ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : my family ToT~~
“อร่อยไหม?” เสียงหวานๆดังขึ้นเป็นเสียงแรกที่ได้ยิน ดวงตาสีเขียวมรกตลืมตาขึ้นช้าๆ “อร่อยสิ ไม่น่าถาม” เสียงอีกเสียงหนึ่งที่คุ้นลอยเข้ามาอีก สเตฟานี่ตั้งสติได้และกวาดสายตามองไปรอบๆ เขาจำได้ว่าที่นี่ไม่ใช่ป่าหมอกและไม่ใช่บ้านเขาด้วย
“อย่ากินมากนักเราจะต้องเดินทางอีกไกล...เดี๋ยวจุกหรอก” เสียงแก่ๆของใครคนหนึ่งแว่วมาอีก สเตฟานี่รู้ว่านี่มันคฤหาสน์หลังงามๆชัดๆถ้าไม่ใช่ก็คงเป็นปราสาท
พื้นฉาบด้วยกระเบื้องสีทองอร่ามแท้และมีพรมสีแดงกำมะหยี่ปูลาดพื้นกระเบื้องสีทองวาววับเป็นทางไปจนไปสิ้นสุดที่โต๊ะอาหารที่มีคนลายล้อมจนนับได้เหนือโต๊ะอาหารที่ใช้ผ้าปูโต๊ะสีน้ำเงินมีขอบเป็นสีทองและแดงมีโคมระย้าเคลือบทองคำ มีโคมระย้าเป็นจุดๆทั่วห้อง ทำให้ห้องดูสว่างชัดถนัดตา “เข้าใจไหมตาแก่ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง” เสียงของคนตะกละดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้สเตฟานี่อยากรู้แล้วว่าใครพูดตะกละเช่นนี้ เขาจึงลุกจากเตียงเดินตรงไปยังโต๊ะอาหารแล้วร้องทักขึ้นว่า “ไง” “อ้าว นายตื่นแล้วเหรอ มามะ มากินด้วยกัน” เสียงอันจอมตะกละคือเสียงของเจ้าจอมโจรปริศนานั่นเอง “งั่ม มามะมานั่งตรงนี้” จอมโจรกัดน่องไก่อย่างอเหร็ดอร่อยพลางเอ่ยชวนสเตฟานี่ให้มานั่งเก้าอี้ตัวสุดท้ายที่เหลือว่างใกล้ๆเขา สเตฟานี่เดินด้อมๆไปทางเก้าอี้ที่อยู่ใกล้จอมโจรพลางกวาดสายมองไปรอบๆโต๊ะว่ามีใครมาร่วมโต๊ะบ้างผู้ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะคือสตรีผมสีทองปากแดงเรื่อที่เขาพบเธอตอนเธอสู้กับหัวหน้าปีศาจ ฝั่งตรงข้ามกับเธอคือตาแก่หัวหงอกเครายาวเมตรนึงที่เป็นทวดของทวดของทวดของเขาส่วนคนอื่นๆก็มีจอมโจรปริศนาและชายผู้ใส่ชุดเกราะสีทองกับสีดำสองคนส่วนคนที่เหลือล้วนเป็นนางสนมของสตรีผู้กล้าหาญที่ริอาจไปสู้กับหัวหน้าสัตว์ต่างสายพันธุ์ สเตฟานี่ก้าวยาวๆไปที่เก้าอี้ที่ว่างแล้วนั่งลง “ง่า...เอ่อ..ไม่ทราบว่าชื่ออะไรกันบ้างน่ะครับ ผมชื่อสเตฟานี่น่ะ” สเตฟานี่กล่าวแนะนำตัวขึ้นเป็นคนแรก
“ผมชื่อ...เอาเป็นชื่อที่เขาเรียกกันทั่วๆไปละกัน..จอมโจรปริศนา” จอมโจรพูดพร้อมยืนขึ้น
“ไม่ต้องหรอกน่าฉันรู้ดี” สเตฟานี่พึมพำพลางชักให้เจ้าคนที่ยืนเคี้ยวน่องไก่ง่ำๆอยู่ให้นั่งลง
“ฉันชื่อ โคซาเดียร์ อาสบาร์” ชายชุดเกราะสีดำแนะนำตัว ท่าทางเขาสุขุมและเก็บตัว ยโส โอหัง
“ส่วนฉัน อเรสซาเบียร์ อาสบาร์ เป็นพี่น้องฝาแฝดของเขา” ชายชุดเกราะสีทองเอ่ยเสียงระรื่น
มิน่า หน้าตาเหมือนยังกับถอดรูปออกมาแต่ยกเว้นสีผม สีผมของไอ้ โค ซ่า...สีน้ำตาล แต่พี่ของเขากลับผมสีทองเช่นเดียวกับสีของชุดเกราะ และอีกอย่างคืออารมณ์ อารมณ์ของพวกเขาตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง สเตฟานี่คิด
“ฉันชื่อ ออโรร่าและนี่ ” นางสนมคนแรกแนะนำตัวและผายมือไปทางคนที่สอง
“ อิมโมเนียร์”
“ซาร่า”
“ริต้า”
“คาดาเบลร่า” คำแนะนำตัวเสร็จสิ้นของนางสนม
“ง่า...มีตั้ง5คนแน่ะ” สเตฟานี่อึ้ง “ใช่เราต้องดูและปกป้ององค์หญิงเพรนโซลีน่าอย่างใกล้ชิด เพราะเดี๋ยวนี้ประชาชนชาวคาดาร่าอ่อนแอและยากจนจึงต้องมาจับตัวองค์หญิงไปเรียกค่าไถ่” ออโรร่าอธิบาย
“พวกผู้หญิงจะสู้อะไร้ไหว” จอมโจรบ่นพลางกระดกแก้วไวน์องุ่น
โครม
เสียงออโรร่าชกจอมโจรกระเด็นตกเก้าอี้ไป “อย่าเสียมรรยาทสิออโรร่า” เสียงนุ่มๆจากเจ้าหญิงเพรนโซลีน่าตำหนิออโรร่า “ขออภัยเพคะองค์หญิง” ออโรร่าพูดจ๋อยๆ “องหญิงเพรนโซลีน่า?” สเตฟานี่สงสัย “ใช่ข้าชื่อเพรนโซลีน่ายินดีที่ได้รู้จัก” องหญิงถึงคราวแนะนำตัวบ้างเป็นคนสุดท้ายและท้ายสุด “ยินดีพะย่ะค่ะฝ่าบาท” สเตฟานี่พูดดัดเสียงเข้ม “หึหึหึ น่ารักจริงๆพ่อหนุ่ม ออโรร่ามัวทำอะไรอยู่ไปประคองท่านจอมโจรมาซะสิ” องค์หญิงตรัส “เพคะ” ออโรร่าตอบพลางวิ่งเหยาะๆไปหาจอมโจรที่กำลังแกล้งนอนกับพื้นพร้อมส่งเสียงครวญคราง “ลุกขึ้นมาซะทีอย่าสำออยให้มากนัก” ออโรร่าดุ “โอ๊ยๆๆนางสนมไม่ช่วยข้าแถมดุข้าอีก โอ๊ยๆ” จอมโจรแกล้งตะโกนสำออย “ออโรร่า นับวันเจ้ายิ่งแย่ลงนะ” องค์หญิงดุ “ขออภัยเพคะ เดี๋ยวนี้หม่อมฉันไม่สบายเลยทำงานแย่ลงเพคะ” ออโรร่าแก้ต้ว พลางประคองจอมโจรไปนั่งบนเก้าอี้
“ชิ” ออโรร่าสบถ แต่จอมโจรกลับยิ้มอย่างมีชัย “เรามาว่าเรื่องการออกเดินทางดีกว่านะ ทุกคน” ตาแก่เป็นคนเปิดบทสนทนาที่เข้มข้นขึ้นเป็นคนแรก “สเตฟานี่” ตาแก่เรียก “ครับ” สเตฟานี่เด้งจากเก้าอี้ขึ้นมา “เธอต้องทำอะไร?” ตาแก่ถาม “มะ..ๆ...ไม่รู้ครับ” สเตฟานี่ตอบอย่างตะกุกตะกัก “งานของเจ้าคือ เจ้าต้องทำการชิงดาบ โรจรอเจอร์ให้ได้ ก่อนที่ซาตานจะรู้ทัน นั่นเป็นเพียงดาบเดียวที่จะสยบซาตานได้เท่านั้น” ตาแก่บอก เกิดเสียงวิพากษ์วิจารดังรอบๆโต๊ะก่อนที่จะมีใครผู้หนึ่งยกมือถามอย่างกล้าหาญ “นั่นคือดาบที่ท่านใช้สยบซาตานใช่มั้ย?” อเรสซาเบียร์ถามขึ้น “ใช่แล้วถูกต้อง” ตาแก่งี่เง่าตอบ ทำให้สเตฟานี่นึกถึงภาพที่อยู่ๆก็ปรากฎขึ้นมาเฉยๆ ปีศาจใส่ชุดเกราะนั่นที่แท้ก็คือซาตานนั่นเอง “จะเกิดผลอะไรมั้ย ถ้าดาบไปอยู่ในมือสเตฟานี่” โคซาเดียร์ถามมั่ง “อืม...ข้าก็จะไปเกิดใหม่...” ตาแก่เอ่ยตอบ เสียงคุยกันเซ็งแซ่อีกครั้ง มีเพียงสเตฟานี่ที่นั่งอึ้งอยู่คนเดียวเท่านั้น สีหน้าบ่งบอกถึงความตกใจสุดขีด นี่ตาทวดของเขาต้องไปเกิดใหม่ในท้องคนอื่นหรือเนี่ย  สเตฟานี่คิดในใจก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “ตาทวดจะไปเกิดท้องใครล่ะครับ?” ท้องเมียเจ้านั่นแหล่ะ แต่ข้าจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น” ตาทวดเอ่ย สเตฟานี่ครุ่นคิดสักพักก่อนที่จะอ้าปากถาม แต่ถูกตาแก่ดักคอ “เจ้าไปพิฆาตซาตานให้ได้เนื่องจากมันจะชุบชีวิตเจ้าปีศาจ ปีศาจที่ไม่มีใครสามารถสยบมันได้ หลังจากที่เจ้าฆ่าซาตานได้ ทุกคนในญาติของเจ้าก็จะกลับมายกเว้นข้า” คราวนี้ไม่มีใครพูดออกได้เพราะรู้ดีในความรู้สึกของสเตฟานี่ ทุกคนรักและห่วงใยญาติต่างๆนานา แต่สเตฟานี่ขาดตาทวดไปคนนึง น้ำตาสีขาวใสไหลอาบแก้มของสเตฟานี่เป็นทาง
“ผมไม่เอาดาบนั่นแล้ว!!!!!” สเตฟานี่ตะโกน
“สเตฟานี่...” ตาทวดจะเอ่ยปลอบ
“ไม่ต้องปลง ไม่ต้องปลอบผมหรอก จ้างให้ผมก็ไม่เอาดาบนั่นหรอก” สเตฟานี่ค้านหัวชนฝา
“สเตฟานี่...” ตาแก่จะเอ่ยขึ้นอีกแต่ถูกไอ้ทายาทจอมยุ่งดักคออีก
“ไม่ต้อง ผมไม่ดึงดาบเฮงซวยนั่นหรอก”
“สเต...”
“จ้างให้ผมก็ไม่ดึงดาบพรรค์นั้นหรอก”
“สเตฟานี่ ขาดแค่ชีวิตเดียว คือ ข้าเนี่ยนะแล้วถึงไม่ยอมเอาดาบ แล้วเจ้าได้ข้ามาเพียง 1 แต่กลับไม่ได้หลายชีวิต”
สเตฟานี่ถึงกับอึ้งกิมกี่ที่ตาทวดตะคอกใส่เขาได้ขนาดนี้
“เอ่อ.ๆ...ๆ....ข้าว่าไปหาพ่อฉันดีกว่าเพื่อขออนุญาตเรื่องที่ข้าจะไปด้วยได้เปล่า?น่ะ” องค์หญิงเอ่ยขึ้น “ดีฝ่าบาท หม่อมฉันอยากออกเดินทางเต็มทนแล้ว” สเตฟานี่พูดก่อนจะย่างเท้าสวบๆลุกจากเก้าอี้หายวับไปจากห้อง
“อย่ากินมากนักเราจะต้องเดินทางอีกไกล...เดี๋ยวจุกหรอก” เสียงแก่ๆของใครคนหนึ่งแว่วมาอีก สเตฟานี่รู้ว่านี่มันคฤหาสน์หลังงามๆชัดๆถ้าไม่ใช่ก็คงเป็นปราสาท
พื้นฉาบด้วยกระเบื้องสีทองอร่ามแท้และมีพรมสีแดงกำมะหยี่ปูลาดพื้นกระเบื้องสีทองวาววับเป็นทางไปจนไปสิ้นสุดที่โต๊ะอาหารที่มีคนลายล้อมจนนับได้เหนือโต๊ะอาหารที่ใช้ผ้าปูโต๊ะสีน้ำเงินมีขอบเป็นสีทองและแดงมีโคมระย้าเคลือบทองคำ มีโคมระย้าเป็นจุดๆทั่วห้อง ทำให้ห้องดูสว่างชัดถนัดตา “เข้าใจไหมตาแก่ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง” เสียงของคนตะกละดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้สเตฟานี่อยากรู้แล้วว่าใครพูดตะกละเช่นนี้ เขาจึงลุกจากเตียงเดินตรงไปยังโต๊ะอาหารแล้วร้องทักขึ้นว่า “ไง” “อ้าว นายตื่นแล้วเหรอ มามะ มากินด้วยกัน” เสียงอันจอมตะกละคือเสียงของเจ้าจอมโจรปริศนานั่นเอง “งั่ม มามะมานั่งตรงนี้” จอมโจรกัดน่องไก่อย่างอเหร็ดอร่อยพลางเอ่ยชวนสเตฟานี่ให้มานั่งเก้าอี้ตัวสุดท้ายที่เหลือว่างใกล้ๆเขา สเตฟานี่เดินด้อมๆไปทางเก้าอี้ที่อยู่ใกล้จอมโจรพลางกวาดสายมองไปรอบๆโต๊ะว่ามีใครมาร่วมโต๊ะบ้างผู้ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะคือสตรีผมสีทองปากแดงเรื่อที่เขาพบเธอตอนเธอสู้กับหัวหน้าปีศาจ ฝั่งตรงข้ามกับเธอคือตาแก่หัวหงอกเครายาวเมตรนึงที่เป็นทวดของทวดของทวดของเขาส่วนคนอื่นๆก็มีจอมโจรปริศนาและชายผู้ใส่ชุดเกราะสีทองกับสีดำสองคนส่วนคนที่เหลือล้วนเป็นนางสนมของสตรีผู้กล้าหาญที่ริอาจไปสู้กับหัวหน้าสัตว์ต่างสายพันธุ์ สเตฟานี่ก้าวยาวๆไปที่เก้าอี้ที่ว่างแล้วนั่งลง “ง่า...เอ่อ..ไม่ทราบว่าชื่ออะไรกันบ้างน่ะครับ ผมชื่อสเตฟานี่น่ะ” สเตฟานี่กล่าวแนะนำตัวขึ้นเป็นคนแรก
“ผมชื่อ...เอาเป็นชื่อที่เขาเรียกกันทั่วๆไปละกัน..จอมโจรปริศนา” จอมโจรพูดพร้อมยืนขึ้น
“ไม่ต้องหรอกน่าฉันรู้ดี” สเตฟานี่พึมพำพลางชักให้เจ้าคนที่ยืนเคี้ยวน่องไก่ง่ำๆอยู่ให้นั่งลง
“ฉันชื่อ โคซาเดียร์ อาสบาร์” ชายชุดเกราะสีดำแนะนำตัว ท่าทางเขาสุขุมและเก็บตัว ยโส โอหัง
“ส่วนฉัน อเรสซาเบียร์ อาสบาร์ เป็นพี่น้องฝาแฝดของเขา” ชายชุดเกราะสีทองเอ่ยเสียงระรื่น
มิน่า หน้าตาเหมือนยังกับถอดรูปออกมาแต่ยกเว้นสีผม สีผมของไอ้ โค ซ่า...สีน้ำตาล แต่พี่ของเขากลับผมสีทองเช่นเดียวกับสีของชุดเกราะ และอีกอย่างคืออารมณ์ อารมณ์ของพวกเขาตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง สเตฟานี่คิด
“ฉันชื่อ ออโรร่าและนี่ ” นางสนมคนแรกแนะนำตัวและผายมือไปทางคนที่สอง
“ อิมโมเนียร์”
“ซาร่า”
“ริต้า”
“คาดาเบลร่า” คำแนะนำตัวเสร็จสิ้นของนางสนม
“ง่า...มีตั้ง5คนแน่ะ” สเตฟานี่อึ้ง “ใช่เราต้องดูและปกป้ององค์หญิงเพรนโซลีน่าอย่างใกล้ชิด เพราะเดี๋ยวนี้ประชาชนชาวคาดาร่าอ่อนแอและยากจนจึงต้องมาจับตัวองค์หญิงไปเรียกค่าไถ่” ออโรร่าอธิบาย
“พวกผู้หญิงจะสู้อะไร้ไหว” จอมโจรบ่นพลางกระดกแก้วไวน์องุ่น
โครม
เสียงออโรร่าชกจอมโจรกระเด็นตกเก้าอี้ไป “อย่าเสียมรรยาทสิออโรร่า” เสียงนุ่มๆจากเจ้าหญิงเพรนโซลีน่าตำหนิออโรร่า “ขออภัยเพคะองค์หญิง” ออโรร่าพูดจ๋อยๆ “องหญิงเพรนโซลีน่า?” สเตฟานี่สงสัย “ใช่ข้าชื่อเพรนโซลีน่ายินดีที่ได้รู้จัก” องหญิงถึงคราวแนะนำตัวบ้างเป็นคนสุดท้ายและท้ายสุด “ยินดีพะย่ะค่ะฝ่าบาท” สเตฟานี่พูดดัดเสียงเข้ม “หึหึหึ น่ารักจริงๆพ่อหนุ่ม ออโรร่ามัวทำอะไรอยู่ไปประคองท่านจอมโจรมาซะสิ” องค์หญิงตรัส “เพคะ” ออโรร่าตอบพลางวิ่งเหยาะๆไปหาจอมโจรที่กำลังแกล้งนอนกับพื้นพร้อมส่งเสียงครวญคราง “ลุกขึ้นมาซะทีอย่าสำออยให้มากนัก” ออโรร่าดุ “โอ๊ยๆๆนางสนมไม่ช่วยข้าแถมดุข้าอีก โอ๊ยๆ” จอมโจรแกล้งตะโกนสำออย “ออโรร่า นับวันเจ้ายิ่งแย่ลงนะ” องค์หญิงดุ “ขออภัยเพคะ เดี๋ยวนี้หม่อมฉันไม่สบายเลยทำงานแย่ลงเพคะ” ออโรร่าแก้ต้ว พลางประคองจอมโจรไปนั่งบนเก้าอี้
“ชิ” ออโรร่าสบถ แต่จอมโจรกลับยิ้มอย่างมีชัย “เรามาว่าเรื่องการออกเดินทางดีกว่านะ ทุกคน” ตาแก่เป็นคนเปิดบทสนทนาที่เข้มข้นขึ้นเป็นคนแรก “สเตฟานี่” ตาแก่เรียก “ครับ” สเตฟานี่เด้งจากเก้าอี้ขึ้นมา “เธอต้องทำอะไร?” ตาแก่ถาม “มะ..ๆ...ไม่รู้ครับ” สเตฟานี่ตอบอย่างตะกุกตะกัก “งานของเจ้าคือ เจ้าต้องทำการชิงดาบ โรจรอเจอร์ให้ได้ ก่อนที่ซาตานจะรู้ทัน นั่นเป็นเพียงดาบเดียวที่จะสยบซาตานได้เท่านั้น” ตาแก่บอก เกิดเสียงวิพากษ์วิจารดังรอบๆโต๊ะก่อนที่จะมีใครผู้หนึ่งยกมือถามอย่างกล้าหาญ “นั่นคือดาบที่ท่านใช้สยบซาตานใช่มั้ย?” อเรสซาเบียร์ถามขึ้น “ใช่แล้วถูกต้อง” ตาแก่งี่เง่าตอบ ทำให้สเตฟานี่นึกถึงภาพที่อยู่ๆก็ปรากฎขึ้นมาเฉยๆ ปีศาจใส่ชุดเกราะนั่นที่แท้ก็คือซาตานนั่นเอง “จะเกิดผลอะไรมั้ย ถ้าดาบไปอยู่ในมือสเตฟานี่” โคซาเดียร์ถามมั่ง “อืม...ข้าก็จะไปเกิดใหม่...” ตาแก่เอ่ยตอบ เสียงคุยกันเซ็งแซ่อีกครั้ง มีเพียงสเตฟานี่ที่นั่งอึ้งอยู่คนเดียวเท่านั้น สีหน้าบ่งบอกถึงความตกใจสุดขีด นี่ตาทวดของเขาต้องไปเกิดใหม่ในท้องคนอื่นหรือเนี่ย  สเตฟานี่คิดในใจก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “ตาทวดจะไปเกิดท้องใครล่ะครับ?” ท้องเมียเจ้านั่นแหล่ะ แต่ข้าจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น” ตาทวดเอ่ย สเตฟานี่ครุ่นคิดสักพักก่อนที่จะอ้าปากถาม แต่ถูกตาแก่ดักคอ “เจ้าไปพิฆาตซาตานให้ได้เนื่องจากมันจะชุบชีวิตเจ้าปีศาจ ปีศาจที่ไม่มีใครสามารถสยบมันได้ หลังจากที่เจ้าฆ่าซาตานได้ ทุกคนในญาติของเจ้าก็จะกลับมายกเว้นข้า” คราวนี้ไม่มีใครพูดออกได้เพราะรู้ดีในความรู้สึกของสเตฟานี่ ทุกคนรักและห่วงใยญาติต่างๆนานา แต่สเตฟานี่ขาดตาทวดไปคนนึง น้ำตาสีขาวใสไหลอาบแก้มของสเตฟานี่เป็นทาง
“ผมไม่เอาดาบนั่นแล้ว!!!!!” สเตฟานี่ตะโกน
“สเตฟานี่...” ตาทวดจะเอ่ยปลอบ
“ไม่ต้องปลง ไม่ต้องปลอบผมหรอก จ้างให้ผมก็ไม่เอาดาบนั่นหรอก” สเตฟานี่ค้านหัวชนฝา
“สเตฟานี่...” ตาแก่จะเอ่ยขึ้นอีกแต่ถูกไอ้ทายาทจอมยุ่งดักคออีก
“ไม่ต้อง ผมไม่ดึงดาบเฮงซวยนั่นหรอก”
“สเต...”
“จ้างให้ผมก็ไม่ดึงดาบพรรค์นั้นหรอก”
“สเตฟานี่ ขาดแค่ชีวิตเดียว คือ ข้าเนี่ยนะแล้วถึงไม่ยอมเอาดาบ แล้วเจ้าได้ข้ามาเพียง 1 แต่กลับไม่ได้หลายชีวิต”
สเตฟานี่ถึงกับอึ้งกิมกี่ที่ตาทวดตะคอกใส่เขาได้ขนาดนี้
“เอ่อ.ๆ...ๆ....ข้าว่าไปหาพ่อฉันดีกว่าเพื่อขออนุญาตเรื่องที่ข้าจะไปด้วยได้เปล่า?น่ะ” องค์หญิงเอ่ยขึ้น “ดีฝ่าบาท หม่อมฉันอยากออกเดินทางเต็มทนแล้ว” สเตฟานี่พูดก่อนจะย่างเท้าสวบๆลุกจากเก้าอี้หายวับไปจากห้อง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น