ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กมลมารที่เปลี่ยนแปร

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ค. 56


    Intro

     

                    ท่ามกลางราตรีที่งดงาม บุรุษผู้สูงศักดิ์หลับใหลอยู่ในปราสาทหลังงามที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าที่มิมีผู้ใดกล้าเหยียบย่างเข้ามา ด้วยที่นี่เป็นที่อยู่ของจอมมาร ราชันย์ที่อยู่เหนือหมู่ปีศาจทั้งปวง ภายในปราสาทเงียบสงัด ไร้วี่แววว่าจะมีใครอาศัยอยู่ เพราะราชาที่พวกเขาเคารพผู้เป็นผู้ครอบครองปราสาทนั้นกลับหลับใหลมายาวนานกว่า 300 ปี เพื่อรอคอยการกลับมาของนางอันเป็นที่รัก หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นผู้ครอบครองดวงใจแห่งจอมมาร เพียงผู้เดียวที่เหมาะสมจะเป็นราชินีเคียงคู่กับเขา

     

                    หากแต่ยามนี้ราชันย์ที่หลับใหลได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว....

     

                    "ได้เวลาแล้วสินะ"เสียงทุ้มทรงอำนาจที่ไม่ว่าใครก็หวั่นเกรงมาจากเงาร่างสีดำที่ยืนอยู่บนระเบียงระเบียงปราสาท ทันใดนั้นเงาสีดำอีกสอง'ตน'ได้ปรากฎขึ้นด้านหลัง

     

                    "ยินดีต้อนรับกลับมาเจ้าค่ะ/ขอรับ ท่านจอมมาร"สองโทนเสียงของหนึ่งชายหนึ่งหญิงที่คุกเข่าอยู่เบื้องหลังราชาของตน สตรีดูไม่ยากเลยว่าเป็นเผ่าใด ใบหน้าสวยที่หลอกล่อเหล่าบุรุษผู้เดินเรือให้หลงใหล นัยน์ตาสีมรกตดุจท้องทะเลอันกว้างใหญ่ เรือนผมสีไพลิน หูเป็นครีบที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือเผ่าพันธุ์ที่จงรักภักดีตลอดกาล สตรีผู้เป็นจ้าวแห่งสมุทร ไซเรนและอีกหนึ่งบุรุษคือเผ่าพันธุ์ที่ไม่เคยขึ้นตรงต่อใคร จ้าวแห่งท้องนภา มังกร ใบหน้าที่หล่อเหลาที่ล้อมรอบด้วยเรือนผมสีขาวสะอาด กับดวงตาสีฟ้าใสที่เหมือนกับผืนฟ้าที่สดใส สว่างไสวราวกับเป็นการหยอกล้อสถานที่แห่งนี้ทั้งที่เป็นมังกรแห่งแสง แต่กลับมาอยู่ที่นี่ปราสาทของจ้าวแห่งรัตติกาลผู้ที่ได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมที่สุด แม้แต่เทพยังยากจะต่อกร และคุกเข่าลงเบื้องหลังชายคนนี้ จอมมารผู้ถูกเรียกว่าความชั่วร้าย ปีศาจที่อยู่เหนือปีศาจ และเป็นราชาที่ชาวมังกรยอมรับ...

     

                    "ขอบใจพวกเจ้าทั้งสองมากที่คอยดูแลแดนปีศาจระหว่างที่เราหลับไป"ผู้ถูกเรียกว่าจอมมารหันกลับมาหาสหายที่แสนภักดีสองคนนี้ ยามที่ผู้เป็นนายหันมาพอดีกับแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา ข้ารับใช้ทั้งสองแม้จะเคยรับใช้มานานแต่ก็ไม่เคยเลยที่จะชินกับความงดงามของนายเหนือหัว รูปร่างสูงโปร่งภายใต้ผ้าคลุมสีดำขลิบทองช่างสง่างามหาใครเปรียบ ใบหน้าเรียวยามต้องแสงจันทร์ยิ่งเป็นสิ่งที่งดงามเกินกว่าจะเรียกว่าเป็นปีศาจ ความงดงามที่แม้แต่เหล่าเทพก็ไม่อาจเทียบเท่า เรือนผมยาวสีรัตติกาลที่พริ้วตามสายลม ดวงตาเรียวทรงอำนาจสีโกเมนอัญมณีแสนเลอค่ายามต้องแสงจันทร์ยิ่งเปล่งประกายสะกดทุกลมหายใจของผู้ได้พบเห็นคู่นั้นเด่นชัดแม้ในยามราตรี ริมฝีปากเรียวประดับรอยยิ้มเล็กที่มุมปากบ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าของเป็นอย่างดี ก่อนที่รอยยิ้มจะหายไปแทนที่ด้วยความโกรธเกรี้ยว นัยน์ตาวาวโรจน์คู่นั้นเต็มไปด้วยโทสะ "ไปกันเถอะ เตรียมการทุกอย่างให้พร้อม สำหรับการกลับมาของนาง และในครานี้ข้าจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เหมือนเมื่อครั้งนั้นอีกแล้ว!!"

     

                    สิ้นเสียงแห่งความเคียดแค้นของจ้าวแห่งปีศาจร่างของทั้งสามก็หายไปในความมืด เหลือไว้เพียงเสียงทรงอำนาจที่กังวานไปทั่วทั้งป่า ประกาศการกลับมาของจ้าวเหนือหัวและได้เวลาแห่งการล้างแค้นผู้ที่อาจหาญตั้งตนเป็นศัตรู เหล่าสัตว์ปีศาจส่งเสียงคำรามตอบรับเสียงของผู้เป็นนาย โดยที่ไม่รู้เลยว่าบัดนี้ราชินีอันเป็นที่รักกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะเปลี่ยนนางไปตลอดกาล...

     

                    คฤหาสน์หลังงามที่บัดนี้ถูกย้อมไปด้วยเปลวไฟและเลือด ย้อมทุกสิ่งเป็นสีแดงฉาน เสียงกรีดร้องดังระงมหากแต่ภายใจเสียงนั่นกลับไม่มีเสียงร่ำร้องขอชีวิตจากผู้ถูกล่าสังหาร เพราะพวกเขาไม่มีทางอ้อนวอนต่อผู้ที่บังอาจคิดร้ายต่อเจ้านายของพวกเขา

     

                    เสียงหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อนดังขึ้นประสานกันสองเสียง โดยชายหญิงวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของปราสาทที่ถูกย้อมไปด้วยเปลวเพลิงช่วยกันประคองเด็กน้อยอายุประมาณไม่ถึงสิบขวบสองคนวิ่งหนีไปด้วย

     

                    "เซซาเนีย เจ้าพาลูกหนีไปซะ หนีไปหาเซซีเพื่อนของเจ้า ข้าเชื่อว่าที่นั่นต้องปลอดภัยสำหรับพวกเขา"เสียงทุ้มของผู้เป็นสามีแนะนำวิธีที่เขาคิดว่าดีที่สุดแล้วในตอนนี้ เพื่อให้ภรรยาและลูกปลอดภัยและหนีออกไปได้ไกลที่สุด ไกลจากพวกที่ตามล่าเอาชีวิตเขาในตอนนี้ พวกมันตั้งใจฆ่าพวกเราทั้งตระกูลเนื่องจากตระกูลของเขามีอำนาจมากถึงขนาดแทบจะกุมอำนาจของอาณาจักรเลยก็ว่าได้

     

    ด้วยฐานะของเขาที่เป็นแม่ทัพใหญ่ที่พิชิตศึกใหญ่นำชัยมาสู่อาณาจักรมากมายด้วยความกล้าหาญและจงรักภักดี อีกทั้งน้องสาวคนเล็กต่างแม่ของเขาก็ได้แต่งงานกับองค์ชายรัชทายาทที่จะได้สืบทอดบัลลังก์ต่อไป ทำให้อำนาจของตระกูลของเขาแทบจะยิ่งใหญ่เหนือกษัตริย์ ทำให้มีคนมากมายหวังผลประโยชน์จากเขาโดยการตีสนิทเขาหากแต่ด้วยความที่จงรักภักดีต่อแผ่นดินทำให้เขาไม่ให้ความร่วมมือ จึงถูกปองร้ายจนถึงขั้นฆ่าทั้งตระกูล พวกมันจึงจ้างนักฆ่าและทหารรับจ้างฝีมือดีมากมายมากำจัดเขา ตัวเขาในตอนนี้ก็เริ่มแก่ตัวลงมากแล้วบวกเอาประมาทเกินไปจึงถูกพวกมันไล่ต้อนมาถึงขนาดนี้ ในยามนี้พวกมันใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว

     

                    "ไม่ลูซิส ข้าจะไม่ยอมทิ้งท่านไว้คนเดียวแน่ ข้าจะร่ายเวทย์เคลื่อนย้ายให้ลูกๆเอง ท่านช่วยถ่วงเวลาให้ข้าหน่อยนะ"น้ำเสียงอันเด็ดเดี่ยวของภรรยารีบปฏิเสธสามีทันที แล้วหันไปร่ายเวทย์โดยไม่รอฟังความเห็นของเขา ในยามนี้นางรู้แล้วว่าพวกนางไม่มีทางรอด แต่ขอเพียงลูกๆเท่านั้นขอเพียงลูกๆมีชีวิตอยู่พวกนางก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว

     

    เซซาเนียร่ายเวทย์เคลื่อนย้ายโดยได้ปลดปล่อยพลังเวทย์ทั้งหมดออกมา ทำให้ลูซิสทราบดีว่านางตั้งใจสละชีวิตทั้งหมดเพื่อให้ลูกๆของนางหนีไปได้อย่างปลอดภัย เพราะเวทย์เคลื่อนย้ายนั้นเดิมทีก็เป็นเวทย์ที่เอาแน่ไม่ได้แทบจะควบคุมไม่ได้เลยว่าจะไปโผล่ที่ไหนอีกทั้งการเคลื่อนย้ายคนสองคนก็ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ภรรยาของเขาคือจอมเวทย์หญิงอัจฉริยะที่มีพลังเวทย์มากที่สุด และอายุน้อยที่สุด หากนางปลดปล่อยพลังออกมาทั้งหมดการจะกำหนดตำแหน่งที่แน่นอนและไปได้สองคนก็สามารถทำได้ แต่นั่นหมายถึงนางต้องสละชีวิตของนางด้วย เห็นอย่างนั้นเขาจึงตัดสินใจได้ หากนางต้องการอย่างนั้นเขาก็จะช่วยให้มันสำเร็จเอง มือสองข้างที่เคยหมดเรี่ยวแรงขยับเข้าไปหยิบดาบเข้าฟาดฟันกับเหล่านักฆ่าและทหารรับจ้างมากมายที่ดาหน้าเข้ามาหวังปลิดชีวิตเขาและครอบครัว

     

                    เด็กน้อยทั้งสองคนแม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นหากแต่สัญชาตญาณของพวกเขาบอกให้รู้ว่าพวกเขาต้องจากพ่อแม่ไป เด็กชายตัวน้อยหันไปซุกอกของเด็กผู้หญิงข้างๆ แม้จะไม่มีเสียงสะอื้นออกมาแต่หยาดน้ำตาที่หลั่งรินออกมาจากนัยน์ตาสีอเมทิสต์คู่นั้นกลับบ่งบอกว่าเขากำลังเสียใจ ฝ่ายเด็กผู้หญิงคนนั้นเองก็เช่นกัน ไม่เอ่ยอะไรออกมาหากแต่ดวงตาสีอำพันกลับถูกบดบังด้วยหยาดน้ำตาจนแทบจะมองอะไรไม่เห็น ผู้เป็นแม่เมื่อเห็นลูกๆของตนร้องไห้ก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับมีมีดมากรีดที่ดวงใจ หากแต่ตนกลับไม่อาจทำอะไรได้นอกจากท่องบทเวทย์ต่อไปทั้งน้ำตา ทันทีที่ร่ายเวทย์จบ แสงสีฟ้าขาวก็โอบล้อมร่างเล็กๆของเด็กน้อยทั้งสองเอาไว้ ก่อนที่จะพรากจากกันตลอดกาลจึงร่ำราแก้วตาดวงใจทั้งสองคนทั้งน้ำตา

     

                    "ลูกเอ๋ย อย่าได้เสียใจชีวิตที่พ่อกับแม่มอบให้เลยนะ พวกเจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างสง่าสมกับเป็นทายาทแห่งล็อควอล พวกเจ้าจะต้องช่วยเหลือกัน อยู่เคียงข้างกัน อย่าได้ทอดทิ้งกันนะเซซาเนียหันไปกล่าวกับเด็กหญิงตัวน้อยว่าเจริน่าลูกเป็นพี่จะต้องดูแลน้องให้ดีๆ อย่าให้ใครมาทำร้ายน้องได้ เจ้าจะต้องเข้มแข็งสมเป็นทายาทของจอมเวท มองไปที่เด็กชายในอ้อมแขนของผู้เป็นพี่ส่วนเคอัสแม้ลูกจะเป็นน้องหากแต่ลูกก็เป็นผู้ชายจะต้องปกป้องพี่สาวของเจ้าให้ดี เจ้าจะต้ององอาจ กล้าหาญสมกับเป็นทายาทแห่งแม่ทัพใหญ่ ลาก่อนนะ ลูกรักของแม่"เมื่อกล่าวจบร่างของเด็กๆและแสงสีฟ้าขาวก็หายไปพร้อมกับชีวิตของนาง โดยที่ไม่รู้เลยว่าเพราะคำสั่งเสียสุดท้ายของนางจะเปลี่ยนชีวิตของลูกๆไปตลอดกาล

     

                    เมื่อเด็กทั้งสองปรากฏตัวที่บ้านของจอมเวทย์หญิงเซซี สิ่งที่ทุกคนเห็นคือภาพของเด็กสองคนอายุ 7 ขวบกำลังโอบกอดกันราวกับเป็นที่พึงของกันและกัน เด็กหญิงผู้เป็นพี่สาวลูบหัวปลอบขวัญเด็กชายในอ้อมแขนที่ร้องไห้อย่างหนักแม้เจ้าตัวพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไว้ก็ตาม เหมือนกับมีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นไม่ให้ใครเข้าไปรบกวนเด็กสองคนนี้แม้แต่ตัวเซซีเองก็ตาม

     

    ผ่านไปสักพักเด็กชายร้องไห้หนักจนเพลียและหลับไปหากแต่เด็กสาวคนนั้นกลับนิ่งสงบเหมือนเดิม แม้ไม่มีเสียงสะอื้น แต่ดวงตาที่แดงก่ำเพราะร้องไห้ ดวงหน้าที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตาก็ทำให้ทราบได้แล้วว่านางเสียใจเพียงใด หากแต่ดวงตาสีอำพันของนางที่เคยอ่อนโยน เริ่มเปลี่ยนไปทุกวินาทีนับแต่มาถึงที่นี่ มันไม่ได้เปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้น มันไม่ได้แข็งกระด้าง หากแต่เป็นดวงตาที่ว่างเปล่า ปิดความรู้สึกทั้งหมดเข้าไปไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจ และเรียวปากเล็กๆนั่นได้เอื้อนเอ่ยคำสัญญา ให้แก่บิดาและมารดา และเด็กชายตัวน้อยในอ้อมแขน

     

                "ท่านพ่อ ท่านแม่ ในยามนี้ข้าเหลือแต่เพียงน้องชายเพียงคนเดียวแล้ว ข้าจะดูแลน้อง ข้าจะปกป้องเขา อยู่เคียงข้างเขา ข้าจะทำเพื่อเขาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าจะเป็นคนปกป้องเขาแทนพวกท่านเอง"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×