คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : อะไรกันเนี่ย!?!?
“หนูไปก่อนนะคะพ่อ” เสียงใสที่ดังเข้าไปภายในห้องนั่งเล่นทำให้ คุณดลวัช ต้องละสายตาจากหนังสือพิมพ์ที่ตนกำลังอ่านอยู่มองหน้าลูกสาวก่อนจะเอ่ยถาม
“จะไปไหนอีกหละวันนี้ พ่อเห็นออกไปข้างนอกทุกวันเลย” คุณพ่อถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไปซื้อของคะ พอดีวันนี้มิ้นนักกับเพื่อนไว้ เดี๋ยวมิ้นกลับเย็นๆนะคะ”
และยังไม่ทันฟังคำตอบมณีฑิตาเดินหันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว จึงไม่ทันได้เห็นสายตาของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อที่มองตามหลังเธอไปจนลับตา สายตาที่แม้จะมากด้วยวัยแต่ยังคงคมกริบแฝงเอาไว้ด้วยแววโชกโชนกับชีวิตมองตามเบื้องหลังนั้นไปด้วยสายตาเป็นห่วงแสนห่วง
“หา! นี่เธอยังมายังไม่ถึงอีกหรอ ชั้นรอมาจะชั่วโมงแล้วนะ หิวจะแย่แล้วได้กินแต่น้ำ ไหนบอกว่าจะมากินข้าวเที่ยง ...โอเคๆ...รีบๆมาละกันไม่งั้นชั้นกลับจริงๆด้วย”
สีหน้าของมณีฑิตามีแววเซ็งสุดๆหลังจากที่วางโทรศัพท์เป็นครั้งที่สามและคำตอบที่ได้รับยังคงเป็นแบบเดิมคือรถติดยังมาไม่ถึง ความหงุดหงิดเจ้าเพื่อนตัวแสบที่มักทำให้เธอต้องรอจึงไม่ทันสังเกตุเห็นสิ่งรอบตัว ชายสองคนที่นั่งอยู่ในร้านอาหารไม่ไกลจากเธอนั้นเอื้อมมือเขาไปในเสือ้แจ็คเก็ตสีดำก่อนจะหยิบสิ่งหนึ่งออกมาอย่างช้าๆ ของสีดำวาวซึ่งก็คือปืนขนาดเล็กกำลังถูกเล็งมาที่เธอ...และ...เปรี้ยง!!!
เสียงดังสนั่นเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว มณีฑิตาลืมตึข้นมาและพบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้นภายในอ้อมกอดของชายแปลกหน้าผู้หนึ่ง หากสายตาของเขาไม่ได้อยู่ที่เธอแต่กลับจับจ้องอยู่ร่างของชายสองคนที่ยิงมาที่เธอ และก่อนที่ร่างเล็กจะทันได้คิดอะไรชายแปลกหน้าดังกล่าวฉุดเธอลุกขึ้นอย่างแรงก่อนจะลากพาเธอวิ่งออกจากร้านไป เมื่อคนร้ายรู้ว่าตนเองทำงานผิดพลาดจึงรีบตามหญิงสาวไปเพื่อจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย มณีฑิตาได้แต่วิ่งตามแรงฉุดไปด้วยสมองอันว่างปล่าว เธอตกใจกับเหตุการณ์ประหลาดที่พึ่งเกิดขึ้น สิ่งที่เธอเคยคิดว่ามีแต่เพียงในภาพยนต์เท่านั้นและเธอจะไม่มีวันเจอกับตัวเองกลับกำลังเกิดขึ้น เธอ...ลูกสาวของนักธรุกิจที่ประสบความสำเร็จเป็นอันดับต้นของประเทศ คุณหนูมณีฑิตาผู้ไม่เคยต้องลำบาก ไม่ว่าเธอจะต้องการสิ่งใดผู้เป็นพ่อไม่เคยเลยที่จะปฏิเศษ แต่ตอนนี้...เธอกลับกำลังโดนตามล่าอย่างนั้นหรือ
ชายหนุ่มพาเธอวิ่งออกไปบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าก่อนที่รถสีดำคันใหญ่จะแล่นมาจอดตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ร่างสูงรีบกระชากประตูเปิดออกก่อนที่จะพลักเธอขึ้นรถพร้อมกับตามเข้าไป ทันที่ที่ประตูกรถถูกปิดลงรถยนต์คันดังกล่าวเร่งเครื่องขับออกไปอย่างรวดเร็ว คำถามต่างๆยังคงอยู่ในหัวของเธอ นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น...คนพวกนี้เป็นใคร...แล้ว...นี่เธอกำลังจะไปที่ไหน หรือว่า...เธอกำลังถูกลักพาตัว!?! ว่าแล้วปากก็ไว้เท่าความคิด
“พวกคุณเป็นใคร ถ้าพวกคุณต้องการเงินพ่อของชั้นจะส่งให้ แต่พวกคุณปล่อยชั้นไปก่อนเถอะนะ” เธอพูดด้วยเสียงหอบเหนื่อยเนื่องจากการวิ่งร้อยเมตรที่พึ่งผ่านมา
ชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างกายหันมาสบตาเธอพร้อมกับพูดเสียงราบเรียบเป็นภาษาอังกฤษ “ผมชื่อ ลี ชินเจ” แต่คำตอบแสนสั้นของเขากลับไม่ได้ให้ความกระจางใดๆแก่หญิงสาวเลย
“ลีชินเจ” เธอทวนชื่อของเขาเบาๆก่อนสายตาจะแปลเปลี่ยนเป็นตกใจ ลีชินเจ...ชื่อเกาหลี...หรือว่าจะเป็น...
“ลีชินเจ จากแก๊งค์มาเฟียของเกาหลีหนะหรอ” เธอถามกลับไปด้วยเสียงสั่นแท่บเป็นกระซิบ
ร่างสูงไม่กล่าวตอบเพียงแต่พยักหน้าน้อยๆเป็นการยืนยัน แต่เพียงเท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้หญิงสาวตรงหน้าตกใจกลัวจนสติแตก
“หา! แล้วนี่พวกนายจะทำอะไรชั้น จะพาชั้นไปไหน แล้วทำไมต้องฆ่ากันด้วย นี่นายรู้มั้ยว่าพอชั้นเป็นใคร เค้าจะต้องให้ตำรวจมาลากคอพวกนายเข้าคุก ชั้น
”
ไม่ตะโกรปล่าวเธอยังประเคนทั้งทุบทั้งเตะไปที่หน้าแข้งและตัวของชายหนุ่ม จยเขาทนไม่ไหวและหันมารวยตัวของเธอไว้
“หยุดนี่...หยุดนะ...”
แต่เมื่อเคียวโกะยังไม่หยุดทั้งคำพูดและยังคงดิ้นรนเพื่ออกจากการจับกุมของเขาพร้อมกับเหลือบไปเห็นพวกคนร้ายที่ยังตามมา ชายหนุ่มจึงไม่มีทางเลือกนอกจากทำให้เธอสงบลง ในที่สุดเขาจึงซัดเข้าเบาๆที่ท้องของเธอซึ่งก็ได้ผลชะงักเพราะเธอเงียบเสียงลงในทันที
ทุกๆคนดูราวกับว่าจะไม่ค่อยตกใจเลยกับเหตุการ์ณตรงหน้า ก็จะตกใจได้ยังไงในเมื่อพวกเขาทุกคนเป็นยาคูซ่า คนขับรถดูราวกับว่าจะรู้หน้าที่และทางเป็นอย่างดีเนื่องจากเขาขับด้วยความเร็วสูงตามทางไปอย่างแม่นยำ จนในที่สุดเมื่อหลุดจากการติดตามของมอเตร์อไซแล้วล้อที่ดูจะหมุนอย่างไม่มีวันหยุดของรถสีดำก็ค่อยๆชะลอลงจนเหลือวิ่งอยู่ในความเร็วปกติ มณีฑิตาที่เริ่มหายจากอากรจุกแล้วมองไปรอบๆตัวเองอย่างระมัดระวัง เธอได้ตัดสินใจที่จะหยุดโวยวายและลองพูดกับชายหนุ่มข้างๆเธออย่างใจเย็น เพราะหลังจากที่ได้มีเวลาคิดแล้ว เขาก็ยังไม่ได้ทำร้ายเธอเลยแถมยังเป็นคนช่วยชีวิตของเธอไว้อีกด้วยซ้ำ
“แล้วนี่คุณจะพาชั้นไปไหน” เธอเริ่มอ้าปากถาม
“กลับบ้าน” ลีชินเจตอบสั้นๆแต่เพียงเท่านั้นจิตใจที่ยังดูปรับไม่ค่อยเข้าที่นักของกญิงสาวกเริ่มๆที่จะแตกเอาอีกครั้ง
“หา! บ้านคุณ...คุณ...จะลักพาตัวชั้นอย่างงี้ไม่ได้นะ ชั้น...”
ถ้าไม่ใช่เพราะสายตาน่ากลัวที่มองมากเธอคงจะยังโวยวายต่อีกพักใหญ่
“ชั้นจะพาเธอกลับบ้านของเธอ”
“บะ...บ้านของชั้น คุณรู้จักด้วยหรอ”
ในทันทีที่ประโยคนั้นหลุดออกจากปาก รถก็หยุดลงทันทีเธอจึงรีบหันออกไปมองที่นอกหน้าต่างและด้วยความงงระคนดีใจทำให้เธอลืมทุกสิ่งและตั้งใจที่จะออกจากรถให้เร็วที่สุด แต่ทว่า....ประตูถูกล็อกเอาไว้ และเมื่อหันหน้ามาที่ยาคูซ่าหนุ่มก็ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมเปิดให้เธอง่ายๆ
“คุณต้องการอะไร เปิดประตูให้ชั้นลงไปก่อนเถอะนะ” เธอพยายามอ้อนวอนเสียงหวาน
“ผมมีเรื่องต้องบอกคุณก่อน ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในอันตราย”
“อ๋อ...เรื่องนั้นชั้นรู้แล้วหละ”
มาบอกอะไรกันป่านี้ยังกับชั้นไม่รู้งั้นแหละเมื่อกี้ที่เขาเอาปืนมาจ่อชั้นแค่จะชวนไปกินข้าวมั้ง จะบอกก็บอกอะไรที่ชั้นยังไม่รู้สิ เธอตอบเขาไปด้วยสีหน้าและเสียงที่พยายามทำให้ปรกติแต่ไม่วายค่อนแคะในใจ และดูราวกับเขาจะได้ยินความในใจเธอ
“ผมรู้ว่าคุณรู้อยู่แล้ว เอาเป็นว่า...คุณรู้เพิ่มอีกอย่างหนึ่งก็พอ ตอนนี้ผมถูกส่งมาดูแลคุณให้ปลอดภัย”
น้ำเสียงของเขายังคงราบเรียบดังและเก็บปากเก็บคำดังเดิม
“หา! มาดูแลชั้น ไม่เป็นไรขอบคุณมากแล้วก็อย่าลำบากเลย” มณีฑิตาเองกลับเป็นฝ่ายตกใจโวยวาย
“ไม่ได้ ผมรับปากพ่อคุณไว้แล้วก่อนเขาตายว่าผมจะดูแลคุณ” ลีชินเจกล่าวเสียงเครียด
“เออ...คือพ่อชั้นยังไม่ตาย คุณอย่ามาลอกชั้นให้ยากเลย” หญิงสาวตอบ มั่นใจดีว่าอะไรเป็นอะไร พ่อของเธอเป็นนักธุรกิจมือสะอาดจะมีคนมาลอบฆ่าได้อย่างไรและเมื่อเช้าเธอพึ่งจะบอกลากับท่านอยู่หยกๆ
“พ่อที่แท้จริงของคุณเสียแล้ว” เมื่อเห็นหน้าที่บ่งบอกชัดเจนว่าชั้นไม่มีทางเชื่อนายเด็ดขาดของเธอ เขาก็เริ่มกลุ้มใจและถอนหาย แรง
“เอาเป็นว่าเราเข้าไปคุยกันในบ้านละกัน พ่อของคุณคงอธิบายได้ดีกว่าผม”
เมื่อพูดจบเขาก็เปิดประตูพร้อมกับรีบลากหญิงสาวลงจากรถไป
แอ็ด........ปัง
เสียงประตูที่ถูกเปิดและปิดลงอย่างรวดเร็วสะกิดให้คุณดลวัช ที่ระวังตัวอยู่แล้วรีบลุกขึ้นและตรงไปที่เก็บปืนทันที
“คุณพ่อ อยู่ไหนคะ”
แต่เมื่อได้ยินเสียงใสของลูกสาวที่ตะโกนเรียกหาเขาจึงโล่งใจรีบเดินออกไปหา แต่แล้วหัวใจของเขากลับตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันทีเมื่อมองเห็นหน้าของชายหนุ่มที่เดินตามหลังร่างเล็กเข้ามา
“คุณพ่อรู้จักเขาหรอคะ”
เมื่อเห็นสีหน้าของคุณดลวัชหญิงสาวคนเดียวในที่นั้นถามด้วยเสียงที่ค่อยมากจนน่าจะไม่มีใครได้ยินถ้าห้องไม่ได้ตกอยู่ในความเงียบขนาดนี้ หน้าของโคชิในยามนี้ซีดมากราวกับคนที่กำลังเจอกับเหตุการ์ณที่ซ็อคสุดขีด
“มันถึงเวลาแล้ว ดองวุค”
ลีชินเจกล่าวกับคุณดลวัชด้วยสีหน้าจริงจังและพยักหน้าเบาๆ ทั้งๆที่ตอนแรกมณีฑิตาว่าหน้าเขาจริงจังแล้วแต่มันเทียบไม่ได้เลยกับใบหน้าเขาในตอนนี้ แม้ทั้งคู่จะสนทนากันด้วยภาษาเกาหลีแต่หญิงสาวฟังเข้าใจได้ดีทุกถ้อยคำ ตั้งแต่เป็นเด็กเธอโดนคุณพ่อบังคับให้เรียนภาษาที่ 3 อันนี้ซึ่งคุณพ่อมักจะอ้างว่าจำเป็นสำหรับสืบทอดธุรกิจต่อไปในอนาคต เธอพึ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเหตุผลที่แท้จริงคือเรื่องใด
ดองวุคหรือคุณดลวัชหันมาหาคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกสาวของเขา เด็กหญิงที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆและให้ความรักกับเธอราวกับลูกสาวแท้ๆ ตอนนี้มันคงถึงเวลาแล้ว เวลาที่ความจริงจะต้องถูกเปิดเผิญ เขาไม่สามารถที่จะปกป้องเธอด้วยการกันเธอออกมาและปิดบังความจริงจากเธอได้อีกต่อไปเพราะมันมีแต่จะทำให้เธอเกิดอันตราย
ความคิดเห็น