คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
ไนท์
"เบื่อว่ะ"
เป็นคำที่ผมพูดติดปากมาตั้งแต่ผมยังเด็กๆจนทุกวันนี้ผมก็ยังพูดคำๆนั้นอยู่เรื่อยๆเมื่อมีใครบางคนทำให้ผมเบื่อ
เพราะนิสัยของผม ทำให้ผมไม่ค่อยมีเพื่อนมากสักเท่าไหร่ แต่ว่าผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึงชื่อไอ รุจ ผมสนิทกับมันมาตั้งแต่
มอต้น จนตอนนี้จบม.6แล้วผมกับมันก็ยังสนิทกันอยู่ และที่สำคัญผมกับมันก็จะไปต่อมหาลัยที่เดียวกันอีกด้วย
จริงๆแล้วผมเป็นคนที่ไม่ค่อยใส่ใจในการเรียนมากเท่าไหร่นัก แต่เวลาสอบผมก็ไม่เคยจะตกสักครั้ง ผมเลยเรียกความสามารถ
นี้ว่า “พรสวรรค์” หรืออีกความหมายที่ทุกคนเข้าใจก็คือผมเป็น “คนมีดวง” นั่นแหละครับ
ผมเป็นคนนึงที่ไม่อินกับเรื่องความรัก หรืออาจจะเป็นเพราะว่าผมยังไม่เจอกับความรักจริงๆ แต่ถึงอย่างไรก็เถอะครับ ความรัก
มันไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต ถึงไม่มีความรักเราก็ไม่ขาดทุน แต่ถ้ามีมันก็คือกำไรของชีวิตเรา...
และบ่ายนี้ผมต้องไปดูคอนโดฯแถวมหาวิทยาลัย พอดีมีคนปล่อยให้เช่าแถมราคายังถูกอีกด้วย เป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะปล่อย
ห้องที่ทั้งใกล้กับมอและราคาถูกนี้ไป เพราะงั้น…รอผมแปปนึงนะครับ
.
.
.
.
ฟิค
“ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ย…แค่นี้นะครับ”
ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่คุณพ่อโทรมาบ่นเรื่องเดิมๆซ้ำๆเป็นปกติ ผมก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้างแล้วแต่อารมณ์ แต่ส่วนใหญ่ผมก็ไม่ฟัง
หรอกครับ ผมไม่ค่อยสนิทกับพ่อเท่าไหร่ แต่ผมสนิทกับแม่มากกว่าเพราะว่าแม่คุยกับผมเหมือนเป็นเพื่อนกัน ผมมีปัญหา
อะไรแม่ก็ให้คำปรึกษาผมทุกครั้ง ต่างจากพ่อที่เวลาผมอยากได้คำปรึกษาหรืออะไรก็แล้วแต่ พ่อจะต้องด่าหรือว่าผมก่อนเป็น
ประจำ…เพราะงั้นผมเลยสนิทกับแม่มากๆไงล่ะครับ
“ฮัลโหลแม่…พ่อโทรมาอีกแล้ว” ผมก็โทรหาแม่เป็นประจำของผมทุกวันอยู่แล้วครับ
“โทรมาเรื่องเดิมๆอีกใช่มั้ย” แม่ผมรู้ดีครับว่าพ่อผมเป็นคนยังไง
“อืมมมมมมมม”
“แกก็ไม่ต้องไปเถียงเค้า ฟังไปเฉยๆ”
“เข้าใจแล้วครับ”
“แค่นี้นะจ๊ะ มีลูกค้าเข้าร้านละ”
“ครับๆ” และที่สำคัญนะครับ แม่ผมเปิดร้านอาหารอยู่ที่เชียงใหม่ครับ อร่อยที่สุดเลยจะบอกให้^^
ปีนี้ผมก็ขึ้นปี3ละ ขอให้ปีนี้ผมเจอแต่สิ่งที่ดีนะครับ^^
.
.
.
.
…ภายในเวลาปิดเทอมอันแสนยาวนาน ในที่สุดก็ได้หมดลง…
.
ไนท์
ผมนัดกับไอ รุจ ไว้ที่ร้านข้าวเจ๊โอหน้ามหาลัย เพราะว่าผมไม่อยากเดินเข้ามหาลัยคนเดียว แต่ถึงตอนนี้…มันยังไม่มาเลยครับ
.
“ทำไมมาช้าจังวะ” ผมถามมันด้วยอารมณ์หงุดหงิดเพราะว่าผมรอมันนานแล้ว
“โทดทีมึง รถแม่งติด” แต่ผมไม่รู้สึกผิดนะครับที่ผมมาช้า^^
“เออ…รีบกินไป ข้าวเย็นหมดละ” ผมโกรธง่าย แต่ก็หายเร็วครับ
“สั่งข้าวให้กูด้วย…คิดอะไรกับกูปะเนี่ย” ผมพูดกวนไอไนท์ไป
"5555จะกินไม่กิน” ผมตอบแบบนั้นเพราะว่ามันกวนผมก่อน ผมเลยกวนกลับ
“กินครับกิน” ผมนี่รีบตักข้าวใส่ปากเลยครับ
.
.
.
ฟิค
ผมนัดกับเพื่อนของผมสองคนที่ร้านเจ๊โอหน้ามหาลัย เพราะว่านี้เป็นร้านประจำของผมตั้งแต่ผมอยู่ปีหนึ่งแล้ว
เพื่อนที่ผมพูดถึงก็คือ ไอขันธ์ กับ ไอโป เพื่อนสนิทของผมเอง
“ เดี๋ยวกูเข้าไปรอในร้าน รีบๆด้วยพวกมึงอ่ะ ” ผมส่งข้อความไปในกลุ่มแชทของผมเพราะว่าผมมาถึงก่อนพวกมันสองคน
ผมได้เดินเข้าไปในร้านที่ผมคุ้นเคย “เจ๊ ผมเอาเหมือนเดิม” เจ๊โอก็ได้ตอบผมกลับมา “เออๆไปนั่งรอก่อน วันนี้ลูกค้าเยอะ”
หลังจากที่ผมคุยกับเจ๊โอเสร็จ ผมก็ได้เดินเข้าไปหาโต๊ะนั่งในร้าน ผมเดินไปนั่งโต๊ะข้างในสุดเพราะว่าผมไม่ชอบให้ใคร
เดินผ่านหลังผมสักเท่าไหร่
ไนท์
“มึงรีบๆกินหน่อยดิวะกูปวดท้อง” ผมเริ่มหงุดหงิดเพราะว่าตอนนี้ผมอยากเข้าห้องน้ำมากๆ
“งั้นมึงเดินไปจ่ายเงินเลย เดี๋ยวกูตามไป” ผมพยายามรีบกินให้หมด
“เออๆ รีบตามมานะ” ผมรีบเดินไปจ่ายเงินก่อน
หลังจากที่ทั้งสองคนจ่ายเงินเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็ได้ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปมหาวิทยาลัยเพื่อไปเข้าห้องน้ำ แต่หารู้ไม่ว่าไอไนท์
ลืมหยิบโทรศัพท์ที่มันวางไว้บนโต๊ะไปด้วย… ทันใดนั่นก็มีผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหลังของสองคนนั้นก็เดินมาหยิบ
โทรศัพท์ ชายคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนชายคนนั้นก็คือ ฟิค นั่นเอง
ผมรีบหยิบโทรศัพท์แล้ววิ่งตามสองคนนั้นไป แต่ไม่ทันสองคนนั้นวิ่งไปทางไหนแล้วก็ไม่รู้ จังหวะที่ผมกำลังมองหา
สองคนนั้นอยู่ เพื่อนผมทั้งสองคนมันก็มาพอดี
“ออกมาทำอะไรหน้าร้านวะ” ไอขันธ์ถามผมแต่ผมก็ไม่ได้ตอบมันไปเพราะผมรู้ว่ายังไงมันก็ช่วยผมไม่ได้
“ ไม่มีอะไร เข้าไปในร้านเหอะกูสั่งของพวกมึงไว้ให้แล้ว ” ผมก็ได้เดินกลับเข้ามาในร้านพร้อมกับคิดว่าจะหาทางคืนโทรศัพท์
ให้น้องคนเมื่อกี้ยังไง…
.
.
หลังจากที่ผมกับเพื่อนกินข้าวเสร็จ พวกเราก็ได้ตรงเข้ามาที่มหาวิทยาลัยเพราะว่าเรามีเรียน
“ไอโป เย็นนี้มึงไปไหนเปล่า” ผมถามมันไปเพราะผมกับมันเรียนคนละคณะกันแต่รู้จักกับมันมาก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัยนี้
“กูไม่ได้ไปไหนนะ มีอะไรวะ”
“ไปกินเหล้ากัน ร้านเดิม”
“มึงก็รู้…กูกินเหล้าทีไร บรรลัยทุกที” ผมเป็นคนที่เมาง่ายมาก คนปกติจะเมาประมาณแก้วที่สามแก้วที่สี่ แต่สำหรับผม
ภาพมันตัดไปตั้งแต่แก้วแรกแล้วครับ
“มึงก็ไม่ต้องดื่มเยอะดิ ไปนั่งเป็นเพื่อนพวกกูก็ได้”
“เออๆเดี๋ยวว่ากันอีกที กูไปเรียนละ เจอกันมึง” ไอโปเดินแยกไปเรียนที่คณะของมัน
ส่วนผมกับไอขันธ์ก็ได้เดินไปคณะของตัวเองเพื่อไปเรียนเหมือนกัน
.
กลับมาที่ส่วนของนายเอก
“มึงๆ เห็นโทรศัพท์กูป้ะ” ผมที่พยายามหาโทรศัพท์ตามตัวของผม
“กูจะไปรู้กับมึงหรอ ลืมไว้ในห้องน้ำเปล่าหาดีๆ”
“กูยังไม่ได้หยิบออกมาเล่นเลย” ผมพยายามนึกว่าผมไปลืมไว้ที่ไหน จนผมนึกขึ้นได้ว่า
“มึงกูว่ากูรู้แล้วว่ากูไปลืมโทรศัพท์ไว้ที่ไหน”
“ที่ไหน..”
“ร้านเจ๊โอไง กูวางไว้บนโต๊ะแน่ๆพากูไปเอาหน่อย”
“ไอสัสไปตอนนี้ก็โดนอาจารย์ด่าดิวะ ค่อยไปตอนเลิกนู้นเจ๊แกคงเก็บไว้ให้”
“ถ้ากูไม่มีโทรศัพท์…กูจะอยู่ยังไง” ผมเริ่มงอแงเพราะว่าผมไม่มีโทรศัพท์
“โอเวอร์ละมึง ไปเรียนเลย” มันดึงแขนผมให้ผมไปเรียน ผมจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากเดินไปกับมัน
.
.
หลังเลิกคลาส
“เร็วดิวะมึง กูจะขาดใจตายอยู่ละ”
“ถ้ามึงรีบขนาดนั้นมึงก็ไปก่อนเลย กูยังทำงานไม่เสร็จ”
“เออๆ”
ผมรีบวิ่งไปก่อนเพราะผมต้องการมันจริงๆ ผมรีบวิ่งจนไปสะดุดล้มที่ทางเดินข้างคณะ “ โอ๊ย!!! ” ผมรู้สึกว่าตอนนี้เท้าของผม
มันชาและเจ็บมาก สงสัยผมจะขาพลิก ผมพยายามที่จะลุกขึ้นแต่ผมก็ไม่สามารถลุกได้เพราะผมเจ็บข้อเท้าเอามากๆ
“น้องเป็นไรเปล่า…”
ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งมาถามว่าผมเป็นอะไร ผมก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปแต่แสงพระอาทิตย์มันแยงตาทำให้ผมมองหน้า
เค้าคนนั้นได้ไม่ชัด
“ผมไหวครับ” ผมไม่ต้องการให้ใครมาช่วยผม เพราะผมดูแลตัวเองได้
ผมพยายามลุกขึ้นแต่ว่า “โอ๊ย!….เท้าผม” แต่ผมลุกไม่ขึ้นจริงๆ
“ไหนบอกไหวไง มา…กอดคอพี่ไปนั่งตรงนั้นก่อน” พี่เค้าค่อยๆประครองผมเดินไปนั่งที่ม้าหินอ่อนข้างๆทางเดิน
“ขอบคุณนะครับพี่” จะว่าไปพอเห็นหน้าพี่เค้าชัดๆ…พี่เค้าก็หล่อเหมือนกันนะเนี่ย
“วันหลังก็เดินระวังๆหน่อย”
“ครับ…พอดีวันนี้ผมรีบไปหน่อยน่ะครับ เลยไม่ทันได้ระวัง”
“ว่าแต่..นายจะรีบไปไหนของนายเนี่ย”
“พอดี..ผมลืมโทรศัพท์ของผมไว้ที่ร้านอาหารหน้ามหาลัยอ่ะครับ ผมเลยจะรีบไปเอา”
“โทรศัพท์หรอ…” พอพี่เค้าพูดจบ พี่เค้าก็ได้ทำท่าล้วงกระเป๋าของเขาเอง ผมก็งงว่าจะล้วงทำไมโทรศัพท์ผมหายนะไม่ใช่
ของเขา…
“ใช่โทรศัพท์เครื่องนี้มั้ย…” พี่เค้ายื่นโทรศัพท์เครื่องหนึ่งมาให้ผมดู ผมก็ได้หยิบมาดู…พอผมได้เปิดหน้าจอโทรศัพท์
เท่านั้นแหละ ผมจึงได้รู้ว่าโทรศัพท์ที่พี่เค้าส่งมาให้ผม มันก็คือโทรศัพท์ของผมนั่นเอง
“ใช่จริงด้วยครับ!!!” ผมทั้งดีใจและตกใจในเวลาเดียวกัน
“เอ่อ…แล้วทำไมโทรศัพท์ของผมมันถึงได้ไปอยู่กับพี่ล่ะครับ”
“คือว่า….”
“ไอไนท์!!!!”
พี่เค้ายังไม่ทันได้ตอบผม…ก็มีเสียงที่ผมคุ้นชินดังขึ้นมาจากข้างหลังผม
“กูทำงานเสร็จแล้ว…ไปเลยป่าว” มันรีบวิ่งมาหาผมเพื่อที่จะพาผมไปเอาโทรศัพท์
“กูได้ละ” ผมยื่นโทรศัพท์ของผมให้มันดู
“ทำไมไปเอามาเร็วจัง”
“กูไม่ได้ไปเอา…พี่เค้าเป็นคนเอามาให้กู”
“พี่…พี่อะไรของมึง”
“เอ้า!ก็พี่คนนี้ไง” ผมหันหน้าไปหาพี่เค้า แต่พี่เค้าก็ดันหายไปไหนแล้วไม่รู้
“ไหน…”
“แต่เมื่อกี้พี่เค้ายืนอยู่ตรงนี้จริงๆนะมึง”
“เออๆ..มีก็มีแต่ตอนนี้มึงพากูไปหาไรกินหน่อยดิกูหิว”
“ไอสัสมึงแอบกินขนมทั้งคาบมึงยังไม่อิ่มอีกหรอวะ” ผมล่ะเบื่อแม่งจริงๆ กินได้ทุกเวลา
“นะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” มันอ้อนผมเหมือนผมเป็นแม่มันยังไงยังงั้น
“เออ…..” ผมก็ต้องไปกับมันอยู่ดี ถ้าผมไม่ไปมันได้งอนผมแน่
.
ผมกับมันก็ได้ชวนกันไปแถวหลังมหาลัย เห็นเค้าบอกกันว่ามีร้านเค้กที่อร่อยๆอยู่แถวนั้น ไอรุจมันยิ่งเป็นทาสของหวานอยู่
ซะด้วย พูดไม่ทันขาดคำก็เจอร้านขนมหวานอยู่ตรงหน้าแล้ว พวกผมไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปในร้าน
บรรยากาศในร้านน่ารักมากๆมีทั้งต้นไม้และรูปภาพที่สวยมากๆ ถือว่าคนเยอะเลยทีเดียว
“มึงกินไร เดี๋ยวกูไปสั่งให้” ไอรุจมันอยากจะเดินไปสั่งเอง ผมก็ไม่ขัดอะไรเพราะผมไม่ชอบเดินไปที่ๆคนเยอะๆ
“เอาอะไรก็ได้ กูกินได้หมดแหละ” พอผมพูดจบผมก็เดินไปหาที่นั่งที่คนไม่ค่อยเดินผ่านอเพราะผมจะได้มีสมาธิในการอ่าน
นิยายด้วย
ผมบอกไปรึยังว่าผมชอบอ่านนิยายมากๆเลยครับ ชอบขนาดที่วันๆนึงผมสามารถที่จะอยู่กับนิยายได้ทั้งวันเลย
และนอกจากที่ผมอ่านแล้วผมก็ยังแต่งนิยายด้วยนะครับ ผมเป็นคนนึงที่ชอบอ่านและแต่งนิยายแนวชายรักชาย
ไอรุจมันไม่รู้นะครับว่าผมชอบอะไรแบบนี้ ผมกลัวบอกมันไปแล้วมันจะเลิกเป็นเพื่อนกับผม
“มาแล้วๆ….ไอไนท์"
“ไอไนท์!”
“ฮะ!….อะไรนะ” ผมนั่งเหม่อไปหน่อยเลยไม่ทันได้ยินที่ไอรุจมันพูด
“เค้กมาแล้วรีบกินตอนที่มันเย็นๆเดี๋ยวไม่อร่อย” ปากมันบอกให้ผมรีบกิน แต่ตามันไม่ได้มองผมแม้แต่นิดเดียว
.
.
.
ตอนนี้ผมกลับมาถึงคอนโดเรียบร้อยแล้วครับ
ผมรีบวิ่งไปกระโดดล้มตัวลงบนที่นอน โดยมีมีแสงอาทิตย์สาดส่องผ่างช่องผ้าม่านเข้ามาบนเตียงของผม
ผมนอนเพลินจนหนังตาผมกำลังจะปิด…
แต่ทันใดนั้น! ผมก็มีเสียงคนคุยกันอยู่หน้าห้องของผม
ด้วยความที่ผมอยากรู้อยากเห็น ผมเลยเดินไปที่ประตูเพื่อแอบดูว่าเค้าคุยอะไรกัน
แต่จังหวะที่ผมกำลังบิดลูกบิดอยู่นั้น อยู่ดีๆผมก็ทรงตัวไม่อยู่ ทำให้ตัวผมล้มลงออกไปหน้าห้อง
“โอ๊ยยยยยย” ผมไม่กล้ามองขึ้นไปเพราะว่าผมกลัวโดนด่า
“เป็นอะไรมั้ยครับ…”
เสียงนี้มันคุ้นๆนะ…ผมค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมอง…..!!!!
…………………………………………………………………………………..
สวัสดีผู้อ่านทุกท่านนะครับ
ผมชื่อ เซฟ นะครับ ทุกคนไม่รู้จักผมหรอกครับ ผมเป็นแค่มือสมัครเล่น
แต่ผมตั้งใจแต่นิยายเรื่องนี้จริงๆนะครับ
ผมไม่ได้หวังว่านิยายของผมยอดวิวมันจะน้อยหรือมาก
แต่ผมอยากให้ทุกคนสนุกและอินไปกับนิยายของผนนะครับ
ดีหรือไม่ดียังไงสามารถมา Comment คุยกันได้นะครับ
สุดท้ายก็ขอขอบคุณคนอ่านทุกคนอีกรอบนะครับ^^
ความคิดเห็น