คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 เอลซิลัส :: การพบเจอ
ท่ามกลางดินแดนอันหนาวเหน็บ อยู่เหนือของปลายทวีป
กำแพงเมืองตั้งสูงตระหง่าน โอบล้อมตัวเมืองอันเป็นที่อาศัยของเหล่า “นักผจญภัย”
“เมืองเอล” เป็นชื่อเรียกของเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะเมืองนี้ เมืองเอลนั้นเป็นเมืองขนาดกลางที่อยู่เหนือสุดของทวีป ติดกับภูเขาที่เหล่า “นักผจญภัย” ต่างขนาดนามให้ว่า “ภูเขาเขาที่อันตรายและสวยงามที่สุด” เนื่องจากว่าบริเวณนี้เป็นที่อาศัยของ “มอสเตอร์” ที่ดุร้ายหลายชนิด “เอลเวอร์ทัส” คือชื่อเรียกของภูเขาลูกนี้
ใจกลางตัวเมืองแห่งนี้นั้นถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ทั้งอาคารบ้านเรือนต่างๆ ก็ถูกปกคลุมด้วยหิมะทั้งสิ้น แสงสว่างจากคบเพลิงปลิวไหวเบาๆ ตามแรงลมตอนเช้ามืด แสงไฟเหล่านนั้นมีความสว่างมากพอที่จะทำให้เห็นทางเดินที่ทอดไปอาคารสามชั้นสไตล์ยุโรปที่ตอนนี้ถูกหิมะปกคลุมไปหมด
แสงจากคบไฟที่ติดอยู่ตามทางเดินนั้นส่องสว่างมากพอที่จะทำให้ร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ผมสีดำผิวสีขาวอยู่ในชุดหนังสำหรับผจญภัย ที่มือซ้ายปรากฏถุงมือที่ประดับอัญมณีงดงาม ในโลกของ “ฟีอาเรี่ยน ออนไลน์” จะเรียกสิ่งนี้ว่า ถุงมือเวทย์ ส่วนด้านหลังของเด็กหนุ่มนั้นสะพายดาบสำหรับต่อสู้ไว้หนึ่งเล่ม
ร่างของเด็กหนุ่มปริศนาก้าวช้าๆ ตามทางเดิมที่ปกคลุมไปด้วยหิมะที่ทอดยาวไปยังอาคารสไตล์ยุโรปสามชั้น ที่ตอนนี้ถูกหิมะเกาะจนกลายเป็นสีขาว
“โรงแรมเอลซิลัส”
ร่างของเด็กหนุ่มเดินมาถึงโรงแรมดังกล่าวหากได้มองดูใกล้ๆแล้ว โรงแรมแห่งนี้ไม่ใช่โรงแรมขนาดเล็กเลย ดูไปแล้วยังมีขนาดใหญ่กว่าโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเขตสีเหลืองเสียอีก
ครืน!!
ประตูไม้เก่าของโรงแรมเปิดออกช้าๆ เผยให้เห็นบรรยากาศอันวุ่นวายของโรงแรม ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเช้ามืดแต่บรรยากาศในโรงแรมยังมีผู้คนคับคั่ง เนื่องด้วยวันนี้กำลังจะมีกิจกรรมบางอย่างที่ดึงดูดเหล่า “นักผจญภัย” มายังเมืองแห่งนี้
“อาชีพดาบเวทย์หรอเนี่ย”
“ตัวจริงเลยว่ะ”
“ดูสูงศักดิ์จริงๆ”
เสียงของเพลย์เยอร์ภายในโรงแรมต่างวิพากษ์วิจารณ์เด็กหนุ่มผู้มาที่หลัง สายตาของผู้เล่นแทบทั้งหมดจ้องมายังเด็กหนุ่มแทบทั้งหมด ส่วนคนที่ถูกจ้องนั้นเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยและเดินไปยังเคาน์เตอร์เพื่อสั่งอาหาร
“ขอน้ำส้มหนึ่งแก้ว”
ทันทีที่สั่ง “น้ำส้ม” เท่านั้นแหละเหล่าเพลย์เยอร์ต่างพร้อมใจกันหัวเราะขึ้นมาโดยมิได้นัดหมาย
“ดาบเวทย์สั่งน้ำส้มด้วยว่ะ”
“ดาบเวทย์ผู้สูงศักดิ์ ฮ่าๆ”
“น้องครับน้องทดสอบเป็นดาบเวทย์ผ่านได้ไงครับ ฮ่าๆ”
ส่วนเจ้าตัวที่ถูกพูดถึงนั้นไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวกับชาวบ้านเสียเท่าไหร่ เพียงแค่จิบน้ำส้มอย่างสบายใจไม่สนใจชาวบ้านรอบข้างเลยสักนิด
“ขอโทษครับ น้องชายดาบเวทตรงนั้นน่ะ พี่อยากลองท้าดวลหน่อยจะได้ไหมครับ”
บุรุษคนหนึ่งลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารพร้อมส่งคำท้าดวลแบบหนึ่งต่อหนึ่งไปยังเด็กหนุ่มอาชีพดาบเวท ที่ตอนนี้กำลังนั่งดื่มน้ำส้มครึ่งแก้วที่เหลืออยู่ ที่กำไลแสงที่ข้อมือขวานั้นปรากฏข้อความขอท้าดวลอยู่เด็กหนุ่มเพียงแค่เลื่อนมือไปแตะข้อความโฮโลแกรมเบาๆ
“ตกลง”
‘ผู้เล่น เอลาส ระดับ 54 กับ ผู้เล่น มาริค ระดับ 41 จะทำการต่อสู้กันภายใต้การดูแลของระบบ กฎการตัดสิน เหลือพลังชีวิต 1 จุด หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดสติ’
‘นับถอยหลัง 5...4...3...2...1 เริ่มการต่อสู้’
ทักษะพิเศษ ศาสตร์เวทย์ ดาบอัคคี
ทักษะพิเศษ ศาสตร์เวทย์ เกราะอัคคี
ทักษะเสริมพลังของเอลาสถูกเรียกใช้ขึ้นสองทักษะรวด ร่างของเอลาสปรากฏลวดลายสีแดงเพลิงทักษะนี้จะช่วยเพิ่มพลังป้องกันกายภาพ ป้องกันเวทมนต์ และป้องกันทักษะ อย่างละ 20 เปอร์เซ็นต์ ในมือขวาของเอลาสปรากฏดาบโปร่งแสงสีแดงเพลิงเช่นเดียวกับร่างกาย ดาบอัคคีของเอลาสนั้นเมื่อสร้างมาแล้วจะสามารถใช้ทักษะของของคลาส วอริเออร์ ได้ ส่วนอาชีพของ เอลาส ก็คือ นักเวทย์สายต่อสู้
“มาริค รับมือ”
ร่างของเอลาสพุ่งทะยานเป็นเส้นตรงไม่ซับซ้อน เรียบง่ายและรวดเร็ว ดาบโปร่งแสงในมือแทงไปเส้นตรงหมายไปที่คอหอยของศัตรูหวังปิดชีพการโจมตีในดาบเดียว
ฟาว!
ผลั่ก!
ส่วนคนที่เป็นเป้าของดาบนั้นไม่ได้อยู่ในท่าเตรียมสำหรับต่อสู้ แต่นั้นก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขา มาริคเอียงคอหลบโดยง่ายเพราะการโจมตีที่คอหอยเป็นการโจมตีเรียบๆ ไม่ซับซ้อนหากว่ามองเห็นการโจมตีแล้วเพียงแค่เอียงเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยก็หลบพ้นรัศมีดาบได้ ทันทีที่หลบดาบได้แล้วมาริคก็ผลักร่างของเอลาสออกด้วยสองมือ
“ท่าไม้ตายขั้นสุดยอด...”
มาริคตะโกนใช้ทักษะแบบสุดเสียง แต่ยังไม่ทันได้เรียกใช้ทักษะจนจบเอลาสที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นนักดาบเวทย์แล้วจำเป็นต้องมีทักษะแรงๆ ไว้ใช้สักบท เอลาสจึงรีบหมอบหลบสุดยอดทักษะของอีกฝ่าย
“ซะเมื่อไหร่..”
เปรี้ยง!!
รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏบนใบหน้าของเด็กหนุ่มผมดำเมื่อเห็นอีกฝ่ายหมอบหลบ”ทักษะขั้นสุดยอด” ของเขา เอลาสเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะปล่อยทักษะ มาริคไม่รอช้าออกแรงส่งเท้าขวาที่สวมด้วยรองเท้าหนังอย่างดีเบอร์ 39 เตะเข้าที่ปลายคางด้วยความรุนแรง ถึงแม้ว่าความเสียหายจะไม่มากพอที่จะทำให้พลังชีวิตของอีกฝ่ายเหลือศูนย์แต่ก็แรงมากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายติดสถานะ “สลบ”
‘ผู้เล่นเอลาส หมดสติไม่สามารถทำการต่อสู้ได้ ระบบขอตัดสินให้ ผู้เล่นมาริค เป็นฝ่ายชนะ’
ไม่มีการใช้ดาบ ไม่มีการใช้เวทมนต์ การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็วและเรียบง่าย ส่วนเพลย์เยอร์ คนอื่นๆ ที่ได้เห็นการต่อสู้นั้นต่างพากันเงียบกริบไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย การต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้พวกเขาได้เรียนรู้สิ่งสิ่งหนึ่ง ดาบเวทย์ที่ไม่ใช้เวทย์ ดาบเวทย์ที่ไม่ใช้ดาบ ดาบเวทย์ที่ใช้เพียงรองเท้าหนังเบอร์ 39 ในการต่อสู้ ก็สามารถล้ม ศัตรูที่ห่างกันมากว่า 10 เลเวลได้
“ฮะๆ ฮ่าๆ กากว่ะ เป็นถึง แบทเทิลเมจ”
มาริคตะโกนอย่างได้ใจพร้อมกับยกเท้าขวาขึ้นมาเหยียบเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ที่สุด ส่วนมือซ้ายที่ใส่ถุงมือเวทย์อยู่นั้นก็ยกขึ้นทาประดับท่าเพื่อเก๊กหล่อ ก่อนที่จะพูดออกไปอีกว่า..
“ชั้นนี่แหละ มาริค ดาบเวทย์ผู้สุดจะหล่อ สุดจะเท่ และ เก่งที่สุดในจักรวาลและสามโลก”
สิ้นสุดการแนะนำตัวอันสุดแสนจะอลังการ เหล่าเพลย์เยอร์โดยรอบพร้อมใจกันมองไปยังเด็กหนุ่มอาชีพดาบเวทย์อีกครั้ง ภาพพจน์ของผู้เล่นที่ได้อาชีพดาบเวทย์นั้นส่วนใหญ่นั้นจะ เงียบ สุขุม เรียบร้อย มีมารยาท มีความเป็นผู้ดี แต่สิ่งที่กล่าวมานี้ไม่ได้ปรากฏอยู่กับเด็กหนุ่มดาบเวทย์ผู้อยู่ตรงหน้าพวกเขา
อีกมุมหนึ่งของของห้องโถงโรงแรม กลุ่มผู้เล่นในชุดคลุมสีดำไม่เห็นใบหน้าทั้ง 6 คนตอนนี้กำลังให้ความสนใจกับดาบเวทย์ ที่อยู่ตรงหน้าเป็นอย่างมาก หนึ่งในหกคนนั้นลอบใช้ทักษะตรวจสอบระดับสูงเพื่อตรวจสอบข้อมูลของคนตรงหน้า
“ชื่อ มาริค ระดับ 41 คลาส Warrior อาชีพ Sword Magician ค่าหัวไม่มี เพิ่งมาถึงที่นี่เมื่อไม่ก็นาทีนี้ ก่อนหน้านี้เคยเป็นที่รู้จักในโซนสีเหลืองเขตภาคกลาง ติดแบล็กลิส ของกิลด์ขนาดกลางหลายกิลด์ และกิลด์ขนาดใหญ่อีกจำนวนหนึ่ง กิลด์เหล่านี้ต่างให้เหตุผลว่า ‘เป็นผู้เล่นที่ไม่ควรยุ่งด้วย’ เป็นอันดับต้นๆ”
เสียงของหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มคนชุดดำพูดขึ้น
“ผู้เล่นที่ไม่ควรยุ่งด้วย ทำไมต้องให้เหตุผลแบบนี้ล่ะ”
เสียงของชายคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น เสียงนั้นยังดูเป็นเด็กเสียมากกว่าผู้ใหญ่
“ค่ะมาสเตอร์ เหตุผลที่กิลด์ต่างๆ ให้มานั้นเนื่องจากว่าวีรกรรมของเขาที่เป็นที่โดดเด่นในเขตภาคกลางค่ะ”
หญิงสาวคนเดิมพูด
“ยกตัวอย่างสิ”
“ค่ะมาสเตอร์ ผู้เล่นมาริค คนนี้เคยไปปล่อยมอสเตอร์ระดับบอส ของกิลด์ขนาดใหญ่ที่เลี้ยงไว้จนหลุดออกมา ทำลายอาคารกิลด์จนไม่เหลือซากมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านเครดิต ด้วยเหตุผลเพียงเพราะว่า ‘สงสาร’ อีกทั้งยังเคย ลากกองทัพมอสเตอร์ระดับสูง มายังเมืองเวลเดอร์ สร้างความเสียหายให้กับกิลด์ระดับกลางในเมืองนั้นแทบทั้งหมด รวมมูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านเครดิต ด้วยเหตุผลว่า ‘อยากดัง’ โดยเรื่องนี้ระบบไม่สามารถตั้งค่าหัวได้เนื่องจากมอสเตอร์เป็นผู้ทำลายเมืองไม่ใช่ผู้เล่น ยังมีวีรกรรมอื่นๆ ที่มาก กว่านี้อีกค่ะ มาสเตอร์”
“พวกเรียกร้องความสนใจหรอกหรอ”
เด็กหนุ่มผู้ที่เรียกว่า ‘มาสเตอร์’ พูดขึ้น
“จัดการเลยไหมครับ มาสเตอร์”
เสียงจากร่างสูงโปร่งในชุดคลุมสีดำออกความคิดเห็น
“ปล่อยไปก่อน เรายังมีภารกิจที่ต้องตามา ‘สิ่งนั้น’ อีก” เด็กหนุ่มพูด “ไปกันได้แล้ว”
ทันทีที่พูดจบร่างของทั้งหกคน ก็ค่อยๆ เดินออกจากโรงแรมไปช้าๆ ขณะที่กำลังเดินออกจากประตูโรงแรมนั้น เด็กหนุ่มผู้ถูกเรียกว่ามาสเตอร์นั้น เหลียวหลังกลับไปมองร่างของเด็กหนุ่มอีกคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่ตอนนี้กำลังเก๊กท่าหล่ออยู่กับกลุ่มเพลย์เยอร์กลุ่มอื่นภายในโรงแรม
สายตาของทั้งคู่จึงประสานกัน ดวงตาสีชาดที่เหมือนกัน แต่คนหนึ่งเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความแค้น ส่วนอีกคนหนึ่งกับเป็นแววตาที่เป็นไปด้วยความสุข
“นายเป็นใครกัน”
เสียงสุดท้ายของเด็กหนุ่มในชุดเล็ดลอดออกมา ก่อนที่จะทะยานร่างออกไปจากโรงงแรม
ความคิดเห็น