ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เสน่หาซ่อนเร้น

    ลำดับตอนที่ #7 : คำเชิญที่เสี่ยง...

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ย. 67


    ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ รู้สึกเหมือนหัวของฉันหนักอึ้งและร่างกายของฉันอ่อนล้าอย่างประหลาด ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อพยายามระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความงุนงงว่าฉันกลับมาถึงหอพักได้อย่างไร

    ขณะที่ฉันกำลังพยายามเรียกสติกลับมา ประตูห้องพักก็เปิดออกอย่างเบามือ ฉันหันไปมองเห็นซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

    “ลิลลี่ เธอโอเคหรือเปล่า?” ซาร่าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล

    “ฉันเห็นเธอดูไม่ค่อยดีเลยเมื่อคืนนี้ ตอนที่ครูพีทอุ้มเธอกลับมาที่หอพัก”

    ฉันชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของซาร่า

    “ครูพีท... อุ้มฉันกลับมาที่หอพักงั้นเหรอ?”

    ฉันถามกลับด้วยเสียงที่ยังคงแหบพร่า หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ‘ครูพีท’ ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวานค่อยๆ ทยอยกลับมาในหัวของฉันทีละเล็กทีละน้อย

    “ใช่ เธอสลบไป ฉันตกใจมากเลยอะ” ซาร่าพูดพลางนั่งลงข้างเตียงของฉัน

    “ฉัน... ฉันไม่ค่อยแน่ใจ” ฉันตอบกลับเสียงแผ่ว รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน

    “ฉันคงรู้สึกเหนื่อยมากน่ะ...”

    “เธอแน่ใจนะ เมื่อวานเธอหน้าแดงมากเลยตอนที่ครูอุ้มเธอกลับมาน่ะ”

    ฉันพยายามยิ้มเพื่อให้ซาร่าเบาใจ “ฉันสบายดี แค่เหนื่อยนิดหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรหรอก”

    แต่ในใจของฉันกลับเต็มไปด้วยความอาย ฉันเริ่มระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ได้ชัดเจนขึ้น ครูพีททำให้ฉันรู้สึกถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งและเร่าร้อนเกินกว่าที่ฉันเคยสัมผัส ร่างกายของฉันตอบสนองต่อการสัมผัสของเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนกระทั่งฉันรู้สึกหมดแรงและทุกอย่างก็มืดลง

    ฉันหน้าแดงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ราวกับว่าความรู้สึกที่ถูกเก็บกดไว้กำลังกลับมาเล่นงานฉันอีกครั้ง ฉันพยายามซ่อนความอายและปิดบังความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเขินอาย แต่มันกลับยากขึ้นเมื่อซาร่ายังคงมองฉันด้วยสายตาที่เป็นห่วง

    “ลิลลี่ เธอดูเหมือนจะเป็นไข้เลยนะ” ซาร่าพูดพลางเอื้อมมือมาแตะหน้าผากของฉัน

    “หน้าเธอแดงมาก วันนี้เธอควรพักผ่อนดีกว่ามั้ย?”

    “ฉันไม่เป็นไร...” ฉันพยายามฝืนยิ้ม และพยายามลุกขึ้น

    “นอนไปเลยนะ เดี๋ยวฉันลาครูให้” ซาร่าไม่ยอมและดันตัวฉันลงไปนอนบนเตียง

    “เดี๋ยวบ่ายฉันมานะ” ซาร่าลุกขึ้น พร้อมกับหยิบกระเป๋านักเรียนเตรียมเดินออกจากห้อง

    “ห้ามดื้อนะ!!” ซาร่าหันมาดุ ฉันยิ้มพร้อมกับพยักหน้า เธอจึงยอมปิดประตูห้อง

     

    หลังจากเช้าที่เต็มไปด้วยความสับสน ฉันนอนพักอยู่ในห้องพยายามรวบรวมความคิดและฟื้นฟูร่างกายที่อ่อนล้าของตัวเอง

    ‘แค่เมื่อวานฉันยังแทบแย่ ถ้าบทเรียนสำคัญของครู...ฉันจะเป็นยังไงเนี่ย’

    ฉันเผลอคิดฟุ้งซ่าน จนหน้าเริ่มร้อนระอุอีกครั้ง การสัมผัสของครูเมื่อคืนทิ้งร่องรอยไว้ในความทรงจำของฉันชัดเจนเกินกว่าทุกวัน

    ในช่วงบ่าย ฉันได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ ตามด้วยเสียงของซาร่าที่คุ้นเคย “ลิลลี่ ฉันเอาข้าวมาให้เธอ”

    ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้าๆ รู้สึกได้ถึงความอ่อนแรงในร่างกายก่อนจะเดินไปเปิดประตู ซาร่ายืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับรอยยิ้มและถุงข้าวในมือ

    “ขอบคุณมากเลย” ฉันพูดพลางรับถุงข้าวและขนมจากเธอ

    “กินเยอะๆ นะจะได้มีแรง” ซาร่าพูดพร้อมกับยิ้มให้ฉัน ก่อนจะเข้ามานั่งบนเตียงข้างๆ ฉัน ขณะที่ฉันกำลังเปิดถุงข้าว

    “จริงสิ เมื่อตอนบ่ายฉันเจอครูพีทด้วย” ซาร่าแกะถุงขนมมันฝรั่งออกและหยิบมันใส่ปาก

    ฉันหยุดมือที่กำลังจะหยิบช้อน หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินชื่อของครูพีท

    “ครูพีทเหรอ? เขาว่าอะไรฉันรึเปล่า?”

    “ไม่นะ เขาดูเป็นห่วงเธอ ถามฉันว่าเธอเป็นยังไงบ้าง แล้วก็ขอไลน์เธอด้วย” ซาร่าเคี้ยวมันฝรั่งตุ้ยๆ

    หัวใจของฉันกระตุกวูบเมื่อได้ยินคำว่า "ขอไลน์" ความคิดหลายอย่างพุ่งเข้ามาในหัว ฉันไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ ทั้งดีใจและกังวลปะปนกันไป

    “แล้ว..เธอให้ไปรึเปล่า?” ฉันถามเสียงเบา รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านขึ้นมาบนใบหน้า

    “ฉันให้ไปนะ เพราะดูเหมือนครูอยากติดต่อกับเธอเรื่องงานประกวดบทวรรณคดีด้วยน่ะ” ซาร่าบอกด้วยท่าทางไม่เดือดร้อน

    ฉันรู้สึกได้ถึงความร้อนที่มากขึ้นบนใบหน้า หัวใจของฉันเต้นรัวขึ้นเรื่อยๆ ฉันรู้ดีว่าครูพีทต้องการติดต่อฉันด้วยเหตุผลอะไร

    “แต่ฉันบอกครูไปนะว่า ห้ามใช้งานเธอหนักจนเป็นลมเหมือนเมื่อวานอีก”

    “ขอบคุณนะ ที่เป็นห่วงฉัน” ฉันพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ

    “ถ้ามีอะไรที่จะให้ช่วยก็บอกฉันนะ” ซาร่าฉีกยิ้มกว้างให้ฉัน ฉันพยักหน้าเบาๆ รู้สึกขอบคุณในความเป็นห่วงของเธอ

    หลังจากซาร่าออกจากห้อง ฉันนั่งมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆ รู้สึกถึงความคาดหวังและความตึงเครียดที่ปะปนกันไป

    เสียงเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเห็นข้อความใหม่จากไลน์ที่ฉันไม่รู้จัก แต่ในใจฉันรู้ดีว่าเป็นใคร

    “เป็นยังไงบ้างลิลลี่ ครูเป็นห่วงเธอมากหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ หวังว่าเธอจะรู้สึกดีขึ้นแล้วนะ

    ฉันอ่านข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมา หัวใจของฉันยังคงเต้นแรง ความรู้สึกทั้งหลายปะทุขึ้นในใจ ฉันไม่แน่ใจว่าควรตอบอย่างไร แต่ก็ไม่สามารถหยุดตัวเองจากการพิมพ์ตอบกลับไปได้

    “ขอบคุณค่ะครู ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้วค่ะ” ฉันตอบกลับ

    ไม่นานหลังจากนั้น เสียงเตือนอีกครั้งจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ครูพีทตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

    “ดีใจที่เธอรู้สึกดีขึ้นแล้ว วันเสาร์นี้ครูจะชวนเธอไปดูนิทรรศการภาพถ่ายวรรณคดีที่หอศิลป์ใน เธอว่างไหม?”

    หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นเมื่ออ่านข้อความนั้น ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าครูพีทจะชวนฉันไปดูนิทรรศการด้วยกัน ความคิดหลายอย่างผุดขึ้นในหัว ทั้งความตื่นเต้นและความกังวล แต่ฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธความปรารถนาที่จะใช้เวลาใกล้ชิดกับเขาได้

    “ว่างค่ะครู” ฉันพิมพ์ตอบกลับ

    ครูพีทตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “ดีมาก ครูจะมารับเธอที่หน้าหอพักเวลา 10 โมงเช้า อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมนะ”

    “ได้ค่ะครู” ฉันตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ความรู้สึกที่อยากจะใช้เวลาอยู่กับครูพีทมีมากเกินกว่าจะห้ามตัวเองได้อีก

    หลังจากที่ฉันส่งข้อความตอบกลับ ฉันนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์ที่มืดลง ความรู้สึกหลายอย่างท่วมท้นในใจ ทั้งความดีใจ ความตื่นเต้น และความกังวล ฉันรู้ว่าคำเชิญนี้อาจนำไปสู่บางสิ่งที่ฉันไม่สามารถควบคุมได้ แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่สามารถหันหลังกลับได้อีกแล้ว

    วันเสาร์ที่จะถึงนี้ ฉันจะได้ใช้เวลาอยู่กับเขา ท่ามกลางศิลปะและวรรณคดีที่เราทั้งคู่หลงใหล ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ในขณะนี้ ฉันรู้แค่ว่าฉันต้องการที่จะได้อยู่ใกล้เขา... แม้ว่ามันจะเสี่ยงแค่ไหนก็ตาม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×