ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ✎ K R I S Y E O L Café .

    ลำดับตอนที่ #5 : [SF] Say hi my dog - Krisyeol (4)

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 56


     

     

    SAY HI MY DOG

     

          rate : PG-15
                     author : @__Jyjcy
                     
    tag on twt : #ซฮมด




     









    คริส คริส

     

    เสียงทุ้มที่ลื่นหูดังขึ้นพร้อมกับแสงแดดยามเช้าที่สาดส่องแผ่นหน้าต่างบานใหญ่ ร่างใหญ่ที่นอนเหยียดยาวบิดไปมาด้วยความงัวเงียก่อนจะขยี้ตาให้เห็นใบหน้าคนผู้เรียกชื่อของตนให้ชัดขึ้น

     

    ฉันต้องไปเรียน นายห้ามออกไปไหน เล่นคอมพิวเตอร์ที่ฉันเคยสอนหรือดูทีวีไป ทำตัวดีๆ นะ แล้วฉันจะรีบกลับมา พูดจบร่างโปร่งในชุดยูนิฟอร์มก็เดินจากไป คริสค่อยๆ ลุกจากเตียงแล้วจัดการชำระล้างร่างกายของตน วันเวลาแสนน่าเบื่อหมดไปกับการคลิกเมาส์อยู่หน้าจอสี่เหลี่ยม แน่นอนว่าคริสอ่านหนังสือไม่ออกแต่ก็พอจำปุ่มที่ชานยอลสอนให้คลิกเข้าไปได้ เขาชอบที่จะดูสารคดีสัตว์โลก โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสุนัข เขาอยากรู้ว่ามนุษย์มีทัศนคติอย่างไรและมีวิธีสอนสุนัขแบบไหนบ้าง เมื่อตกเย็นเจ้านายที่รักก็กลับมาพร้อมกับถุงมากมายในมือ อาหารแสนน่ารับประทานถูกจัดแจงวางในจานสวย ทั้งคู่นั่งลงตรงข้ามกันแล้วตักอาหารใส่จานตนเองอย่างไม่รีรอ

     

    กินเยอะๆ เลยนะ มีแต่ของอร่อยๆ ทั้งนั้น จานนี้ตั้ง 1,5000 วอน พี่ยุนโฮซื้อมาให้

     

    แค่กๆๆๆๆ

     

    แทบจะสำลักให้ลูกกระเดือกหลุดแต่ก็ต้องฝืนกลืน  ได้ยินชื่อหมอนี่ทีไรอารมณ์เสียทุกที คริสกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ก่อนจะตีหน้าเข้มลุกขึ้นยืน

     

    ผมอิ่มแล้ว ขอตัวไปดูทีวีก่อนนะ

     

    อ้าว เพิ่งกินไปนิดเดียวเอง มันเยอะอ่ะฉันกินไม่หมด ช่วยกินหน่อยชานยอลเบะปากทำท่าอ้อนวอนคนตัวสูงสุดฤทธิ์ทั้งที่จริงอยากจะหัวเราะเป็นบ้า เขารู้ว่าคริสไม่ถูกชะตากับรุ่นพี่ยุนโฮเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าคริสหวงเขาแต่นั่นมันดูเป็นเหตุผลที่งี่เง่าไปซักหน่อย หน่านะ

     

    ไม่

     

    คุณสุดหล่อครับ ช่วยผมกินหน่อยนะครับ นะ นะ

     

    ไม่

     

    คำเดียวจบเลย คริสย้ำเสียงเข้มเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะสะบัดตูดเดินหนีเข้าห้องนั่งเล่นไป ทิ้งให้ชานยอลรับผิดชอบกับอาหารตรงหน้าคนเดียว มีแต่เมนูราคาแพงทั้งนั้น จะทิ้งก็เสียดาย

     

    ไอ้หมาบ้า จะกินให้พุงกางไปเลย

     

    นี่ไม่ได้พูดส่งๆ สุดท้ายพุงขาวๆ ก็ย้อยออกมานอกขอบกางเกงจนแทบต้องปลดกระดุมออก ส่วนอีกคนที่ทำท่าว่าอิ่มแล้วกลับคว้าอาหารเม็ดในครัวมานั่งกินอย่างฝืนใจ มือหนึ่งกำรีโมตกดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ตรงหน้าไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย อีกมือหนึ่งก็ล้วงอาหารเม็ดยัดใส่ปากตัวเองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก

     

     

    รุ่นพี่ยุนโฮ

     

    พี่ยุนโฮ

     

     

    น่าเบื่อสิ้นดี !

     

     

    ไหนบอกอิ่มแล้วไง ชานยอลที่เพิ่งเข้ามาในห้องนั่งเล่นพยายามกลั้นหัวเราะกับท่าทางของอีกฝ่าย ร่างโปร่งทิ้งตัวลงบนโซฟายาวข้างๆ คริส บทสนทนาเริ่มขึ้นและสงครามขนาดย่อมก็ตามมา

     

    นายเป็นหมาที่พูดมากที่สุดในโลก ! กินเข้าไปจะได้ไม่พูดมาก กินๆๆ ไม่พูดเปล่า มือเรียวจ้วงอาหารเม็ดเต็มมือแล้วยัดใส่ปากคนตรงหน้าอย่างหมั่นไส้

     

    อ๊าาาาาา อำอ้าอะไอ  @!G#TPO%A^&=DFG ……. ”

     

     

    สิ่งเหล่านี้ เขาเรียกมันว่า ความสุข

     

     

    .

    .

    .

     

     

    วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วพอๆ กับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่มีคริส ชานยอลก็เป็นคนที่อยู่ติดบ้านมากขึ้นทั้งที่ปกติเขามักจะออกไปเล่นซน สังสรรค์กับเพื่อนตามประสาเด็กวัยรุ่น เขาไม่เคยคิดว่าคริสคือภาระของเขา เขาคิดเสมอว่าคริสคือของขวัญที่มหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตจนเหมือนกับว่าเขากำลังฝันไป ความสัมพันธ์ของพวกเขามันค่อนข้างพูดยากและลำบากใจอยู่บ้าง ถึงแม้ปากจะบอกคนอื่นว่าคริสคือเพื่อนรูมเมทคนใหม่ แต่ในใจกลับไม่ใช่แบบนั้น จะบอกว่าเป็นเพื่อนก็ไม่เชิง เพื่อนที่ไหน อยู่ด้วยแล้วหัวใจพองโตได้ขนาดนี้กัน เขามีความสุขมาก มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน มีความสุขที่ได้นอนบนเตียงเดียวกัน มีความสุขที่คริสชอบทำท่าหวงเขา มีความสุขจนไม่อยากให้เวลาผ่านไป

     

    และในโลกแห่งความเป็นจริง ย่อมไม่มีอะไร ที่อยู่กับเราได้ตลอดไป ไม่มี  

     

     

     

    ก็อกๆๆ

     

    มองนาฬิกาบอกเวลาห้าโมงเย็น ร่างสูงลุกขึ้นจากโน๊ตบุ๊คเครื่องประจำแล้วรีบวิ่งไปหยิบแก้วน้ำหวานเย็นๆ ที่เขาเตรียมไว้มาที่หน้าประตู ดูเหมือนมันจะกลายเป็นกิจวัตรไปเสียแล้วเพราะทุกวันที่ชานยอลกลับมาจากมหาวิทยาลัย คริสจะเตรียมน้ำไว้ให้อีกฝ่ายดับกระหาย ช่างเป็นสัตว์เลี้ยงที่ปฏิบัติต่อเจ้านายดีเสียจริง แต่ทว่าวันนี้ไม่เหมือนทุกวัน แขกที่คริสไม่อยากรับเชิญเท่าไหร่ตามหลังเจ้านายของตนมาด้วย

     

    เข้ามาข้างในก่อนครับพี่ยุนโฮ ใบหน้าหวานประดับด้วยรอยยิ้มสดใส พลันรับแก้วน้ำจากร่างสูงอย่างส่งๆ ก่อนที่มันจะถูกวางบนโต๊ะรับแขกโดยไม่ถูกยกขึ้นดื่มเหมือนทุกวัน

     

    คริส ไปเตรียมขนมมาให้หน่อยสิ

     

    จะเต็มใจไปหยิบให้เลยนะถ้าไม่มีหมอนี่มาด้วย คิ้วหนาขมวดอย่างไม่สบอารมณ์นักก่อนจะหายเข้าไปในครัว ชานยอลอมยิ้มที่มุมปาก เขารู้ว่าคริสรู้สึกไม่ดีเวลาเจอพี่ยุนโฮแต่ตัวเขาเองกลับมีความสุขทุกครั้งที่คริสมีปฏิกิริยาแบบนี้ ไม่เคยถามว่าหวงเขาหรือไม่ แต่ในใจคิดเข้าข้างตัวเองเรียบร้อยแล้ว

    มาแล้วคร้าบ ร่างสูงวางจานขนมลงบนโต๊ะอย่างอารมณ์ดีผิดกับเมื่อครู่ เขาหย่อนก้นลงบนโซฟายาวข้างๆ ชานยอล โดยที่มียุนโฮขนาบเจ้านายของตนอยู่อีกด้าน

     

    พี่ว่า ขนมมันหน้าตาแปลกๆ นะ รุ่นพี่มองขนมว่างที่วางไว้ด้วยความสงสัย ลักษณะจะเป็นคุกกี้ก็ไม่ใช่ ถ้าจะบอกว่าเป็นอาหารเม็ดของสุนัขยังจะเชื่อซะกว่า

    แต่เชื่อเถอะ เพราะมันคืออาหารเม็ดของสุนัขจริงๆ

    ไม่แปลกหรอกครับ เนี่ย อร่อยมากเลยนะ คริสพูดแทรกขึ้นแล้วหยิบขนมแสนน่ารับประทานเข้าปากอย่างไม่รู้สึกอะไร จะให้รู้สึกอะไรได้หละ ในเมื่อมันคืออาหารว่างของเขาที่กินประจำนี่นา

    ชานยอลเบิกตาโพลงเมื่อเห็นจานขนมตรงหน้า เขาเข้าใจสาเหตุที่ทำให้คริสอารมณ์ดีแล้ว  !

     

    ควับ

     

    ไม่ทันแล้วสินะ ชานยอลอ้าปากค้างทำท่าจะแย่งขนมในมือรุ่นพี่แต่ก็ต้องหยุดชะงัก ยุนโฮขมวดคิ้วหนาเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างพร้อมกับปากที่ขยับเคี้ยวช้าๆ

     

    เอาแล้วไง

     

     

    อื้ม รสชาติดีนะ

     

    ยุนโฮยกยิ้มพลันเอื้อมไปหยิบชิ้นต่อไปเข้าปาก ท่าทางจะติดใจขนมรสนี้เข้าให้แล้ว ชานยอลรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ดีที่รุ่นพี่ไม่สะกิดใจอะไรแถมยังชอบอีกตังหาก ชานยอลฝืนยิ้มแห้งๆ ให้รุ่นพี่ทั้งที่ในใจคิดอยากเอาจานตรงหน้าไปเททิ้ง หวังว่าคนกินอาหารหมาคงไม่มีผลอะไรหรอกนะ

     

    บอกแล้วครับว่าอร่อย คริสพูดเสริมพลันยกรีโมตทีวีขึ้นเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ

     

    กินหน่อยสิชานยอล

     

    ไม่หละครับ ! ”

     

    อร่อยนะ

     

    พี่ยุนโฮทานเถอะครับ

     

    ทานให้หมดเลยนะครับ ในครัวมีเป็นกระสอบๆ เลย

     

    ร่างสูงยิ้มให้ยุนโฮอย่างมีเลศนัยน์ คริสเป็นหมาที่ร้ายกาจพอดูเหมือนกัน ชานยอลคิดแบบนั้น ตอนนี้อยากซัดคนข้างๆเป็นบ้า ต้อนรับแขกแบบนี้ได้ยังไงกัน ชานยอลหันไปหยิกแขนคริสแรงๆ คริสไม่ตอบโต้อะไรแค่หัวเราะออกมาเบาๆ

    บทสนทนาระหว่างมนุษย์ช่างแสนน่าเบื่อ ทั้งเรื่องเรียนที่มหาวิทยาลัยซึ่งคริสฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็มีเรื่องสัพเพเหระแทรกพอที่เขาจะเข้าใจได้บ้าง บอกได้เลยว่าตอนนี้เขาเหมือนอากาศไร้ตัวตน เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้ มีเรื่องคุยอะไรกันเยอะแยะวะ บ้านช่องไม่มีให้กลับหรือไงครับโธ่

    คริสกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ จอโทรทัศน์จอใหญ่ฉายหนังดังอย่างแวมไพร์ทไวไลท์ซึ่งเป็นเรื่องราวความรักของมนุษย์และแวมไพร์  เขาค้างรีโมตไว้ที่ช่องนี้เมื่อเห็นมนุษย์ที่สามารถกลายร่างเป็นหมาป่าได้ เสียงคำรามของมันทำให้ยุนโฮและชานยอลหันมายังต้นเสียงก่อนจะเปลี่ยนเรื่องมาวิพากษ์วิจารณ์หนังที่กำลังเปิดแทน

     

    ชานยอลเคยดูเรื่องนี้หรือยังหืม

     

    เคยดูพากย์ก่อนๆ แล้วครับ แต่พากย์นี้ยังไม่ได้ดูเลย

     

    สงสารเจคอบนะว่าไหม รักเบลล่ามาก แต่เบลล่ารักเอ็ดเวิร์ดชานยอลได้แต่พยักหน้างึกงักพลางมองไปยังจอสี่เหลี่ยม

     

    มันก็ถูกต้องแล้ว มนุษย์รักกับแวมไพร์ยังพอไหว แต่ถ้าให้รักกับหมาป่านี่ เป็นไปไม่ได้เลย

    จบประโยคคริสแทบจะหันไปมองยุนโฮในทันทีก่อนจะสวนออกมาเสียงดัง

    ทำไมมนุษย์จะรักกับหมาป่าไม่ได้หละ ! ในเมื่อพวกเขาก็มีหัวใจเหมือนกัน ถ้ารักกันแล้ว มันก็ไม่มีอะไรขัดขวางได้แม้แต่สายพันธุ์

    ยุนโฮถึงกับเหวอเมื่อคริสลุกขึ้นจ้องหน้าเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำไมต้องโมโหขนาดนั้นด้วย สิ่งที่เขาพูดมันผิดตรงไหนกัน จริงๆแล้วมันไม่ผิด หากแต่คำพูดเหล่านั้นกำลังทำร้ายหัวใจของคริสอย่างสาหัส มันเหมือนมีอะไรมาสะกิดแผลแห้งที่กำลังจะหายให้หลุดออกและเลือดสดก็ไหลออกมาช้าๆ ไม่ใช่แค่คริส ชานยอลที่กำลังนั่งนิ่ง ในหัวของเขาว่างเปล่า ขณะที่หัวใจกำลังร้องไห้ ...

     

    ที่ยุนโฮพูดมันถูกต้อง ถูกต้องแล้วจริงๆ

     

     

    ยุนโฮค่อยๆ อธิบายและทำให้คริสใจเย็น เขาไม่รู้ว่าทำไมคริสถึงต้องโมโหเขาขนาดนี้ ถึงแม้ว่าคริสจะใจเย็นลงและสถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ แต่บรรยากาศน่าอึดอัดก็ยังมีอยู่จนคนเป็นแขกต้องขอตัวกลับบ้านก่อน

    สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวของชานยอลตอนนี้คือ เขาต้องอยู่ห่างคริสให้มากที่สุด มากพอที่จะเลิกรู้สึกกับคริสมากกว่าเจ้านายและสัตว์เลี้ยง หากเราบังคับหัวใจของเราไม่ให้รักใครได้ก็คงจะดีไม่ใช่น้อย พระเจ้าทรงใจร้ายที่สร้างหัวใจขึ้นมาอย่างไม่สมบูรณ์แบบ หัวใจที่ไม่สามารถควบคุมได้เหมือนอวัยวะอื่นๆ

     

    วันนี้นายนอนโซฟาห้องนั่งเล่นนะ ชานยอลอุ้มผ้าห่มผืนหนาให้ร่างสูง นานแค่ไหนแล้วที่ชานยอลไม่ได้พูดประโยคนี้ ครั้งแรกที่เขาพูดคือวันแรกที่คริสเข้ามาในหอพักแห่งนี้ และเขาปรารถนาให้มันเป็นครั้งสุดท้ายแต่กลับไม่ใช่

     

    ให้ผมไปนอนที่โซฟา คริสถามย้อน ชานยอลพยักหน้าเบาๆ พลางเม้มปากแน่น

     

    มันอึดอัด สิ้นเสียงร่างโปร่งก็หายเข้าไปในห้องนอน คริสถอนหายใจออกแรงๆ ทำไมอยู่ๆชานยอลถึงทำแบบนี้ การที่นอนเตียงเดียวกันมันน่าอึดอัดขนาดนั้นเลยเหรอ หรือคิดรังเกียจจะนอนร่วมกับสัตว์โง่ๆ อย่างเขา

     

    สัตว์โง่ๆ ที่หลงรักเจ้านายตัวเองอยู่ข้างเดียว

     

     

     

    ชานยอลทิ้งร่างลงบนเตียง เขาเขยิบตัวไปด้านหนึ่งของเตียงอย่างเคยชิน เมื่อสมองประมวลผลอีกทีเขาก็เขยิบมานอนตรงกึ่งกลางของเตียง

     

    นอนคนเดียว จะพลิกตัว จะกลิ้งยังไงก็ได้

     

    ร่างโปร่งกลิ้งไปมาบนเตียงด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ถูกสร้างขึ้นมาเยียวยาหัวใจตนเอง น้ำใสเริ่มเอ่อล้นที่สองตาจนพล่ามัว เขาพยายามหรี่ตาลงช้าๆ ให้น้ำตาไหลค่อยๆ ซึมหายไปแต่กลับยิ่งเป็นการแค่นให้น้ำตาไหลลงอาบแก้มเสียดื้อๆ อยู่ใกล้กันแค่ผนังกั้นแต่กลับรู้สึกเหมือนอยู่คนละโลก หัวใจของเขาเจ็บปวดเหมือนถูกมีดคมกรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ต่างอะไรกับคริสที่นอนขดตัวบนโซฟายาว อากาศห้องนี้ไม่อุ่นเท่าห้องนอน หรืออาจเป็นเพราะอ้อมแขนของเขาที่เคยโอบอีกคนไว้กลับกลายต้องมากอดตัวเองแทน คืนนี้ช่างเป็นคืนที่ฝืนหลับตาอย่างลำบากของคนทั้งคู่ คริสเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ในร่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน หากวันใดที่เขากลายเป็นสุนัขตัวเดิมอีกครั้ง ใครจะคอยโอบกอดชานยอลเวลาที่ชานยอลนอนไม่หลับ ใครจะคอยเตรียมน้ำเย็นๆ ไว้ให้ชานยอลเวลากลับจากมหาวิทยาลัย ใครจะคอยดูแลชานยอลได้แบบเขา คงไม่มีอีกแล้ว

     

     

     




     


     

    ผมรู้ว่าหน้าตาของคุณเป็นอย่างไร

    ผมรู้ว่าเสียงไหนคือเสียงของคุณ

    ผมจำกลิ่นหอมของตัวคุณได้

    ผมรู้ชื่อของคุณ

    ผมจำเบอร์โทรศัพท์ของคุณได้

     ผมรู้จักที่ที่คุณอยู่

    ผมรู้อุณหภูมิร่างกายของคุณ

    ผมรู้จักนิสัยใจคอของคุณ

    ถึงแม้ว่าผมจะรู้จักคุณมากขึ้น

    แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่บอกว่าผมยังรู้จักคุณไม่ดีพอ

    ผมเริ่มกลัวตัวเองว่าบางที

    ผมอาจจะชอบทุกอย่างที่เป็นคุณ

     

















     

    สวัสดีจ้า คิดถึงหมาพี่คริสกันไหม ไรเตอร์ว่ามันจะไม่ใช่ช็อตฟิคแล้วจริงๆนะ กร้าก คาดว่าจะจบแล้วหละ ตอนนี้ก็หน่วงนิดนึง ไรเตอร์จะร้องไห้เอง บ้าไปแล้ว T_T 555555555555555555 ถ้ามันเป็นเรื่องจริงนี่คงเศร้ามากๆๆๆ มนุษย์กับสุนัขจะรักกันได้ยังไงหละเนอะ เอาใจช่วยทั้งคู่ด้วยนะคะ ฝากด้วยน้า ขอบคุณมากค่า



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×