ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เปิดแฟ้มตำนานช็อก

    ลำดับตอนที่ #14 : เปิดตำนานผีดูดเลือด

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 49


    บราห์ม สโตรกเกอร์คือผู้เขียนนวนิยายสยองขวัญเกี่ยวกับผีดูดเลือดมันเป็นเรื่องประหลาดที่เขาเขียนเรื่อง
    นี้ขึ้นโดยมิได้เคยเดินทางไปยังเทือกเขาคาร์เพเทียนในรูมาเนียอันเป็นถิ่นกำเนิดของตำนานผีดูดเลือดอัน
    น่าสะพรึงกลัว ท่านเคานต์ แดร็คคิวลา จอมผีดิบผู้มีปราสาทพำนักอยู่บนเทือกเขาคาร์เพเทียนและแบล็ค
    ฟอเรสท์ (ป่าดำ) ที่แม้ปัจจุบันก็ยังคงเป็นที่หวงห้ามและไม่พึงจะไม่เข้าไปวอแวของชาวรูมาเนีย แต่กลับ
    มีนักท่องเที่ยวหลั่งใหลมาเที่ยวชมตำนานผีดูดเลือดกับปีละมากๆ ทำให้สินค้าพื้นเมืองขายดิบขายดีกันตลอด
    ปีตามไปด้วยบราห์มวาดภาพท่านเคานต์ไว้ว่าเป็นชายแก่ที่มีดวงตาแข็งกร้าว ปากมีสีแดงสด มีเขี้ยวคม
    ขาววับงอกโผล่พ้นริมฝีปากออกมาสวมชุดสีดำสวมเสื้อคลุมดำมีชีวิตอยู่ด้วยการดูดเลือดสดๆ จากคอของ
    เหยื่อมีอายุยืนยาวมากว่า 400 ปีเลยทีเดียวภาพของท่านเคานต์แตกตางไปจากตำนานดั้งเดิมของชาวรูมา
    เนีย เพราะชาวรุมาเนียนั้นเชื่อว่าผีดิบดูดเลือดจะสวมชุดที่เขาใส่ก่อนจะถูกบรรจุใส่โลงลงฝังในดินและฟื้น
    คืนชีพมาอาละวาดในชุดนั้นเอง

    ท่านเคานต์แดร็คคิวลาจะตื่นขึ้นเมื่อแสงอาทิตย์ลำสุดท้ายลับโลกและออกล่าเหยื่อไปในท่ามกลางความมืด
    และหนาวเหน็บของราตรี เมื่ออิ่มแล้วจะกลับคืนสู่โลงศพที่ซ่อนไว้ในห้องใต้ดินของปราสาทเพื่อนิทราใน
    ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงบนพื้นโลกแต่ห้องใต้ดินกลับไร้ซึ่งแสงสุริยาแม้แต่เท่ารูเข็มเพราะแสง
    อาทิตย์คืออาวุธที่สำคัญอย่างหนึ่งที่สามารถทำลายสังขารอันผ่านกาลเวลามากกว่า 400 ปีของท่านเคานต์
    ลงได้อย่างหมดจด

    ตำนานของชาวคาร์เพเทียนมิได้บอกว่าผีดิบขึ้นมาจากโลงที่ถูกฝังลึกลงไปได้อย่างไรเพราะผีดิบไม่ใช่วิญ
    ญาณแต่เป็นศพที่ไร้ลมหายใจจะแทรกโลงแทรกพื้นดินขึ้นมาไม่ได้ แต่ตำนานกลับซ่อนปมเด่นของท่าน
    เคานต์ไว้ว่า "สามารถแปลงร่างเป็นค้างคาว เป็นหมาป่า เป็นกลุ่มควันและมีอำนาจสะกดจิตในดวงตากล้า
    แข็งมากจนเมื่อได้สบตาเหยื่อแล้วเหยื่อจะไม่อาจขัดขืนให้ท่านเคานต์ดูดเลือดจากคอได้เลย"ผีดูดเลือดมา
    จากไหนนี่เป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบมาก่อนจนถึงศตวรรษที่19 ได้มีการค้นพบค้างคาวชนิดหนึ่งในป่า
    ร้อนชื้นของทวีปอเมริกา เจ้าค้างคาวประเภทนี้มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการใช้เขี้ยวเจาะเส้นเลือดของสัตว์ต่างๆแล้ว
    ดูดเลือดกินมันจะเข้าจู่โจมสัตว์เลี้ยงเช่นแกะ วัว หรือแม้แต่สุนัขแล้วดูดเดือดออกไปจนแห้งและตายด้วย
    เลือดหมดตัวหรือโลหิตจาง ผุ้ค้นพบขนานนามมันว่า "แวมไพร" และหน้าตาของเจ้าแวมไพร์ก็แสนจะน่า
    เกลียดและน่ากลัว เจ้าค้างคาวแวมไพร์นี่และที่กลายมาเป็นเคานต์แดร็คคิวลาในที่สุด

    ผีดูดเลือดผิดกับมนุษย์หมาป่าก็ตรงที่พฤติกรรมมนุษย์หมาป่าจะฟัดกัดเหยื่อเพื่อระบายความโกรธแค้น
    และไม่กินเลือดหรือเนื้อของเหยื่อแต่ผีดูดเลือดจเไม่ตบกัดฟัดเหวี่ยงเหยื่อแต่จะสะกดจิตเหยื่อให้ตกอยู่ใต้
    อำนาจแล้วจึงใช้เขี้ยวกัดลงไปที่เส้นเลือดใหญ่ที่ลำคอเหนื่อยให้เลือดทะลักออกมาแล้วดื่มเลือดนั้นเข้าไป
    จนเต็มอิ่มเหยื่อจะไม่ถึงแก่ความตายในการดูดเลือดครั้งเดียวแต่จะถึงแก่ความตายหลังจากถูกดูดเลือด
    หลายครั้งจนเลือดหมดตัว

    ตำนานกล่าวว่าผีดูดเลือดมีทั้งชายและหญิง คนที่เป็นผีดูดเลือดเมื่อตื้นขึ้นจากความตายเป็นครั้งแรกจะระลึก
    ถึงคนที่ตัวเองรักที่สุดและสนิทสนมที่สุดและเดินทางไปหาและใช้ความสนิทสนมดูดเลือดเหยื่อกินเพื่อต่อ
    ชีวิต ตำนานจึงบอกต่อไปอีกว่าคนที่เปิดผีดูดเลือดเป็นคนบาปหนา ตายแล้วไม่ได้รับการเหลียวแลจากคริสต
    จักร ไม่มีการประกอบพิธีศพเป็นคนที่บาปหนาจนพระเจ้าทอดทิ้ง เป็นคนที่มีจิตใจอำมะหิตโหดร้ายและ
    ต้องการจะเป็นใหญ่ในโลกวิญญาณ

    อำนาจอันมหาศาลของผีดูดเลือดทำให้ได้รับการขนานนามว่า "เจ้าชายแห่งความมืด" นอกจากจะเป็นคน
    บาปของพระเจ้าแล้วเขายังกระทำตัวเป็นพ่อมดหมอผี ขายวิญญาณให้กับซาตานเขาจึงถูกสาปให้เป็นผีดูด
    เลือดบราห์มได้เดินเรื่องให้ท่านเคานต์ต้องการจะเดินทางจากปราสาทที่คาร์เพเทียนมายังมหานครลอนดอน
    เพื่อจะได้แสวงหาเหยื่อได้ง่ายกว่าที่ตัวเองเคยอยู่ที่ชาวบ้านพากันป้องกันแน่นหนาหาเหยื่อได้ยาก เขาว่า
    จ้างโจนาธาน ฮอาร์เกอร์นักค้าที่ดินจากมหานครลอนดอนมาทำสัญญาซื้อคฤหาศคาลิแฟกซ์ เมื่อตกลงกัน
    แล้วเขาก็พยายามปิดปากโจนาธานด้วยการให้สาวกสาวผีดูดเลือดดูดเลือดโจนาธารนแต่เขารอดมาได้และ
    กลับมาเปิดโปงเรื่องท่านเคานต์และร่มขบวนการปราบผีดูดเลือดฉากถนนอันมืดครึ้ม สุสานอัน่าสยองขวัญ
    กับถนนหนทางในมหานครลอนดอนทำให้ความน่ากลัวของท่านเคานต์แดร็คคิวลาเพิ่มมากขึ้นมันทำให้ชาว
    ลอนดอนหวาดผวาหลังจากอ่านเรื่องเคานต์แดร็คติวลาจบลง ทั้งเมื่อกลายมาเป็นละครก็ยิ่งทำให้ตำนานผีดูด
    เลือดเด่นชัดขึ้นอีก ต่อมาได้มีการสร้างเป็นภาพยนต์ติดต่อกันมาจนทุกวันนี้บ้างก็บอกว่าผีดูดเลือดเกิดาก
    โรคระบาดที่ทำให้คนถึงแก่ความตายแล้วกลับฟื้นคืนขึ้นมามีชีวิตที่อยู่หลังความตายและกินโลหิตมนุษย
    ์เป็นอาหารแต่นั่นเป็นเพียงข้อสังเกตเท่านั้นเพราะยังไม่เคยปรากฏว่ามีโรคระบาดอย่างนั้นมาก่อน โฮป
    ร็อบบิ้น ให้ทัศนะของเขาเกี่ยวกับผีดูดเลือดว่า
    "มันเป็นการสะท้อนภาพของซาดิสม์พวกคนที่ชอบทรมานคนอื่นให้เจ็บปวดเพื่อสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง
    ไม่งั้นไม่สมใจอยาก ผีดูดเลือดจึงมีพฤติกรรมที่ซาดิสม์เป็นอย่างยิ่งมันเป็นสัญลักษณ์แห่งความผิดปกติทาง
    เพศนั่นเอง"

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×