คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความจริง (100%)
“มิ้น...พ่อ...ผม...ไม่ใช่คุณพ่อของคุณหนูครับ คุณท่าน...คุณพ่อของคุณหนูพึ่งเสียไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วครับ”
ดองวุคหันมาหาและพูดกับเธอด้วยสรรพนามแทนตัวใหม่ที่เธอเองไม่คุ้นเคยและไม่คิดฝันว่าจะมีวันได้ยิน
“อะไรนะคะคุณพ่อ นี่ทุกคนเล่นตลกอะไรกัน” เธอถามออกมาด้วยเสียงเครือที่พยายามดัดให้ฟังสนุกสนานราวกับว่ามันเป็นเพียงเรื่องตลก แต่ดวงตาแดงกล่ำที่ปรากฎขึ้นในตากลมโตบ่งบอกชัดว่าเธอเชื่อมากขนาดไหน
“ไม่ใช่ครับ คุณหนูฟังผมให้ดีๆนะครับ นายหญิงเสียตอนที่คลอดคุณหนูครับ ทุกคนจึงเข้าใจว่าคุณหนูก็คง...เช่นกัน นายท่านจึงเห็นว่าเป็นโอกาศดีที่จะกันคุณหนูออกจากอันตรายทั้งหมดที่อาจจะมีได้ถ้าคุณหนูต้องใช้ชีวิตอยู่กับท่าน มีเพียงคนสนิทไม่กี่คนที่รู้เกี่ยวกับคุณหนู ตอนนั้นอะไรๆก็ยังไม่เข้าที่ นายท่ายยังคงรวบรวมอำนาจอยู่แล้วการต่อสู้ระหว่างแก็งค์ก็มีขึ้นอยู่เป็นประจำ นายท่านจึงให้ผมเป็นคนเลี้ยงดูคุณหนูแทน”
ดองวุคพยายามอธิบายอย่างคราวๆที่สุดให้หญิงสาวตรงหน้าฟัง
“มะ...ไม่จริง ก็คุณพ่อจะเป็นยาคูซ่าได้ยังไงในเมื่อ...เมื่อคุณพ่อมีธุรกิจแล้ว...แล้วก็....”
มณีฑิตาพูดออกไปด้วยความรู้สึกช็อคสุดขีดและสติของเธอก็ดับวูบไป สิ่งสุดท้ายที่เธอรับรู้ก็คือเธอไม่ได้ล้มไปฟาดกับพื้นอย่างที่คาดไว้แต่กลับมีมือใหญ่ของใครคนหนึ่งมารับไว้แทน
หญิงสาวลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง สายตาที่พร่าเลือนค่อยๆปรับชัดขึ้นจนเป็นปรกติ หญิงสาวมองไปรอบๆอย่างงงงวย ความมึนทำให้ต้องยกมือขึ้นกุมศีรษะ
“ฝันไปหรอเนี่ย” หญิงสาวพึมพำคำถามที่กล่าวออกไปเหมือนจะถามตัวเองมากกว่า แต่คนที่นั่งข้างๆกลับตอบแทน
“ไม่ใช่ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เธอแค่สลบไป”
มณีฑิตาหันไปมองทางต้นเสียง ความมึนเมื่อครู่หายวับไปทันที ตอนนี้ความตกใจเข้ามาแทนที่
“นาย!? มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เคียวโกะถอยหลังอย่างเร็วพลางหันไปมองรอบๆที่นี่คือห้องนอนของเธอเอง
“คุณสลบไปผมเลยอุ้มคุณขึ้นมาที่นี่” เสียงของชายหนุ่มราบเรียบและยังคงประหยัดถ้อยคำเหมือนเดิม ใบหน้าดูราวกับไร้อารมณ์ใดๆ
“คุณหนูฟื้นแล้วหรอครับ”
ดองวุคที่พึ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องถามออกมาด้วยน้ำเสียงยินดีพร้อมกับเดินตรงมาตรวจสอบเธอเหมือนกับที่เขาชอบทำเสมอตลอดมา เปลี่ยนก็แต่เพียงวิธีการเท่านั้น ในอดีตทั้งคู่จะเอาศรีษะชนกันเวลาที่ดองวุคต้องการจะวัดไข้เธอ แต่ขณะนี้ที่เขาทำได้ก็เพียงเอามืออังที่ศรีษะเธอเท่านั้น ดองวุครู้สึกได้ถึงความเงียบผิดปรกติของสาวน้อยตรงหน้า การกระทำและคำพูดที่เปลี่ยนไปของเขาเตือนให้เธอตระหนักถึงความจริง
“คะ หนูดีขึ้นมากแล้วหละคะ ตอนนี้ใครจะช่วยอธิบายเรื่องทั้งหมดหน่อยได้มั้ยคะ”
เมื่อดองวุคยังคงนิ่งเงียบและพยายามไม่สบตาเธอ หญิงสาวที่พอจะตั้งสติได้แล้วจึงหันไปมองชินเจแทนราวกับจะคาดคั้นให้เขาพูด
“ในเกาหลี 2 แก็งค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ แก๊งค์ของคุณพ่อของคุณคือ คุณ ฮานซุนฮวา และอีกอันคือแก็งค์ของ ชอยยองฮี แก๊งค์ของเรายิ่งใหญ่กว่าจึงทำให้ชอยยองฮีทำอะไรได้ลำบากกว่าที่ควรจะเป็น แต่มาตอนนี้เมื่อนายท่านมาเสียไปทำให้เป็นโอกาศดีของพวกนั้นที่จะกำจัดพวกเราออกไปจากวงการ”
ลีชินเจพยายามอธิบายอย่างคราวๆให้หญิงสาวตรงหน้าที่ไม่มีความรู้ใดๆเกี่ยวกับวงการมาเฟียเลยฟัง
“แล้วเค้าจะมาฆ่าชั้นทำไม” ถึงสาวถาม
“ก็อย่างที่ผมบอกไปว่าเขาต้องการจะกำจัดตระกูลฮานออกจากวงการ”
“อ้าว...ไหนคุณบอกว่าไม่มีใครรู้เกี่ยวกับชั้นยังไงหละ” หญิงสาวท้วงเมื่อเขาเป็นคนพูดเองแท้ๆ
“ผมบอกว่ามีไม่กี่คนที่รู้ซึ่ง ชอยยองฮี ก็รวมอยู่ในพวกไม่กี่คนนั่นด้วย”
เมื่อได้ฟังคำตอบทั้งหมดหญิงสาวจึงนิ่งเงียบไปพยายามทำความเข้าใจกับความรู้ใหม่ทั้งหมด นี่เธอคงจะต้องทำตัวให้ชินกับการเป็นลูกสาวมาเฟียที่กำลังโดนตามล่าซะแล้ว เธอปล่อยลมหายใจยาวๆออกมาพลางหันไปมองบอดี้การ์ดคนใหม่ของเธอซึ่งตอนนี้กำลังคุยอยู่กับพ่อกำมะลอของเธอที่หน้าประตู
วันนี้เธอพึ่งรู้ว่าผู้ชายที่เลี้ยงดูเธอมาตลอดชีวิตคนนี้ไม่ใชพ่อ พ่อบังเกิดเกล้าของเธอเป็นยาคูซ่า แล้วตอนนี้เธอก็กำลังโดนศัตรูของเขาตามล่าอยู่ โดยจะมีลีชินเจผู้ชายหน้าดุที่ดูราวกับไร้อารมณ์และพูดจาประหยัดถ้อยประหยัดคำคนนี้เป็นบอดี้การ์ด เฮ้อ...ทำไมถึงได้ดูเงียบขรึมน่ากลัวยังงี้นะ แววตาสีดำนั่นก็เต็มไปด้วยความลึกลับ มันดูลึกมากราวกับจะไม่มีที่สิ้นสุด ไหล่กว้างรับกับส่วนสูงของเขาเป็นอย่างดี หน้าตาคมเข้มประกอบกับบุคคลิกของเขาส่งให้ลีชินเจดูเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มากคนหนึ่ง
นี่ชั้นคิดอะไรของชั้น...ไหล่กว้าง...มีเสน่....มิ้นะ...นี่เธอกำลังโดนตามฆ่านะ...โอ้....อ...บ้าๆๆ
“ผมอยากจะให้ทุกคนย้ายกลับไปที่เกาหลีมากกว่า หวังคุณคุณคงจะเข้าใจนะครับ”
ชินเจกำลังปรึกษากับดองวุคด้วยถ้าทีจริงจัง แล้วทำไมผู้สูงวัยกว่าคนนี้จะไม่เข้าใจในเมื่อเขาผ่านวงการนี้มาอย่างโชกโชนแล้วตั้งแต่หนุ่มๆจนมาบาดเจ็บร้ายแรงครั้งนั้น ไม่เช่นนั้นถึงตอนนี้เขาก็คงจะยังสู้เคียงบ่าเคียงไหล่อยู่กับนายท่านของเขา ขณะนี้สถานะการณ์ทุกอย่างกำลังตรึงเครียดด้วยผู้นำแก๊งค์ที่พึ่งโดนลอบฆ่า ป่านนี้ภานในแก๊งค์คงจะปั่นป่วนน่าดูเพราะพวกที่กลัวตายสวะเส็งเค็งไม่รู้จักความจงรักภักดีคงกำลังย้ายแก๊งค์ไปเข้ากับพวกที่ดูจะเป็นที่พึ่งได้ดีกว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นแน่ แม้เขาจะย้ายมาอยู่ที่เมืองไทยเพื่อเลี้ยงดูคุณหนูให้ห่างจากโลกมืดที่นายท่านไม่ต้องการให้คุณหนูได้สัมผัสแต่เขาไม่เคยขาดการติดต่อกับเจ้านายของเขาเลย นายเท่าเคยบอกกับเขาไว้ว่าเจ้าหนุ่มลีชินเจคนนี้มีฝีมือดีมากทีเดียวและท่านที่ไม่มีลูกที่ไหนอีกแล้วจะยกทุกอย่างให้เด็กคนนี้ นายท่านไม่มองผู้หญิงคนไหนอีกเลยหลังจากที่เสียนายหญิงไป หญิงสาวที่เขาเคยเจอและรู้จักเป็นอย่างดี ผู้หญิงที่สวยสง่า อ่อนหวานหากแต่เข้มแข็ง...เข้มแข็งพอที่จะยืนหยัดเคียงข้างมาเฟียได้ นายหญิงที่เขาเคารพรักมากเช่นกัน
“ครับ ดีเหมือนกันเพราะยังไงที่นี่ก็คงไม่ปลอดภัยเท่าที่เกาหลีหรอครับ คุณมีพรรคพวกตามมาด้วยแค่หยิบมือเดียว แถมเรื่องภายในแก๊งค์ก็ยังคงมีปัญหาอยู่ยังไงเรารีบกลับกันดีกว่า”
แม้ชินเจจะกำลังสนทนาอยู่กับดองวุคแต่บัดนี้สายตาของเขากลับอยู่ที่หญิงสาวคนเดียวในห้อง สายตาเย็นชาแลดูอบอุ่นอยู่ชั่วครู่ แค่ครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่จะจางหายไปอย่างรวดเร็วแม้แต่ดองวุคเองที่สังเกตุอยู่ยังไม่แน่ใจ...หรือว่าเขาจะตาปาดไป
“ครับ...แต่คุณ...จะกลับไปได้มั้ย” ชินเจถามอย่างเกรงใจ เขารู้ดีถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน เหตุการณืที่ทำให้หญิงสาวได้มีชีวิตอยู่นอกวงการ สายตามากด้วยวัยทอดมองออกไปไกลทะลุกกระจนบานโตผ่านสวนสวยราวกับจะพยายามมองย้อนกลับไปในวันนั้น
ดองวุคในวัย 30 ต้นหนุ่มฉกรรจกลับบาดเจ็บสาหัสในการต่อสู้รวมแก็งค์ครั้งใหญ่เป็นเหตุให้เสียตาหนึ่งข้างและแขนซ้ายใช้งานได้ไม่ถนัด ทั้งๆที่เขาน่าจะเสียชีวิตแต่หมอกลับช่วยไว้ได้ทัน นายหญิงกลับพึ่งเสียชีวิตจากการคลอดคุณหนู นายท่านจึงตัดสินใจให้เขาออกไปใช้ชีวิตที่สงบสุขเพราะร่างกายที่ไม่เอื้อยอำนวยในการต่อสู่อีกต่อไป ณ ห้องพักฟื้นส่วนตัวในโรงพยาบาลขณะที่เขากำลังเศร้าสร้อยเพราะนายท่านบอกกับเขาว่าต่อไปนี้เขาจะไม่ได้ต่อสู่ร่วมกับท่านอีกต่อไป ในขณะที่กำลังนอนซึมเศร้านายท่านกลับเดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกับเด็กหญิงตัวน้อยในมือ เด็กหญิงซึ่งกลายมาเป็นแสงสว่างและความหมายชินใหญ่ในชีวิตของเขา เขายังจำได้ดีถึงสิ่งที่นายท่านกล่าวในวันนั้น
“ดองวุค แกอยู่กับชั้นมานานแล้ว ชั้นรู้ว่าแกจงรักภักดีกับชั้นมาขนาดไหน แต่ในเมื่อร่างกายของแกเป็นแบบนี้ถ้าชั้นจะให้แกสู้ต่อก็เท่ากับส่งแกไปตาย ชั้นอยากให้แกทำอย่างอื่นให้ชั้น ได้มั้ย” นายท่านพูดด้วยเสียงอารี ดวงตาของลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ทอปรกกายแห่งความหวังขึ้น
“ได้ครับได้ทุกอย่าง ขอเพียงนายท่านบอกมาให้ผมไปตายผมก็ทำได้”
“ขอบใจมาก ขอบใจแกมาก ชั้นอยากจะขอให้แกช่วยดูแลสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตชั้น ดูแลให้ดี อย่าให้เป็นอะไรได้มั้ย” ซุนฮวาที่อายุอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันกับลูกน้องพูดก่อนจะส่งเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนให้ชายที่นอนอยู่บนเตียงมีผ้าพันแผลพันอยู่ตามตัว วินาทีที่ดองวุครับสาวน้อยตัวจ้อยไว้ในอ้อมแขนความคิดเดียวที่ผึดขึ้นมาในใจคือ เขาจะต้องดูแลเธอให้ดีที่สุด ให้ดีสมกับที่นายท่านของเขาตั้งใจไว้ ให้ดีที่สุดสมกับที่เธอเป็นดั่งดวงใจของนายเหนือหัวของเขา...
หลังจากที่เขาหายดีจนออกจากโรงพยาบาลทั้งเรื่องที่เขาและคุณหนูมีชีวิตรอดถูกปิดเป็นความลับมีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องราว นายท่านส่งเขาออกนอกประเทศและอำนาจเงินก็สามารถดลบันดาลได้ทุกอย่างกระทั้งสัญชาติไทยของเขา เขาใช้เวลาเพียงสองปีก่อนที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศนี้ แต่ความสำเร็จทั้งหมดล้วนมีนายท่านอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ต้องการส่งเขาหรือออกจากเกาหลีแท่บจะต้องผ่านบริษัทของเขาทั้งสิ้น นั่นเป็นเพียงการเริ่มต้นเพราะหลังจากนั้นเขาก็สามารถต่อยอดได้หลายอย่างจนขณะนี้ถือหุ้นมากมายของบริษัทยักษ์ใหญ่...แต่แล้วความคิดทุกอย่างก็ถูกตัดลงด้วยเสียงดังสนั่น
เสียงกระจกแตกดังลั่นขึ้นทั้งคู่หันไปทางต้นเสียงทันที ภาพที่เห็นทำให้เลือดในกายของชายทั้งสองแข็งทันที...มณีฑิตานอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงฟุบจมกองเลือดสีแดงฉานซึ่งจะเป็นของใครไปไม่ได้เลยนอกจากของเธอ
ลีชินเจเข้าไปถึงตัวหญิงสาวภายในเสี้ยววินาทีโดยที่ไม่คำนึกถึงห่ากระสุนที่สาดเข้ามาไม่หยุดหย่อนราวกับสายฝน ดองวุคซึ่งยืนตกตะลึงอยู่ด้วยกันได้สติในบัดดลรีบทิ้งกายลงกับพื้นใช้กำแพงเป็นกำลัง บรรดาบอดี้การ์ดทั้งหลายกรูกันเข้ามาในห้องพร้อมปืนนับสิบกระบอกยิงสวนออกไป ลีชินเจอุ้มร่างยางไว้แน่บอกราวกับจะใช้ตัวเองเป็นที่กำบังกระสุนให้กับร่างเล็กที่นิ่งไม่ได้สติอยู่ในอ้อมแขนพร้อมกับทิ้งตัวลงกับพื้นหลังเตียงนอน เขาพยายามมองหาทางเมื่อห่ากระสุนยังคงซัดเข้ามาไม่หยุดหย่อนแท่บเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะลุกขึ้นยืน ยิ่งเมื่อมีหญิงสาวเป็นภาระเช่นในขณะนี้เขายังมองไม่เห็นทางออก หากแต่ถ้าจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปทั้งคู่จะต้องถูกยิงอย่างแน่นอนและเธอต้องการหมอ
“คุณดองฮวา ยิงคุ้มกันให้ผมด้วย” ชายหนุ่มหยุดคิดถึงอันตรายใดๆที่อาจจะเกิดกอดหญิงสาวไว้แน่นก่อนจะกระโดดอย่างแรงไปที่ประตูออกจากห้องไป เมื่อลีชินเจพาหญิงสาวออกจากสถาณการ์ณดังกล่าวได้ทุกคนที่ยิงปืนคุ้มกันอยู่จึงค่อยๆทยอยตามออกไป
"ซอนวูนายไปเอารถชั้นขับล่อพวกมันไปที่อื่น" ชินเจรีบสั่งการกับลูกน้องคนสนิททันทีที่ออกมาจากห้อง
"คุณดองวุคเราคงต้องรีบไปจากที่นี่แล้วผมคงต้องขอยืมรถหน่อยนะครับ" ดองวุคไม่ตอบอย่างไรเพียงแต่พยักหน้าและรีบนำออกไป
"ตกลงตามนี้ นายรีบไปเอารถออกเดี๋ยวนี้ แล้วที่เหลือตามชั้นมา" เขาสั่งการรวดเร็วพร้อมกับสาวเท้าตามดองวุคไปอย่างเร่งรีบ
ซอนวูรีบวิ่งไปเอารถคันสีดำของชินเจซึ่งจอดทิ้งไว้ที่หน้าบ้านและขับออกไปอย่างรวดเร็ว พวกคนร้ายตกหลุมกลอุบายของชินเจ พวกมันรีบวิ่งกลับไปที่รถและขับตามไปอย่างรวดเร็ว เหลือคนไว้เพียงหยิบมือเดียวซึ่งจัดการได้ไม่อยากนัก เพียงไม่นานทุกคนก็ไปถึงโรงรถซึ่งล้วนแต่เป็นรถราคาแพงจอดเรียงรายอยู่หลายคัน ดองวุครีบเปิดประตูก่อนที่ชินเจจะว่างร่างบางลงอย่างเบามืออย่างไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายที่หยิบจับอาวุธมาทั้งชีวิตจะทำได้เบาถึงเพียงนั้น ทั้งสามขึ้นรถคันเดียงกันก่อนจะรีบขับจากไป ลูกน้องคนอื่นๆแยกย้ายกันไปในรถอีก 2 คันเนื่องจากไม่ต้องการให้พวกคนร้ายติดตามได้ง่ายนัก
หนึ่งในคนร้ายที่โดนซอนวูตีจบสบลตอนที่ออกไปเอารถนั้นกลับคืนสติขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว และทันทีที่มันรู้สึกตัวสิ่งแรกที่เจ้าคนร้ายทำคือรีบโทรศัพท์ไปรายงานยานของมันทันที
ถนนในย่านธุรกิจของกรุงเทพที่มักจะแน่นขนัดไปด้วยรถยนต์จำนวนมากจนแท่บขยับไปไหนไม่ได้กลับโล่งอย่างน่าประหลาดเนื่องจากเป็นเวลาตี 2 ของวันใหม่ ทั้งถนนมีเพียงรถยนต์สีดำคันหนึ่งซึ่งแล่นไปด้วยความเร็วสูงไม่สนใจกับกฎจราจรโดยมีรถตู้อีกเป็นขบวนไล่กวดท้าย มีหลายคันที่พยายามจะขับแซงขึ้นไปและมีบางคันที่พยายามจะเบียดในรถที่คันเล็กกว่าต้องเสียหลัก แต่คนขับของรถสีดำกลับประคองรถไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อทั้งๆที่โดนกระแทกไปหลายที
“พวกมันตามติดอย่างงี้เราหนีไม่พ้นแน่ๆ” ดองวุคกล่าวกับคนเด็กหว่าเพื่อขอความเห็น
“เราคงวิ่งถนนสายหลักไม่ได้ เป็นแบบนี้ยังไงก็ต้องโดนชน”
“ผมจะพยายามสลัดพวกมันให้หลุด ถนนเส้นนี้ข้างหน้าเป็นสะพายออกไปทางนอกเมืองเราไปทางนั้นดีกว่าคงมีทางหลบพวกมันได้บ้าง”
รถคันสีดำยิ่งเร่งความเร็วเข้าไปอีกหมายจะสลัดรถตู้ให้พ้นไปและเริ่มจะได้ผลเมื่อรถตู้เริ่มห่างออกไปแต่เพราะยังวิ่งอยู่บนถนนสายหลักทำให้ไม่สามารถหลบจากรถตู้ไปได้ ราวกับทุกอย่างเริ่มจะเป็นใจเขาขับขึ้นไปตามสะพานยาวที่ทอดออกไปสู่นอกเมืองที่นั่น...เขาจะสามารถสลัดรถตู้พวกนี้ให้หลุดได้ ว่าแล้วดองวุคก็เหยียบคันเร่งอย่างแรงเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย
ลีชินเจหันไปมองร่างที่สบลไม่ได้สติอยู่ข้างกายด้วยสายตาเป็นห่วง ใบหน้าของเธอค่อยๆซีดลงทุกขณะพร้อมกับลมหายใจที่แผ่วลงเช่นกัน แม้กระสุนจะไม่ได้ถูกที่สำคัญหากแต่เธอเสียเลือดเยอะพอดูแม้เขาจะเอาเสื้อสูทปิดบาทแผลไว้แต่เลือดยังคงซิมออกมาจะชุ่ม เขาจะต้องพาเธอไปหาหมอให้เร็วที่สุด...แต่ในเมื่อมีพวกมันตามอยู่ขนาดนี้...เธอจะตายไม่ได้ แต่นี่มันอะไรกันเริ่มมีรถแห่เข้ามาจากทางอื่นขับตามเขามาอย่างผิดปรกติ หรือว่าพวกมันจะรู้แล้ว...และเขาก็ได้คำตอบในทันทีเมื่อกระจกของรถคันดังกล่าวค่อยๆถูกลดลงตามมาด้วยปืนอีกหลายกระบอกระดมยิ่งมาที่เขา
ปึก...ก
“ไม่ต้องห่วงครับนี่เป็นรถกันกระสุน” ดองวุคตะโกนมาจากเบาะคนขับ
กระสุนทั้งหลายที่พวกคนร้ายระดมยิงมากลับไม่สามารถทะลุเข้ามาในรถเลยสักนัดเดียว โชคดีที่ดองวุคมักเป็นคนรอบคอบรถของเขาทุกคนจึงติดกระจกกันกระสุนและยังตัวถังอีกด้วยที่กันกระสุนเช่นกัน
ยิ่งเขาเร่งความเร็วรถที่ตามมายิ่งเร่งตามแต่ในที่สุดก็ต้องแพ้แรงม้าของรถยุโรปราคาแพง ดองวุคเริ่มทิ้งห่างรถของพวกคนร้ายมากขึ้นทุกที เมื่อขับมาถึงถนนสายที่ทอดออกสู่ต่างจังหวัดต้องขอบคุณข้าราชการทั้งหลายที่ไม่ค่อยดูแลไฟข้างทางที่เสียยังไม่ได้ถูกซ่อมแซม ทั้งถนนจึงค่อนข้างมืดเพราะมีแต่แสงไฟหน้ารถเท่านั้นที่สาดอยู่กลางท้องถนน เมื่อได้ทีเห็นหญ้ารกที่ริมทางดองวุครีบปิดไฟทั้งคันก่อนจะเข้าไปแอบในนั้น
“ข้างหน้าเป็นดงหญ้าสูงเดี๋ยวผมจะเอารถเข้าไปหลบตรงนั้น” ดองวุคกล่าวก่อนจะหักเลี้ยวเข้าไป
ผู้ร้ายที่ตามมาอยู่ห่างๆไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ชัดเจนพวกมันทำเพียงแค่เร่งเครื่องให้เร็วที่สุดหมายจะตามรถคันหน้าให้ทันจึงไม่ทันเห็นรถคันสีดำที่จอดแอบอยู่ในดงหญ้า
“พวกมันไปหรือยัง” ชินเจถามอย่างขอความเห็น
“ผมว่าน่าจะไปแล้วแต่เรารออีกสักนิดดีกว่าเพื่อความแน่ใจ ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้างครับ” ชายสูงวัยกล่าวก่อนจะมองเห็นสีหน้าที่ซีดขาวของอดีตลูกสาว
“เธอเสียเลือดมากเราต้องรีบไปโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้เธอต้องการหมอมากที่สุด” ชินเจรีบตอบ
หลังจากที่รถของคนร้ายขับผ่านไปได้พักใหญ่ดองวุคจึงเร่งเครื่องยนต์อีกครั้งแต่คราวนี้เพื่อไปยังโรงพยายาล
ชายสองคนคิดตรงกันคือต้องช่วยร่างบางตรงหน้าให้ได้ ในเวลานี้ชินเจไม่มีเวลาคิดถึงซฮนวูหรือลูกน้องคนอื่นๆเพราะตอนนี้คนที่เขาห่วงที่สุดือร่างเล็กที่ทอดกายอยู่ข้างๆ ระยะทางไปโรงพยาบาลแม้ไม่ไกลเท่าไหร่แต่ตอนนี้ในความรู้สึกของชายหนุ่มมันราวกับชั่วกัปชั่วกัล จนในที่สุดจิตใจที่ว้าวุ่นรอคอยก็เริ่มชื้นขึ้นเมื่อเห็นโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกล ดองวุคเหยียบคันเร่งมิดเพื่อให้รถทะยานไปข้างหน้าโดยเร็วที่สุด ทันทีที่รถคันใหญ่หยุดลงที่หน้าโรงพยาบาลชินเจรีบกระโดดลงจากรถช้อนร่างบางของหญิงสาวที่นอนหมดสติขึ้นมาไว้ในวงแขนและวิ่งอย่างรวดเร็วเข้าไปทันทีก่อนที่ดองวุคจะทะยานตามเข้าไปทิ้งรถไว้ด้านหน้าอย่างไม่ใยดี เธอดูตัวเล็กลงไปอย่างถนัดตาเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของคนตัวโต เขาอุ้มเธอได้ราวกับว่าร่างของหญิงสาวในอ้อมแขนนั้นไร้น้ำหนัก
"ใครก็ได้ไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้" ชินเจตะโกนลั่นเป็นภาษาอังกฤษ
ตลอดทางเขาได้แต่พร่ำกระซิบกับหญิงสาวในอ้อมแขนว่า อย่าตายนะ...เธอตายไม่ได้...ฉันจะช่วยเธอ...ฉันรอเธอมาตลอดจนถึงตอนนี้แล้ว...เธอจะต้องไม่ตาย คำพูดต่างๆที่พรั่งพรูออกมาราวกับจะเป็นการย้ำเตือนตัวเองด้วยเช่นกัน
ทั้งหมอและพยาบาลต่างตกใจกับสิ่งตรงหน้า ชายหนุ่มเข้ามาตะโกนโวกเหวกในโรงพยาบาลก่อนที่ดองวุคจะเข้ามาห้ามสถาณการณ์ไว้ได้ทัน ทันทีที่คนภายในโรงพยาบาลเห็นหน้าของเขา...คุณดลวัช ทุกคนต่างก็รีบเข้ามาพินอบพิเทา บุรุษพยาบาลรีบเข็นรถเข็นมารับเอาร่างบางจากชายหนุ่มก่อนที่จะตรงดิ่งไปที่ห้องฉุกเฉิน ทุกอย่างถูกดำเนินไปอย่างรวดเร็วหมอที่เก่งที่สุดถูกตามตัวมาเพราะลูกสาวของคุณดลวัชกำลังตกอยู่ในอันตราย หากแต่ยังไม่มีสิ่งได้เร็วพอในสายตาของชายทั้งสอง คุณดลวัชยังดีกว่าชายหนุ่มเพราะวัยที่มากกว่าทำให้เขาพอจะคิดอะไรๆได้และการอยู่ห่างจากวงการมานานทำให้รู้ว่าบางครั้งก็จำเป็นที่จะต้องรอ เขายังจำได้ดีเมื่อครั้งยังอยู่ในวงการทุกอย่างที่ลูกพี่ปราถนาลูกน้องจะต้องรีบทำอย่างรวดเร็วที่สุดจนเมื่อเวลาผ่านไปกลับติดเป็นนิสัย ตลอดเวลาที่รอชินเจได้แต่เดินวนไปมารอบห้องราวกับเสือติดจั่นสลับกับเข้าไปชะโงกดูที่ประตูห้องฉุกเฉินเป็นระยะ หน้าตาที่ปรกติก็ทำให้ลูกน้องทั้งหลายแทบจะร้องไห้ได้แล้วแลดูน่ากลัวหนักยิ่งขึ้นเมื่อคิ้วทั้งสองขมวดแทบจะชนกันประกอบกับดวงตาแสนเครียด บรรดาลูกน้องทั้งหลายมาถึงนานแล้วตั้งแต่ตอนที่หญิงสาวพึ่งถูกส่งตัวเขาไปในห้องได้ไม่นาน ทั้งหมดยืนรออย่างสงบอยู่หน้าห้องสร้างบรรยกาศหน่าเกรงขามแท่บไม่มีใครกล้าเดินผ่านแถวนั้น
“นั่งลงก่อนเถอะ เรามาคิดกันดีกว่าว่าจะทำยังไงต่อไป เราต้องเดินทางโดยเร็วที่สุดแต่ถ้าอาการของเธอไม่ดีขึ้นเราก็ยังเดินทางไม่ได้ แล้วไหนจะเรื่องคุ้มครองเธออีก อยู่ที่นี่เราจะกลายเป็นเป้านิ่ง” ดองวุคเริ่มต้น
ลีชินเจนั่งลงอย่างเสียไม่ได้ ถูกต้องแล้วเขาจะมาทำตัวแบบนี้ไม่ได้ เขาจะต้องมีสติไม่เช่นนั้นเขาจะควบคุมสิ่งใดไม่ได้เลย ชายหนุ่มใช้เวลาสงบสติอารมณ์ก่อนที่สายตาสับสนของเด็กหนุ่มอารมณ์ร้อนจะถูกแทนที่ด้วยแววตาที่แน่นิ่งเรียบลึกดุจทะเลลึกอีกครั้ง
“พวกมันคงไม่กล้าทำอะไรที่เปิดเผยมาก ระหว่างอยู่ที่เราแค่ต้องระวังคนที่เดินเข้าออกห้องพยาบาลแต่พวกมันคงไม่กล้าถึงขนาดเอาคนทั้งหมดเข้ามาถล่มในโรงพยาบาลหรอกครับ แต่ยังไงเรื่องเดินทางเราต้องทำให้เร็วที่สุด และที่สำคัญชีวิตของคุณมินฮวาสำคัญเช่นเดียวกัน เราจะออกเดินทางเมื่อหมอบอกว่าเธอแข็งแรงพอที่จะเดินทางแล้วเท่านั้น”
“ดีเหมือนกัน ถ้าอย่างงั้นผมจะไปจัดการคนมาเพิ่ม” ดองวุคย่อมเห็นด้วยกับชายหนุ่ม เพราะชีวิตของเด็กสาวที่เขาเลี้ยงดูมาตลอด 20 ปีนั้นมีความหมายกับเขามากมายเหลือเกิน เขาต้องการให้เธอปลอดภัยที่สุด มินฮวา...ชื่อจริงของ มณีฑิตา ซึ่งเขาเองไม่คุ้นเคยนัก นายท่านมักจะเรียกคุณหนูด้วยชื่อนี้เช่นกัน ฮานมินฮวา...
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าภายใต้การรอคอย ทั้งหมดทำได้แต่เพียงรอคอยอยู่เงียบๆ แพทย์มือดีกว่า 5 คนต่างช่วยชีวิตหญิงสาวอย่างเต็มความสามารถ ร่างบอบบางบนเตียงผ่าตัดบัดนี้ยังคงมีสีหน้าซีดเซียวและชีพจรอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด การเสียเลือดอย่างมากมายประกอบกับกระสุนที่ฝังในจุดสำคัญทำให้แพทย์ต่างก็กลัวไปตามๆกันว่าจะไม่สามารถยื้อชีวิตของร่างนี้จากมัจจุราชไว้ได้ การผ่าตัดกินเวลานานอย่างเหลือเชื่อ กว่าที่แพทย์จะวางมือจากอุปกรณ์ทั้งหลายอันเป็นสัญยานว่าการผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้วนั้นก็เป็นเวลาเดียวกับที่แสงแรกของพระอาทิตย์สาดส่องเข้ามาในห้องนี้เช่นกัน
ความคิดเห็น