คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [Jamille Rihanna]
สิ่งที่สวยงามบนโลกในนี้มีมากมาย
แต่หากมองหาความจริงใจจากภายนอก
ทำไมพวกท่านไม่ลองใส่ใจคนข้างกายให้ดีก่อนเล่า?
เพียงใส่ใจกับคนข้างกาย
อนาคตของท่านในภายภาคหน้า
จะดีขึ้นอย่างที่ท่านเองก็ไม่เคยคิดอย่างแน่นอน…
ถึงขั้นนี้แล้วทำไมไม่ลองทำตามสักหน่อยล่ะ?
คนที่รักท่านไม่ใช่คนภายนอกแต่อย่างใด คนที่รักท่านน่ะ
“คือตัวท่านเอง...”
“ดังสายน้ำที่ไม่มีวันไหลย้อนกลับ ท่านจงเดินหน้าต่อไปเพื่อแสวงหาความสุขตามใจท่านปรารถนาเถิด”
APPLICATION
“สิ่งที่สูงศักดิ์ ยังไงก็ไม่มีวันตกต่ำหรอกนะคะ!"
ร่าเริงดังพระอาทิตย์สาดแสงบนทุ่งหญ้าแต่หากแฝงไปด้วยความมืดมิดภายใจจิตใจ
ด้วยความที่เธอเป็นพวกชอบยิ้มตามประสาที่เห็นผู้เป็นพ่อจะมีรอยยิ้มประดับบนหน้าเสมอ
เสียงหัวเราะของพ่อ ทำให้เธอซึมซับเข้ามาในตัว
เธอมักจะส่งยิ้มให้กับเพื่อนๆและทุกคนที่เธอรู้จักและอยากผูกมิตรไว้ แต่หลายๆคนที่เข้าใกล้เธอล้วนอยากได้แต่ผละประโยชน์จากเธอ
ขอเพียงแค่ผลประโยชน์เล็กน้อยผู้คนก็จะเข้าหาเธอนั่นทำให้เธอเกิดความน้อยใจเล็กๆ
ภายในจิตใจที่บริสุทธิ์
เธอเพียงแค่อยากมีเพื่อนสนิทสักคนเพื่อที่จะได้เล่าเรื่องให้ฟังกันได้อย่างไม่ต้องมีผลประโยชน์และหน้ากาก
ช่างสังเกตชอบสงสัยกับในสิ่งที่คนอื่นไม่สงสัยกัน
เธอเป็นพวกที่ชอบดูปฏิกิริยาของคนทั่วไปที่ได้รับของจากคนแปลกหน้าหรือคนที่ชอบและไปถึงคนรู้จัก
ปฏิกิริยาของมนุษย์ช่างเป็นสิ่งที่พิศวงที่แสดงออกมาได้แตกต่างและแตกไปหลายแขนงนั่นทำให้เธอชอบสังเกตและ
สงสัยเกิดคำถามขึ้นในใจมากมายก่อนที่จะไปถามผู้ที่รู้และบางครั้งถึงขนาดเดินออกไปหาคำตอบเองเพื่อให้ความสงสัยที่เกิดขึ้นคลายไป
โดยเป็นฝ่ายให้ของและสังเกตปฏิกิริยาใกล้ๆ
ร่าเริงอยู่ในโหมดเปิดรับผู้คน
เธอเป็นพวกที่ร่าเริงและมีความพยายามที่จะเข้าผู้คนใหม่ๆเพื่อสร้างสังคมให้กลายเป็นที่ผูกมิตรกับเพื่อนๆและชอบสร้างสรรค์สิ่งที่ทำให้คนอื่นประหลาดใจอยู่เสมอๆ
นั่นทำให้ผู้คนที่ห้อมล้อมเธอด้วย หลายๆแบบหลายๆความรู้สึก นั่นมักจะทำให้เธอลูกหลอกและถูกหักหลังค่อนข้างจะบ่อยครั้งแต่เพราะความชอบที่เข้าสังคมและพบคนอื่นๆนั่นทำให้มองเรื่องนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็
เกิดความน้อยใจไม่มากก็น้อยเหมือนกัน
อารมณ์ขันแต่ยิงมุขแป้กตลอด
ชอบปฏิกิริยาคนได้ฟัง
เธออาจจะเป็นโรคจิตที่ติดมาจากพ่อก็ได้(?)
เพราะทุกครั้งที่เธอยิงมุขใส่เพื่อนๆ และทุกๆคนั้งเช่นเคย
มุขแป้กๆแบบนั้นทำให้รอบตัวหนาวขึ้นมา
และการเห็นปฏิกิริยาแบบนั้นก็ขำไม่ใช่น้อย
เธอเองก็หลุดขำออกมาที่เห็นเพื่อนๆกลายเป็นมนุษย์แช่แข็งไปแบบนั้น บางคนก็ถึงกับยิงมุขกลับใส่เธอนั่นทำให้เธอได้รับมุขมาใหม่ๆ
แต่พอเอาไปเล่นกับคนอื่นดันแป้กซะงั้น
ปฏิเสธไม่เป็นแต่จนทำให้ถูกมองว่ากลายเป็นคนใจดีแต่ก็ชอบช่วยคนอื่นเป็นเดิมอยู่แล้ว
เธอกลายเป็นพวกที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นไปเลยเมื่อถูกร้องขอให้ช่วย
ถึงแม้ในมือยังมีงานของตัวเองที่ยังทำไม่เสร็จแต่ก็จะช่วยจนที่มาขอร้องเธออย่างเต็มที่
ถึงแม้ภายหลังจะถูกต่อว่าก็ตาม และมักถูกบอกว่าใจดีอยู่เสมอๆ
ทั้งๆที่ในใจเธอก็อยากปฏิเสธแต่ก็ทำไม่ได้แต่ก็ยอมรับคำชมนั้นพร้อมรอยยิ้มออกมาอยู่เสมอ
มารยาทในสังคมใช่ว่าจะไม่มี
เมื่อถูกชิญไปงานปาร์ตี้หรืองานเลี้ยงสังสรรค์
ก็จะเป็นพวกที่ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาและยิ้มอย่างเดียว
หากมีคนมาชวนคุยก็จะถามตอบเป็นธรรมดาแต่ก็ไม่มีอะไรพิเศษ มารยาทในส่วนนี้มักจะใช้กับผู้คนมากหน้าหลายตาและเพื่อนใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิตเธอแต่ใช่ว่าเพื่อนเก่าเธอจะไม่ให้มารยาทนะ
เธอไม่เคยค้นของส่วนตัวของคนอื่นโดยไม่ขออนุญาต ไม่เคยลุกพรวดออกไปขณะที่คนกำลังคุยกันอยู่
มักจะพูดขออนุญาตก่อนเสมอๆ
ฉลาดเป็นกรดแต่ไม่ค่อยแสดงออก
เธอเป็นพวกชอบหาความรู้ใส่หัว
เพราะหนังสือที่ถูกอ่านให้ฟังตั้งแต่เด็กแทนที่จะเป็นเจ้าหญิงแสนสวยดันเป็นปีศาจใต้เตียงซะงั้น
นั่นทำให้เธออยากจะรู้ความจริงว่าปีศาจหรือสิ่งที่เรียกว่าภูตผี มีจริงหรือใหม่นั่นทำให้เธอชอบค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์และทำการทดลอง
แต่การทดลองซ้ำๆหลายๆอย่างนั่นทำให้เกิดความรู้ใหม่ๆ เธอลองใช้วิธีนี้กับหลายๆวิชา
หลายๆอย่าง นั่นทำให้เธอเจอทางออกและทางลัดสำหรับคำถามที่ไม่เคยตอบได้
เมื่อมีคนมาแสดงความรู้ผิดๆต่อหน้าเธอ เธอก็จะยิ้มและรับฟังอย่างเดียวแต่ก็ไม่พูดอะไรนอกจากคำว่า
“ขอบคุณ” และจดความรู้ที่คนๆนั้นพูดออกมาไปทดลอง
“ท่านพ่อคะ ทำไมคนที่ส่งเพื่อนๆของฮานน่าเป็นผู้หญิงล่ะคะ?
และทำไมถึงมารับกลับบ้านทุกวัน? แล้วทำไมผู้หญิงแบบนั้นบ้านเราไม่มีเหรอคะ?
ทำไมเหรอคะพ่อ?”
คำถามมากมายถูกพ่นออกมาจากปากเล็กนั่นทำให้ผู้เป็นพ่อชะงักเล็กน้อยก่อนที่นัยน์ตาสีแดงจะมองลูกสาวผู้ขี้สงสัยอย่างอ่อนโยน
“ชิชิชิ
ลูกนี่ขี้สงสัยจังนะ แต่ท่านพ่อก็ไม่เคยเล่าจริงๆน่ะล่ะ ผู้หญิงอย่างนั้นเรียกว่าแม่ไงล่ะ”
“แม่เหรอคะ? ทานได้รึเปล่า?”
“ไม่ได้สิ”
ผู้เป็นพ่อถึงกับยกมือกุมหน้าผากและถอนหายใจออกมา
หากขี้สงสัยเช่นนี้ คงเป็นอัจฉริยะเหมือเขาเป็นแน่แท้ นั่นทำให้ผู้เป็นพ่อยิ้มออกมาก่อนที่จะโอบกอดลูกสาวตัวน้อยด้วยความรัก
เด็กสาวเห็นแบบนั้นก็กอดตอบและฝังหน้าลงบนแผงอกของผู้เป็นพ่อ
“โตขึ้นอยากทำงานแบบท่านพ่อไหม?”
“ใส่ชุดเท่ห์ๆแบบท่านพ่อใส่เหรอคะ?”
เด็กสาวใช้มือเล็กจับที่เสื้อคลุมสีดำราคาแพงของผู้เป็นพ่อ
ตาเป็นประกายอย่างอยากรู้อยากเห็น
เห็นแบบนั้น
ผู้เป็นพ่อจึงตดสินใจที่จะสอนศิลปะการต่อสู้ในหลายๆแบบให้กับเด็กสาวตัวน้อย
เมื่อเด็กน้อยโตขึ้นอยู่ในวัยประถมปลาย ตลอดหลายครั้งที่สงสัยกับสิ่งที่เรียกว่าแม่
นั่นทำให้เธอค่อยๆซึมซับเรื่องนี้จากเพื่อนๆของเธอ เธอจึงได้รู้ว่าคำว่า “แม่” มีพลังทำลายร้างขนาดไหน
เมื่องานวันแม่ที่เกิดขึ้นมา
แต่ผู้เป็นพ่อของเธอนั้นจะมาแทนเธอก็ปฏิเสธเสียงแข็งทันทีเพราะงานนี้สำหรับผู้หญิงที่เรียกว่า
“แม่”เท่านั้น
นั่นทำให้เธอไม่พูดกับพ่อเป็นหลายอาทิตย์ที่เกิดจากความน้อยใจที่พ่อของเธอไม่เคยเล่าเรื่องแม่ให้เธอฟังเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่พอเด็กสาวได้ลองคิดทบทวนกับตัวเองอยู่หลายๆครั้ง
นั่นทำให้เธอเลิกโกรธผู้เป็นพ่อและไม่เคยถามเรื่องแม่อีกเลย
พอเริ่มขึ้นม.ต้น
เรื่องที่เธอไม่มีแม่ข่าวหลุดมาจากปากใครก็ไม่ทราบ นั่นทำให้เพื่อนๆในห้องล้อเธออย่างเดียว แต่เพราะความร่าเริงถูกแทนที่ความเศร้า
เพราะเธอจะไม่อ่อนแอให้ใครเห็นเด็ดขาด
จนผู้คนที่ล้อเธอก็ไม่เคยล้อเธออีกเลยเพราะหากล้อแล้วอีกฝ่ายไม่ทำท่าต่ำต้อยกว่าตัวเองจะไปสนุกอะไร
นั่นทำให้เธอกลายเป็นศูนย์กลางความสนใจเพราะความร่าเริงนั่นเอง
พอขึ้นม.ปลายเธอก็ถูกผู้เป็นพ่อคุยเรื่องสำคัญอย่างเรื่องของมาเฟียและเรื่องของผู้พิทักษ์ แน่นอนนั่นคือสิ่งที่เธออันมาตั้งแต่เด็ก
ทำงานให้เก่งและเป็นสิ่งที่ท่านพ่อชื่นชม
และแน่นอนหลักสูตรสุดท้ายของการฝึกความแข็งแกร่งว่าจะเป็นผู้พิทักษ์ให้ได้
ถูกจัดขึ้นอย่างอลังกาลเพราะความเวอร์วังของท่านพ่อ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอประหม่าเลยสักนิด
ยิ่งทำให้เธอตื่นเต้นด้วยซ้ำที่จะได้แสดงฝีมือให้กับคนอื่นๆเห็น คู่ต่อสู้ของเธอเป็นเพียงหัวเหน้าโจรที่แข็งข้อต่อแฟมิลี่
นั่นทำให้เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะปกป้องแฟมิลี่
โดยการกำจัดคนที่ขวางทางเดินของแฟมิลี่..จนกระทั่งเธอผ่านการทดสอบของผู้เป็นพ่อนั่นทำให้เธอกลายเป็น
ตัวเลือกหนึ่งที่จะถูกทำให้เป็นผู้พิทักษ์เหมือนพ่อของเธอ
[เจอคนแปลกหน้าและอยากลองสนิทดู] “สวัสดีค่ะ! ฉันเจมิลี่ ริฮานน่าค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ! ช่วยลองเป็นเพื่อนของฉันสักวันได้ไหมคะ?” จะยิ้มยิ้มและเสียงจะฟังดูร่าเริงและจะยื่นมือทักทายตามแบบยุโรป
[เวลาเศร้า]”อือ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ! อย่าห่วงเลยค่ะแค่นี้เองสบายมาก!”จะตอบด้วยสีหน้าที่เปื้อนยิ้มตลอดเวลาแต่จะออกไปอยู่คนเดียวเพื่อสงบสติอารมณ์
[โกรธจัด]”ปากสวะนั่นสินะคะที่พ่นคำแบบสุนัขออกมาน่ะ....”จะมีคำหยาบปนมาในประโยคจะมองอีกฝ่ายอย่างเหยียดหยามและยิ้มเย็นๆออกมา
[ดีใจและตื่นตะหนก]”ขะ..ของแบบนี้น่ะเหรอคะ!! หะ..ให้จริงๆเหรอคะ!! /ว๊าก!!”หน้าจะแดงและความมึนงงโถทเข้าใส่และกลายเป็นลมไป
[ขอโทษคนอื่นหรือคนรู้จัก] “ต้องขอโทษด้วยนะคะ ไม่ระวังเองขอโทษจริงๆค่ะ / อ่ะ ขอโทษนะ เป็นอะไรไหมคะ?”
จะเข้าไปช่วยทันทีพร้อมกับรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน
[เจอของที่ชอบ]”บะ..บะ..แบบนี้เลยที่อยากได้..ขะ..ขอบคุณมากเลยน้า~”จะพูดตะกุกตะกักและจะหาของตอบแทนให้คนให้เสมอๆหรือไม่ก็จะช่วยอยู่ห่างๆ
2.น้องแพ้น้ำตาลแดงค่ะ
หากกินเข้าไปจะคันคอและเป็นลม
TALK
WITH M.N.T
ความคิดเห็น