ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เด็กสลัมกับโลกโอโตเมะเกมของเธอ

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 6 : ดอกกุหลาบและดอกคัตเตอร์นั้น..? (รีไรต์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.86K
      132
      23 ต.ค. 61

    ทที่ 6

    ...

    ...

    เงียบ..อีกแล้ว  ตอนนี้ฉันกับคาร์อิสกำลังเดินด้วยกันในสวนอยู่ และมันก็เงียบเหมือนตอนอยู่ศาลา

    ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าให้ฉันกับคาร์อิสอยู่ด้วยกันสองคนนะ ฮืออ

    ปึก

    อ๊ะ..

    ฉันอุทานออกมาเล็กน้อย เมื่ออยู่ๆคนที่อยู่ข้างหน้าฉันก็หยุดเดิน ส่งผลให้ตัวฉันที่เดินอยู่หลังเขาและกำลังเหม่อชนเข้ากับหลังเขาเต็มๆ

    คาร์อิสหันกลับมามองฉันแต่ไม่ได้พูดอะไร แต่ดูจากสายตาเหมือนเขากำลังด่าฉันว่า โง่จริงๆ’ อะไรประมาณนี้อยู่เลย..

    ฉันคิ้วกระตุกเล็กน้อย แต่ก็ส่งยิ้มหวานจอมปลอมไปให้ และทำสายตาว่า มีอะไรเหรอคะ ให้เขา

    เธอนะ..ชอบดอกไม้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่า?

    คาร์อิสถามขึ้นด้วยโทนเสียงนิ่งๆ ฉันเลิกคิ้วด้วยความสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมจู่ๆเขาก็ถามขึ้นมา แต่ก็เลือกที่จะตอบไป

    ดอกไม้ที่ชอบนะเหรอ อืม...ข้าชอบดอกลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์ เจ้ารู้จักหรือไม่

    ฉันตอบเขาด้วยรอยยิ้ม ถึงจะไม่รู้ว่าเขารู้จักดอกไม้ชนิดนี้ไหมก็เถอะ

    รู้จักสิ แต่ข้าขอถามเจ้าหน่อย

    อะไรเหรอ?

    ฉันยิ้มไร้เดียงสาให้เขาเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ แต่รอยยิ้มนั้นก็ต้องกระตุกเมื่อได้ฟังคำถามที่เขาถามมา

    เมื่อไรเจ้าจะเลิกเสแสร้งซักที

    ..!!”

    ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย แต่ก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าให้กลับมามีรอยยิ้มและตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้เรื่องด้วยความรวดเร็ว

    เจ้าพูดเรื่องอะไรน่ะ? ข้าไม่เห็นจะเข้าใจเล—

    ข้าบอกให้เจ้าหยุดเสแสร้งไง! “

    ฉันยังพูดไม่ทันจบ คาร์อิสก็พูดขัดขึ้นมาพร้อมเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อย

    ข้าไม่รู้หรอกนะ ว่าทำไมเจ้าถึงต้องเสแสร้งใส่ข้า ใส่คาร์ลอสและทุกๆคน แต่ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกัน

    คาร์อิสกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงโทนเดิม ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้หัวใจของฉันสั่นไหว

    สำหรับเจ้า ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้ายอมรับพวกข้าเป็นเพื่อนรึเปล่า แต่สำหรับข้า พวกเจ้าคือเพื่อน..

    เพราะฉะนั้น ได้โปรดอย่าเสแสร้งกับคนที่เจ้าเรียกขานว่าเพื่อนเลย

    ฉันเม้มปากเน้นและก้มหน้าซ่อนดวงตาที่สั่นไหวของตัวเองทันทีที่คาร์อิสพูดจบ พลันในหัวก็ปรากฎภาพความทรงจำหนึ่งขึ้นมา

    เกเดียน สัญญาสิว่าจะไม่ทิ้งฉัน

    แน่นอน ! นิกซ์ เราเป็นเพื่อนกัน เพราะงั้นฉันจะไม่ทิ้งเธอแน่นอน

    .

    .

    เกเดียน ช่วยฉันด้วย!!! ‘

    ....

    เกเดียน นายทำแบบนี้ทำไม เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ!?

    คำว่าเพื่อนมันไม่ทำให้ฉันรอดตายได้ เพราะงั้น ลาก่อนนิกซ์..

     

    ...ออร์..ล..ออร์ล่า!! “

    ฉันสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อคาร์อิสเขย่าตัวฉันไปมา

    เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า เจ้าดูเหม่อๆนะ ข้าเรียกก็ไม่ตอบ

    คาร์อิสทำหน้ากังวลเล็กน้อย เมื่อเห็นดังนั้นฉันจึงส่ายหน้าไปมาเชิงไม่เป็นไร และพยายามลบภาพจำเหล่านั้นออกจากหัว

    ข้าไม่เป็นไร แต่ข้าจะตอบคำถามเจ้าทีละข้อ..

    ..?

    ข้อแรกที่เจ้าถามมาว่าดอกไม้อะไรที่ข้าชอบ ความจริงข้าไม่ได้ชอบดอกลิลลี่ ออฟ วัลเลย์ เอาจริงๆข้าเกลียดดอกไม้ชนิดนี้ต่างหาก

    ข้อสอง ดอกไม้ที่ข้าชอบจริงๆคือดอกกุหลาบ..ดอกกุหลาบสีฟ้า

    ฉันเหม่อมองไปที่สวนกุหลาบและเอ่ยคำพูดต่อไป

    ข้อสาม ข้าคงเลิกเสแสร้งไม่ได้ มัน.. คงติดเป็นนิสัย 

    ฉันพูดประโยคนี้ แม้ท่อนหลังจะแผ่วเบาเสียงจนแทบไม่ได้ยิน และเงยหน้าขึ้นสบตากับคาร์อิส

    และข้อสี่ ข้าไม่เคย..เห็นพวกเจ้าเป็นเพื่อน ! “

    ฉันกระแทกเสียงเพื่อจะตอกย้ำให้เขารับรู้ถึงความคิดของฉัน

    คำว่าเพื่อนสำหรับข้า มันไม่เคยมีอยู่จริง

    เจ้ารู้อย่างนี้แล้ว..ยังอยากจะเป็นเพื่อนกับข้าอยู่รึเปล่าล่ะ?

    ฉันเอียงคอถามเขาด้วยท่าทางที่คิดว่ากวนตี—ที่สุด เมื่อเห็นว่าเขาเงียบไป ฉันก็พูดขึ้น

    เหอะ เจ้าคงไ—

    ข้าอยากเป็นเพื่อนกับเจ้า ! “

    " เรามาเป็นเพื่อนกันนะ? ฉันกับเธอ? "

    ยังพูดไม่ทันจบ คาร์อิสก็พูดแทรกขึ้นมา..อีกแล้ว เมื่อได้ฟังที่เขาพูด ฉันก็อึ้งเล็กน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความปวดในใจแปลกๆ ภาพของคาร์อิสซ้อนทับกับภาพของคนในอดีตที่อยากจะลืม ฉันเม้มปากก่อนจะขยับปากพูดตอบ

    เจ้าอยาก แต่ข้าไม่! “

    ข้าจะทำให้เจ้ายอมรับข้าเป็นเพื่อนให้ได้ !

    คาร์อิสพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง  จนฉันอดคิดไม่ได้ว่าทำไมเขาจะต้องจริงจังถึงขนาดนี้ แต่ฉันก็ทำแค่เพียงแค่นเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะเดินออกไปจากสวนอย่างไม่พูดตอบอะไร

    .

    .

    .

    หลังจากที่เดินออกมาจากสวน ฉันก็พบกับท่านพ่อและท่านแม่ระหว่างทางพอดี และพวกเขาบอกว่ากำลังจะมาตามกลับบ้าน

    เอาจริงๆ จะใช้คนใช้ก็ได้นะ แต่พวกท่านไม่ทำ

    เป็นไงลูก ไปเล่นกับเพื่อนสนุกไหม

    ท่านแม่พูดขึ้นก่อนจะอุ้มฉัน ดวงตาของฉันเปล่งประกายขึ้นมาชั่วครู่ แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว

    ก็สนุกค่ะท่านแม่

    ไอ้เด็กพวกนั้นมันทำอะไรลูกรึเปล่า

    ท่านพ่อถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด มันทำให้ท่านแม่หลุดขำออกมาด้วยความหน่ายใจ

    จะว่าไป แล้วเครซิเมอร์อยู่ไหนนะ

    ท่านพี่ ท่านพ่อ ท่านแม่ ! “

    ตายยากจริงๆ..

    ฉันคิดเมื่อเห็นเครซิเมอร์วิ่งมาพร้อมมงกุฎดอกไม้ในมือหนึ่งอัน และบนหัวเขา..อีกหนึ่งอัน

    ตะกี้นี่ เหมือนเห็นท่านพี่เดินมาทางนี้เลยวิ่งตามมา เป็นท่านพี่จริงๆด้วย

    เครซิเมอร์ยิ้มสดใส ก่อนจะถูกท่านพ่ออุ้มขึ้น

    เอ๋? จะกลับแล้วเหรอฮะ

    เครซิเมอร์เอียงคอถาม ซึ่งคำตอบที่ได้รับมาคือใช่ เครซิเมอร์เพียงยู่หน้าเล็กน้อย ประมาณว่ายังไม่อยากกลับ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

    ฉันเหลือบตามองมงกุฎดอกไม้นั้นด้วยความสงสัย แล้วเอ่ยปากถาม

    เครซิเมอร์ มงกุฎดอกไม้นั้น..?

    เครซิเมอร์เงยหน้าขึ้นสบตากับฉันเมื่อได้ยินฉันเรียกชื่อเขา

    อ่อ จริงสิ อันนี้ข้าทำให้พี่

    เขาฉีกยิ้มสดใสมาให้ฉัน พร้อมกับยื่นมงกุฎดอกไม้มาให้ ฉันเอื้อมมือไปรับ ก่อนจะถือไว้พิจารณาโดยไม่ได้ฟังที่เครซิเมอร์พูดต่อเลย

    ดอกคัตเตอร์งั้นเหรอ..

    ฉันมองมันด้วยสายตาที่สั่นไหว

    นี้ เรย์น่า เรย์น่าว่าดอกคัตเตอร์มันสวยรึเปล่า

    ดอกคัตเตอร์เหรอคะ ดิฉันว่ามันดูธรรมดาไปหน่อย

    เพราะงั้นล่ะ เราถึงชอบ เรย์น่ารู้ไหมว่าทำไมเราถึงชอบดอกคัตเตอร์ ทั้งๆที่มันก็ดูธรรมดาขนาดนี้

    เพราะว่าดอกคัดเตอร์นะมันเป็นดอกไม้ที่มีน้ำใจ ถึงแม้ว่าตัวเองไม่ได้เด่นหรืองดงาม แต่มันก็ทำให้คนอื่นดูงดงามขึ้นได้

    และดอกคัตเตอร์ก็มีความหมายว่า ถึงคุณจะไม่มองฉันก็ไม่เป็นไร แต่ฉันจะมองเพียงแค่คุณเสมอ ‘ ‘

    ท่า..พี่ ท่านพี่! “

    เฮือก

    ฉันสะดุ้งและลืมตาขึ้นมา ก่อนจะมองไปรอบๆและพบว่าฉันอยู่บนเตียง

    ทำไมถึง..

    ฉันกวาดตาไปรอบๆห้อง นี้ฉันกลับมาที่บ้านตั้งแต่เมื่อไร

    ก็ท่านพี่น่ะ พอได้มงกุฎดอกไม้ของข้าไป ก็หลับไปเฉยเลย

    เครซิเมอร์พูดพลางทำปากยื่นเล็กน้อย

    อ่า นี้แปลว่าฉันหลับตั้งแต่ที่วังยันกลับมาบ้านเลยเหรอเนี้ย

    แล้ว...มงกุฎดอกไม้?

    อ่อ ท่านพ่อวางไว้บนตู้นะฮะ ทำไมเหรอ?

    เครซิเมอร์พูดตอบอย่างคล่องแคล่ว ไม่เหลือเค้าเด็กขี้อายตอนอยู่ที่วังเลยแม้แต่น้อย

    ฉันพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะพูดคำบางคำออกมา

    มงกุฎดอกไม้น่ะ..ขอบคุณนะ

    ฉันพูดเสียงแผ่วด้วยความเขินอายเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนสายตามองเครซิเมอร์และพบว่าเขานิ่งค้างไปแล้ว

    เครซิเมอร์ เฮ้ เครซิเมอร์ ! “

    ฉันตะโกนเรียกชื่อเขา ก่อนจะเห็นว่าเขากระพริบตาปริบๆแล้วน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย..

    นี้..เป็นอะไ—

    ยังพูดไม่ทันจบ เครซิเมอร์ก็กระโดดกอดฉัน ฉันที่ไม่ทันตั้งตัวก็เลยหงายหลัง ดีนะที่อยู่บนเตียง ไม่งั้นจุกยิ่งกว่านี้แน่

    ดีใจที่สุดเลย ! “

    เครซิเมอร์พูดแล้วกอดฉันแน่นกว่าเดิม อุ่ก..ห หายใจไม่ออก

    ฉันดิ้นไปมาในอ้อมกอดเขาเป็นเชิงต่อต้าน

    “ ข้าจะไม่ปล่อยท่านพี่ จนกว่าท่านพี่จะให้ข้านอนด้วย ! “

    เครซิเมอร์พูดเป็นเชิงคำสั่ง เอาจริงๆ ฉันชอบนอนคนเดียวมากกว่า ทำให้ขอแยกห้องออกมานอนคนเดียว ท่านพ่อท่านแม่ รวมถึงเครซิเมอร์ก็คัดค้านแหละ แต่แน่นอนพวกเขาต้านลูกอ้อนฉันไม่ไหวหรอก..

    แอ่ก ป ปล่อยก่อน

    ฉันพยายามเค้นลมหายใจเพื่อพูด แต่เครซิเมอร์กลับรัดแน่นขึ้นเป็นเชิงไม่ยอม

    ก ก็ได้ ให้นอน ด ด้วยก็ได้

    ฉันพูดอย่างลำบาก อ๊ากก ตรูจะตายแล้ววว

    จริงนะ ตลอดไปเลยนะ?

    เครซิเมอร์ยังไม่ปล่อยฉัน และเพิ่มข้อต่อรองขึ้นมาอีก

    เออ ตอนนี้อยากได้อะไรก็เอาไปเลย ตรูจะตายแล้ว TT

    ฉันคิดก่อนจะพยักหน้ารัวๆ เนื่องด้วยไม่มีอากาศหายใจที่จะเค้นออกมาพูดแล้ว

    เมื่อเครซิเมอร์เห็นว่าฉันพยักหน้า เขากลับไม่ปล่อยฉัน กลับรัดฉันจนฉันแทบจะสิงเขาได้อยู่แล้ว แต่ประเด็นคือ

    ปล่อยฉันก่อน หายใจไม่ออกกกกกกก
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×