ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Emulate ตำนานพระเจ้าองค์ใหม่

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3- เจ้าหญิงหิมะ (100% complete)

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ย. 55


    เวลา 4:30 น.

       ตอนนี้ผมกำลังเดินกลับบ้านกับน้อง แล้วนน้องก็ถามผม

    "พี่วันนี้พี่ไปมีเรื่องชนะกับรุ่นพี่ปันเหรอ"

    "อ้อ! นายรู้ได้ไง"

    "นี่พี่ไม่รู้เหรอว่า รุ่นพี่เขาเป็นถึงหัวหน้าแก๊ง RRM ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ นะ!"

    "ใครจะไปรู้ฟะ! แต่เขาเป็นคนมีหลังแบบพวกเรานะ"

    "พอชนะแล้วเป็นไงอะ"

    "วิธีแพ้มันมีอยู่ 3 แบบใช่ป่ะ ตอนแรกมันก็ถามว่าขอยอมแพ้ได้ไหม แต่ฉันก็ไม่ให้มันยอมแพ้ ให้มาช่วยฉันจัดการกับคนอื่นๆ แถมยังได้มันมาเป็นเพื่อนอีก"

    "สุโข่ย" ถึงจะมันจะพูดอย่างนั้น แต่มันก็ทำหน้านิ่งๆ ไม่สบอารมย์เลย

        ตอนนี้ผมก็เดินต่อไปเรื่อยๆ และแล้วพวกเราก็ถึงบ้านกัน พวกเราอาบน้ำเสร็จก็มากินข้าว แล้วกับข้าวนั้นก็ฝีมือของน้องผมอีกนั่นละ แต่มันทำเก่งจริงๆเลย ต้องยอมรับ แล้วผมก็ไปเปิดทีวี จากนั้นก็กินข้าวพร้อมกับลูม

    "ลูม วันนี้ที่โรงเรียนเป็นไงมั่ง" ผมถาม

    "ก็ขยับไม่ได้ เพราะโรงเรียนไม่มีขา"

    "กวนละ ถามดีๆก็ตอบดีๆซิฟะ"

    "ก็เหมือนๆกับทุกวันไม่มีอะไรพิเศษ ที่ต่างจากเดิมก็แค่ทุกคนเอาแต่พูดถึงเรื่องพลังกัน"

    "มีใครในห้องนายมีพลังไหม"

    "ไม่มีซักคน มีผมคนเดียว"

    "แล้วมีใครรู้ไหม"

    "ไม่มี"

    "งั้นก็ดีแล้วละ" มันจะดีมากจากไม่มีใครรู้ว่าน้องผมมีพลัง มันอาจทำให้เพื่อนมันหลายคนตีตัวออกห่างจากมัน

       พอผมกินข้าวได้ซักพักก็มีเสียงจากผู้ประกาศข่าวทีวีดังขึ้น

    "ตอนนี้เราพบผู้ที่มีพลังพิเศษในไทยแล้ว 1 คนค่ะ เธอคือมีนา ดาราสาวอายุ 19 ปี เราไปสัมภาษณ์เธอกันดีกว่าค่ะ"

    "ค่ะ! ฉันชื่อมีนานะค่ะ หลายๆคนคงรู้จักฉันอยู่แล้ว ตอนนี้กำลังศึกษาในระดับมหาวิทยาอยู่ค่ะ" มีนานั้นหน้าตาเธอค่อนข้างสวยมากทีเดียว ผมยาวสีขาว ตาของเธอคมมาก หน้ายาวนิดๆ ผิวขาวเนียน ปากค่อนข้างบางอมชมพู แต่ดูเจ้าเล่นิดๆแหะ

    "แล้วพลังพิเศษของคุณละค่ะ"

    "ไม่บอกหลอกค่ะ เก็บไว้เป็นความลับ เพราะถ้าฉันพูดออกไปมันก็เสียเปรียบคู่แข่งคนอื่นๆนะซิ"

    "ค่ะ และนี่คือบทสัมภาษณ์ของมีนา..." บลาๆๆๆ ขี้เกียจฟังแล้ว

    "พี่"

    "อะไร"

    "ปลื้มเธอเหรอ"

    "ก็นิดหน่อย หน้าตาเธอค่อนข้างจัดเป็นระเบียบดี แต่ลึกๆนั้นดูเหมือนจะเจ้าเล่ห์มากทีเดียว"

    "ยังดูคนเก่งเหมือนเดิมนะ"

    "หึๆ" ก็ไม่รู้เพราะอะไรแต่นี่อาจเป็นความสามารถพิเศษของผมก็ได้มั้ง ผมดูคนเก่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

    "รู้รึเปล่ามามีนาเขาจะมีโรงเรียนเรา"

    "ทำไมอะ"

    "เธอเคยเป็นเด็กนักเรียนที่นี่ แล้วก็เธอจะใช้ที่โรงเรียนเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังด้วย"

    "หวังว่าฉันคงไม่ต้องสู้กับเธอนะ"

    "ผมก็หวังไว้อย่างนั้นเช่นกัน"

    "นายน่ะ หาแฟนได้ยัง"

    "ยัง ถามทำไม"

    "ก็นายออกจะป็อปนี่นา ทั้งในหมู่รุ่นพี่ รุ่นน้อง และรุ่นนาย"

    "ผมไม่ได้มีความรู้สึกชอบใครซักคนในตอนนี้"

    "เอาละ! นายไปนอนได้ละ วันนี้ฉันล้างจาน" แล้วผมก็หยิบจานทุกใบบนโต๊ะมาวางไว้บนอ่างล้างจาน

    "อืม" แล้วน้องผมก็ล้างมือแล้วเข้าห้องนอนไป

       ระหว่างล้างจานอยู่ ผมก็ได้คิดในใจบางอย่างขึ้น ว่าพรุ้งนี้ผมคงต้องเพิ่มพลังมาอีกหนึ่งแล้วละ แล้วผมก็ยิ้มออกไป

    วันรุ่งขึ้น ที่โรงเรียน เวลา 9:45 น.

       ตอนนี้ผมกำลังเรียนคาบ 2 อยู่ผมมองออกไปที่หน้าต่างพบว่าตอนนี้ ตอนนี้พวกถ่ายหนังกำลังจัดเตรียมของกันอยู่หน้าโรงเรียน แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่งใส่หมวกแก็บ แล้วนั่งอ่านกระดาษอะไรบางอย่างอยู่ใต้ร่ม เป็นกระดาษปึกค่อนข้างหนานิดนึง ผมว่านั่นต้องเป็นบทหนังแน่ๆ แล้วดูจากสภาพแวดล้อม มีพวกพี่เลี้ยงมาหยิบน้ำให้ดื่มอีกด้วย พอจะสรุปได้ว่าเป็นมีนา

    "โอ้ย!" ผมร้องขึ้นมา ผมก็พบว่ามีช็อกตกอยู่

    "นายเร็นจิ วิชาของฉันมันน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ" อาจารย์สอนภาษาอังกฤษเป็นผู้ชายหัวล้าน ได้ถามผม

    "ก็คงงั้นมั้งครับ"

    "งั้นลองแปลบทความหน้า 72 หน่อยซิ" พอจากนั้นผมก็ยืนขึ้นแล้วอ่าน

    "ในคืนที่จันทราส่องแสง ข้าพเจ้าได้อธิฐานก่อนนอนไว้ว่า..." บลาๆๆ (พอดีมันยาว)

    "เธอก็เรียนเก่งนิ แต่ทำไมไม่หัดสนใจในการเรียนมั่ง"

    "คร้าบๆ"

    "ครับคำเดียวก็พอ!"

    เวลา 12:50 น. โรงอาหาร

       ตอนนี้ผมกำลังกินอาหารที่โรงอาหาร ทุกสายตาจ้องมองมาที่ผม เหตุเพราะว่าเจ้าปันมันมานั่งโต๊ะเดียวกับผมพร้อมกับแก๊งของมันยืนเฝ้าล้อมหยั่งกับบอดี้การ์ด แล้วผมก็พูดกับปัน

    "ปัน"

    "อะไร"

    "ขอถามคำถามซักคำถามดิ"

    "ว่า"

    "เอาไอ้พวกนี้มายืนล้อมไว้ทำตื้ดอะไร"

    "ก็ไม่ได้ขอ มันมาเอง"

    "งั้นก็ไล่ดิ"

    "ไม่เอา"

    "ทำไมวะ"

    "มันไม่ครึม"

    "แต่ตูอาย!"

    "อายทำไมวะ คนกันเอง"

    "เอ็งก็ดูรอบๆโรงอาหารดิวะ! มันมองกันมาทางนี้เป็นจุดเดียวเลย"

    "ใครสน"

    "ไอ้หล่อที่นั่งอยู่ตรงนี้"

    "ไหนวะ"

    "กวนเหรอ"

       แล้วผมก็หยุดคุยจะเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นเรื่องอื่นแทน แล้วผมก็ได้เริ่มบทสนทนาใหม่

    "นายว่ามีนามีพลังพิเศษอะไร"

    "ไม่รู้ซินะ แต่ฉันว่าคงไม่ใช่สายบุกแบบฉันหรอก"

    "ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เธอคงสู้แบบเน้นระยะห่าง"

    "แต่อย่าประมาทละ"

    "ของมันแน่อยู่แล้ว"

    "เร็น นายจะบอกได้รึยังว่าพลังนายคืออะไรกันแน่"

    "วันนี้ฉันบอกแน่จะแสดงให้ดูเลย แล้วตอนเย็นนายตามฉันมาด้วย"

    "ได้ซิ"

       ตอนนี้ผมได้มองออกไปนอกโรงอาหารก็ได้เห็นว่ามีคนรุมล้อมขอลายเซ็นมีนาอยู่ จากนั้นผมก็โชว์ฝ่ามือขวาของตนเองให้มีนาดู เธอก็หันมามองมาแล้วเธอก็ยิ้ม แล้วเธอก็ขยับปากประมาณว่า

    ตอน...เย็น...เจอ...กัน

       แล้วผมก็ยิ้มกลับไปกินข้าวต่อบอกกับปันว่า

    "ฉันส่งสารท้ารบไปแล้ว"

    "ฉันขอลงสู้ก่อนนะ" ปันยิ้มพร้อมเอากำปั้นสองข้างของตนเองชนกัน

    "ถ้าคุณกล้าขอ เราก็กล้าให้"

    "จัดไปอย่าให้เสีย" เสียงของลูมอยู่ข้างๆผม

    "นายมาตอนไหนเนี่ย"

    "เมื่อกี้ด้วยพลังของผม"

    "นั่นใครน่ะ เร็น" ปันถาม

    "น้องของฉันเอง ชื่อลูม พลังคือการสร้างสายฟ้า"

    "ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่ปัน" ลูมยิ้ม

    "ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน" ปันก็ยิ้ม

       ดูบรรยากาศตอนนี้เหมือนว่าทั้งสองคนอยากจะสู้กันมากเลย ผมเลยจำเป็นต้องพูดตัดบท

    "ฉันรู้นะ ว่าพวกนายสองคนกำลังคิดอะไรกันอยู่ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เราจะมาสู้กันเองนะ"

    "ใครสนฟะ!" ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน แล้วก็ยิ้มอย่างเหี้ยม

    "เฮ้อ... มีปัญหาเพิ่มขึ้นอีกแล้ว"

    เวลา 16:00 น. เวลาเลิกเรียน ณ หลังโรงเรียน

       ตอนนี้ผมกำลังอยู่นั่งตรงบันไดตึกอยู่หลังโรงเรียน พร้อมกับลูมและปันทั้งสองคนตอนนี้กำลังกัดกันอยู่

    "เฮ้ย! ไอ้น้อง! ปวกเปียกอย่างแกสู้คนอื่นไหวเหรอ" ปันพูด

    "แล้วรุ่นพี่ละครับ ใช้หมัดอย่างเดียว ถ้าไม่ใช้สมองเดี๋ยวก็แพ้หรอก..."

    "จะเอาเหรอ"

    "ลองไหมละครับ"

       แล้วทั้งสองก็ยืนขึ้นแล้วก็กำลังจะฟัดกัน แล้วผมก็ตะโกนขึ้นมาว่า

    "ทั้งสองคนหยุด!"

    "อะไร!" ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน

    "เธอมาแล้ว"

       แล้วมีนาค่อยๆเดินมาหาพวกเรา บรรยาการรอบตัวพวกเราตอนนี้ค่อยๆเย็นลงเรื่อยๆ

    "พวกเธอคลื้นเครงกันดีจังนะ" มีนาพูดพร้อมยิ้ม

    "มันก็เพิ่งเป็นแบบนี้ไม่นานหรอก เดี๋ยวพวกฉันแนะนำตัวก่อนละกันฉันชื่อเร็นจิ เรียกว่าเร็นก็ได้ อยู่ม.5"

    "ผมชื่อลูมครับ เป็นน้องของพี่เร็น ถึงแม้จะคนละแม่ก็เถอะ อยู่ ม.3"

    "มิน่าสีผมถึงไม่เหมือนกัน" มีนาพูด

    "ชั้นชื่อปัน เป็นหัวหน้าแก๊งที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ อยู่ ม.6"

    "ชั้นคงไม่ต้องแนะนำตนเองแล้วซินะ แล้วใครจะเข้ามาก่อนละ" มีนาถาม

    "ชั้นก่อน" แล้วปันก็เดินออกไป แล้วตอนนี้ผมกับลูมนั่งดูปันที่กำลังจะสู้กับมีนา

    "ย้ากกก!" ปันปล่อยหมัดโดยไม่รีรอ แล้วจากนั้นมีนาก็กระโดถอยหลังอย่างรวดเร็ว และก็มีเสาน้ำแข็งก้อนใหญ่ขึ้นมาจากดิน

    เพล้ง! เสาน้ำแข็งแตกละเอียด

    "ถ้าโดนหมัดนั้นคงเจ็บหน้าดู" มีนาพูดพร้อมยิ้ม แล้วจากนั้นก็มีเล็ดน้ำแข็งจากร้อยอันพุ่งใส่ปัน

    ฉึกๆๆๆๆๆๆ! ปันตอนนี้ได้แต่ตั้งรับ แขนของกันเริ่มมีเลือดออก

    พรึบ!! ตอนนี้เสาน้ำแข็งได้ห่อหุ้มร่างของปัน ตอนนี้ปันถูกแช่แข็งอยู่ในเสาน้ำแข็ง

    เปรี๊ยๆ! ลูมได้พุ่งเข้าไปหามีนาอย่างรวดเร็ว เมื่อกี้เธอโชคดีมาก เพราะลูมนั้นเป็นค่อยที่ไม่ค่อยแม่นเท่าไหร่

    "เร็วหน้าดูเลยนี่เจ้าหนูสายฟ้า" มีนาพูดพร้อมยิ้ม แล้วก็สร้างหอกน้ำแข็งฟันที่หน้าลูมอย่างเฉียดฉิว ที่หน้าลูมตอนนี้มีเลือดออกหน่อยๆ

    เคร้งๆ! เปรี๊ยๆ!

       ตอนที่ระหว่างพวกนั้นกำลังสู้กันอยู่ผมเริ่มวิเคราะห์ความสามารถของแต่ละคน สาเหตุที่ลูมตอนนี้เร็วมากเพราะว่า มันสร้างไฟฟ้าห่อหุ้มร่างกายเชื่อมกับ อะตอมทีี่มีอยู่ในอากาศ ถ้าดูดีๆอากาศรอบๆตอนนี้ถึงแม้จะเย็นหน่อยๆ แต่ก็รู้สึกถึงไฟฟ้าสถิตบางๆอยู่เต็มไปหมด นั่นทำให้เวลาเคลื่อนที่ของลูมนั้นเร็ว ว่าง่ายๆคืออะตอมในอากาศนั้นเป็นตัวไฟฟ้าที่อยู่รอบๆลูมดึงไปมาตามความคิดลูม นี่มันความเร็วเสียงเลยนะเนี่ย

    "ถ้ากันได้งั้นเจอนี่หน่อยไหมละครับ!" ลูมได้ปล่อยไฟฟ้าขนาดค่อนข้างใหญ่พุ่งไปยังมีนา

    ปัง! เสียงเหมือนฟ้าฝ่าเปี้ยบเลย จากนั้นควันก็ฟุ้งไปหมด

    "เป็นไงละ!" ลูมพูด

       จากนั้นควันก็ค่อยๆจางลงที่ผมเห็นคือกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่ ประมาณ 4 ม.

    "เกือบไปแล้วไหมละเจ้าหนู" มีนาพู

    จากนั้นก็มีกำปั้นน้ำแข็งชกไปที่ลูม

    ผลัก! ตุบๆ! ลูมกระเด็นไปค่อนข้างไกลทีเดียว จากนั้นผมก็แว๊บไปที่ๆลูมอยู่ แล้วก็อุ้มมาให้นั่งตรงบันได

    "แฮ่กๆ ผมยังไหวอยู่นะ" ลูมพูด

    "นายหอบแล้วนะรู้ไหม เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง" ผมปลอบลูม

       แล้วจากนั้นผมก็ค่อยเดินไปหามีนา แล้วพูดว่า

    "ช่วยละลายเสาน้ำแข็งที่ไอ้ยักษ์อยู่ได้ไหม"

    จากนั้นน้ำแข็งค่อยๆละลายลง

    "บรื๋อ! หนาววุ้ย!" ปันตัวสั่นแล้วจากนั้นก็นั่งกอดอกที่พื้นพร้อมดูผมสู้

    "ทีนี้เริ่มได้ยังละ" มีนาถาม

    "คุณได้สิทธ์นั้นเดี๋ยวนี้"

    เปรี๊ยๆ! ผมได้ปล่อยไฟฟ้าให้อยู่เต็มอากาศ

    "หืม..." เธอได้ทิ้งระยะห่างจากผมประมาณสามก้าว แล้วเธอก็ยิงเกล็ดน้ำแข็งหลายร้อยอันมาที่ผม

    เปรี๊ยๆ! ผมได้พุ่งไปอยู่ข้างบนหัวเธอ แล้วก็ชกลงมา แต่เธอกระโดดหลบถอยหลังทัน

    ตูม! พื้นหลุมกว้างประมาณ 1 ม. เลยทีเดียว

    "มันยังไงกันแน่เนี่ย" มีนาถาม

    "ดูๆไปเดี๋ยวเธอก็รู้" ผมยิ้มแล้วตอบ

       ฉึกๆๆๆๆ! ตอนนี้เสาน้ำแข็งแหลมๆ หลายอันขึ้นมาจากดินมาเพื่อแทงผมโดดเฉพาะผมต้องกระโดดซิกแซกหลบข้าง แต่ก็พยายามไม่ถอยหลัง เพราะเธอจะได้เปรียบ

    "ดิ้นเก่งนักนะ!" ตอนนี้เธอเริ่มขมวดขึ้น แล้วชูมือขึ้น แล้วก็มีค้อนใหญ่มากหล่นมาทุบผม

    ตูม! ค้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่แตกละเอียด เพราะผมได้ชกไป

    เปรี๊ยๆ! ผมได้แว้บไปข้างหลังเธอแล้วเอามือแตะหลัง

    จี้ด! ตึง! นี่เป็นการช็อตเบาๆเพียงแค่ให้คู่ต่อสู้ล้มลง ทำให้ตัวชาแต่ไม่ถึงกับสลบ ตอนนี้เธอได้คุกเข่าลงไป แล้วผมก็ไปยืนอยู่ข้างหน้าเธอ

    "ฉันแพ้แล้ว" เธอเอ่ยขึ้นมา

    "ฉันไม่ให้แพ้ เธอต้องมาเป็นพวกฉันร่วมสู้กับคนอื่นร่วมกับฉัน" แล้วผมก็ยื่นมือขวาให้เธอ

    "จะแอบแต๊ะอั๋งเหรอ" เธอพูด

    "ก็ไม่เชิงหรอก" แล้วเธอก็ได้ใช้มือขวาจับมือขวาผม แล้วแสงที่มือก็ออกมา สัญลักษณ์รูปเกล็ดน้ำแข็งได้ขึ้นมาที่หลังถัดจากท้ายทอย ถัดจากรูปกำปั้น

    "เมื่อกี้มันอะไรนะ" เธอถาม

    "พลังของผมไง"

    "อย่างนี้นี่เอง" เธอยิ้ม แล้วเธอก็พุ่งขึ้นมาจูบผม

    "เฮ้ย!!!!" ไอ้สองคนที่หมดสภาพร้องขึ้นพร้อมกัน

    "รักษาไว้ให้ดีนะ จูบแรกของฉัน" เธอยิ้มและหน้าแดง

    "ชะ...เช่นกัน" ตอนนี้ผมหน้าแดง

       จากนี้ไปผมคงต้องเจอเรื่องแปลกใหม่ทุกวัน แต่การมีพลังนี่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรซักเท่าไหร่ แถมยังได้เพื่อนและ... ช่างมันเถอะ วันพรุ้งนี้ก็คงมีเรื่องดีๆแบบวันนี้ละนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×