คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เกาหลีเหนือ!
แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านใบไม้และต้นไม้สูงใหญ่กระทบสู่พื้นดินไล่ความหนาวเหน็บและความมืดอันน่ากลัวของกลางคืนให้ผ่านพ้น พัชรพรค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นทีละน้อยพบตัวเองนั่งพิงต้นไม้ต้นเดิมมือขวากอดเข่าในขณะที่มือซ้ายยังคงกุมอยู่กับร่างสูงที่ยังคงนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน เมื่อมีแสงสว่างเธอจึงพึ่งจะเห็นหน้าของชายหนุ่มที่เธอพบเมื่อคืน จากเครื่องแบบที่เขาใส่ชายหนุ่มดูราวกับทหาร...เธอคาดเดา เครื่องแบบสีเขียวแก่ที่ออกหม่น ทั้งเสื้อและกางเกงทำจากผ้าเนื้อหนาเหมาะสำหรับอากาศเย็น ด้านนอกเป็นสีโอเวอร์โค๊ตตัวยาวทำจากผ้าสักกระหลาดอย่างหนา บริเวรหน้าอกและไหล่กว้างมีตราแขนอยู่มากมายบ่งบอกถึงยศที่น่าจะสูงไม่ใช่เล่น เขาสวมรองเท้าบู๊ทอย่างทหารสีดำที่สูงเกินข้อเท้าขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าถูกปรกคลุมโดยผมที่ยาวเกินทหารควรจะเป็น ทหารที่เธอรู้จักมักจะต้องตัดผมสั้นรองทรงแต่สำหรับเขาแล้วกลับไว้ผมยาวกว่าทหารทั่วไป...ยาวพอที่จะลงมาปรกหน้าเล็กน้อย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยจมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากสวยซีดเซียวจากการเสียเลือด ลมหายใจของเขายังคงสม่ำเสมอแม้จะแผ่วเบาหากแต่ก็ไม่หยุดนิ่ง บริเวรท้องด้านล่างมีเลือดแห้งกรัง พัชรพรเริ่มรวบรวมความกล้าขยับเข้าไปใกล้ร่างที่นอนนิ่งก่อนจะเริ่มดึงเสื้อที่ชายรุดรุ่ยออกมาจากกางเกงอยู่แล้วขึ้นเพื่อดูบาดแผล ใจหนึ่งก็กลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเห็นและเข้าใจเธอผิดอีกใจก็เริ่มรู้สึกเขินเล็กๆที่อยู่ดีๆก็ต้องมาเปิดเสื้อผู้ชาย...เอาหละ...แต่ในสถาณการณ์แบบนี้พัชเอ้ย...แกต้องทำได้
“เลือด...แผล...โอ้ย...ชั้นจะเป็นลม ทำยังไงดีหละเนี่ยถ้าปล่อยไว้จะเป็นบาทยักกินตายมั้ย...เช็ด...ใช่แล้วเช็ดแผล...แต่เอ...แล้วจะหาผ้าสะอาดมาจากไหนหละ...ถ้าผ้าสกปรกจะยิ่งตายเร็วมั้ย...ชั้นจะเป็นบ้า...” ปัญหาร้อยแปดผุดขึ้นในหัวก่อนที่หญิงสาวจะนึกได้
“ถ้าคุณไม่ได้จะตายแล้วชั้นไม่มีเพื่อนอย่าหวังนะว่าชั้นจะทำให้” พัชรพรพูดพึมพำหน้าแดงก่อนจะเดินอ้อมไปหลังต้นไม่ต้นเดิมสักครู่ก็กลับมาพร้อมกับเล็กตัวสายเดี่ยวตัวเล็กในมือ
“โอ้ย...หนาว...ถ้าชั้นไม่สบายไปแล้วคุณยังไม่ฟื้นนะ...เอาเป็นว่านอนอยู่ตรงนี้ก่อนละกันอย่าหายไปไหนนะเดี๋ยวกลับมา” เธอพูดทั้งๆที่ไม่คิดว่าเขายังได้ยินก่อนจะเดินไปยังแม่น้ำ แม้จะหนาวสักเท่าไหร่แต่ผู้หญิงก็คือผู้หญิง...เธอวักน้ำขึ้นล้างหน้าและมือก่อนจะนำเจ้าเสื้อสายเดี่ยวตัวจิ๋วลงชุบน้ำที่เจี๊ยบราวกับอยู่ในตู้เย็นและบิดหมาดก่อนจะเดินกลับมาหาชายหนุ่มและบรรจงเช็ดแผลให้เขาอย่างเบามือ ถึงแม้เขาจะยังสลบอยู่แต่อย่างไรซะเธอก็ไม่อยากที่จะให้แผลเปิด หญิงสาวเดินไปกลับระหว่างลำธารและคนป่วยหลายครั้งเพื่อทำความสะอาดแผล
“เอ้า...สะอาดแล้ว ชั้นหวังว่าน้ำจะสะอาดพอนะเพราะชั้นก็หาผ้าเช็ดแผลจำเป็นที่สะอาดที่สุดให้คุณแล้ว ทีนี้ก็นอนนิ่งๆอย่าเดินไปไหนนะเดี๋ยวชั้นไปหาไม้ก่อน” เธอพูดกับเขาราวกับคุยกันรู้เรื่องเพราะอุตส่าห์ส่งภาษาอังกฤษเสียด้วย
“แล้วไม้มันหายังไงหละเนี่ย” ว่าแล้วเมื่อเริ่มเดินหาไม้ก็มีปัญหาขึ้นมาอีก แม้ต้นไม้จะเต็มป่าแต่เธอจำได้ว่าเคยดูในสารคดีและใช่ว่าไม้ทุกชนิดจะสามารถใช้เป็นฟืนได้
“โอ้ย...แล้วไม้อันไหนถึงจะใช้ได้หละเนี่ย” เธอมองหาก่อนจะเริ่มบ่นออกมาเพราะถ้าจะหักเอากิ่งที่อยู่บนต้นก็คงจะสดเกินไป แต่ถ้าจะเก็บเอาบนพื้นก็ชื้นอีกเช่นกัน จนในที่สุดเธอก็ต้องตัดสินใจเลือกเอากิ่งที่ตกอยู่บนพื้นเพราะอย่างไรเสียเก็บๆไว้ก่อนถ้าใช้ไม่ได้แล้วค่อยว่ากันอย่างไรเสียเธอก็ต้องลองดูดีกว่างอมืองอเท้า
“เอ้า...คุณนี่โชคดีนะที่มาเจอชั้น...มาดูกันว่าคืนนี้จะต้องนอนหนาวกันรึปล่าว” พัชรพรวางไม้กองไว้ข้างๆก่อนจะหยิบบางส่วนขึ้นมาวางตรงหน้าแล้วเดินอ้อมไปหาชายหนุ่มที่นอนนิ่ง
“ชั้นขอโทษนะ” เธอกล่าวก่อนจะถือวิสาะล้วงมือไปยังกระเป๋าที่ติดอยู่กับเสื้อโอเว่อร์โค๊ตและกระเป๋าที่มีอยู่ตามเสื้อผ้าก่อนจะพบกับเจ้าสิ่งที่ตามหาในกระเป๋ากางเกงของเขา
“เจอแล้ว...ชั้นว่าแล้วว่าหน้าตาอย่างคุณจะต้องสูบบุหรี่” เธอจุดไฟแช็คขึ้นก่อนจะนำไปจอกับกองไม้ที่วางสุมไว้ และดั่งโชคช่วย...หลังจากภาวนาอยู่สักพักในที่สุดเธอก็สามารถจุดไฟติด เธอจึงเก็บไฟแช็คคืนใส่กระเป๋าเสื้อโค๊ตของเขา
วันทั้งวันผ่านไปอย่างไร้วี่แววผู้คน เธอวนเวียนอยู่แถวที่พักไม่กล้าไปไหนไกล เธอยังไม่สามารถย้ายที่พักได้อีกด้ยเพราะชายหนุ่มที่ยังคงไม่ฟื้นแม้ที่นี้จะไม่ใช่ที่พักที่ดีนักเพราะมีเพียงต้นไม้ใหญ่ที่เธอนั่งพิงอยู่เท่านั้นที่กันลมหนาว แต่ค่ำคืนนี้นอกจากเสื้อหนาวที่สวมอยู่แล้วเธอยังคงมีไปอีกกองที่ช่วยให้ความอบอุ่น คืนนี้ชายหนุ่มที่นอนนิ่งมาตลอดเริ่มมีอาการกระสับกระส่าย เมื่อเข้าไปสัมผัสใกล้ๆจึงได้รู้ว่าตัวเขามีไข้ขึ้นสูง พัชรพรจึงแท่บไม่ได้นอนทั้งคืนทำหน้าที่เป็นพยาบาลจำเป็นเช็ดตัวให้กับเขาอย่างทุลักทุเลเพราะเธอไม่สามารถมองทางได้ชัดนักการเดินไปเอาน้ำจากแม่น้ำจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก เธอพล้อยหลับไปคงเป็นเวลาใกล้ๆกลับรุ่งสางเพราะหญิงสาวจำได้ถึงแสงเลือนลางที่ปลายขอบฟ้า กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งเป็นเวลาเท่าใดไม่ทราบไข้ของชายหนุ่มลดลงจนเกือบจะเป็นปรกติแล้วซึ่งก็เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง หญิงสาวจึงทำหน้าที่เช็ดตัวให้เขาอีกครั้งด้วยผ้าผืนเดียวที่มีซึ่งได้รับการเสียสละจากเธอนั่นเอง กว่าจะรวบรวมฟืนเสร็จก็เป็นเวลาเย็นอีกครั้ง นี่เป็นอีกค่ำคืนหนึ่งที่พัชรพรต้องนอนตากน้ำค้าง...นี่เป็นวันที่ 2 และคืนที่ 2 แล้วที่เธอต้องติดอยู่ที่ใดไม่รู้ทามกลางอากาศหนาวที่แม้จะมีกองไฟที่ให้ความอบอุ่นหากความหนาวยังคงแผ่แทรกอยู่ในทุกอณู และเธอยังคงไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยหลังจากที่เรือล่ม หญิงสาวนั่งจ้องไฟที่ปลิวไสวด้วยกระแสลมอย่างเหม่อลอย...เมื่อไหร่เขาถึงจะฟื้น...เมื่อไหร่เธอจะได้กลับบ้าน...ป่านนี้แม่จะเป็นห่วงเธอมากหรือไม่...แม่จะปลอดภัยดีอยู่มั้ย... แต่แล้วหางตาของเธอก็เหลือบเห็นชายแปลกหน้าที่นอนอยู่ข้างๆเริ่มมีการขยับเขยื้อน พัชรพรรีบหันไปมอง คิ้วเข้มของเขาที่ขมวดอยู่แล้วยิ่งขมวดมากขึ้นเป็นลำดับเมื่อชายหนุ่มเริ่มรู้สึกตัว เขายกแขนขึ้นอย่างยากลำบากไปยังบาทแผล ปากพึมพำอะไรแผ่วเบา...หญิงสาวจึงจำเป้นต้องก้มหน้าเข้าไปใกล้เพื่อตั้งใจฟังก่อนจะหันซ้ายหันขวาล้วงขวดน้ำจากกระเป๋าเป้สะพายของตนเอาขวดน้ำออกมา เธอประคองเขาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆกรอกน้ำใสปากที่ซีดเซียวแห้งผากก่อนจะวางเขาลงนอนเช่นเดิมขยับตัวออกไปสังเกตุการณ์ต่อ ดวงตาที่ปิดสนิทมาตลอดค่อยๆเขยื้อนก่อนจะลืมขึ้นอย่างช้าๆ ภาพแรกพล่าเลือนก่อนที่ชายหนุ่มจะกระพริบตาถี่ๆสองสามครั้งเพื่อปรับภาพทั้งหมดให้เขาที่ สิ่งแรกที่ปะแก่สายตาคือตากลมโตของคนตรงข้ามที่จ้องเขม็ง
“ที่นี่ที่ไหน” ชายหนุ่มเปล่งเสียงแผ่วเบาเป็นภาษาท้องถิ่น
“ชั้นไม่เข้าใจภาษาเกาคุณ คุณพูดอังกฤษได้มั้ย” หญิงสาวพูดช้าๆเป็นภาษาอังกฤษไม่แน่ใจว่าฝ่ายตรงข้ามเข้าใจหรือไม่ แต่ก็ต้องยิ้มดีใจเมื่อชายหนุ่มถามซ้ำอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษ
“ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้นผมหลับไปนานเท่าไหร่” เขาเปลี่ยนคำถามพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งพัชรพรจึขยับไปช่วยพยุง เขาพึมพำขอบคุณก่อนจะถามต่อไป
“2 วันนี่เป็นคืนที่ 3”
“คุณไม่ใช่คนเกาหลีแล้วทำไมมาอยู่ที่นี่” เขาตั้งคำถามอีกครั้ง
“เกาหลี? ชั้นเป็นคนไทย เรือที่ชั้นนั่งจมลงชั้นสลบไปมาตื่นอีกทีก็อยู่ที่ไหนไม่รู้” พัชรพรตอบตามตรง
“คุณเป็นคนช่วยผมไว้?” ชายหนุ่มถามยกมือขึ้นคลำแผลของตนก่อนจะเห็นว่ามันสะอาดดีและไม่มีทีท่าว่าจะติดเชื้อ
“ใช่...จะว่าอย่างงั้นก็ไม่ถูก คุณมาล้มลงตรงหน้าชั้นชั้นก็เลยช่วยดูแลคุณ ชั้นไม่ได้เป็นคนช่วยคุณจะคนพวกนั้น” หญิงสาวตอบ
“ขอบคุณที่ช่วยผม” ชายหนุ่มพูด “ว่าแต่ทำไมคุณถึงเลือกพักตรงนี้”
“ก็คุณล้มลงไปชั้นไม่มีแรงลากคุณเหลี่ยนที่หรอก” หญิงสาวตอบตามความซื่อ
“คุณก็เลยพักอยู่ตรงนี้กับผมด้วยตลอดเวลา?” เขาถาม
“ใช่”
“ในอากาศแบบนี้เนี่ยนะ”
“ใช่ คุณไม่ได้สติชั้นทิ้งคุณไปไม่ลงหรอก”
“ขอบคุณ”
“ว่าแต่ทำไมคุณถึงโดนแทงมา” พัชรพรเริ่มเป็นฝ่ายตั้งคำถามบ้าง แต่ทีนี้คุณถูกถามกลับนิ่งเงียบ “ถ้าคุณไม่อยากตอบก็ตามใจคุณเถอะ คุณนอนพักก่อนละหันมีอะไรเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้” หญิงสาวเสนอทำท่าจะล้มตัวลงนอน
“เดี๋ยวคุณเอาเสื้อไปเถอะอากาศมันหนาว” ชายหนุ่มพูดทำท่าจะถอดเสื้อโอเวอร์โค๊ตตัวยาวให้เธอ
“อย่าเลย ชั้นไม่ใช่คนป่วยคุณใส่ไว้เถอะ” พัชรพรฏิเศษก่อนจะล้มตัวลงนอนเป็นการตัดบท
เมื่อพัชรพรลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นสายตาของเธอเหลือบไปที่ๆร่างสูงนอนหลับสนิทมาตลอดสองสามวันที่ผ่านมาแต่วันนี้มันกลับว่างปล่าว เธอรีบลุกขึ้นนั่งจนทำให้ผ้าที่คลุมอยู่หลุดลง...มันคือเสื้อโอเวอร์โค๊ตตัวยาวของเขา...แต่ตัวเจ้าของกลับไม่อยู่
“คุณ...คุณ...อยู่ไหนนะ” พัชรพรเริ่มตะโกนตามหาเพื่อนคนเดียวของเธอ...อย่างน้อยเธอก็คิดว่าเขาคือเพื่อนแม้เขาจะยังไม่รู้ตัวก็ตาม
“ผมอยู่นี่” เสียงดังมาจากด้านหลังก่อนที่ตัวของเขาจะตามมา
“คุณยังไม่หายดีรีบลุกไปทำไมเดี๋ยวก็เจ็บขึ้นมาอีกหรอก” เธอตำหนิเขาทันทีที่เจอหน้า แม้จะยังไม่รู้จักกันมากมายนักแต่ตลอดสองสามวันที่เธอดูแลเขาเธอเริมรู้สึกสนิทกับเขาแม้เขาจะไม่รู้จักเธอก็ตาม
“ขอบคุณที่เป็นห่วง นี่คุณคงจะหิวทานนี่ก่อนสิ” ชายหนุ่มโชว์ผลไม้สีสดในหมวกให้เธอดู หมวกของเขาใบใหญ่พอที่จะใช้แทนตะกล้าเก็บผลไม้จริงๆ มันเป็นหมวกที่ทำจากหนังของตัวมิงค์หน้าตาเหมือนกับหมวกของประเทศรัสเซีย
“ว้าว...คุณรู้มั้ยว่าชั้นไม่ได้กินอะไรมา 3 วันแล้ว” พัชรพรแท่บจะกระโดตัวลอยกับอาหารมื้อแรก
“ถ้าอย่างงั้นก็เชิญเลย อิ่มแล้วเราจะได้ออกเดินทางกัน”
“ออกเดินทาง? ไปไหน?”
“ผมเป็นทหาร ผมหายไปป่านนี้ลูกน้องคจะเริ่มตามหากันแล้ว ผมจะต้องหาลูกน้องของผมให้พบ ส่วนคุณก็ไปกับผม อย่างไรเสียที่นี่ก็ไม่ใช่ที่พักที่ดีเราต้องหาที่พักที่กันลมได้ดีกว่านี้” เขากล่าวคร่าวๆซึ่งไม่ให้ความกระจ่างมากนัก แต่อย่างไรเสียคิดๆดูแล้วไปกับเขาย่อมต้องดีกว่าอยู่คนเดียวอย่างแน่นนอดูเขาจะชำนานกว่าเธอมากมายนัก
“ตกลง” พัชรพรตกลงอย่างง่ายดาย “แล้วที่เมื่อวานนี้คุณบอกว่าที่นี่คือเกาหลีคุณพูดจริงหรอก”
“ใช่แล้วที่นี่คือประเทศเกาหลีเหนือ!” ชายหนุ่มกล่าวคำพูดที่ดังก้องไปก้องมาในหัวเธอ เกาหลีเหนือ! แล้วเธอจะกลับบ้านได้อย่างไรในเมื่อประเทศนี้เป็นประเทศปิดที่ไม่ติดต่อสุงสิงกับใคร “คุณไม่ใช่คนเกาหลี คุณเข้ามาในประเทศเราได้ยังไง” ชายหนุ่มตั้งคำถาม
“ชั้นนั่งเรือมาจากทางฝั่งจีนแล้วเรือเกิดล่มชั้นตื่นขึ้นมาอีกทีบนฝั่งแล้วก็เดินตามแม่น้ำขึ้นมาเรื่อยๆจนเจอคุณ” พัชรพรบอกเรื่องราวคร่าวๆแก่เขา
“อืม...แล้วคุณจะกลับบ้านยังไง” เขาถามต่อไป
“ตอนแรกชั้นคิดว่านี่คือประเทศจีนก็เลยเดินตามแม่น้ำขึ้นมาเรื่อยๆเพราะคิดว่าจะมีหมู่บ้านแต่ในเมื่อมันเป็นอย่างงี้แล้วชั้นคงจะว่ายน้ำข้ามกลับไปฝั่งนู้นก่อนแล้วค่อยเริ่มเดิน” พัชรพรกล่าวพูดราวกับ 900 เมตรเป็นระยะทางสั้นๆ ชายหนุ่มหัวเราะออกมาทันทีกับความคิดประหลาดของเธอ
“คุณจะว่ายน้ำกลับไป” เขาถามซ้ำย้ำทีละคำ
“ใช่” พัชรพรตอบมั่นใจ
“คุณรู้มั้ยว่าแม่น้ำนี้กว้าง 900 เมตร”
“รู้สิ”
“แล้วคุณรู้มั้ยว่า 900 เมตรนี่กว้างขนาดไหน”
“รู้สิ คุณไม่ต้องมาหัวเราะยะชั้นหรอกชั้นบอกว่าจะว่ายไปชั้นก็จะว่ายไป”
“ผมไม่ได้หัวเราะเยาะคุณ”
“คุณหัวเราะชั้นอยู่”
“เอาหละๆๆ ผมเลิกหัวเราะแล้วก็ได้ 900 เมตรมันไม่ใช่ระยะทางสั้นๆนะหนูน้อย แล้วอากาศเย็นแบบนี้เธอว่ายไปไม่ไหวหรอกถึงจะเป็นนักว่ายน้ำทีมชาติก็เถอะ” ชายหนุ่มพูด
“เรื่องของชั้น!” หญิงสาวเริ่มพูดสะบัดเพราะเริ่มโมโหที่เขาหัวเราะเยาะเธอ เธอแอบนึกอยากจะให้เขากลับไปนอนอย่างเก่าเพราะดูชายหนุ่มที่นอนไม่ได้สติจะเป็นเพื่อนร่วมทางได้ดีกว่าชายหนุ่มในขณะนี้
“คุณรู้มั้ยว่ามันหนาวแค่โดนน้ำหน่อยเดียวก็หนาวจะแย่แล้วคุณลงไปอยู่ในน้ำทั้งตัวมีหวังเป็นตระคิวก่อนจะได้ว่าย” ชายหนุ่มเริ่มพูดน้ำเสียงจริงจัง “คุณหายมาสามวันแล้วใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นผมว่าทางฝั่งนู้นเขาจะต้องตามหาคุณอย่างแน่นอนเพราะฉะนั้นเราจะเดินเรียบแม่น้ำไปอย่างงี้แหละ ถ้าเจอเรือของฝั่งนู้นเมื่อไหร่แล้วคุณก็จะได้กลับบ้าน” ชายหนุ่มคิดหาทางที่มีความเป็นไปได้มากกว่าให้แก่เธอ
“อืม”
“อิ่มแล้วใช่มั้ยถ้าอย่างนั้นเราออกเดินทางดีกว่า” ชายหนุ่มกล่าว
“ไปได้หรอแล้วแผลของคุณหละ” พัชรพรถามถึงอาการเพราะจะว่าไปแล้วเขาพึ่งจะฟื้นเมื่อคืนนี้เองยังไม่น่าจะรีบใช้แรง
“ผมไม่เป็นไรหรอก ผมเป็นทหารนะ แค่นี้ยังห่างไกลความตาย” เขากล่าวก่อนจะช่วยฉุดเธอลุกขึ้นและออกเดินทาง
ชายหนุ่มเดินนำอย่างคล่องแคล่วจนบางครั้งพัชรพรแท่บจะต้องวิ่งเพื่อที่จะตามให้ทัน หลายครั้งเมื่อชายหนุ่มรู้สึกตัวเขาจะชะลอฝีเท้าลงเสมอ แต่ก็เพราะความเคยชินหลายครั้งที่ความเร็วมักเพิ่มขึ้นมาเสมอ
“จ้ำเอาจ้ำเอาจะรีบไปไหนหา! เดินตัวตรงจริงๆเป็นทหารมาแต่เกิดหรอยะ คอยดูเถอะเชิดหน้าๆไม่ยอมมองพื้นเดี๋ยวสะดุดขึ้นมาจะหัวเราะให้กลิ้งเลย” พัชรพรพยายามเดินจ้ำตามคนข้างหน้าให้ทันปากก็บ่นไปเบาๆเป็นภาษาไทยชายหนุ่มจึงได้ยินเพียงเสียงพึมพำที่ไม่ฟังไม่เข้าใจ แต่จากน้ำเสียงของคนข้างหลังเขามั่นใจว่าตัวเองกำลังโดนว่า เพราะเธอเป็นคนเดินตามจึงไม่ทันเห็นรอยยิ้มหยักขึ้นเล็กน้อยที่มุมปากได้รูปของคนนำหน้า
“คอยดูนะ...ว้าย...!” เพราะมัวห่วงแต่จะเดินตามให้ทันและปากมัวแต่ว่าคนตัวสูงทำให้พัชรพรไม่ทันสังเกตุเห็นสิ่งกีดข้างด้านหน้าเมื่อเดินผ่านจึงสะดุดเขาอย่างจัง และโดยที่ไม่คาดคิดคนตัวสูงที่เธอค่อนแคะอยู่นั้นกลับหันมารับเธอไว้ได้อย่างหวุดหวิด แทนที่จะล้มหัวคะมำลงพื้นดินเบื้องหน้าเธอกลับปลอดภัยอบู่ภายใต้อ้อมแขนของเขา เพราะความสูงที่ห่างกัยพอสมควรใบหน้าของเธอจึงอยู่เพียงระดับอกของเขาเท่านั้น
“เดินระวังหน่อยสิ สมาธิหนะเอามาอยู่กับตาบ้างไม่ใช่อยู่กับปาก” ทีแรกที่รู้สึกตัวนั้นพัชรพรรู้สึกเขินเล็กน้อยแต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูดเธอกลับรู้สึกจี้ขึ้นมาทันที...ใช่แล้ว! เธอชอบเขาตอนที่ยังนอนไม่ได้สติมากกว่า!
“คุณน่าจะกลับไปนอนต่อนะยังไม่น่ารีบฟื้นขึ้นมาเลย!” พัชรพรกัด
“ไม่เป็นไรแค่นี้ไม่ต้องขอบคุณหรอก” ชายหนุ่มพูดก่อนจะเดินนำต่อไปแต่คราวนี้เขาดูจะหันหลังกลับมามองคนเดินตามอยู่บ่อยๆ
ฟ้าเริ่มมืดลงอย่างรวดเริ่มเมื่อหมดเวลาของพระอาทิตย์ แสงสว่างที่เริ่มจางหายเป้นสัญหาณเตือนให้บุคคลทั้งสองเริ่มต้องมองหาที่พัก
“ข้างหน้านั่นหน้าจะพออยู่ได้คืนนี้เราพักกันที่นี่แล้วกัน” ชายหนุ่มกล่าวชี้ไปยังถ้ำตื้นๆที่เบื้องหน้า
“ก็ดี” พัชพรพยักหน้ารับ
“คุณอยู่ที่นี่ก่อนละกันเดี๋ยวผมมา” ชายหนุ่มพูดก่อนจะหันหลังเดินจากไป
“เดี๋ยวสิ!” หญิงสาวกลับเรียกไว้ทำให้เขาจำต้องหันหน้ากลับมา “คุณจะไปไหน”
“ไปหาฟืน คุณอยู่รอผมที่นี่นะผมไปไม่นานหรอก” ชายหนุ่มพูดราวกับจะรู้สิ่งที่หญิงสาวคิด
“อืม...กลับมาเร็วๆนะ” พัชรพรพูดกับเขาก่อนเขาจะจากไป
ความมืดที่ค่อยๆปรกคลุมพื้นที่ยิงทำให้ใจเสีย การรอคอยช่างยาวนานเสียจริงๆ อากาศเริ่มเย็นขึ้นทันทีที่สิ้นแสงของพระอาทิตย์ เสียงของป่าที่ดังมาจากทุกทิศทางยิ่งทำให้เธอรู้สึกกลัว จะว่าไปแล้วยังไมมีคืนไหนเลยที่เธอต้องอยู่คนเดียวอย่างเช่นวันนี้ คืนแรกในป่าแห่งนี้เธอก็พบกับเขาถึงแม้เขาจะไม่มีสติก็ตามแต่เธอก็ยังมีเพื่อน... ยิ่งเวลาผ่านไปพัชรพรเริ่มหันซ้ายหันขวามองหาร่างของคนตัวสูง
“มองหาอะไรอยู่” เสียงทุ้มดังมาจากทางด้านขวาห่างออกไปพัชรพรรีบหันไปตามเสียงก่อนจะรู้สึกใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงๆที่เริ่มจะคุ้นเคย
“ปล่าว” เธอตอบก่อนจะถอยหลังไปนั่งลงที่ด้านในสุดของถ้ำที่ไม่ลึกแห่งนั้น
“คืนนี้เราพักกันที่นี่ละกัน คุณหิวรึปล่าว” ชายหนุ่มถาม
“ก็นิดหน่อย ไฟแช็คอยู่ในกระเป๋าเสื้อโอเวอร์โค๊ตด้านขวา” เธอกล่าวเมื่อเห็นเขากองฟื้นแยกกันไว้และทำท่าราวกับหาอะไรสักอย่างที่กระเป๋ากางเกง
“ขอบคุณ ผมคิดว่ามันอยู่ในกระเป๋ากางเกงเสียอีก” เขาล้วงหยิบไฟแช็คติดไฟที่กองฟืนพร้อมกล่าวขอบคุณก่อนจะพึมพำเบาๆสีหน้างงเล็กน้อย
“ตอนแรกมันก็อยู่ในกระเป๋ากางเกงแต่เมื่อคืนนั้นชั้นใช้แล้วก็เลยเก็บไว้ในโอเวอร์โค๊ตแทน” พัชรพรอธิบาย
“อ๋อ...ผมขอโทษด้วยคืนนี้เราคงจะไม่มีอะไรกินพอดีผมลืมไปว่าคุณคงจะหิว” ชายหนุ่มกล่าว
“ไม่เป็นไรหรอก แต่คุณพออย่างกับว่าคุณหิวไม่เป็น”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ใช่อย่างงั้นหรอก แต่ผมเป็นทหาร...ผมชินกับมันมากกว่า คุณรีบนอนเถอะพรุ่งนี้เราจะต้องออกเดินทางกันแต่เช้า...เอ้า...ใช้นี่” นายทหารหนุ่มกล่าวพร้อมกับยืนเสื้อโอเวอร์โค๊ตตัวยาวให้แกเธอ
“ชั้นบอกแล้วว่าคุณนะคือคนป่วย คุณใช้เถอะ”
“ผมบอกแล้วว่าผมเป็นทหาร ผมหนะแข็งแรงกว่าคุณมากหนูน้อย” ชายหนุ่มพูด
“คำก็หนูน้อยสองคำก็หนูน้อย ชั้นโตแล้วนะแล้วชั้นก็มีชื่อด้วย! แล้ทำไมชั้นต้องนอนตามที่นายบอกด้วยชั้นยังไม่ง่วง!”
“หรอ...งั้นเธอชื่ออะไรหละ” ชายหนุ่มถามเรื่อยๆราวกับไม่ได้สนใจว่าคนตรงหน้ากำลังเริ่มมีโมโห
“พัชรพร!” หญิงสาวตอบเสียงกระแทก
“แล้วอายุเท่าไหร่แล้ว”
“19”
“อืม...โตแล้วจริงๆด้วย แต่เธอรู้มั้ยว่าชั้นอายุเท่าไหร่ หืม...หนูน้อย” ยิ่งรู้ว่าเธอไม่ชอบเขากลับยิ่งอยากจะพูด เขาคิดว่าเธอดูตลกดีเวลาที่เธอโกรธ
“หนูน้อยอีกแล้ว! ชั้นบอกว่าชั้นโตแล้ว ได้...ถ้านายจะเรียกอย่างงั้นชั้นก็จะเรียกนายว่าคุณลุง!” เธอพยายามระงับความโกรธ
“ก็ได้ งั้นก็หลับฝันดีนะหนูน้อยพัชรพร” ชายหนุ่มกล่าวจึงได้รับค้อนวงโตจากพัชรพรก่อนเธอจะหันหลังให้เขา เพียงครู่เดียวคนที่บอกว่าไม่ง่วงกลับหลับเป็นตาย ชายหนุ่มจึงนำโอเวอร์โค๊ตตัวยาวมาคลุมให้กับเธอก่อนจะล้มตัวลงนอนด้านหน้าถ้ำเพื่อข้างทางเข้าเอาไว้ อย่างไรเสียถ้ามีสิ่งใดหรืออะไรต้องการจะผ่านเขาไปยังถ้ำมันจะต้องผ่านเขาไปก่อน
สองวันแล้วที่เขาและเธอร่วมเดินทางกันมา พัชรพรชักเริ่มจะคุ้นเคยกับชายหนุ่มตรงหน้ามากขึ้น ทั้งคู่มุ่งหน้าลงใต้แต่ก็ยังคงยึดเส้นทางติดกับแม่น้ำเป็นหลัก ชายหนุ่มเป็นทหารเต็มตัวเขามักจะเดินตัวตรงไม่มีวอกแวก เขาดูจะรู้วิธีดำรงชีวิตในป่าทุกประการ สวรรค์ดูจะไม่ทอดทิ้งพัชรพรมากนักเพราะแม้เธอจะติดป่าก็ติดอยู่กับคนที่มีความรู้
“พรุ่งนี้เราก็คงจะเจอกับลูกน้องของผมแล้ว” ชายหนุ่มกล่าวหลังจากที่ทั้งสองได้ที่พักของค่ำคืนนี้แล้ว
“ขอให้คุณโชคดี” หญิงสาวกล่าว
“หมายความว่ายังไง”
“ก็ขอให้โชคดีไง แปลไม่ออกหรอ ก็ขอให้ต่อไปในอนาคตคุณดีๆทุกอย่างไง”
“คุณรู้ว่าผมหมายความว่ายังไง เราคุยกันแล้วนะ”
“ชั้นรู้ คุณบอกว่าในป่ามันอันตราย แต่คุณก็บอกเองไม่ใช่หรอว่าทหารคุ้มกันชายแดนฝั่งนี้ไม่แน่นหนาเท่ากับทางฝ่ายชายแดนเกาหลีใต้ ยังไงถ้าชั้นจะกลับบ้านทางนี้ก้ง่ายกว่าอยู่แล้ว คุณบอกเองว่าถ้าจะลักลอบออกไปชายแดนด้านนั้นความสำเร็จมีแค่ 1 เปอร์เซ็น อีกอย่างชั้นเชื่อว่ายังไงแล้วพ่อแม่ก็จะต้องตามหาชั้นถ้าชั้นอยู่เรียบแม่น้ำไม่เรื่อยๆเขาจะต้องหาชั้นพบ” หญิงสาวกล่าว
“แต่คุณจะอยู่คนเดียวได้ยังไง” ชายหนุ่มถาม ใจจริงแล้วเขาไม่อยากจะทิ้งเธอไว้คนเดียว ถ้าไม่ติดเหตุด่วยจริงที่เขาต้องรีบกลับไปเขาคงจะอยู่ต่อเป็นเพื่อนเธอจนกว่าจะแน่ใจว่าเธอปลอดภัยแล้ว แต่สถานการณ์ในตอนนี้เขาทำอย่างที่ใจคิดไม่ได้
“ชั้นก็อยู่มาได้ตั้งหลายวันตอนที่คุณสลบ”
“ผมรู้แต่ว่ามันไม่เหมือนกัน เดี๋ยวมันจะหนาวขึ้นอีก อีกไม่นานหิมะก็จะตกแล้วคุณรู้มั้ยว่ามันจะหนาวขนาดไหน คุณอยู่กลางป่าเวลานั้นไม่ได้ คุณจะตาย” ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงจริงจัง
“ชั้นเชื่อว่าจะมีคนมาช่วยชั้นไปก่อนหน้านั้น ก็เอาอย่างงี้สิอีก 1 หรือ 2 เดือนตอนที่หิมะเริ่มตกคุณก็มาที่นี่มาดูถ้าชั้นนอนหนาวใกล้จะตายแล้วคุณก็ช่วยชั้นด้วยละกัน”
“คุณพูดยังกับว่าหาคุณในป่านี้เป็นเรื่องง่าย ป่ามันไม่ใช่ที่เล็กๆนะคุณ”
“ไม่เป็นไรหรอก คุณออกจะเก่งยังไงชั้นคงไม่ตายหรอกถ้าคุณคิดจะช่วยจริงๆ”
“คุณจะไม่ไปกับผมจริงๆ?” ชายหนุ่มถาม
“ขอบคุณคุณมากแต่ชั้นไม่ไป ถ้าหิมะตกเมื่อไหร่คุณช่วยกลับมาดูชั้นหน่อยละกันถึงเวลานั้นชั้นคงจะต้องการความช่วยเหลือของคุณ”
“ได้ ผมจะกลับมา วันที่หิมะตกผมจะกลับมา ผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณต้องตาย”
ความคิดเห็น