คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : บทที่ 14 : คำเรียกขาน (รีไรต์)
บทที่ 14
ผ่านมาเนิ่นนาน หลังจากที่ฉันและเครซิเมอร์เป่าเทียนเสร็จ
แต่ละคนก็แยกย้ายมากินกันอย่างเอร็ดอร่อย ด้วยก่อนหน้านี้ฉันลืมสังเกตเค้ก
จึงทำให้มองไม่เห็นว่ามันสวยงามและอลังการแค่ไหน.. เค้กขนาด 5 ปอนด์ เรียงกันเป็นชั้นอย่างสวยงาม คิดว่าอาจจะตามวันเกิด
เพราะว่าวันนี้ครบรอบอายุ 5 ขวบของฉัน
ครีมสีขาวประดับด้วยลวดลายต่างๆราวกับไม่ได้ใช้มือวาดออกมา มีการประดับดอกไม้
ลวดลายตัวอักษรที่เขียนชื่อฉันและเครซิเมอร์ ตรงยอดเค้กทำเป็นดอกไม้กระจายออกมาอย่างสวยงาม
ฉันกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงมองเค้กในจานของตนเองที่ถูกตัดแบ่งมา
พลันรู้สึกได้เลยว่า ถ้าเป็นชาติก่อน เค้กนี้ต่อให้เอาชีวิตเธอแลกกับมันมา
เธอก็คงจะไม่ได้กิน.. จริงสินะ เค้ก หรือแม้แต่ขนมหวานเธอเองก็ได้กินแทบนับครั้งได้
ที่ได้กินก็แค่ของเหลือจากคนอื่นเท่านั้น
เมื่อคิดถึงอดีตก็ทำให้มือเผลอบีบส้อมในมืออย่างแรง
จนถูกเสียงทักทำให้มือคลายลง
“ ออร์จัง? “
คาร์ลอสนั้นเองที่ทักมา เขามองเธอด้วยสีหน้างงงวย
เธอจึงยิ้มเป็นเชิงถามว่ามีอะไรเหรอ
“ อือ.. ไม่มีอะไรหรอก “
เขาตอบก่อนจะหันไปพูดคุยกับเครซิเมอร์ต่อ จนกลายเป็นฉันเองที่เป็นฝ่ายทำหน้างงบ้าง
“ เจ้าไม่กินรึไง “
เสียงเด็กชายดังขึ้น พร้อมด้วยหัวสีเทาๆที่โผล่มาให้เห็นในสายตาของฉัน
ฉันกรอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย และเอ่ยตอบ
“ เดียวก็กินน่า.. “
พูดด้วยเสียงปนหน่ายใจอย่างสุดขีด อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ว่าเธอเริ่มเหม็นขี้หน้าตัวเอง
แต่ก็เพียงยกยิ้มที่ในสายตาเธอมองว่าเป็นรอยยิ้มที่กวนเบื้องล่างที่สุดในสามโลก
“ ถ้าไม่กิน ข้ากินให้ก็ได้นะ “
พูดพร้อมกับเดินเข้ามา ทำท่าจะแย่งจานไปจากมือของฉัน
แต่ด้วยความที่ฉันไวกว่า ทำให้เบี่ยงตัวหลบได้ทัน
“ ไม่ต้อง ! ข้ากินเองได้ “
ก่อนจะหยิบส้อมจิ้มเค้กมากินคำใหญ่
สัมผัสแรกที่รู้สึกได้คือความนุ่มละมุนของแป้งเค้กและครีม กลิ่นหอมหวานโชยขึ้นมา
พร้อมกับความอร่อยที่แผ่เข้ามาในลิ้น ฉันยกยิ้มและทำหน้าเคลิบเคลิ้มอย่างไม่รู้ตัว
ด้วยเพราะแต่เดิมก็ชอบทานของหวานจำพวกเค้ก เครป คุ้กกี้หรือที่มีครีมเยอะๆอยู่แล้ว
ทำให้เผลอแสดงท่าทางแบบนั้นออกไป
เค้กหรือขนมจากชาติที่แล้วทั้งชาติ รวมกันยังไม่อร่อยเท่าอันนี้เลย !
คิดอย่างสุขใจ ก่อนจะตัดเข้าปากอีกคำใหญ่
“ หึ.. “
เสียงๆหนึ่งดังขึ้นทำให้ฉันหยุดชะงักเล็กน้อย
ดวงตาของเธอเลื่อนสบกับดวงตาทั้ง 4 คู่ที่มองมา
“ เอ่อ.. “
ฉันส่งเสียงเบาๆด้วยความเขินอายเล็กน้อย นี้เป็นครั้งแรกที่ฉันเผลอแสดงท่าทางมีความสุขให้คนอื่นเห็น
จะว่าไปไม่ใช่ครั้งแรกสิ
คร่าวที่แล้วที่เครซิเมอร์เล่าเรื่องที่ฉันโกรธเขาให้คาร์อิสฟัง
ฉันก็เผลอแสดงอาการโกรธใส่.. ถึงแม้ความจริงจะแกล้งโกรธกลบเกลื่อนความอายก็เถอะ..
นี้ฉันเป็นอะไรไปกันนะ..
คิดอย่างเริ่มไม่เข้าใจตัวเอง ตัวตนในชาติที่แล้วของเธอ ทั้งเย็นชา
และด้านชา ไร้ความรู้สึกใดราวกับตุ๊กตาเก่าๆที่สนิมขึ้นแล้ว
“ เจ้าท่าจะชอบเค้กมากสินะ “
คาร์อิสเอ่ยถาม แต่กลับมีคนอีก 3
คนที่เฝ้ารอคำตอบอยู่ ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยกับท่าทางแบบนั้น
แต่ก็พยักหน้าและตอบไปเบาๆ
“ ก็.. นิดหน่อย “
เลี่ยงที่จะตอบความจริง นั้นแหละนิสัยของเธอ
ถ้าหากมีคนรู้สิ่งที่เราชอบหรือเกลียดจริงๆก็อาจจะเอามาทำร้ายเราก็ได้.. นั้นคือสิ่งที่เธอได้เรียนรู้มาจากวัยเด็กของเธอในชาติที่แล้ว
“ หยุดนะ ! “
เด็กหญิงเรือนผมสีดำสนิทตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวด
แต่เสียงหัวเราะเยาะและการกลั่นแกล้งกับไม่ลดลงเลย
“ เป็นแค่ยัยเด็กข้างถนนแท้ๆ
กล้าดียังไงมาสั่งพวกเรา ! “
เด็กหญิงอีกคนที่ดูเป็นผู้ดีกล่าวขึ้น ก่อนจะหัวเราะเสียงสูง
“ นี้แหนะ “
เด็กชายคนหนึ่งโยนกบใส่เธอ เด็กหญิงหวีดร้องออกมาด้วยความกลัว
“ เอามันออกไปนะ เอามันออกไป ! “
เธอเปล่งเสียงออกมา แต่ร่างกายกลับนิ่งแข็งด้วยความหวาดกลัว
ดวงตาสีมรกตเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
“ เอานี้ไปกินอีก “
เด็กสาวอีกคนพูด แล้วเทขยะใส่เธอ
“ เธอนะ เหมาะกับขยะแบบนี้ ! “
น้ำเสียงและสีหน้าบ่งบอกอย่างชัดเจนว่ารังเกียจ เด็กหญิงตัวสั่นเทิ่ม
ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากขอความเมตตา
“ ทำไมไม่อ้อนวอนล่ะ ! “
เด็กหญิงคนหนึ่งพูด
แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับใดๆกลับมานอกจากเสียงสะอื้นไห้
เด็กหญิงคนนั้นเหลืออด ก่อนจะตะโกนบอกให้ทุกคนทำร้ายเธอ
“ นี้แหนะๆ ยัยขยะไร้ค่า “
เสียงตบตีดังขึ้น
พร้อมๆกับเสียงด่าทออย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากปากเด็ก 10 ขวบ การตบตีดำเนินมาอย่างเนิ่นนาน จนเด็กพวกนั้นเบื่อและล่าถอยไปเอง
เด็กหญิงร้องไห้ออกมา จนทำให้ดวงตาสีมรกตราวกับอัญมณีหม่นหมองลง
เนื้อตัวของเธอเจ็บระบมไปด้วยรอยช้ำ
เรือนผมยุ่งเหยิงที่แต่เดิมก็ไม่เป็นทรงอยู่แล้ว ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
เด็กหญิงค่อยๆพยุงตัวเองออกจากที่แห่งนั้นด้วยความหวาดกลัวจากสิ่งมีชีวิตที่เอาแต่กระโดดไปมา
เธอเดินฝ่าผู้คนออกมา แต่ไม่มีใครแม้แต่จะช่วยเหลือหรือสงสาร
พวกเขาเพียงแต่เบี่ยงตัวหลบด้วยความรังเกียจเหยียดหยาม
เธอเดินมาเรื่อยๆจนถึงบ้านซอมซ่อหลังหนึ่งที่เหมือนกำลังจะพัง เพียงเปิดประตู กลิ่นเหล้าก็ลอยออกมา
“ กลับมาแล้วค่ะ.. “
เธอเอ่ยออกไปอย่างแผ่วเบา
ถึงแม้จะรู้ว่าพวกเขาก็ไม่คิดที่จะสนใจเธออยู่ดี
“ นังลูกไม่รักดี หายไปไหนของแก “
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ก่อนจะเข้ามากระชากตัวเธอ
เด็กหญิงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แม้คนตรงหน้าจะไม่ใส่ใจเลย
“ แล้วนี้อะไร สารรูปอย่างกับหมา
ได้เงินมารึเปล่า ! “
ผู้หญิงคนนั้นตะคอกถาม ไม้แม้แต่จะสนใจทำแผลให้กับเธอ
เด็กหญิงเพียงก้มหน้า เพราะไม่ได้ต้องการที่จะไปขโมยของตามที่คนตรงหน้าสั่ง
“ โอ้ย ! แกมันไม่ได้เรื่อง “
กล่าวก่อนจะสะบัดตัวเธอออก จนเด็กหญิงล้มลง เธอกลั้นสะอื้นอย่างเจ็บทั้งกายทั้งใจ
ใครกันที่บอกว่าบ้านและครอบครัวจะช่วยเยียวยาทุกอย่าง พวกที่พูดแบบนั้นก็มีแต่พวกมีพร้อมทุกอย่างเท่านั้นแหละ
!
“ คือว่าหนู.. “
เด็กหญิงกล่าวทั้งสะอื้น พยายามจะขอโทษ ถึงมันจะไม่ช่วยอะไรก็ตาม
“ เอาเหล้ามาอีก !! “
เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นอย่างเมามาย
ผู้หญิงคนนั้นขยี้หัวอย่างหงุดหงิดใจ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างใส่เธอ
“ นังเด็กโง่
มีแต่คนไม่มีสมองเท่านั้นแหละ ที่บอกจุดอ่อนทุกอย่างให้คนอื่นรู้! จำใส่สมองแกไว้ “
เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังขึ้นกระทบโสตประสาทของเธอ
พร้อมๆกับที่ชายคนนั้นกระดกเหล้าหยดสุดท้าย และเขวี้ยงขวดลงพื้น !
เพล้ง !!
เฮือก
ฉันสะดุ้งอย่างแรง เมื่อถูกสัมผัสจากใครซักคน ดวงตาเบิกกว้างขึ้น
และลมหายใจที่ดังรัวขึ้นอย่างรู้สึกได้ ฉันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
ก่อนจะเผลอไปสบตากับคาร์อิสเข้า
เขาดูตกใจเมื่อได้สบตากันฉัน จนฉันรีบถอนสายตา
ก่อนที่เขาจะเห็นความรู้สึกของฉันทั้งหมด.. อย่างหนึ่งที่ไม่เคยมีใครรู้
เวลาที่ฉันตกใจมากๆ ดวงตาของฉันจะเปิดเผยความรู้สึกทุกอย่างของฉันออกมา ทั้งความเจ็บปวด ความขมขื่น
หรือแม้แต่ความชิงชัง ล้วนออกมาทางสายตา ทำให้เวลาฉันตกใจ
ฉันจะต้องรีบหลบซ่อนสายตาจากผู้คน และพยายามกลับมาเป็นตัวฉันคนเดิมให้ได้
“ ท่าาพี่ ! เป็นอะไรรึเปล่าฮะ !? “
เครซิเมอร์กล่าวอย่างตกใจ รับรู้ได้จากน้ำเสียงและหน้าตาตื่นๆของเขา
ฉันเพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะพบว่าฉันเผลอทำจานตกแตกซะแล้ว
“ ออร์ล่า! เจ็บตรงไหนไหมลูก!? “
เสียงของท่านพ่อดังขึ้น ก่อนจะรีบบอกให้คาร์อิส คาร์ลอส เครซิเมอร์
และฉันถอยห่างจากเศษแก้ว
“ ขอโทษค่ะท่านพ่อ.. คือว่า “
“ ข้าเป็นคนทำให้มายฮันนี่ตกใจเอง
ถ้าจะโทษ โทษข้าเถอะ “
ยังไม่ทันกล่าวโทษตัวเอง เสียงของฟีลอสก็ดังขึ้น
พร้อมกับเดินมาข้างๆฉัน
“ มาย.. ฮันนี่ !? “
ท่านพ่อยกยิ้ม แต่กลับแฝงความอำมหิตไว้
ดวงหน้าดูมืดคลึ้มขึ้นราวกับยักษ์มาร
“ เอาเถอะน่าคุณ “
ท่านแม่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยห้ามปรามท่านพ่อ
และหันมายกยิ้มอ่อนหวานให้ฟีลอส
“ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความผิดของใครหรอกจ้ะ
มันเป็นอุบัติเหตุ “
“ แต่ว่า.. “
ฉันเอ่ยแย้งเพราะความจริงเป็นความผิดของฉันเอง แต่ท่านแม่ก็พูดขัดขึ้น
“ อ๊ะๆ ไม่ต้องเลยลูก
ยังไงคร่าวหน้าคร่าวหลังก็ระวังหน่อยนะจ๊ะ “
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันก็พยักหน้ารับอย่างเถียงไม่ได้ ฟีลอสก็เช่นกัน
ซักพักก็มีสาวใช้มาทำความสะอาด
และเก็บกวาดจนตรงนั้นเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
“ มายฮันนี่ ข้าขอโทษเรื่องที่ทำให้ตกใจด้วยนะ “
ฟีลอสพูดอย่างสำนึกผิด ฉันคิ้วกระตุกกับคำเรียกขาน
แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรออกไป
“ ไม่หรอก.. ข้าเองก็เหม่อลอย ขอโทษด้วยเช่นกัน “
กล่าวตอบพลางโค้งตัวให้เล็กน้อย ฟีลอสยิ้มกริ่มอย่างดีใจ
ไม่รู้ว่าเพราะดีใจที่ฉันไม่ค้านที่เรียกฉันว่ามายฮันนี่ หรือดีใจที่ฉันไม่โกรธกันแน่..
“ ท่านพี่ ! ทำไมให้เจ้านี้เรียกท่านว่าอย่างนั้นกัน !?
“
เครซิเมอร์ทำสีหน้าขัดใจ และถามฉันอย่างไม่เข้าใจ
“ นั้นสิ ทำแบบนี้เจ้าจะเสียหายนะออร์จัง
! “
คาร์ลอสเข้ามาสนับสนุนความคิดของเครซิเมอ์ราวกับนัดกันมา
ฉันเพียงทำสีหน้าไม่รู้เรื่อง และตอบกลับอย่างเรียบเฉย
“ ก็ไม่อะไรนะ.. เดียวโตไปเขาก็เลิกเรียกเองแหละ
“
ตอนนี้พวกเรายังเด็ก.. หมายถึง พวกเขายังเด็ก ทำอะไรไม่รู้หรอกว่าสิ่งนั้นมันหมายความว่ายังไง
หรือแม้แต่คำบางคำ ก็นะ เขาเรียกฉันว่ามายฮันนี่ เพราะท่านลุงอัลเดนสอนมา
เดียวโตไปพอรู้ความเขาก็จะเลิกเอง
คิดเองเออเองในใจ โดยไม่รู้เลยว่า
ภายใต้รอยยิ้มของฟีลอสกำลังคิดอะไรอยู่..
.
.
ผ่านมาจนงานเลี้ยงเลิก พวกเราเด็กน้อยต่างเริ่มง่วงงุน เครซิเมอร์หลับไปแล้วในอ้อมกอดของท่านแม่
ส่วนคาร์อิสกับคาร์ลอสก็ล่ำลา และแยกตัวไปเรียบร้อย
ตอนนี้มีฉันที่พยายามเบิกเนตร(?) ให้ได้มากที่สุด
เพื่อที่จะได้กล่าวลาท่านลุงอัลเดนและฟีลอส..
เอาจริงๆก็แค่กลัวเสียศักดิ์ศรี.. ก็ดูสิ ฟีลอสเด็กกว่าฉัน (
ถึงแม้ความจริงในโลกนี้จะอายุเท่ากันก็ตาม ) แต่เขากลับไม่มีแม้แต่อาการง่วงนอน
หรือตาปรือเลยแม้แต่น้อย เขาเอาแต่ยิ้ม ยิ้ม และก็ยิ้ม
“ วันนี้สนุกมาก ขอบใจที่ชวนมา “
ท่านลุงอัลเดนเอ่ยขอบคุณท่านพ่อ และพูดคุยอะไรกันเล็กน้อย
นั้นทำให้ฉันกับฟีลอสได้กล่าวลากัน
“ ขอบคุณที่มาร่วมงานนะ “
ฉันกล่าวสั้นๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี..
เอาจริงๆในหัวตอนนี้มีแต่เตียง..
“ ไม่เป็นไร
ทำให้ได้มาเจอเจ้าก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว “
เขากล่าวอย่างร่าเริง ดวงตาของเขาเปล่งประกายราวกับได้เจอของเล่นใหม่
ฉันเพียงครางตอบเบาๆในลำคออย่างรับรู้ และโบกมือลาเมื่อพวกเขาขึ้นรถม้าไปแล้ว
“ แล้วเจอกันใหม่นะมายฮันนี่ยยยย์ “
แว่วเสียงของเขาปลิวมากับลม ฉันเพียงยิ้มอ่อนด้วยสีหน้าว่างเปล่า
พลางขออย่าให้ได้เจอะได้เจอกันอีกเลย.. และก้าวขึ้นรถม้าเพื่อกลับบ้านบ้าง
.
.
“ ฟีลอส เจ้าแลจะชอบหนูออร์ล่านะ อยากได้มาเป็นมายฮันนี่จริงๆรึเปล่าเนี้ย “
ท่านพ่อพูดขึ้นอย่างแซวๆ แต่ข้ากลับยกยิ้มขึ้นอย่างมีเล่ห์นัย
“ ท่านพ่อ.. แล้วคิดว่าข้าเรียกเธอว่ามายฮันนี่ เพราะแค่เธอสวยจริงๆเหรอ “
เขามองใบหน้าของผู้เป็นพ่อที่ทำหน้าตางงงวย ก่อนจะหลุดหัวเราะเบาๆ
เมื่อเห็นว่าท่านพ่อเข้าใจแล้ว
“ คำว่ามายฮันนี่.. ต่อไปนี้ข้าจะเก็บไว้ใช้กับออร์ล่าเพียงคนเดียว “
Talk Talk
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ กลับมาแล้ววว <3
อันนี้เค้กของเครซิเมอร์กับออร์ล่าค่ะ !
ความคิดเห็น