คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 6 : ดอกกุหลาบและดอกคัตเตอร์นั้น..? (รีไรต์)
บทที่ 6
“...”
“...”
เงียบ..อีกแล้ว
ตอนนี้ฉันกับคาร์อิสกำลังเดินด้วยกันในสวนอยู่
และมันก็เงียบเหมือนตอนอยู่ศาลา
ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าให้ฉันกับคาร์อิสอยู่ด้วยกันสองคนนะ ฮืออ
ปึก
“ อ๊ะ..”
ฉันอุทานออกมาเล็กน้อย เมื่ออยู่ๆคนที่อยู่ข้างหน้าฉันก็หยุดเดิน
ส่งผลให้ตัวฉันที่เดินอยู่หลังเขาและกำลังเหม่อชนเข้ากับหลังเขาเต็มๆ
คาร์อิสหันกลับมามองฉันแต่ไม่ได้พูดอะไร
แต่ดูจากสายตาเหมือนเขากำลังด่าฉันว่า ’โง่จริงๆ’ อะไรประมาณนี้อยู่เลย..
ฉันคิ้วกระตุกเล็กน้อย แต่ก็ส่งยิ้มหวานจอมปลอมไปให้ และทำสายตาว่า ‘มีอะไรเหรอคะ’ ให้เขา
“ เธอนะ..ชอบดอกไม้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่า? “
คาร์อิสถามขึ้นด้วยโทนเสียงนิ่งๆ ฉันเลิกคิ้วด้วยความสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมจู่ๆเขาก็ถามขึ้นมา
แต่ก็เลือกที่จะตอบไป
“ ดอกไม้ที่ชอบนะเหรอ อืม...ข้าชอบดอกลิลลี่ ออฟ เดอะ วัลเลย์
เจ้ารู้จักหรือไม่ “
ฉันตอบเขาด้วยรอยยิ้ม ถึงจะไม่รู้ว่าเขารู้จักดอกไม้ชนิดนี้ไหมก็เถอะ
“ รู้จักสิ แต่ข้าขอถามเจ้าหน่อย “
“ อะไรเหรอ? “
ฉันยิ้มไร้เดียงสาให้เขาเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้
แต่รอยยิ้มนั้นก็ต้องกระตุกเมื่อได้ฟังคำถามที่เขาถามมา
“ เมื่อไรเจ้าจะเลิกเสแสร้งซักที “
“ ..!!”
ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจเล็กน้อย
แต่ก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าให้กลับมามีรอยยิ้มและตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้เรื่องด้วยความรวดเร็ว
“ เจ้าพูดเรื่องอะไรน่ะ? ข้าไม่เห็นจะเข้าใจเล—“
“ ข้าบอกให้เจ้าหยุดเสแสร้งไง! “
ฉันยังพูดไม่ทันจบ คาร์อิสก็พูดขัดขึ้นมาพร้อมเสียงที่ดังขึ้นเล็กน้อย
“ ข้าไม่รู้หรอกนะ ว่าทำไมเจ้าถึงต้องเสแสร้งใส่ข้า ใส่คาร์ลอสและทุกๆคน
แต่ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกัน “
คาร์อิสกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงโทนเดิม
ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้หัวใจของฉันสั่นไหว
“ สำหรับเจ้า ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้ายอมรับพวกข้าเป็นเพื่อนรึเปล่า
แต่สำหรับข้า พวกเจ้าคือเพื่อน.. “
“ เพราะฉะนั้น ได้โปรดอย่าเสแสร้งกับคนที่เจ้าเรียกขานว่าเพื่อนเลย “
ฉันเม้มปากเน้นและก้มหน้าซ่อนดวงตาที่สั่นไหวของตัวเองทันทีที่คาร์อิสพูดจบ พลันในหัวก็ปรากฎภาพความทรงจำหนึ่งขึ้นมา
‘ เกเดียน สัญญาสิว่าจะไม่ทิ้งฉัน ‘
‘ แน่นอน ! นิกซ์ เราเป็นเพื่อนกัน
เพราะงั้นฉันจะไม่ทิ้งเธอแน่นอน ‘
.
.
‘ เกเดียน ช่วยฉันด้วย!!! ‘
‘....’
‘ เกเดียน นายทำแบบนี้ทำไม เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ!? ‘
‘ คำว่าเพื่อนมันไม่ทำให้ฉันรอดตายได้ เพราะงั้น
ลาก่อนนิกซ์.. ‘
“ ...ออร์..ล..ออร์ล่า!! “
ฉันสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อคาร์อิสเขย่าตัวฉันไปมา
“ เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า เจ้าดูเหม่อๆนะ ข้าเรียกก็ไม่ตอบ “
คาร์อิสทำหน้ากังวลเล็กน้อย เมื่อเห็นดังนั้นฉันจึงส่ายหน้าไปมาเชิงไม่เป็นไร และพยายามลบภาพจำเหล่านั้นออกจากหัว
“ ข้าไม่เป็นไร แต่ข้าจะตอบคำถามเจ้าทีละข้อ.. “
“..? “
“ ข้อแรกที่เจ้าถามมาว่าดอกไม้อะไรที่ข้าชอบ ความจริงข้าไม่ได้ชอบดอกลิลลี่
ออฟ วัลเลย์ เอาจริงๆข้าเกลียดดอกไม้ชนิดนี้ต่างหาก “
“ ข้อสอง ดอกไม้ที่ข้าชอบจริงๆคือดอกกุหลาบ..ดอกกุหลาบสีฟ้า “
ฉันเหม่อมองไปที่สวนกุหลาบและเอ่ยคำพูดต่อไป
“ข้อสาม ข้าคงเลิกเสแสร้งไม่ได้ มัน.. คงติดเป็นนิสัย “
ฉันพูดประโยคนี้ แม้ท่อนหลังจะแผ่วเบาเสียงจนแทบไม่ได้ยิน และเงยหน้าขึ้นสบตากับคาร์อิส
“และข้อสี่ ข้าไม่เคย..เห็นพวกเจ้าเป็นเพื่อน ! “
ฉันกระแทกเสียงเพื่อจะตอกย้ำให้เขารับรู้ถึงความคิดของฉัน
“ คำว่าเพื่อนสำหรับข้า มันไม่เคยมีอยู่จริง “
“ เจ้ารู้อย่างนี้แล้ว..ยังอยากจะเป็นเพื่อนกับข้าอยู่รึเปล่าล่ะ? “
ฉันเอียงคอถามเขาด้วยท่าทางที่คิดว่ากวนตี—ที่สุด เมื่อเห็นว่าเขาเงียบไป
ฉันก็พูดขึ้น
“ เหอะ เจ้าคงไ—“
“ ข้าอยากเป็นเพื่อนกับเจ้า ! “
" เรามาเป็นเพื่อนกันนะ? ฉันกับเธอ? "
ยังพูดไม่ทันจบ คาร์อิสก็พูดแทรกขึ้นมา..อีกแล้ว เมื่อได้ฟังที่เขาพูด ฉันก็อึ้งเล็กน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความปวดในใจแปลกๆ ภาพของคาร์อิสซ้อนทับกับภาพของคนในอดีตที่อยากจะลืม ฉันเม้มปากก่อนจะขยับปากพูดตอบ
“ เจ้าอยาก แต่ข้าไม่! “
“ ข้าจะทำให้เจ้ายอมรับข้าเป็นเพื่อนให้ได้ ! “
คาร์อิสพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง จนฉันอดคิดไม่ได้ว่าทำไมเขาจะต้องจริงจังถึงขนาดนี้ แต่ฉันก็ทำแค่เพียงแค่นเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะเดินออกไปจากสวนอย่างไม่พูดตอบอะไร
.
.
.
หลังจากที่เดินออกมาจากสวน ฉันก็พบกับท่านพ่อและท่านแม่ระหว่างทางพอดี
และพวกเขาบอกว่ากำลังจะมาตามกลับบ้าน
เอาจริงๆ จะใช้คนใช้ก็ได้นะ แต่พวกท่านไม่ทำ
“ เป็นไงลูก ไปเล่นกับเพื่อนสนุกไหม “
ท่านแม่พูดขึ้นก่อนจะอุ้มฉัน ดวงตาของฉันเปล่งประกายขึ้นมาชั่วครู่
แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“ ก็สนุกค่ะท่านแม่ “
“ ไอ้เด็กพวกนั้นมันทำอะไรลูกรึเปล่า “
ท่านพ่อถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
มันทำให้ท่านแม่หลุดขำออกมาด้วยความหน่ายใจ
จะว่าไป แล้วเครซิเมอร์อยู่ไหนนะ
“ ท่านพี่ ท่านพ่อ ท่านแม่ ! “
ตายยากจริงๆ..
ฉันคิดเมื่อเห็นเครซิเมอร์วิ่งมาพร้อมมงกุฎดอกไม้ในมือหนึ่งอัน
และบนหัวเขา..อีกหนึ่งอัน
“ ตะกี้นี่ เหมือนเห็นท่านพี่เดินมาทางนี้เลยวิ่งตามมา เป็นท่านพี่จริงๆด้วย
“
เครซิเมอร์ยิ้มสดใส ก่อนจะถูกท่านพ่ออุ้มขึ้น
“ เอ๋? จะกลับแล้วเหรอฮะ “
เครซิเมอร์เอียงคอถาม ซึ่งคำตอบที่ได้รับมาคือใช่
เครซิเมอร์เพียงยู่หน้าเล็กน้อย ประมาณว่ายังไม่อยากกลับ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ฉันเหลือบตามองมงกุฎดอกไม้นั้นด้วยความสงสัย แล้วเอ่ยปากถาม
“ เครซิเมอร์ มงกุฎดอกไม้นั้น..? “
เครซิเมอร์เงยหน้าขึ้นสบตากับฉันเมื่อได้ยินฉันเรียกชื่อเขา
“ อ่อ จริงสิ อันนี้ข้าทำให้พี่ “
เขาฉีกยิ้มสดใสมาให้ฉัน พร้อมกับยื่นมงกุฎดอกไม้มาให้
ฉันเอื้อมมือไปรับ ก่อนจะถือไว้พิจารณาโดยไม่ได้ฟังที่เครซิเมอร์พูดต่อเลย
ดอกคัตเตอร์งั้นเหรอ..
ฉันมองมันด้วยสายตาที่สั่นไหว
‘ นี้ เรย์น่า เรย์น่าว่าดอกคัตเตอร์มันสวยรึเปล่า ‘
‘ ดอกคัตเตอร์เหรอคะ ดิฉันว่ามันดูธรรมดาไปหน่อย ‘
‘ เพราะงั้นล่ะ เราถึงชอบ
เรย์น่ารู้ไหมว่าทำไมเราถึงชอบดอกคัตเตอร์ ทั้งๆที่มันก็ดูธรรมดาขนาดนี้ ‘
‘ เพราะว่าดอกคัดเตอร์นะมันเป็นดอกไม้ที่มีน้ำใจ ถึงแม้ว่าตัวเองไม่ได้เด่นหรืองดงาม
แต่มันก็ทำให้คนอื่นดูงดงามขึ้นได้ ‘
‘ และดอกคัตเตอร์ก็มีความหมายว่า ‘ ถึงคุณจะไม่มองฉันก็ไม่เป็นไร แต่ฉันจะมองเพียงแค่คุณเสมอ ‘ ‘
“ ท่า..พี่ ท่านพี่! “
เฮือก
ฉันสะดุ้งและลืมตาขึ้นมา ก่อนจะมองไปรอบๆและพบว่าฉันอยู่บนเตียง
“ ทำไมถึง.. “
ฉันกวาดตาไปรอบๆห้อง นี้ฉันกลับมาที่บ้านตั้งแต่เมื่อไร
“ ก็ท่านพี่น่ะ พอได้มงกุฎดอกไม้ของข้าไป ก็หลับไปเฉยเลย “
เครซิเมอร์พูดพลางทำปากยื่นเล็กน้อย
อ่า นี้แปลว่าฉันหลับตั้งแต่ที่วังยันกลับมาบ้านเลยเหรอเนี้ย
“ แล้ว...มงกุฎดอกไม้? “
“ อ่อ ท่านพ่อวางไว้บนตู้นะฮะ ทำไมเหรอ? “
เครซิเมอร์พูดตอบอย่างคล่องแคล่ว
ไม่เหลือเค้าเด็กขี้อายตอนอยู่ที่วังเลยแม้แต่น้อย
ฉันพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะพูดคำบางคำออกมา
“ มงกุฎดอกไม้น่ะ..ขอบคุณนะ “
ฉันพูดเสียงแผ่วด้วยความเขินอายเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนสายตามองเครซิเมอร์และพบว่าเขานิ่งค้างไปแล้ว
“ เครซิเมอร์ เฮ้ เครซิเมอร์ ! “
ฉันตะโกนเรียกชื่อเขา ก่อนจะเห็นว่าเขากระพริบตาปริบๆแล้วน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย..
“ นี้..เป็นอะไ—“
ยังพูดไม่ทันจบ เครซิเมอร์ก็กระโดดกอดฉัน ฉันที่ไม่ทันตั้งตัวก็เลยหงายหลัง
ดีนะที่อยู่บนเตียง ไม่งั้นจุกยิ่งกว่านี้แน่
“ ดีใจที่สุดเลย ! “
เครซิเมอร์พูดแล้วกอดฉันแน่นกว่าเดิม อุ่ก..ห หายใจไม่ออก
ฉันดิ้นไปมาในอ้อมกอดเขาเป็นเชิงต่อต้าน
“ ข้าจะไม่ปล่อยท่านพี่ จนกว่าท่านพี่จะให้ข้านอนด้วย ! “
เครซิเมอร์พูดเป็นเชิงคำสั่ง เอาจริงๆ ฉันชอบนอนคนเดียวมากกว่า
ทำให้ขอแยกห้องออกมานอนคนเดียว ท่านพ่อท่านแม่ รวมถึงเครซิเมอร์ก็คัดค้านแหละ
แต่แน่นอนพวกเขาต้านลูกอ้อนฉันไม่ไหวหรอก..
“ แอ่ก ป ปล่อยก่อน “
ฉันพยายามเค้นลมหายใจเพื่อพูด แต่เครซิเมอร์กลับรัดแน่นขึ้นเป็นเชิงไม่ยอม
“ ก ก็ได้ ให้นอน ด ด้วยก็ได้ “
ฉันพูดอย่างลำบาก อ๊ากก ตรูจะตายแล้ววว
“ จริงนะ ตลอดไปเลยนะ? “
เครซิเมอร์ยังไม่ปล่อยฉัน และเพิ่มข้อต่อรองขึ้นมาอีก
เออ ตอนนี้อยากได้อะไรก็เอาไปเลย ตรูจะตายแล้ว TT
ฉันคิดก่อนจะพยักหน้ารัวๆ
เนื่องด้วยไม่มีอากาศหายใจที่จะเค้นออกมาพูดแล้ว
เมื่อเครซิเมอร์เห็นว่าฉันพยักหน้า เขากลับไม่ปล่อยฉัน
กลับรัดฉันจนฉันแทบจะสิงเขาได้อยู่แล้ว แต่ประเด็นคือ
ความคิดเห็น