คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [Data] Feedback ความนิยมทั้งญี่ปุ่นและเมืองไทย
และด้วยความนิยมที่มีต่อกินทามะ ก็ทำให้บ้านเรา สำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิคส์ตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปตีพิมพ์ลงในรายสัปดาห์ C-Kids ก่อนจะออกรวมเล่มเล่มหนึ่งในปี พ.ศ. 2548 แต่ทว่ากระแสตอบรับของกินทามะที่มีต่อนักอ่านบ้านเราในตอนนั้น ค่อนข้างไม่ดีเอาซะเลย จึงเกิดกระแสต่อต้านการ์ตูนเรื่องนี้จากผู้อ่านบางกลุ่มในแง่ที่ว่า การ์ตูนเรื่องนี้ต้องการสื่ออะไรกันแน่ อ่านไม่รู้เรื่อง บางส่วนก็บอกว่า นอกจากลายเส้นจะไม่สวยแล้ว แถมมุขก็ฝืดสุดๆ แต่ก็ด้วยพัฒนาการของผู้แต่งรวมถึงพัฒนาการของผู้แปลการ์ตูนเรื่องนี้ในฉบับภาษาไทย ก็ทำให้ฟีดแบคของกินทามะในบ้านเรานั้นเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จนพอที่จะกลบกระแสด้านลบไปได้บ้าง
ส่วนหนึ่งที่กินทามะนิยมมากในญี่ปุ่นนั้น หลักๆก็มาจากมุขตลกวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการนำประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น บุคคลที่มีตัวตนจริง มาเสียดสีล้อเลียน นอกจากนี้ ก็ยังเอามุขจากละครทีวี หรือ การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องอื่นๆมาล้อเลียนบ้าง ซึ่งสิ่งที่กล่าวมานั้นเป็นสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นรู้จักคุ้นเคยกันดี จึงไม่แปลกใจเลยที่นักอ่านหลายคนในบ้านเรานั้นไม่เก็ตมุขกับเรื่องนี้ เพราะมันเป็นเรื่องที่ห่างไกลจากคนไทยเรา แต่ถ้าหากใครที่มีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมาบ้าง , อ่านการ์ตูนมาหลายเรื่องหน่อย,หรือ คุ้นเคยกับเหล่าตัวละครหน้าตาย ที่ทำเรื่องเหลือเชื่อให้เกิดขึ้นได้ในเรื่องนั้น ก็คงจะฮาแบบสุดๆ อีกทั้งยังรวมไปถึงชื่อของตอนแต่ตอนที่ตั้งออกมาได้ยาว คม กวน จนอ่านแล้วรู้สึกฮา แถมพลางคิดในใจว่า ชื่อตอนนั้นมันเกี่ยวกับเนื้อเรื่องในตอนนั้นๆตรงไหน? แต่พออ่านๆไปก็จะพบว่า จริงๆมันก็เกี่ยวบ้างไม่มากก็น้อยนะแหละ(ลองไปสังเกตกันดีๆนะครับ) แต่อย่างน้อย มุขตลกและเนื้อเรื่องอันน่าเบื่อจากเล่มแรกนั้นก็มีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ จนได้แฟนๆการ์ตูนเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอีกพอควร ซึ่งรวมไปถึงการแปลฉบับภาษาไทยที่ขยันหยอดใส่มุข พลิกแพลง มากขึ้น (แว่วๆมาว่า คนแปลถึงกับศึกษาจากหนังพากย์ไทยโดยพันธมิตรกันเลย) จนได้อรรถรสมากขึ้น จึงพอจะมองข้ามช็อตงงๆไปได้บ้าง
และอีกส่วนหนึ่งที่มีคนชื่นชอบ ก็มาจากคาแร็กเตอร์ของตัวละครในเรื่อง ที่"รั่ว"กันแทบทุกตัว ไม่ว่าเป็นคนเท่ห์ หล่อ สวย ขนาดไหน ก็ยังอุตส่าห์ติ๊งต๊องไปกับเขาด้วย และที่สำคัญ ตัวละครชายในเรื่องก็เท่ห์หลายคน ซึ่งไม่แปลกใจเลยที่สาวๆจะชอบอ่านเรื่องนี้มากกว่าผู้ชาย แถมบางคนก็เอาตัวละครหลักๆ อย่างเช่น กินโทกิ ฮิจิคาตะ มาแอบจิ้นY กันก็มี.......
เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของเรื่อง ไม่ได้มีแค่ฉากตลกเท่านั้น ยังมีฉากแอ็คชั่นการต่อสู้และฉากซึ้งอีกด้วย โดยจุดเด่นอีกเรื่องหนึ่งที่เราไม่อาจมองข้ามได้ นั่นก็คือ คำคม ครับ ถ้าสังเกตุกันดีๆก็จะพบว่า เรื่องนี้ได้แฝงปรัชญาการดำเนินชีวิตของมนุษย์เอาไว้พอสมควร ดังเช่น
"การที่ลูกปกป้องสิ่งสำคัญที่สุดของพ่อเอาไว้ ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ "
ซึ่งกล่าวโดย โอทาเอะ ในแง่ของการปกป้องโรงฝึกดาบร้างของครอบครัว หากจะตีความหมายกันจริง ก็จะหมายถึง การที่เราต้องปกป้องสิ่งของที่สำคัญของคนที่เรารัก แม้ว่าสิ่งของสิ่งนั้นอาจดูไร้ค่าก็ตามที ซึ่งใครที่ตามอ่านมาตลอดนั้นก็จะพบว่า เรื่องนี้จะเน้นการปกป้องสิ่งสำคัญของเรามากเป็นพิเศษ หรือจะเป็น คำคมจากบทเรียนที่หก ที่เป็นการย้อนอดีตตอนที่ กินโทกิ กับ คาซึระ กำลังรบกับชาวสวรรค์ ในสถานการณ์ที่พวกเขากำลังเสียเปรียบ คาซึระ ที่กำลังถอดใจ แต่กินโทกิกลับดาหน้าต่อสู้กับชาวสวรรค์ต่อไป แถมเขายังพูดประโยคที่กินใจอีก นั่นก็คือ
"ถ้ามีเวลาขนาดมาพร่ำพรรณนาเรื่องวาระสุดท้ายที่งดงามแล้วละก็ สู้มีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างสวยงามจนสิ้นอายุขัยไม่ดีกว่าเรอะ" เป็นต้น
เรียกได้ว่าบางคนอ่านแล้วถึงกับโดนกับคำคมจากเรื่องนี้ไปเลยก็มี.....
updt by : แฝดนรก
Credit : kartoon-discovery
ความคิดเห็น