ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4- อาจารย์คนใหม่ (37% complete)
เวลา 7:00 น. ที่บ้านเร็น
กริ๊งงงงงง! ปึก!
"ฮาวววว~" เช้านี้เช้าที่สดใสเสียจริง นับตั้งแต่วันที่สู้กับมีนา หลังจากนั้นเธอก็โทรคุยหาผมทุกวัน ประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว ทุกเช้า ทุกเที่ยง ทุกเย็น และก่อนนอน แทบไม่มีเวลาให้ผมได้พักบ้างเลย สงสัยจังว่าใครให้เบอร์ผมไปให้ยัยมีนา ถ้าเดาก็คงเป็นลูมน่ะละ
"~ทึม~ทึม~เป็าะ~..." นั่นไงไม่ทันคาดคำ
"ฮัลโหล"
"ตื่นยางงงง เร็นนนนน" เสียงมีนา
"พูดอยู่นี่นอนอยู่มั้ง"
"เย็นชาจริงๆเลยเร็นอ่ะ"
"แล้วมีอะไรว่ามา"
"คิดถึงคุยไม่ได้ออ~"
"แค่นี้นะ"
"เดี๋ยวๆๆๆๆ!" เรื่องมากวุ้ย
"มีอะไรละ"
"รู้ป่าวที่โรงเรียนเร็นอ่ะ จะมีครูใหม่เข้ามานะ" ครูใหม่งั้นรึ ช่วงใกล้เทอมสองเนี่ยนะ
"ข่าวจากไหนละ"
"ลูมอะ"
"ตอนไหน"
"เมื่อคืน"
"ทำไมมันไม่บอกฉันก่อน ฉันเป็นพี่มันนะ"
"เห็นลูมบอกว่า เร็นไม่อยากฟังเสียงใครทั้งนั้น เพราะรู้สึกหูชาจากอาการคุยมือถือมากเกิน"
"เพราะใครละ" เพราะหล่อนไง!!!
"ขอโทษ"
"แค่นี้นะ"
"บู่ๆ เย็นชาจังเร็นเนี่ย อุ่ตส่ามีสวย ดังระดับซุป..."
"กริ๊ก!" ตูรำคาญ และผมก็ได้วางสายอย่างไร้เยื่อไย ส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยชอบผู้หญิงง้องแง้งแบบนี้เท่าไหร่ ยิ่งอายุมากกว่าผมแล้วทำตัวแบบนี้เฮ้อ~~ ช่างมันเถอะ ผมก็รีบไปอาบน้ำ จากนั้นก็ไปกินข้าวฝีมือลูมเหมือนเดิม
เวลา 7:25 น. กินข้าวเช้า
"โอ๊ะ! วันนี้สเต็กปลาแซลม่อน" ผมละปลื้มจริงที่ลูมทำอาหารได้เก่งอย่างนี้
"ถ้าชอบก็อย่าทานเหลือล่ะ" ขี้บ่นวุ้ย
"คร้าบๆ" จากนั้นผมก็กินข้าวเช้าอย่างเอร็ดอร่อย พอเสร็จก็เดินไปโรงเรียนเหมือนเดิม
เวลา 8:15 น. ห้องเรียนเร็น
หลังจากเข้าแถวตอนเช้าหน้าห้องเสร็จ ก็กำลังจะเริ่มคาบแรกแล้ว วันนี้วันศุกร์คาบแรกก็ภาษาอังกฤษ จะว่าไปครูคนใหม่เนี่ยสอนคาบอะไรนะ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ ช่างมันเถอะจะเป็นใครสอนวิชาอะไร แค่อยากรู้ว่ามีพลังรึเปล่าแค่นั้น ถ้ามีพลังละก็จะให้จับมือคงยากน่าดู
ตึก ตึก ตึก
เสียงครูสอนภาษาอังกฤษคนเดิมเข้ามาในห้องเรียนแล้วพูดว่า
"เอาละทุกคนตอนนี้จะมีครูสอนวิชาภาษาอังกฤษคนใหม่มาสอนแทนครูนะ เขาอาจอยุมากกว่าพวกเธอไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ให้ความเคารพเค้ากันหน่อยละ" จากนั้นก็มีผู้ชายผมค่อนข้างยาว ผมสีดำปนแดง ดูแฮ้วนิดๆ ใส่ถุงมือข้างขวา น่าสงสัยชะมัด ดูแล้วเหมือนคนญี่ปุ่นเลย
"สวัสดีครับอาจารย์ชื่อ ซามาโนะ คิทาเกะ เรียกสั้นๆว่า อาจารย์ซาคิ แล้วกัน สัญชาติญี่ปุ่นแท้ อายุ 29 ปีครับ" แล้วอาจารย์ก็ยิ้ม
"ดูนักเลงนิดๆว่าไหม?"
"ฉันว่าเท่ดีนะ"
"อายุ 29 เองว่ะ"
"ญี่ปุ่นด้วย"
"อาจารย์ใหม่ตอนจะเทอม 2 เนี่ยนะ"
เสียงซุบซิบในห้องเต็มไปหมดผมลองมองตาเขาดู ดูเหมือนเรื่องแต่ละอย่างที่คิดในหัวนั้น เขาดูบ้าบิ่น ความคิดเขานั้นมองคนอื่นทะลุปลุโปล่งได้ เหมือนในหัวเขาคิดวางแผนตลอดเวลา ตอนนั้นเองเขาก็มองมาที่ผมเช่นกัน พนันด้วยหัวของมันา ลูม และปันเลยว่าไอ้นี่มันไม่ธรรมดา และมีความคิดคล้ายกับผมได้ตอนนี้แน่ แล้วผมก็ยิ้มบางๆ เขาก็เช่นกัน
"พักเที่ยงไปหาอาจารณ์หน่อยนะเธอนะ" ภาษาญี่ปุ่น แน่นอนเขาพูดกับผม แต่เขารู้ได้ไงว่าผมพูดญี่ปุ่นเป็น
"รับทราบครับ" ผมก็ตอบเป็นภาษาญี่ปุ่นไป ตอนนี้ทั้งห้องกำลังตกอยู่ในความเงียบ คงเพราะแปลไม่ออกว่าผมพูดอะไรกับอาจารณ์ซาคิไป
"เอาล่ะมาเริ่มเรียนกันเลยดีกว่า" จากนั้นก็เริ่มคาบเรียนคาบแรก
เวลา 12:50 น. อาคาร2 ชั้น 3
ตอนนี้ผมกำลังเดินไปที่ห้องพักครู ซึ่งไม่ได้อยู่อาคารเดียวกับอาคารผม ผมอยู่อาคาร 4 เป็นอาคารที่มีแต่นักเรียน ม.ปลาย และห้องพักเรียนของครูต่างชาติ ซึ่งที่อาจารย์ซาคิอยู่ที่อาคาร 2 และอยู่บนชั้น 3 ไม่ค่อยไกลเท่าไหร่ประมาณ 4 นาที ก็ถึงห้องพักครูแล้ว และตอนนี้ผมก็ถึงหน้าห้องพักครูแล้ว จากนั้นก็ดันประตูแล้วเข้าไป พบว่าตอนนี้คนที่อยู่ในห้องพักครูมีอาจารย์ซาคิอยู่คนเดียว ผมก็ได้เดินเข้าไปหาที่โต๊ะเขาแล้วพูดว่า
"เรียกผมมามีอะไรครับ?"
"ตอนนี้เรามาพูดภาษาญี่ปุ่นกันดีกว่า เพราะบางคำในภาษาไทยผมอาจจะไม่รู้"
"ได้ครับ" ผมตอบเป็นภาษาญี่ปุ่น
"เอาละ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า" เขาพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น แล้วกอดอก นั่งเอาขาซ้ายพาดบนเข่า
"..." ผมนั่งลงแล้วเงียบฟัง
"นี่นายจำฉันไม่ได้จริงๆเหรอ เร็น"
"ขอเวลา แป็ป" ผมก็ลองนั่งนึกดู ซาคิ...ซาคิ... อืม...
"น้าซาคิ!!" ในที่สุดผมก็นึกออก
"ในที่สุดก็นึกออกซะทีนะ"
"แล้วน้ามาทำอะไรที่นี่"
"พ่อเธอบอกให้ชั้นมาดีแลเธอชั่วคราวน่ะ"
"ทำไมละ?"
"ก็เพราะเรื่องเกี่ยวกับพลังไง ตอนนี้มันอันตรายมาก"
"ก็อะไรขึ้นครับ?"
"ตอนนี้ที่อังกฤษมีองค์กรลึกลับชื่อ New God เรียกสั้นๆว่า NG กันเป็นส่วนใหญ่ พวกนั้นมีคนเข้าร่วมองค์อยู่ประมาณ 6,000 คนรวบรวมจากทั่วโลกและกำลังมากขึ้นเรื่อยๆและที่สำคัญก็คือ หนึ่งในนั้นมีพวกมีพลังพิเศษกันอยู่จำนวนประมาณ 200 คน เปป็นจำนวนที่ค่อนข้างมากทีเดียว"
"องค์กรนี้มันมีไว้เพื่ออะไร?" ผมสงสัย
"หัวหน้าองค์กรมันเป็นพวกมีพลังพิเศษที่ไม่ได้มีความปราถนาที่จะสู้กับคนอื่นเพื่อให้ตนเป็นพระเจ้า แต่มันเลวร้ายยิ่งกว่าคือมันต้องการรวบรวมที่มีพลังพิเศษให้เป็นพวกเดียวกับมัน เพื่อยึดครองโลกแทน แล้วตั้งตนเป็นพระเจ้าองค์ใหม่โดยไม่จำเป็นต้องแข่ง"
"แล้วมันเกี่ยวข้องยังไงกับผม?"
"เกี่ยวแน่นอน"
"..."
"มันอาจจะนำตัวเธอเข้าร่วมองค์กรนี้เป็นแน่"
"น้ากับพ่อทำงานอะไรกันแน่เนี่ย"
"อันที่จริงมันเป็นความลับ แต่คงถึงเวลาที่ฉันต้องบอกเธอกับน้องเธอแล้วล่ะ"
"..."
"พวกเราเป็นตำรวจที่เหนือกว่า KGB CIA หรือแม้กระทั่ง FBI พวกเราลึกลับยิ่งกว่าใช้ชื่อว่า UNKNOW เป็นองค์ที่ตัวฉันยังไม่รู้เลยว่าสาขาหลักอยู่ไหน หน้าตาหัวหน้าเป็นอย่างไร แต่พ่อของเธอนั้นเป็นถึงรองหัวหน้าเลยทีเดียว"
"นี่คือสาเหตุที่พ่อไม่ค่อยได้กลับบ้านใช่มั้ย"
"ใช่"
"อืม ก็พอเข้าใจอยู่นะ"
"ที่สำคัญตระกูลของพวกเรานั้นทำงานพวกนี้มาอยู่แล้ว และมีความลับของตระกูลอีกอย่างที่เธอต้องรู้ด้วยตนเองทั้งฉันและพ่อเธอไม่อาจบอกเรื่องนี้กับเธอได้ ได้แค่อธิบายเพิ่มเติมตอนเธอรู้ด้วยตนเองแล้ว"
"ทำไมครอบผมมันลึกลับจังฟะ!"
"ตอนแรกฉันก็คิดแบบเธอ"
"แล้วน้าเป็นพวกมีพลังด้วยรึเปล่า?"
"ใช่" แล้วเขาก็ถอดถุงมือโชว์ฝ่ามือขวาของตนเอง มันเป็นสัญลักษณ์แปลกๆแท่งตรงกลางยาวๆ แล้วมีอีก 2 แฉกทั้งซ้ายและขวา
"แล้วพลังของน้าคืออะไร"
"ยังบอกไม่ได้หรอก เดี๋ยวเอาไว้ถึงเวลาน้าจะแสดงให้เธอดูเอง"
"ช่างเหอะ เอาเป็นว่าน้าพักที่ไหนเนี่ย คงไม่ใช่บ้านผมหรอกนะ?"
"ฮ่าๆๆ ไม่ใช่หรอก พวกเธอน่ะต้องย้ายมาอยู่บ้านที่องค์จัดเตรียมให้กับฉัน" เขาพูดพร้อมเอานิ้วโป้งชี้หน้าตนเอง
"ไกลไหม"
"เลิกเรียนแล้วเก็บเสื้อผ้ากับแปลงสีฟันมาก็พอ เดี๋ยวฉันขับรถมารับที่หน้าบ้าน"
"ผมถามว่าไกลไหม?"
"ไม่เท่าไหร่"
"ใหญ่ป่ะ?"
"เดี๋ยวก็รู้ หึๆ"
"มีผู้หญิงป่ะ?" ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"มีดิเยอะนิดหน่อยด้วย"
"เดี๋ยวกลับไปจะรีบเตรียมเสื้อผ้าโดยด่วน อ่อ! แล้วผมก็มีคำถามสุดท้ายสองข้อ"
"ว่ามา"
"ทำไมน้าถึงคนละนามสกุลกับผม และทำไมน้ารู้ได้ว่าผมมีพลัง?"
"ข้อแรกตระกูลเรามีทั้งหลักและย่อย ฉันอยู่ทางย่อยส่วนนายกับน้องอยู่หลัก ข้อสองพ่อนายส่งคนมาจับตาดูนาย แต่ถึงหยั่งงั่นก็ไม่ได้รู้พลังที่แน่ชัดของนาย ณุ้แต่คนที่อยู่รอบข้าง"
"เป็นองค์ที่ของสอดเรื่องคนอื่นเค้าซะจริง"
"วันนี้พอแค่นี้นายออกไปได้แล้ว"
"บ๊ายบาย" ผมโบกมือแล้วก็เดินออกไปจากห้องพักครู
เวลา 16:10 น. ระหว่างเดินทางกลับบ้าน
ตอนนี้ผมได้อธิบายทุกอย่างให้ลูมฟัง ตอนนี้ลูมตกใจนิดหน่อย แต่ก็ปรับตัวเข้าใจสถานการณืได้อย่างรวดเร็วเพราะความจำเป็น
"พี่อำผมป่ะ?"
"เอาปืนมาจ่อหัวได้เลย"
"แล้วแม่ของพวกเรารู้เรื่องนี้ป่ะเนี่ย"
"นั่นดิ"
พ่อเค้าแต่งงานกับแม่ของลูมโดยตั้งแต่ยังไม่เลิกกับแม่ของผม แต่แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมอยากรู้จริงๆว่าพ่อของผมมีดีอะไร เมื่อ 2 เดือนก่อนคุณแม่ของผมและลูมไปฮันนีมูนพร้อมกับคุณพ่อที่รัสเซีย บอกว่าจะไปซัก 3 เดือนเดี๋ยวกลับมา
เวลา 16:50 น. หน้าบ้าน
ตอนนี้พวกเราได้จัดเตรียมของเสร็จแล้ว ไม่รู้ต้องอยู่นานเท่าไหร่ ผมกับลูมเอาแค่ชุดนักเรียนทุกตัวที่มี พร้อมกับชุดนอน 2 ชุด ชุดอยู่บ้านอีก 2 ประมาณว่าตอนนี้พวกเรามีกันคนละ 1 กระเป๋าใหญ่ และ 1 กระเป๋าเล็ก
เอี้ยด! ทันใดนั้นก็มีรถ Audi คันหนึ่งมาจอดหน้าบ้าน (http://www.audi.co.th/sea/brand/th/models/q7/audi_q7.html) แล้วก็เปิดกระจกรถลงมา ก็เห็นหน้าน้าซาคิใส่แว่นกันแดดยิ้ม แล้วก็พูดว่า
"เอาของขึ้นรถได้เลย เดี๋ยวป๋าไปส่ง!"
ไม่ทันขาดคำผมและลูมก็เปิดกระโปงหลังรถเอาของใส่ พอใส่เสร็จแล้วก็ปิดกระโปงหลังแล้วขึ้นกันไปที่เบาะกลาง จากนั้นน้าซาคิก็เหยียบคันเร่งออกตัว
"รถหรูดีนี่ครับ" ลูมพูด
"ใช่ไหมล่ะ"
"องค์กรนี้สิ้นเปลืองเงินโดยแท้" ผมบ่น
"เฮ้ย! อย่าพูดหยั่งนั้นดิ! ขนาดหนังเรื่อง เจมส์ บอนด์ 007 ทุกภาคมันก็ต้องมีรถใหม่ๆหรูๆอยู่เสมอเลยนะ"
"เอิ่ม... ไม่ได้อยากจะเถียงหรอกนะครับ แต่มันจบด้วยการพังทุกคันเลยไม่ใช่เหรอ" ลูมพูด
"น้าครับ... โปรดขอคำพูดที่ฟังแล้วอุ่นใจแก่พวกเราด้วย" ผมชักรู้สึกไม่ดีแล้วซิ
"ชั้นขับมาหลายปีแล้วมีประสบการณ์พอตัวเลยนะ!" นั่นเหรอคำพูดอุ่นใจ
"แต่นี่มันตัวใหม่ของ Audi ไม่ใช่เหรอ เคยขับมาหลายปี แล้วตัวก่อนๆอะ" ผมพูดเพราะมันเป็นความจริง
"ก็น้ามาที่ไทยไง ก็เลยเอารถของฉันมาไม่ได้" ขี้อ้างว่ะ
"แต่งบขององค์กรณ์มีรถให้ฟรีๆแบบนี้ก็ขนย้ายรถมาจากบ้านน้าไม่ได้เหรอ" ฃูมเถียง
"อะ...เอ่อ ก็แบบว่า... น้าลืมอ่ะ ฮะๆๆๆ!" น้าหัวเราะยิ้มแห้งๆ
"พวกเราขอลงจากรถได้ไหม" ผมเรียกร้อง
"อย่าทำร้ายจิตใจกันอย่างงั้นดิ ตอนนี้จะถึงแล้วเนี่ย!"
"พี่เร็นตอนนี้เรามาสวดภาวนากันเถอะ"
"ก็ดีนะ"
"ไอ้เจ้าพวกนี้!"
เวลา 17:05 น. หน้าบ้านน้าซาคิ
ตอนนี้ก็ถึงหน้าบ้านแล้ว แต่ไม่รู้จะเรียกว่าหน้าบ้านดีไหม เพราะมันคือคฤหาสน์โคตรใหญ่ ทั้งผมและลูมตาค้างเลยทีเดียว แถมมีแม่บ้านใส่ชุดเมดเปิดประตูรั้วให้ด้วย แถมยั้งมีพ่อบ้านเป็นคนสวนอีกต่างหาก ในพื้นที่นี้ประกอบไปด้วยบ้านยอ่ยขนาดเล็กอีก 2-3 หลังแยกออกไป
"โอ้ว! นี่ซิใหญ่จริง" ผมกับลูมพูดพร้อมกัน
พอรถขับไปได้ซักพักนึงจนถึงหน้าคฤหาสน์น้าซาคิก็จอดหน้า แล้วจากนั้นก็มีพ่อบ้านเปิดประตูหลัง 2 คนช่วยกันถือกระเป๋า แล้วมีแม่บ้านอีก 3 คนช่วยประตูทั้งฝั่งผมและลูม และก็ฝั่งน้าซาคิ ตอนน้าเดินลงมาจากรถ น้าก็ยื่นกุญแจให้พ่อบ้านคนหนึ่ง แล้วพ่อบ้านคนนั้นก็หยิบกุญแจขับรถไปที่ลานจอด
"มัวยืนเหม่ออะไรอยู่ล่ะ เข้ามา" น้าซาคิเรียก
จากนั้นผมก็เดินเข้าคฤหาสน์ตามน้าไป ข้างในก็ใหญ่หรูเลิสอลังกาล อยากรู้จริงๆเลยว่ามันมีกี่ห้องกันแน่เนี่ย ตอนนี้น้าซาคิก็พาเดินไปห้องที่จำเป็นก่อน เช่น ห้องฟิตเนส, ห้องอาหาร, โรงหนังส่วนตัวขนาดย่อม, ห้องน้ำ, ห้องคอม แล้วก็ห้องอื่นๆอีกมากมาย
"และนี่คือห้องน้า ห้องของพวกเธอ 2 คนอยู่ตรงข้าม ฝั่งซ้ายของเร็น ฝั่งขวาของลูม โอเค้?"
"ถ้าผมหลงอ่ะ คฤหาสน์นี้มันใหญ่กว่าโรงแรมอีกมั้งเนี่ย?" ผมพูด
"ในห้องมี GPS เฉพาะสำหรับภายในคฤหาสน์นี้"
"สุโข่ย" ลูมเอ่ยขึ้น
"ตอนนี้พวกเธอสองเข้าเข้าห้องไปอาบน้ำกันได้แล้ว 6 โมงครึ่ง เรามีนัดมาเจอกันที่ห้องอาหาร"
ตอนนี้ผมกับลูมต่างก็เข้าห้องของตนเองไป ภายในห้องของผมนั้นเป็นสีขาว-ดำ สไตร์โมเดิล ขนาดประมษณห้องราคาแพงสุดในโรงแรม 5 ดาว มีจอทีวี LED 42 นิ้วแบบตั้งโต๊ะ พร้อมระบบโฮมเทียเตอร์ พื้นเป็นพรม เตียงคู่สีขาวดำ ผ้าห่มเป็นสีขาวนุ่มมาก คงเป็นขนสัตว์ ตอนนี้พวกเราอยู่ชั้น 3 กัน ห้องฝั่งที่ผมอยู่นั้นติดหน้าต่าง มองออกไปเป็นฝั่งริมของคฤหาสน์เลย ลองเปิดลิ้นชักใต้ทีวีดูก็เห็นกระดาษจดเบอร์เหมือนโรงแรมเลย และก็มีเครื่อง GPS ที่ใช้เฉพาะในคฤหาส์อีกด้วย มีตู้หนังสืออยู่แต่ไม่ใหญ่มาก หน้าต่างกับตู้เสื้อผ้าใช้ระบบรีโมต ผมลองกดีโมตของตู้เสื้อผ้าดู ตู้เสื้อผ้าที่ติดผนังมันก็ยื่นออกมาประมาณ 5 ม. แต่ความสูงไม่เพิ่มขึ้น มันสูงประมาณ 6 เมตร ผมลองกดปุ่ม Open ดู จากนั้นประตูตู้ค่อยๆเปิดออก และข้างบนก็มีไฟติดด้วย ข้างในลึกกว่าเดิมอีกเยอะ ข้างในแยกชุดไว้เป็นหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นชุดนอน, ชุดกีฬา และชุดต่างอีกมากมาย ผมอยากรู้จริงเลยว่าทำไมเขารู้ไซของผม แต่ข้างในสุดมีที่ว่างสำหรับใส่ชุดของผม และมีตู้เล็ก 2 ตู้ข้างล่างใส่กางเกงในไว้อยู่ แถมมันยังมีตั้ง 24 สีเรียงกันอยู่! โอ้แม่เจ้ามันคิดว่าผมจะใส่มันวันละสีรึไง ผมก็เดินออกมาจากตู้แลเวกด Close ประตูก็ปิดลงแล้วค่อยๆกลัยสู่พนังเหมือนเดิม ต่อจากนั้นผมก็เข้าไปเปิดประตูห้องน้ำชักโครกเป็นแบบญี่ปุ่น อ่างล้างหน้ากว้างมาก แถมมีกุชชี่อีกด้วย แชมพูและสบู่เนี่ยมีให้ประมาณ 10 ยี่ห้อ สงสัยมันจะบ้าไปแล้ว ลองสังเกตุดีก็พบช่องโยนเสื้อผ้า อยู่ข้างอ่างล้างมือ มันมีอะไรที่ทำให้ผมอึ้งอีกไหมห้องของผมเนี่ย เอาล่ะอาบน้ำดีกว่า
"เฮ้อ..."
ตอนนี้ผมได้แช่ตัวลงไปในอ่างอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว นึกๆไปแล้วตอนแรกนั้นผมได้อาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นนั่นแหละ อยู่ดีๆก็ต้องย้ายบ้านกลางคันตอนกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.4 พอมาถึงกรุงเทพฯ ก็ต้องซ้ำ ป.4 อีกครั้ง เนื่องจากว่าย้ายโรงเรียนกลางคัน คนในตะกูลผมนั้นหน้าของพวกเขาจะแก่ช้าเป็นพิเศษ ขนาดลุงผมที่ญี่ปุ่นอายุ 41 ปี แต่หน้ายังเหมือนคนอายุประมาณซัก 20 หน่อยๆเลย เช่นเดียวกับพ่อของผม สีผมของพ่อนั้นเป็นสีแดงทั้งหัว ที่ไม่ได้มาจากการย้อม แต่พ่อบอกว่ามันเป็นมาตั้งแต่เกิด พ่อนั้นมีความสามารถทางด้านศิลปะการต่อสู้อยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคาราเต้, ยูโด, หรือว่าจะเป็นเคนโด้ โดยเฉพาะเคนโด้นั้นพ่อจะเก่งเป็นพิเศษ พ่อแต่งงานกับแม่ได้ตอนอายุทั้งคู่อยู่ที่ 25 ปี ทั้งสองเจอกันที่ทำงาน ในตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าพวกเขาทำงานอะไร แต่ตอนนี้รู้แล้วล่ะ... แม่นั้นมีผมสีดำสนิด เคยเป็นนางแบบเมื่อตอนอายุ 21 ปี แต่เพราะมีปัญหาอะไรซักอย่างก็เลยลาออกจากวงการไป ไปทำงานอย่างอื่นแทน ส่วนแม่ของลูมนั้นพ่อก็เจอที่ทำงานเช่นกัน เธอเป็นฝรั่งผมสีทอง ลูมจึงมีผมสีทองเหมือนเธอ เธอแต่งงานกับพ่อหลังแต่งงานกับแม่ได้ ประมาณ 4-5 ปี ทางแม่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ตัวแม่เองก็ยังยิ้มรับอีกด้วย
ใกล้สอบไม่ค่อยว่างอัพนะครับพ้นสัปดาห์หน้าจะอัพรัวๆเลย
กริ๊งงงงงง! ปึก!
"ฮาวววว~" เช้านี้เช้าที่สดใสเสียจริง นับตั้งแต่วันที่สู้กับมีนา หลังจากนั้นเธอก็โทรคุยหาผมทุกวัน ประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว ทุกเช้า ทุกเที่ยง ทุกเย็น และก่อนนอน แทบไม่มีเวลาให้ผมได้พักบ้างเลย สงสัยจังว่าใครให้เบอร์ผมไปให้ยัยมีนา ถ้าเดาก็คงเป็นลูมน่ะละ
"~ทึม~ทึม~เป็าะ~..." นั่นไงไม่ทันคาดคำ
"ฮัลโหล"
"ตื่นยางงงง เร็นนนนน" เสียงมีนา
"พูดอยู่นี่นอนอยู่มั้ง"
"เย็นชาจริงๆเลยเร็นอ่ะ"
"แล้วมีอะไรว่ามา"
"คิดถึงคุยไม่ได้ออ~"
"แค่นี้นะ"
"เดี๋ยวๆๆๆๆ!" เรื่องมากวุ้ย
"มีอะไรละ"
"รู้ป่าวที่โรงเรียนเร็นอ่ะ จะมีครูใหม่เข้ามานะ" ครูใหม่งั้นรึ ช่วงใกล้เทอมสองเนี่ยนะ
"ข่าวจากไหนละ"
"ลูมอะ"
"ตอนไหน"
"เมื่อคืน"
"ทำไมมันไม่บอกฉันก่อน ฉันเป็นพี่มันนะ"
"เห็นลูมบอกว่า เร็นไม่อยากฟังเสียงใครทั้งนั้น เพราะรู้สึกหูชาจากอาการคุยมือถือมากเกิน"
"เพราะใครละ" เพราะหล่อนไง!!!
"ขอโทษ"
"แค่นี้นะ"
"บู่ๆ เย็นชาจังเร็นเนี่ย อุ่ตส่ามีสวย ดังระดับซุป..."
"กริ๊ก!" ตูรำคาญ และผมก็ได้วางสายอย่างไร้เยื่อไย ส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยชอบผู้หญิงง้องแง้งแบบนี้เท่าไหร่ ยิ่งอายุมากกว่าผมแล้วทำตัวแบบนี้เฮ้อ~~ ช่างมันเถอะ ผมก็รีบไปอาบน้ำ จากนั้นก็ไปกินข้าวฝีมือลูมเหมือนเดิม
เวลา 7:25 น. กินข้าวเช้า
"โอ๊ะ! วันนี้สเต็กปลาแซลม่อน" ผมละปลื้มจริงที่ลูมทำอาหารได้เก่งอย่างนี้
"ถ้าชอบก็อย่าทานเหลือล่ะ" ขี้บ่นวุ้ย
"คร้าบๆ" จากนั้นผมก็กินข้าวเช้าอย่างเอร็ดอร่อย พอเสร็จก็เดินไปโรงเรียนเหมือนเดิม
เวลา 8:15 น. ห้องเรียนเร็น
หลังจากเข้าแถวตอนเช้าหน้าห้องเสร็จ ก็กำลังจะเริ่มคาบแรกแล้ว วันนี้วันศุกร์คาบแรกก็ภาษาอังกฤษ จะว่าไปครูคนใหม่เนี่ยสอนคาบอะไรนะ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ ช่างมันเถอะจะเป็นใครสอนวิชาอะไร แค่อยากรู้ว่ามีพลังรึเปล่าแค่นั้น ถ้ามีพลังละก็จะให้จับมือคงยากน่าดู
ตึก ตึก ตึก
เสียงครูสอนภาษาอังกฤษคนเดิมเข้ามาในห้องเรียนแล้วพูดว่า
"เอาละทุกคนตอนนี้จะมีครูสอนวิชาภาษาอังกฤษคนใหม่มาสอนแทนครูนะ เขาอาจอยุมากกว่าพวกเธอไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ให้ความเคารพเค้ากันหน่อยละ" จากนั้นก็มีผู้ชายผมค่อนข้างยาว ผมสีดำปนแดง ดูแฮ้วนิดๆ ใส่ถุงมือข้างขวา น่าสงสัยชะมัด ดูแล้วเหมือนคนญี่ปุ่นเลย
"สวัสดีครับอาจารย์ชื่อ ซามาโนะ คิทาเกะ เรียกสั้นๆว่า อาจารย์ซาคิ แล้วกัน สัญชาติญี่ปุ่นแท้ อายุ 29 ปีครับ" แล้วอาจารย์ก็ยิ้ม
"ดูนักเลงนิดๆว่าไหม?"
"ฉันว่าเท่ดีนะ"
"อายุ 29 เองว่ะ"
"ญี่ปุ่นด้วย"
"อาจารย์ใหม่ตอนจะเทอม 2 เนี่ยนะ"
เสียงซุบซิบในห้องเต็มไปหมดผมลองมองตาเขาดู ดูเหมือนเรื่องแต่ละอย่างที่คิดในหัวนั้น เขาดูบ้าบิ่น ความคิดเขานั้นมองคนอื่นทะลุปลุโปล่งได้ เหมือนในหัวเขาคิดวางแผนตลอดเวลา ตอนนั้นเองเขาก็มองมาที่ผมเช่นกัน พนันด้วยหัวของมันา ลูม และปันเลยว่าไอ้นี่มันไม่ธรรมดา และมีความคิดคล้ายกับผมได้ตอนนี้แน่ แล้วผมก็ยิ้มบางๆ เขาก็เช่นกัน
"พักเที่ยงไปหาอาจารณ์หน่อยนะเธอนะ" ภาษาญี่ปุ่น แน่นอนเขาพูดกับผม แต่เขารู้ได้ไงว่าผมพูดญี่ปุ่นเป็น
"รับทราบครับ" ผมก็ตอบเป็นภาษาญี่ปุ่นไป ตอนนี้ทั้งห้องกำลังตกอยู่ในความเงียบ คงเพราะแปลไม่ออกว่าผมพูดอะไรกับอาจารณ์ซาคิไป
"เอาล่ะมาเริ่มเรียนกันเลยดีกว่า" จากนั้นก็เริ่มคาบเรียนคาบแรก
เวลา 12:50 น. อาคาร2 ชั้น 3
ตอนนี้ผมกำลังเดินไปที่ห้องพักครู ซึ่งไม่ได้อยู่อาคารเดียวกับอาคารผม ผมอยู่อาคาร 4 เป็นอาคารที่มีแต่นักเรียน ม.ปลาย และห้องพักเรียนของครูต่างชาติ ซึ่งที่อาจารย์ซาคิอยู่ที่อาคาร 2 และอยู่บนชั้น 3 ไม่ค่อยไกลเท่าไหร่ประมาณ 4 นาที ก็ถึงห้องพักครูแล้ว และตอนนี้ผมก็ถึงหน้าห้องพักครูแล้ว จากนั้นก็ดันประตูแล้วเข้าไป พบว่าตอนนี้คนที่อยู่ในห้องพักครูมีอาจารย์ซาคิอยู่คนเดียว ผมก็ได้เดินเข้าไปหาที่โต๊ะเขาแล้วพูดว่า
"เรียกผมมามีอะไรครับ?"
"ตอนนี้เรามาพูดภาษาญี่ปุ่นกันดีกว่า เพราะบางคำในภาษาไทยผมอาจจะไม่รู้"
"ได้ครับ" ผมตอบเป็นภาษาญี่ปุ่น
"เอาละ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า" เขาพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น แล้วกอดอก นั่งเอาขาซ้ายพาดบนเข่า
"..." ผมนั่งลงแล้วเงียบฟัง
"นี่นายจำฉันไม่ได้จริงๆเหรอ เร็น"
"ขอเวลา แป็ป" ผมก็ลองนั่งนึกดู ซาคิ...ซาคิ... อืม...
"น้าซาคิ!!" ในที่สุดผมก็นึกออก
"ในที่สุดก็นึกออกซะทีนะ"
"แล้วน้ามาทำอะไรที่นี่"
"พ่อเธอบอกให้ชั้นมาดีแลเธอชั่วคราวน่ะ"
"ทำไมละ?"
"ก็เพราะเรื่องเกี่ยวกับพลังไง ตอนนี้มันอันตรายมาก"
"ก็อะไรขึ้นครับ?"
"ตอนนี้ที่อังกฤษมีองค์กรลึกลับชื่อ New God เรียกสั้นๆว่า NG กันเป็นส่วนใหญ่ พวกนั้นมีคนเข้าร่วมองค์อยู่ประมาณ 6,000 คนรวบรวมจากทั่วโลกและกำลังมากขึ้นเรื่อยๆและที่สำคัญก็คือ หนึ่งในนั้นมีพวกมีพลังพิเศษกันอยู่จำนวนประมาณ 200 คน เปป็นจำนวนที่ค่อนข้างมากทีเดียว"
"องค์กรนี้มันมีไว้เพื่ออะไร?" ผมสงสัย
"หัวหน้าองค์กรมันเป็นพวกมีพลังพิเศษที่ไม่ได้มีความปราถนาที่จะสู้กับคนอื่นเพื่อให้ตนเป็นพระเจ้า แต่มันเลวร้ายยิ่งกว่าคือมันต้องการรวบรวมที่มีพลังพิเศษให้เป็นพวกเดียวกับมัน เพื่อยึดครองโลกแทน แล้วตั้งตนเป็นพระเจ้าองค์ใหม่โดยไม่จำเป็นต้องแข่ง"
"แล้วมันเกี่ยวข้องยังไงกับผม?"
"เกี่ยวแน่นอน"
"..."
"มันอาจจะนำตัวเธอเข้าร่วมองค์กรนี้เป็นแน่"
"น้ากับพ่อทำงานอะไรกันแน่เนี่ย"
"อันที่จริงมันเป็นความลับ แต่คงถึงเวลาที่ฉันต้องบอกเธอกับน้องเธอแล้วล่ะ"
"..."
"พวกเราเป็นตำรวจที่เหนือกว่า KGB CIA หรือแม้กระทั่ง FBI พวกเราลึกลับยิ่งกว่าใช้ชื่อว่า UNKNOW เป็นองค์ที่ตัวฉันยังไม่รู้เลยว่าสาขาหลักอยู่ไหน หน้าตาหัวหน้าเป็นอย่างไร แต่พ่อของเธอนั้นเป็นถึงรองหัวหน้าเลยทีเดียว"
"นี่คือสาเหตุที่พ่อไม่ค่อยได้กลับบ้านใช่มั้ย"
"ใช่"
"อืม ก็พอเข้าใจอยู่นะ"
"ที่สำคัญตระกูลของพวกเรานั้นทำงานพวกนี้มาอยู่แล้ว และมีความลับของตระกูลอีกอย่างที่เธอต้องรู้ด้วยตนเองทั้งฉันและพ่อเธอไม่อาจบอกเรื่องนี้กับเธอได้ ได้แค่อธิบายเพิ่มเติมตอนเธอรู้ด้วยตนเองแล้ว"
"ทำไมครอบผมมันลึกลับจังฟะ!"
"ตอนแรกฉันก็คิดแบบเธอ"
"แล้วน้าเป็นพวกมีพลังด้วยรึเปล่า?"
"ใช่" แล้วเขาก็ถอดถุงมือโชว์ฝ่ามือขวาของตนเอง มันเป็นสัญลักษณ์แปลกๆแท่งตรงกลางยาวๆ แล้วมีอีก 2 แฉกทั้งซ้ายและขวา
"แล้วพลังของน้าคืออะไร"
"ยังบอกไม่ได้หรอก เดี๋ยวเอาไว้ถึงเวลาน้าจะแสดงให้เธอดูเอง"
"ช่างเหอะ เอาเป็นว่าน้าพักที่ไหนเนี่ย คงไม่ใช่บ้านผมหรอกนะ?"
"ฮ่าๆๆ ไม่ใช่หรอก พวกเธอน่ะต้องย้ายมาอยู่บ้านที่องค์จัดเตรียมให้กับฉัน" เขาพูดพร้อมเอานิ้วโป้งชี้หน้าตนเอง
"ไกลไหม"
"เลิกเรียนแล้วเก็บเสื้อผ้ากับแปลงสีฟันมาก็พอ เดี๋ยวฉันขับรถมารับที่หน้าบ้าน"
"ผมถามว่าไกลไหม?"
"ไม่เท่าไหร่"
"ใหญ่ป่ะ?"
"เดี๋ยวก็รู้ หึๆ"
"มีผู้หญิงป่ะ?" ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"มีดิเยอะนิดหน่อยด้วย"
"เดี๋ยวกลับไปจะรีบเตรียมเสื้อผ้าโดยด่วน อ่อ! แล้วผมก็มีคำถามสุดท้ายสองข้อ"
"ว่ามา"
"ทำไมน้าถึงคนละนามสกุลกับผม และทำไมน้ารู้ได้ว่าผมมีพลัง?"
"ข้อแรกตระกูลเรามีทั้งหลักและย่อย ฉันอยู่ทางย่อยส่วนนายกับน้องอยู่หลัก ข้อสองพ่อนายส่งคนมาจับตาดูนาย แต่ถึงหยั่งงั่นก็ไม่ได้รู้พลังที่แน่ชัดของนาย ณุ้แต่คนที่อยู่รอบข้าง"
"เป็นองค์ที่ของสอดเรื่องคนอื่นเค้าซะจริง"
"วันนี้พอแค่นี้นายออกไปได้แล้ว"
"บ๊ายบาย" ผมโบกมือแล้วก็เดินออกไปจากห้องพักครู
เวลา 16:10 น. ระหว่างเดินทางกลับบ้าน
ตอนนี้ผมได้อธิบายทุกอย่างให้ลูมฟัง ตอนนี้ลูมตกใจนิดหน่อย แต่ก็ปรับตัวเข้าใจสถานการณืได้อย่างรวดเร็วเพราะความจำเป็น
"พี่อำผมป่ะ?"
"เอาปืนมาจ่อหัวได้เลย"
"แล้วแม่ของพวกเรารู้เรื่องนี้ป่ะเนี่ย"
"นั่นดิ"
พ่อเค้าแต่งงานกับแม่ของลูมโดยตั้งแต่ยังไม่เลิกกับแม่ของผม แต่แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมอยากรู้จริงๆว่าพ่อของผมมีดีอะไร เมื่อ 2 เดือนก่อนคุณแม่ของผมและลูมไปฮันนีมูนพร้อมกับคุณพ่อที่รัสเซีย บอกว่าจะไปซัก 3 เดือนเดี๋ยวกลับมา
เวลา 16:50 น. หน้าบ้าน
ตอนนี้พวกเราได้จัดเตรียมของเสร็จแล้ว ไม่รู้ต้องอยู่นานเท่าไหร่ ผมกับลูมเอาแค่ชุดนักเรียนทุกตัวที่มี พร้อมกับชุดนอน 2 ชุด ชุดอยู่บ้านอีก 2 ประมาณว่าตอนนี้พวกเรามีกันคนละ 1 กระเป๋าใหญ่ และ 1 กระเป๋าเล็ก
เอี้ยด! ทันใดนั้นก็มีรถ Audi คันหนึ่งมาจอดหน้าบ้าน (http://www.audi.co.th/sea/brand/th/models/q7/audi_q7.html) แล้วก็เปิดกระจกรถลงมา ก็เห็นหน้าน้าซาคิใส่แว่นกันแดดยิ้ม แล้วก็พูดว่า
"เอาของขึ้นรถได้เลย เดี๋ยวป๋าไปส่ง!"
ไม่ทันขาดคำผมและลูมก็เปิดกระโปงหลังรถเอาของใส่ พอใส่เสร็จแล้วก็ปิดกระโปงหลังแล้วขึ้นกันไปที่เบาะกลาง จากนั้นน้าซาคิก็เหยียบคันเร่งออกตัว
"รถหรูดีนี่ครับ" ลูมพูด
"ใช่ไหมล่ะ"
"องค์กรนี้สิ้นเปลืองเงินโดยแท้" ผมบ่น
"เฮ้ย! อย่าพูดหยั่งนั้นดิ! ขนาดหนังเรื่อง เจมส์ บอนด์ 007 ทุกภาคมันก็ต้องมีรถใหม่ๆหรูๆอยู่เสมอเลยนะ"
"เอิ่ม... ไม่ได้อยากจะเถียงหรอกนะครับ แต่มันจบด้วยการพังทุกคันเลยไม่ใช่เหรอ" ลูมพูด
"น้าครับ... โปรดขอคำพูดที่ฟังแล้วอุ่นใจแก่พวกเราด้วย" ผมชักรู้สึกไม่ดีแล้วซิ
"ชั้นขับมาหลายปีแล้วมีประสบการณ์พอตัวเลยนะ!" นั่นเหรอคำพูดอุ่นใจ
"แต่นี่มันตัวใหม่ของ Audi ไม่ใช่เหรอ เคยขับมาหลายปี แล้วตัวก่อนๆอะ" ผมพูดเพราะมันเป็นความจริง
"ก็น้ามาที่ไทยไง ก็เลยเอารถของฉันมาไม่ได้" ขี้อ้างว่ะ
"แต่งบขององค์กรณ์มีรถให้ฟรีๆแบบนี้ก็ขนย้ายรถมาจากบ้านน้าไม่ได้เหรอ" ฃูมเถียง
"อะ...เอ่อ ก็แบบว่า... น้าลืมอ่ะ ฮะๆๆๆ!" น้าหัวเราะยิ้มแห้งๆ
"พวกเราขอลงจากรถได้ไหม" ผมเรียกร้อง
"อย่าทำร้ายจิตใจกันอย่างงั้นดิ ตอนนี้จะถึงแล้วเนี่ย!"
"พี่เร็นตอนนี้เรามาสวดภาวนากันเถอะ"
"ก็ดีนะ"
"ไอ้เจ้าพวกนี้!"
เวลา 17:05 น. หน้าบ้านน้าซาคิ
ตอนนี้ก็ถึงหน้าบ้านแล้ว แต่ไม่รู้จะเรียกว่าหน้าบ้านดีไหม เพราะมันคือคฤหาสน์โคตรใหญ่ ทั้งผมและลูมตาค้างเลยทีเดียว แถมมีแม่บ้านใส่ชุดเมดเปิดประตูรั้วให้ด้วย แถมยั้งมีพ่อบ้านเป็นคนสวนอีกต่างหาก ในพื้นที่นี้ประกอบไปด้วยบ้านยอ่ยขนาดเล็กอีก 2-3 หลังแยกออกไป
"โอ้ว! นี่ซิใหญ่จริง" ผมกับลูมพูดพร้อมกัน
พอรถขับไปได้ซักพักนึงจนถึงหน้าคฤหาสน์น้าซาคิก็จอดหน้า แล้วจากนั้นก็มีพ่อบ้านเปิดประตูหลัง 2 คนช่วยกันถือกระเป๋า แล้วมีแม่บ้านอีก 3 คนช่วยประตูทั้งฝั่งผมและลูม และก็ฝั่งน้าซาคิ ตอนน้าเดินลงมาจากรถ น้าก็ยื่นกุญแจให้พ่อบ้านคนหนึ่ง แล้วพ่อบ้านคนนั้นก็หยิบกุญแจขับรถไปที่ลานจอด
"มัวยืนเหม่ออะไรอยู่ล่ะ เข้ามา" น้าซาคิเรียก
จากนั้นผมก็เดินเข้าคฤหาสน์ตามน้าไป ข้างในก็ใหญ่หรูเลิสอลังกาล อยากรู้จริงๆเลยว่ามันมีกี่ห้องกันแน่เนี่ย ตอนนี้น้าซาคิก็พาเดินไปห้องที่จำเป็นก่อน เช่น ห้องฟิตเนส, ห้องอาหาร, โรงหนังส่วนตัวขนาดย่อม, ห้องน้ำ, ห้องคอม แล้วก็ห้องอื่นๆอีกมากมาย
"และนี่คือห้องน้า ห้องของพวกเธอ 2 คนอยู่ตรงข้าม ฝั่งซ้ายของเร็น ฝั่งขวาของลูม โอเค้?"
"ถ้าผมหลงอ่ะ คฤหาสน์นี้มันใหญ่กว่าโรงแรมอีกมั้งเนี่ย?" ผมพูด
"ในห้องมี GPS เฉพาะสำหรับภายในคฤหาสน์นี้"
"สุโข่ย" ลูมเอ่ยขึ้น
"ตอนนี้พวกเธอสองเข้าเข้าห้องไปอาบน้ำกันได้แล้ว 6 โมงครึ่ง เรามีนัดมาเจอกันที่ห้องอาหาร"
ตอนนี้ผมกับลูมต่างก็เข้าห้องของตนเองไป ภายในห้องของผมนั้นเป็นสีขาว-ดำ สไตร์โมเดิล ขนาดประมษณห้องราคาแพงสุดในโรงแรม 5 ดาว มีจอทีวี LED 42 นิ้วแบบตั้งโต๊ะ พร้อมระบบโฮมเทียเตอร์ พื้นเป็นพรม เตียงคู่สีขาวดำ ผ้าห่มเป็นสีขาวนุ่มมาก คงเป็นขนสัตว์ ตอนนี้พวกเราอยู่ชั้น 3 กัน ห้องฝั่งที่ผมอยู่นั้นติดหน้าต่าง มองออกไปเป็นฝั่งริมของคฤหาสน์เลย ลองเปิดลิ้นชักใต้ทีวีดูก็เห็นกระดาษจดเบอร์เหมือนโรงแรมเลย และก็มีเครื่อง GPS ที่ใช้เฉพาะในคฤหาส์อีกด้วย มีตู้หนังสืออยู่แต่ไม่ใหญ่มาก หน้าต่างกับตู้เสื้อผ้าใช้ระบบรีโมต ผมลองกดีโมตของตู้เสื้อผ้าดู ตู้เสื้อผ้าที่ติดผนังมันก็ยื่นออกมาประมาณ 5 ม. แต่ความสูงไม่เพิ่มขึ้น มันสูงประมาณ 6 เมตร ผมลองกดปุ่ม Open ดู จากนั้นประตูตู้ค่อยๆเปิดออก และข้างบนก็มีไฟติดด้วย ข้างในลึกกว่าเดิมอีกเยอะ ข้างในแยกชุดไว้เป็นหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นชุดนอน, ชุดกีฬา และชุดต่างอีกมากมาย ผมอยากรู้จริงเลยว่าทำไมเขารู้ไซของผม แต่ข้างในสุดมีที่ว่างสำหรับใส่ชุดของผม และมีตู้เล็ก 2 ตู้ข้างล่างใส่กางเกงในไว้อยู่ แถมมันยังมีตั้ง 24 สีเรียงกันอยู่! โอ้แม่เจ้ามันคิดว่าผมจะใส่มันวันละสีรึไง ผมก็เดินออกมาจากตู้แลเวกด Close ประตูก็ปิดลงแล้วค่อยๆกลัยสู่พนังเหมือนเดิม ต่อจากนั้นผมก็เข้าไปเปิดประตูห้องน้ำชักโครกเป็นแบบญี่ปุ่น อ่างล้างหน้ากว้างมาก แถมมีกุชชี่อีกด้วย แชมพูและสบู่เนี่ยมีให้ประมาณ 10 ยี่ห้อ สงสัยมันจะบ้าไปแล้ว ลองสังเกตุดีก็พบช่องโยนเสื้อผ้า อยู่ข้างอ่างล้างมือ มันมีอะไรที่ทำให้ผมอึ้งอีกไหมห้องของผมเนี่ย เอาล่ะอาบน้ำดีกว่า
"เฮ้อ..."
ตอนนี้ผมได้แช่ตัวลงไปในอ่างอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว นึกๆไปแล้วตอนแรกนั้นผมได้อาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่นนั่นแหละ อยู่ดีๆก็ต้องย้ายบ้านกลางคันตอนกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.4 พอมาถึงกรุงเทพฯ ก็ต้องซ้ำ ป.4 อีกครั้ง เนื่องจากว่าย้ายโรงเรียนกลางคัน คนในตะกูลผมนั้นหน้าของพวกเขาจะแก่ช้าเป็นพิเศษ ขนาดลุงผมที่ญี่ปุ่นอายุ 41 ปี แต่หน้ายังเหมือนคนอายุประมาณซัก 20 หน่อยๆเลย เช่นเดียวกับพ่อของผม สีผมของพ่อนั้นเป็นสีแดงทั้งหัว ที่ไม่ได้มาจากการย้อม แต่พ่อบอกว่ามันเป็นมาตั้งแต่เกิด พ่อนั้นมีความสามารถทางด้านศิลปะการต่อสู้อยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคาราเต้, ยูโด, หรือว่าจะเป็นเคนโด้ โดยเฉพาะเคนโด้นั้นพ่อจะเก่งเป็นพิเศษ พ่อแต่งงานกับแม่ได้ตอนอายุทั้งคู่อยู่ที่ 25 ปี ทั้งสองเจอกันที่ทำงาน ในตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าพวกเขาทำงานอะไร แต่ตอนนี้รู้แล้วล่ะ... แม่นั้นมีผมสีดำสนิด เคยเป็นนางแบบเมื่อตอนอายุ 21 ปี แต่เพราะมีปัญหาอะไรซักอย่างก็เลยลาออกจากวงการไป ไปทำงานอย่างอื่นแทน ส่วนแม่ของลูมนั้นพ่อก็เจอที่ทำงานเช่นกัน เธอเป็นฝรั่งผมสีทอง ลูมจึงมีผมสีทองเหมือนเธอ เธอแต่งงานกับพ่อหลังแต่งงานกับแม่ได้ ประมาณ 4-5 ปี ทางแม่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ตัวแม่เองก็ยังยิ้มรับอีกด้วย
ใกล้สอบไม่ค่อยว่างอัพนะครับพ้นสัปดาห์หน้าจะอัพรัวๆเลย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น