ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The mafia

    ลำดับตอนที่ #4 : อันตราย (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 50


     

           หญิงสาวบนเตียงคนไข้นอนหลับสนิทเนื่องจากยาที่ทางโรงพยาบาลจ่ายให้มีริดช่วยในการนอนหลับ     ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้วตลอดเวลาคุณดลวัชมักจะมานอนเป็นเพื่อนเพราะรู้นิสัยของลูกสาวคนเดียวดี     แม้จะโตเป็นสาวแต่เธอก็ยังมีนิสัยแบบเด็กๆอยู่อย่างเช่นการกลัวผี     แต่ในคืนนี้คุณดลวัชกลับติดงานด่วนซึ่งเป็นเหตุให้เขาไม่สามารถมาเฝ้าเธอได้อย่างเช่นทุกคืน     ยิ่งใกล้เวลาเดินทางเข้ามาทุกอย่างก็ดูจะรัดตัวไปเสียหมด     ผิดกับลีชินเจที่ในคืนนี้กลับว่างหลังจากที่เขาได้ตรวจตราดูทุกอย่างแล้วและพวกคนร้ายก็ดูจะยังไม่มีทีท่าเคลื่อนไหว      ดึกสงัดต่ในโรงพยาบาลยังคงมีแสงสว่างและเสียงคนอยู่เป็นนิจ     ไม่ว่าจะเป็นเสียงคุณหมอ พยาบาลเฝ้าไข้ หรือแม้แต่คุณแม่ที่กำลังใกล้คลอด      ชินเจที่พึ่งมาถึงเดินขึ้นลิฟบ์ไปยังชั้นบนของโรงพยายาลอันเป็นห้องที่หญิงสาวพักอยู่     ลูกน้อง 6 คนที่มีหน้าที่เฝ้าประตูในคืนนี้ยืนยันอย่างขันแข่งพร้อมกับก้มตัวลงแสดงความเคารพทันทีที่เขาเดินผ่าน     เมื่อเข้าไปถึงบริเวณที่รับแขกชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ลุกคนทำท่าเคารพแบบเดียวกัน      ชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปในห้องพักของคนไข้อย่างเงียบเชียบพยายามไม่ส่งเสียงใดๆเพราะเกรงว่าจะปลุกร่างบางที่พักผ่อนอยู่     ชินเจนั่งลงข้างเตียงคนไข้สายตาจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้าซึ่งเขาไม่มีโอกาศได้เห็นมาตลอด 1 อาทิตย์ที่มัวแต่วิ่งวุ่นจัดการเรื่องทั้งหมด    คนที่เขาอยากเจอคิดถึงและเป็นห่วงที่สุดหากแต่ไม่มีโอกาศได้พบ     เขาไม่อยากจะให้ความคุณดองวุคจับความรู้สึกของเขาที่มีให้กับเธอได้มากไปกว่านี้     และที่สำคัญกว่านั้นเขาไม่อยากให้เธอรับรู้...ทุกครั้งที่พบหน้าของเธอมันยิ่งยากขึ้นที่เขาจะเก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ภายในใจ   เขาพยายามหลบหน้าไม่มาเจอกับเธอ...ป่านนี้เธอคงจะคิดว่าเขาไม่สนใจเธอและไร้หัวใจ     ดีแล้วที่จะปล่อยให้เธอคิดอย่างนั้น    เขาค่อยๆหยิบผ้าห่มที่หล่นอยู่ข้างๆตัวขึ้นมาคลุมให้กับร่างเล็กจนถึงคออย่างอ่อนโยน    ก่อนจะก้มลงจุมพิจหน้าผากมน    เมื่อเขายืดตัวขึ้นเต็มความสูงอีกครั้งร่างเล็กก็เริ่มขยับราวกับกำลังจะตื่นจากนิทรา    ดวงตากลมโตลืมขึ้นอย่างช้าๆและสิ่งภาพแรกที่ปรากฎแก่สายตาขึ้นลีชินเจซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียงไข่วห้างมองมาที่เธอ

    ตื่นแล้วหรอ    ลีชินเจพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบ    ผมจะไปเรียกพยาบาล

    ไม่ต้องหรอก    ชั้นนอนมามากแล้ว...นี่กี่โมงแล้วหรอ   มณีฑิตาถาม

    พึ่งจะตี 5 เอง    คุณนอนต่อไปก่อนเถอะ

    อย่าเลย    ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลมา 1 อาทิตย์ชั้นว่าชั้นนอนไป 80% ของเวลาทั้งหมดแล้วหละ    ตอนนี้ที่อยากทำที่สุดก็คือลุกขึ้นออกไปเดินเล่น   ว่าแล้วสายตาเจ้าเล่ห์ก็ปรากฎขึ้นในดวงตาใสทันที

    อย่ามองผมแบบนั้น     หมอบอกว่าให้คุณพักผ่อนแล้วคุณก็ยังไม่แข็งแรงพอที่จะออกไปเดินเล่น    เดี๋ยวโดนเชื้อโรคแล้วจะไม่สบายหนัก    สายตาออดอ้อนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นบังคับ    อย่ามอง...ยังไงผมก็ไม่มีทางพาคุณออกไปหรอก    ลืมไปได้เลย   นอนต่อไปได้แล้ว

     

             ณ โถงยาวของโรงพยาบาลผู้ชายร่างสูงในชุดดำหน้ามุ่ยค่อยๆเข็นรถเข็นที่มีสาวน้อยร่างเล็กไปอย่างช้าๆผ่านทั้งพยาบาลและหมอที่ทำให้ใจของคนเข็นตุ้มๆต่ำเต้นไม่เป็นจังหวะ     ทั้งคู่หยุดลงตรงหน้าลิฟเพียงครู่เดียวก่อนที่ลิฟจะมาถึงและพาทั้งสองลงไปยังชั้น 10 ของโรงพยาบาลอันประกอบด้วยสวนกว้างเพียงอย่างเดียวเพราะถูกจัดไว้เป็นบริเวณพักผ่อนสำหรับคนไข้     

    เฮ่อ...สบายดีจังเลย     อุดอู้อยู่แต่ในห้องตั้งนาน    มณีฑิตาลุกขึ้นยืนกางแขนออกบิดตัว     อากาศบริสุทธิ์ข้างนอกดีกว่าอากาศจากเครื่องปรับอากาศตั้งเยอะ     แล้วไหนจะกลิ่นของโรงพยาบาลอีกเล่า...ล้วนแต่ทำให้ไม่สดชื่นทั้งสิ้น     ชายหนุ่มรีบก้าวเข้าไปใกล้ทันทีที่มณีฑิตาลุกขึ้นยืนเพราะตั้งแต่เข้ามาในโรงพยาบาลนั้นเขายังไม่เห็นหญิงสาวยืนสักครั้งและไม่แน่ใจว่าร่างกายของเธอจะแข็งแรงพอแล้ว     มณีฑิตายืนหันหน้าเข้าไปทางสวนดอกไม้หลากสีจึงไม่ทันเห็นชินเจที่รีบเดินเข้ามาด้วยความเป็นห่วง     แต่ชายหนุ่มก็หยุดเพียงเท่านั้นคอยระวังอยู่ห่างๆ...

    นี่กี่โมงแล้วหรอคะ    มณีฑิตาเอ่ยถามเพราะสังเกตุเห็นขอบแสงสีทองที่เริ่มสาดส่องออกมาจากเมฆจึงคาดคะเนเอาว่าน่าจะเช้าแล้ว

    เกือบ 6 โมงเช้าแล้ว    ลีชินเจยังคงสงบปากสงบคำเช่นเดิม     ตลอดเวลาถ้าหญิงสาวไม่ถามเขาก็จะไม่เปิดปากพูด     หรือเมื่อใดก็ตามที่เธออ้าปากถามเขาก็จะตอบเท่าที่จำเป็นเท่านั้นราวก็เธอกำลังพูดอยู่กับท่อนไม้ก็ไม่ปาน     หลังจากต่างคนต่างเงียบมาได้สักพักความอดทนของมณีฑิตาก็เริ่มลดน้อยลงด้วยเธอเข้าใจว่าเขาเกลียดเธอ

     

    ชั้นเคยไปทำอะไรไว้ไม่ดีกับคุณหรอ    ร่างบางที่ยืนอยู่ถามทะลุกลางปล้อง

    ไม่เคย    แม้จะงงงวยกับคำถามหากแต่ก็ปรับสีหน้าเป็นปรกติโดยทันทีพร้อมกับตอบเรียบๆ

    ชั้นเคยไปด่าคุณไว้หรอ     มณีฑิตาตั้งคำถามต่อไป

    ไม่เคย

    ชั้นไปบังคับคุณให้มาเป็นบอดี้การ์ดหรอ

    ป่าว

    แล้วทำไมคุณต้องเกลียดชั้น    มณีฑิตายิงคำถามสุดท้ายที่อยากจะถามมาตั้งแต่แรกแล้วออกไป

    ผมไม่ได้เกลียดคุณ     ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้น    ชายหนุ่มตอบออกไปแม้จะแปลกใจกับคำถาม     เขาหนะหรือเกลียดเธอ...

    ก็คุณไม่ค่อยยอมคุณกับชั้น     ถ้าชั้นไม่พูดด้วยคุณก็ไม่ยอมคุย     แล้ว...แล้วตอนก่อนหน้านี้คุณก็ไม่มาเยี่ยมเลยสักครั้ง    ทั้งๆที่คุณบอกว่าเป็นบอดี้การ์ดของชั้น   

     

    ลูกพี่ครับ    ลูกสมุนในชุดดำของเขาขึ้นมาขัดจังหวะซะก่อนการสนทนาทั้งหมดจึงต้องจบสิ้นลงทั้งที่ชินเจยังไม่ได้ตอบว่าอะไร

    มีอะไร    ชายหนุ่มหันกลับไปถาม

    คุณหมอกำลังจะเข้าไปตรวจแล้วครับ    

    หา!    จริงหรอ!     เรารีบกลับกันเร็วๆเข้าก่อนที่คุณหมอจะมาเจอ     มณีฑิตาตื่นเต้นราวกับเด็กเล็กๆที่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกจับได้และโดยไม่แม้แต่รอชายหนุ่มเธอรีบวิ่งหนีกลับห้องทิง้ชายหนุ่มให้อยู่ที่สวนพร้อมกับชินโซยุนเท่านั้น

    มีอะไร     ชินเจถามเสียงจริงจังเพราะหลังจากที่รู้จักกันมานานเขารู้ว่าลูกน้องมือขวาคนนี้ไม่ได้คนนี้ไม่ได้จะขึ้นมาเพื่อเตือนเรื่องหมอที่กำลังจะเข้ามาตรวจ

    เออ...คือพวกมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้วครับ     ที่นี่เริ่มไม่ปลอดภัยแล้วครับ     โซยุนกล่าวกับเจ้านาย

    งั้นพวกเราคงต้องรีบกลับกันแล้ว     ชั้นจะไปคุยกับหมอดูว่าเธอจะเดินทางได้เมื่อไหร่     เพราะจากเมื่อกี้ก็ดูแข็งแรงขึ้นแล้ว

    ครับลูกพี่    ยุนโซมีอายุราว 30 ปีแล้วจะว่าไปเขามีอายุมากกว่าลูกพี่เสียด้วยซ้ำแต่เพราะความเคารพและเหตุผมอีกนานับประการทำให้เขายอมก้มหัวให้กับผู้ชายคนนี้

     

    มิ้นแอบย่องเข้าไปยังห้องของตัวเองอย่างอย่างรวดเร็ว       แต่ไม่ว่าจะรอยังไงก็ดูเหมือนว่าคุณหมอจะยังไม่มาสักที     จนในที่สุดก็มีเสียงประตูถูกเปิดและปิดลงไม่ช้าเสียงฝีเท้าก็ใกล้เข้ามา...     เมื่อประตูห้องถูกแง้มเปิดออกมณีฑิตาเห็นชายเสื้อกาวสีขาวยาว

    สวัสดีคะคุณหมอ...     มณีฑิตาทักทายคุณหมอแต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องพบว่าเขาไม่ใช่คุณหมอคนเดียวกับทุกที

    อ้าว...แล้วคุณหมอวรวิชญ์หละคะ     หญิงสาวถามอย่างสงสัย

    วันนี้คุณหมอวรวิชญ์ติดธุระครับเช้านี้เลยให้หมอมาดูแทน     เดี๋ยวตอนสายๆแกจะเข้ามาดู    พูดพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ขึ้นจนยืนอยู่ข้างเตียง      รู้สึกอย่างไรบ้างครับเช้านี้

    ก็โอเคนะคะ     มิ้นรู้สึกว่าสบายดีแล้ว    เมื่อไหร่จะออกจากโรงพยาบาลได้คะ    หญิงสาวถามคุณหมอที่ดูยังไงก็ยังหนุ่มอยู่มากแล้วถามยังมีหน้าจาดีอีกด้วยมีหวังว่าพยาบาลสาวๆคงจะกรี๊ดกันมาก

    เดี๋ยวคงต้องรอดูอาการอีกสักหน่อยหละครับ     ยังไงคุณมิ้นลองถามอาจารย์หมอที่กว่าครับ     แพทย์คนดังกล่าวตอบน้ำเสียงทุ้มพร้อมกับเผิญยิ้มอบอุ่น

    มิ้นไม่เคยเห็นคุณหมอเลย    คุณหมอชื่ออะไรคะ    มิ้นถามกับคุณหมอคนใหม่

    หมอชื่อ...เรียกคิมก็ได้ครับ    พูดพลางสายตาก็ไล่ดูชาร์ตคนไข้ที่อยู่ทางปลายเตียง

    เดี๋ยวหมอคงต้องไปแล้ว     พบกันใหม่นะครับ    

    คะ     สวัสดีคะ

     

    เพียงไม่นานหลังจากที่คุณหมอออกไปลีชินเจและยุนโซก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกัน

    เป็นยังไงบ้างครับคุณมินฮวา    ยุนโซเป็นคนเอ่ยปากถาม      พวกของชินเจทุกคนมักจะเรียกเธอว่ามินฮวาทุกครั้ง     ครั้งแรกๆที่ได้ยินยังเข้าใจว่าตัวเองฟังผิดบวกกับที่ภาษาไทยของคนพวกนี้ไม่แข็งแรงและสำเนียงออกจะเพี้ยนๆแต่เมื่อฟังดูหลายๆครั้งเธอแน่ใจว่าพวกเขาออกเสียงชื่อของเธอเป็นมินฮวาอย่างแน่นอน...

    มินฮวาหรอคะ    หญิงสาวถามสีหน้าสงสัย

    ฮะฮะฮะ    ไม่ชินหรอครับ    ยุนโวดูเหมือนจะเป็นคนเดียวในกลุ่มคนพวกนี้ที่ดูจะมีวิญญาณคนอื่นซึ่งถ้าเธอไม่ถามจะไม่มีทางตอบเด็ดขาดและเมื่อพูดด้วยก็จะตอบกลับมาเป็นคำเหมือนเจ้านายไม่มีผิด     จะมีก็แต่ยุนโซที่มักจะหัวเราะและคุยเล่นกับเธออย่างคนปรกติ

    คะ    ทำไมถึงเรียกมิ้นว่ามินฮวาหละคะ

    มันเป็นชื่อเกาหลีของคุณหนูครับ     นายท่านเป็นคนตั้งให้    ทำตัวให้ชินไว้นะครับเพราะว่ายังไงตอนกลับไปเกาหลีคงต้องใช้ชื่อนี้หละครับ     ชินยุนโซกล่าวกับเธอทำให้มณิฑิตาใจหายเล็กน้อย...เกาหลีอย่างนั้นหรือ...กลับหรือ...

    แล้วนี่คุณหมอยังไม่เข้ามาดูอีกหรือครับ    ยุนโซยังคงถามต่อไป

    เข้ามาแล้วหละคะ     แต่คำตอบของหญิงสาวกลับทำให้เขาแปลกใจนั่นเป็นเพียงอุบายเพื่อจะให้เธอลงมาที่ห้องเท่านั้นเขาไม่คิดว่าแพทย์จะเข้ามาตรวจจริงๆแต่ยังไงก็ช่างเถอะ...

    แล้วคุณหมอว่าอย่างบ้างครับ     คุณหนูหายหรือยัง

    ก็น่าจะโอเคนะคะ

    ฮ่าฮ่าฮ่า...ดีแล้วครับจะได้แข็งแรง     ยุนโซกล่าว     อย่างนั้นวันนี้คุณฆนูอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับเดี๋ยวผมจะจัดการให้     ชายหนุ่มกล่าวอย่างใจดีป็นพิเศฦษและต้องการสร้างความสนิทสนมกับเธออีกด้วยเพราะดูถ้าจะรอเจ้านายแล้วชาตินี้ก็คงจะไม่มีทางยอมทำอะไร

    ดีคะ     มิ้นอยากทานข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ทอด หมูย่าง...อ๋อ...แล้วก็แพนเค้กด้วยนะคะ    มินฮวาของทุกคนกล่าวอย่างใจคิด    ที่จริงแล้วมีของนับ 10 ที่เธอยากจะกินแต่นี่อยู่ในท๊อปลิสต์ที่เดียว

    เออ...อะไรคือส้มตำหรอครับ    ยุนโซถามงงๆเพราะเขายังไม่เคยชินกับอาหารไทย     แม้ว่าเขาจะมาเมืองไทยปีละหลายครั้งพร้อมกับลูกพี่แต่ส่วนมากแล้วทั้งหมดจะทานอาหารที่ร้านญี่ปุ้นหรือไม่ก็เกาหลีเขาจึงไม่ค่อยรู้จักอาหารไทยมากนัก

    คือ...มันเหมือนพวกสลัดแต่ว่าเป็นแบบไทยคะ    จะเผ็ดๆนิดหน่อย    มินฮวาพยายามอธิบาย

    เอาอย่างงี้ดีกว่านะครับ     เดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องแพนเค้กกับไก่ทอดให้แต่ว่าเรื่องส้มตำไว้ก่อนละกัน    ดีมั้ยครับ    พูดจาราวกับหลอกเด็กซึ่งก็ได้ผลเพราะเธอยิ้มรับหน้าบาน    เขาจึงขอตัวออกไปหาซื้อของพวกนั้น    ลับหลังยุนโซห้องตกอยู่ในความเงียบสงัดเพราะความเป็นคนพูดน้อยของชินเจ...

     

    ออกรถ     เสียงทุ้นสั่งเรียบๆกับคนขับก่อนที่รถคันหรูจะค่อยๆเคลื่อนออกจากโรงจอดรถของโรงพยาบาลชื่อดังที่มณีฑิตาอาศัยอยู่      ชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบื้องหลังดูสง่าหากแต่เหี้ยมกว่าตอนอยู่ในเสื้อกาวยิ่งนัก     ดวงหน้าเรียบสนิทปราศจากแววตาระยับของคุณหมอคิม

     

    สวัสดีครับคุณหมอ    คุณดลวัชกล่าวเมื่อเข้ามาในห้องพักของลูกสาวเป็นจังกวะเดียวกับที่คุณหมออาวุสโสพึ่งตรวจเสร็จ

    สวัสดีครับคุณดลวัช  

    ลูกมิ้นเป็นอย่างไรบ้างครับ  

    อาการของคุณมิ้นเธอดีขึ้นมากแล้วนะครับ     แต่ร่างกายยังคงอ่อนแออยู่เล็กน้อยยังไงก็คงยังออกไปข้างนอกไม่ค่อยได้เพราะเชื่อโรคอาจทำให้เกิดโนคแทรกซ้อนได้ครับ     คุณหมออธิบาย

    ครับ

    เมื่อเช้าเห็นมีคุณหมออีกคนมาตรวจคุณหนูเป็นใครหรอครับ     ชินเจถามคุณหมอเพราะความรอบคอบของเขาที่คอยเตือนตัวเองให้ระมัดระวังเสมอ

    อะไรนะครับ     แพทย์มีอาการงงนิดๆ

    ก็คุณหมอคนเมื่อเช้า     เขาเข้ามาตรวจคุณมิ้นบอกว่าคุณหมอไม่ว่างเขาเลยมาดูรอบเช้าแทน

    เอ...ผมติดประชุมจริงแต่ว่าไม่ได้สั่งใครให้เข้ามาดูแทนนะครับ    สงสัยคงเป็นคุณหมอท่านอื่นถูกส่งมาตรวจ     จริงๆแล้วก็เพราะระบบปรกติของทางโรงพยาบาลหละครับ     คุณหมอพูด

     

              เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึกของมณีฑิตา     ระยะเวลาเดทอนกว่าภายในโรงพยาบาลห้อมล้อมไปด้วยเหล่ามาเฟียที่ไร้วิญญาณช่างดูเหมือนการติดเกาะนับปี      สิ่งมีชีวิตอย่างเดียวรอบกายเธอดูจะเป็นชินยุนโซ...อ๋อ...และคุณหมอคิม      นอกนั้นดูจะไร้วิญญาณกันไปเสียหมด      เจ้าพวกลูกน้องหน้าห้องก็เช่นกันไม่ว่าจะชวนหรือพูดคุยอย่างไรก็ถามคำตอบคำไม่มีการคุยกลับ      จนเธอนึกเบื่อสุดขีด...

    นี่...พวกนายนั่นแหละ...มานี่     มณีฑิตาในชุดคนไข้เดินออกมายังห้องนั่งเล่นที่เธอรู้แล้วว่าจะมีคนคอยคุมอยู่ 4 คนขึ้นไปทุกครั้ง     แล้วครั้งนี้ก็เช่นกันมีชายร่างใหญ่นั่งเงียบกันอยู่ 4 คน     ทุกคนล้วนเหมาะแกอาชีพของตนเพราะหน้าตาทีดูเหี้นมเกรียมบ้างก็ไว้นวดเคราบ้างก็มีรอบแผลเป็นบนหน้า      ตอนแรกมณีฑิตานึกกลัวคนพวกนี้แต่หลังจากเวลาผ่านไปเธอได้รู้แล้วว่าคนพวกนี้จะไม่ทำอันตรายเธอไม่ว่าเพราะเหตุใด

    มานี่    เธอยังคงพูดต่อเมื่ทั้งหมดเพียงหันมามองแต่ยังนั่งนิ่ง

    เอ๊ะ!”     เธอจึงเป็นฝ่ายเดินออกมาเอง     และเมื่อเดินมาถึงโต๊ะทั้งหมดก็พากันลุกขึ้นยืนพรึบพรับ

    ไม่ต้องพิธีก็ได้     พวกนาย...เล่นไพ่เป็นมั้ย     เธอถามหยั่งเชิง     ชายร่างโตทั้งหมดหันหน้ามองกันก่อนหนึ่งในนั้จะหันมาตอบ

    ก็พอได้ครับ    

    ดี!”      มินฮวาพูดพร้อมกับดวงตาพราวระยับ

     

    นายมี 4 ดอกจิกใช่มั้ย    เสียงใสๆถามชายที่มีรอยบางบนแก้มซ้าย

    ไม่มี    เขาตอบพร้อมส่ายหัว

    อะไรกัน!!!!     ทำไมพวกนายถึงหน้าตายกันขนาดนี้เนี่ย...    คุณหนูมิ้นพูดหน้ายุ่ง     ก็ตอนนี้เล่นไพ่โกหกกันอยู่แล้วพวกนี้ก็นายตายซะขนาดนี้ใครจะไปจับพิรุษอะไรได้

    อะ!     นั่นพวกนายโกงหนิ    มณีฑิตาทันเหลือบไปเห็นพอดีตอนที่สองคนกำลังสลับไพ่กัน    มานี่เลย     โดนปรับซะดีๆ   

    พูดจบชายทั้งสองก็ยอมยื่นมือให้ทุกคนดีมะกอกรอบวงด้วยสีหน้าบ่งบอกว่าเจ็บพอสมควรแต่ทนไว้เพราะเป็นมาเฟีย     ทำให้มณีฑิตาสนุกที่สุดในรอบเดือน

    เพราะทุกคนมัวแต่สนใจอยู่กับไพ่ในมือจึงไม่มีใครทันได้ยินเสี้ยงประตูที่เปิดขึ้นและปิดลง     จนในที่สุดชายผู้หนึ่งก็เขามายืนอยู่ไม่ไกลจากคนกลุ่มนั้น      ยุนโซยืนอมยิ้มมองดูหญิงสาวที่แปลี่ยนหมีควายพวกนี้ให้กลายเป็นหมีพูลได้...     เขาอยู่วงการนี้มานานและแท่บจะไม่เคยเห็นมาเฟียอยู่กับเด็กผู้หญิงและดูเป็นมิตรเช่นนี้     ถ้าชินเจมาเห็นจะรู้สึกอย่างไรหนอ...

    เล่นอะไรกันอยู่เนี่ย    เสียงทักแบบผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กแต่ก็ทำให้บรรดามาเฟียที่พึ่งจะเริ่มผ่อนลายที่จู่ๆถูกคุณหนูชวนมาเล่นไพ่ประหลายตัวเกร็งกันขึ้นมาอีกหนโทษฐานละเลยหน้าที่     แต่แล้วก็ใจชื้นขึ้นเมื่อยุนโซไม่ได้มีท่าทีโมโหโกรฐาแม้แต่น้อยแต่กลับกำลังยิ้มอารมณ์ดี

    ไพ่โกหกคะ    แต่สองคนนี้โกงมิ้นเลยต้องโดนปรับถูกดีดมะกอก

    หรอ    ผมขอเล่นด้วยคนสิ    ยุนโซพูดอารมณ์ดีก่อนที่วงจะถูกขยายเพื่อต้อนรับสมาชิกเพิ่มอีกหนึ่ง

     

    หลังจากตื่นขึ้นมาเล่นทั้งวันกับเพื่อนๆใหม่ของเธอที่ดูหน้าตาออกจะน่ากลัวไปสักนิดมณีฑิตาก็แบตหมด      เพราะเวลาส่วนมากของเธอจะหมดไปกับการพักผ่อนเมื่อมาเจอวันที่ได้เล่นแบบนี้ร่างกายจึงเริ่มเกิดอาการไม่คุ้นเคย     ทันทีที่หัวถึงหมอเธอก็หลุดเขาสู่นิทรา

    แอ๊ด...กริบ     เสียงประตูเปิดและปิดอย่างเบามือก่อนที่คุณหมอหนุ่มในเสื้อกาวสีขาวจะมาหยุดอยู่ข้างตียงของคนไข้แต่ไม่ทันไรเสียงฝีเท้าก็ทำให้เขาต้องหันกลับไปมอง

    โอ๊ะ...โอ...ถูกจับได้ซะแล้วสิ    คุณหมอชินพูดจากับลีชินเจด้วยเสียงราวกับเพื่อนสนิท

    แกมาทำอะไรที่นี่    แต่เสียงของลีชินฮากลับกระด้างต่างกันโดยสิ้นเชิง

    แกไม่ต้องก่วงชั้นก็แค่มาดู

    ชั้นว่าแล้วว่าต้องเป็นแก     ถ้าแกกล้าแตะต้องหรือทำอันตรายเธอชั้นไม่ปล่อยแกไว้แน่   ลีชินเจกล่าวเสียงเหี้ยม

    ไม่ต้องห่วงชั้นไม่ทำอะไรเธอหรอก     น่าตาจิ้มลิ้มน่ารักขนาดนี้ชั้นชักจะหลงรักแล้วสิ    พูดพลางลดมือลงไล้ที่แก้มนวล

    เอามือของแกออกไป    ชินเจสั่งเสียงเข้ม

    ดูเหมือนชั้นกับแกจะมีสเป็คที่ตรงกันนะ     ไม่ต้องห่วงชั้นรับปากว่าชั้นจะไม่ทำอะไรเธอหรอก    คุณหมอชินพูดอามณ์ดี

    ออกไป ชอยคิมยู   

    ชั้นไปแน่     แล้วไว้เจอกันวันหลัง    พูดเสียงอารมณ์ดีเสมอต้นเสมอปลายก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทีสบายอารมณ์

    เมื่อประตูถูกปิดสนิทชินเจที่ยืนคุมเชิงยกมือขึ้นลูบใบหน้า     นี่พวกมันมาไกลกันถึงขนาดนี้แล้ว     เขาจะวางใจได้อีกต่อไป    เขาต้องพามินฮวากลับไปเกาหลีโดยเร็วที่สุด

     

    คุณดองวุกครับนี่ก็เป็นเดือนแล้วผมว่าเราน่าจะหาลือกับคุณหมอเรื่องพาคุณหนูกลับเกาหลีได้แล้ว     พวกมันเริ่มจะเข้ามาใกล้แล้วผมว่าทางที่ดีที่สุดตอนนี้คือต้องเร่งพาคุณหนูกลับไปที่เกาหลีเพราะที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกแล้ว    ชินเจหาลือกับคุณดลวัชทันทีที่เจอกันตอนเช้าของวันใหม่

    ได้ผมจะลองไปคุยกับคุณหมอดู

     

              คืนนั้นดึกสงัดเวรยามยังคงหนาแน่นเช่นเคย      คุณหมอหน้าตาไม่คุ้นเคยเดินเข้าไปยังห้องคนไข้อย่างมืออาชีพจนคนคุมประตูไม่ทันนึกสงสัยในการที่หมอเข้ามาตรวจยามวิกาลและเป็นคนหมอที่ไม่เคยเห็นหน้า      เมื่อเข้าไปถึงห้องร่างบางนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงคนไข้ไม่ได้รู้ถึงอันตรายที่กำลังจะย่ามกรายตนแม้แต่น้อย      เข้มฉีดยาถูกล้วงออกมาจากเสื้อกาวตัวยาว      น้ำใสๆบรรจุอยู่เกือบเต็มหลอด    

             ลีชินเจเดินไปตามทางยาวของโรงพยาบาลตรงไปยังห้องพักของมินฮวา     ตอนนี้เขาไม่ไหวใจอีกต่อไป     ตั้งแต่นี้เขาจะเป็นคนอยู่คุ้มครองเธอเอง       เมื่อเดินผ่านลูกน้องที่ยืนอยู่หน้าห้องทั้งสองฝั่งก้มหัวลงแสดงความเคารพ     ฝี้เท้ามั่นคงก้าวไปอย่างสม่ำเสมอ    เมื่อเข้าใกล้ประตูห้องลูกน้องคนที่อยู่ข้างประตูเป็นคนบิดประตูให้เปิดออกอย่างคนรู้งาน    ทันทีที่เข้าไปถึงห้องเขาสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปรกติ      ประตูห้องของมินฮวาที่ถูกเปิดแง้มไว้เสมอหลังจากวันนั้นที่เขาเจอกับคิมยูกลับถูกปิดสนิท     หัวใจเต้นแรงเข้ารีบผลักประตูให้เปิดออกและก็เป็นจังหวะเดียวกับที่คนหมอในชุดกาวกำลังจรดปลายเข้มเข้าที่กระบอกน้ำเกลือพอดี

    หยุดนะ!”    เขาตวาดเสียงลั่น     ดังพอที่จะทำให้ร่างบางตื่นจากนิทราและคนร้ายสะดุ้งที่รู้ว่าตนกำลังจะถูกจับได้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×