบกระเป๋านักเรียนเตรียมเดินออกจากห้อง
“ห้ามดื้อนะ!!” ซาร่าหันมาดุ ฉันยิ้มพร้อมกับพยักหน้า เธอจึงยอมปิดประตูห้อง
หลังจากเช้าที่เต็มไปด้วยความสับสน ฉันนอนพักอยู่ในห้องพยายามรวบรวมความคิดและฟื้นฟูร่างกายที่อ่อนล้าของตัวเอง
‘แค่เมื่อวานฉันยังแทบแย่ ถ้าบทเรียนสำคัญของครู...ฉันจะเป็นยังไงเนี่ย’
ฉันเผลอคิดฟุ้งซ่าน จนหน้าเริ่มร้อนระอุอีกครั้ง การสัมผัสของครูเมื่อคืนทิ้งร่องรอยไว้ในความทรงจำของฉันชัดเจนเกินกว่าทุกวัน
ในช่วงบ่าย ฉันได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ ตามด้วยเสียงของซาร่าที่คุ้นเคย “ลิลลี่ ฉันเอาข้าวมาให้เธอ”
ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้าๆ รู้สึกได้ถึงความอ่อนแรงในร่างกายก่อนจะเดินไปเปิดประตู ซาร่ายืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับรอยยิ้มและถุงข้าวในมือ
“ขอบคุณมากเลย” ฉันพูดพลางรับถุงข้าวและขนมจากเธอ
“กินเยอะๆ นะจะได้มีแรง” ซาร่าพูดพร้อมกับยิ้มให้ฉัน ก่อนจะเข้ามานั่งบนเตียงข้างๆ ฉัน ขณะที่ฉันกำลังเปิดถุงข้าว
“จริงสิ เมื่อตอนบ่ายฉันเจอครูพีทด้วย” ซาร่าแกะถุงขนมมันฝรั่งออกและหยิบมันใส่ปาก
ฉันหยุดมือที่กำลังจะหยิบช้อน หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินชื่อของครูพีท
“ครูพีทเหรอ? เขาว่าอะไรฉันรึเปล่า?”
“ไม่นะ เขาดูเป็นห่วงเธอ ถามฉันว่าเธอเป็นยังไงบ้าง แล้วก็ขอไลน์เธอด้วย” ซาร่าเคี้ยวมันฝรั่งตุ้ยๆ
หัวใจของฉันกระตุกวูบเมื่อได้ยินคำว่า "ขอไลน์" ความคิดหลายอย่างพุ่งเข้ามาในหัว ฉันไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ ทั้งดีใจและกังวลปะปนกันไป
“แล้ว..เธอให้ไปรึเปล่า?” ฉันถามเสียงเบา รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านขึ้นมาบนใบหน้า
“ฉันให้ไปนะ เพราะดูเหมือนครูอยากติดต่อกับเธอเรื่องงานประกวดบทวรรณคดีด้วยน่ะ” ซาร่าบอกด้วยท่าทางไม่เดือดร้อน
ฉันรู้สึกได้ถึงความร้อนที่มากขึ้นบนใบหน้า หัวใจของฉันเต้นรัวขึ้นเรื่อยๆ ฉันรู้ดีว่าครูพีทต้องการติดต่อฉันด้วยเหตุผลอะไร
“แต่ฉันบอกครูไปนะว่า ห้ามใช้งานเธอหนักจนเป็นลมเหมือนเมื่อวานอีก”
“ขอบคุณนะ ที่เป็นห่วงฉัน” ฉันพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ถ้ามีอะไรที่จะให้ช่วยก็บอกฉันนะ” ซาร่าฉีกยิ้มกว้างให้ฉัน ฉันพยักหน้าเบาๆ รู้สึกขอบคุณในความเป็นห่วงของเธอ
หลังจากซาร่าออกจากห้อง ฉันนั่งมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆ รู้สึกถึงความคาดหวังและความตึงเครียดที่ปะปนกันไป
เสียงเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเห็นข้อความใหม่จากไลน์ที่ฉันไม่รู้จัก แต่ในใจฉันรู้ดีว่าเป็นใคร
“เป็นยังไงบ้างลิลลี่ ครูเป็นห่วงเธอมากหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ หวังว่าเธอจะรู้สึกดีขึ้นแล้วนะ”
ฉันอ่านข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมา หัวใจของฉันยังคงเต้นแรง ความรู้สึกทั้งหลายปะทุขึ้นในใจ ฉันไม่แน่ใจว่าควรตอบอย่างไร แต่ก็ไม่สามารถหยุดตัวเองจากการพิมพ์ตอบกลับไปได้
“ขอบคุณค่ะครู ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้วค่ะ” ฉันตอบกลับ
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงเตือนอีกครั้งจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ครูพีทตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ดีใจที่เธอรู้สึกดีขึ้นแล้ว วันเสาร์นี้ครูจะชวนเธอไปดูนิทรรศการภาพถ่ายวรรณคดีที่หอศิลป์ใน เธอว่างไหม?”
หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นเมื่ออ่านข้อความนั้น ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าครูพีทจะชวนฉันไปดูนิทรรศการด้วยกัน ความคิดหลายอย่างผุดขึ้นในหัว ทั้งความตื่นเต้นและความกังวล แต่ฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธความปรารถนาที่จะใช้เวลาใกล้ชิดกับเขาได้
“ว่างค่ะครู” ฉันพิมพ์ตอบกลับ
ครูพีทตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “ดีมาก ครูจะมารับเธอที่หน้าหอพักเวลา 10 โมงเช้า อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมนะ”
“ได้ค่ะครู” ฉันตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ความรู้สึกที่อยากจะใช้เวลาอยู่กับครูพีทมีมากเกินกว่าจะห้ามตัวเองได้อีก
หลังจากที่ฉันส่งข้อความตอบกลับ ฉันนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์ที่มืดลง ความรู้สึกหลายอย่างท่วมท้นในใจ ทั้งความดีใจ ความตื่นเต้น และความกังวล ฉันรู้ว่าคำเชิญนี้อาจนำไปสู่บางสิ่งที่ฉันไม่สามารถควบคุมได้ แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่สามารถหันหลังกลับได้อีกแล้ว
วันเสาร์ที่จะถึงนี้ ฉันจะได้ใช้เวลาอยู่กับเขา ท่ามกลางศิลปะและวรรณคดีที่เราทั้งคู่หลงใหล ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ในขณะนี้ ฉันรู้แค่ว่าฉันต้องการที่จะได้อยู่ใกล้เขา... แม้ว่ามันจะเสี่ยงแค่ไหนก็ตาม
ความคิดเห็น