ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO's fiction] the illusion of MASK ,, { krislay }

    ลำดับตอนที่ #6 : ▌MASK : chapter 05 - ขอ hidden content ในตอนนี้เท่านั้น

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.16K
      4
      8 พ.ย. 56

    the illusion of

    MASK

    Chapter 05

     

     

    “คู่หมั้น?” จางอี้ชิงถามย้ำในสิ่งที่เพิ่งผ่านหูไปอีกครั้ง

     

    “ใช่ ฉันเพิ่งมาถึงที่นี่วันนี้ ว่าแต่อี้ฟานจะกลับเมื่อไหร่ ตอบได้รึยัง อ้อ! เดี๋ยวสิ นายยังไม่ได้ตอบเลยว่านายเป็นใคร” สิ้นคำถามยาวยืดเยื้อนั้น ไม่เพียงไม่ได้คำตอบอะไรสักข้อ แต่ผู้ชายตัวเล็กคนนั้นหันหลังหนีเธอขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้านทันที

     

    “ไม่มีมารยาท!

     

    “การที่คุณว่าคนที่ไม่รู้จักว่าไม่มีมารยาท ผมว่าก็ไม่มีมารยาทพอกันแหละครับ” จื่อเทาพูดก่อนจะหายตัวไปจากตรงนั้นอีกคน เหลือแต่คิมจุนมยอนที่ยืนอยู่

     

    “ผมว่าคุณกลับบ้านก่อนเถอะครับ ว่าคุณอี้ฟานจะมาก็คงค่ำๆ และเขาก็คงมีเรื่องที่จะต้องคุยกับคุณอี้ชิงอีกนาน เพราะกว่าจะไปตามกลับมาได้ก็เหนื่อยเอาการอยู่ แต่ก็อย่างว่าคนรักกันน่ะครับ พองอนก็ต้องตามไปง้อ”

     

    “คนรัก!?

     

    “โอ๊ะ..ผมพูดมากไปรึเปล่าครับ ขอโทษด้วยนะครับ แต่ผมมีอย่างอื่นต้องไปทำ ขอตัวก่อนนะครับ” จุนมยอนวาดยิ้มหวานให้หญิงสาวตรงหน้าก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้สาวเจ้ายืนอารมณ์เสียอยู่คนเดียวสักพัก และสุดท้ายก็ยอมกลับไปตามคำบอกของคุณหมอตัวเล็ก

     

     

    จางอี้ชิงได้แต่ให้เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เขาใช้เวลาเหล่านั้นในการคิดเรื่องต่างๆ อู๋อี้ฟานเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขาจริงๆ อี้ชิงไม่รู้ว่าธุรกิจพวกนี้เลวร้ายแค่ไหน อี้ฟานเป็นคนมีอำนาจเท่าไหร่ หรือกระทั่งมีชีวิตประจำวันอย่างไร ยิ่งเรื่องความรักของอู๋อี้ฟาน อี้ชิงยิ่งไม่รู้จักมันเลย

     

    พอคิดเช่นนั้นแล้วก็อดรู้สึกไม่ได้..ว่าพี่คริสตายไปจากชีวิตเขาแล้วจริงๆ นั่งคิดทุกเรื่องอยู่อย่างนั้นจวบจนคนเป็นประมุขของบ้านกลับมา

     

    “อี้ชิง” เจ้าของห้องที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาเอ่ยเรียกคนที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียงด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก เพราะชั่งใจว่าอี้ชิงอาจจะหลับอยู่ก็เป็นได้ แต่แล้วใบหน้าหล่อเหลาก็วาดยิ้มกว้างเมื่อคนตัวเล็กหันมา แต่รอยยิ้มก็จางลงพร้อมกับประโยคคำถามของร่างบางตรงหน้า

     

    “คุณบอกผมสักทีได้มั้ย ว่าทำแบบนี้กับผมทำไม”

     

    “อี้ชิง ..พี่ไม่ได้ตั้งใจจะโกหกเราหรอกนะ ทุกเรื่องเลย”

     

    “แต่คุณก็โกหก ..ทุกเรื่องเลย”

     

    “ถ้าพี่บอกความจริงแล้วเรารับได้รึเปล่า ถ้าพี่บอกว่าพี่ฆ่าคนมาเป็นร้อย มีธุรกิจผิดกฎหมาย เลือดเย็นจนใครๆ บอกว่าไร้หัวใจ นายจะรับได้มั้ย”

     

    “ไม่”

     

    “......”

     

    “แต่มันก็เป็นสิทธิของผมที่จะรู้ แล้วคุณคิดจะปิดมันไปจนตายหรือไง”

     

    “ถ้าทำอย่างนั้นแล้วนายจะเป็นอี้ชิงของพี่ตลอดไป พี่ก็จะทำ”

     

    “..แล้วคุณก็จะเป็นอี้ฟานของคุณซงเฉียนไปพร้อมๆ กันด้วยรึเปล่า?”

     

    “อี้ชิง..?

     

    “ตอนที่คบกับผม คุณมีเขาเป็นคู่หมั้นอยู่แล้ว แล้วคุณคิดจะเอาผมไว้ตรงไหนของชีวิตคุณ ตรงที่เป็นพี่คริสจอมปลอมของคุณเท่านั้นน่ะเหรอ!

     

    “อี้ชิง! พี่โกหกเราหลายเรื่องก็จริง แต่ความรักของพี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ”

     

    “หึ หลังจากที่โกหกผมตั้งมากมายขนาดนั้น คุณหวังจะให้ผมเชื่อคำของคุณอีกเหรอ”

     

    “นายเคยบอกจะเชื่อใจคริส แล้วกับอี้ฟานมันต่างกันตรงไหน!” มือใหญ่เอื้อมไปจับท่อนแขนบอบบางแล้วกระชากจนคนตัวเล็กกว่าปลิวเข้าหาตัว

     

    "คุณมันคนโกหก! ผมไม่รู้จักคุณ!!" รู้ว่าดิ้นไปก็หลุดไม่พ้น แต่อี้ชิงก็ยกพยายามผลักแผ่นอกกว้างให้ห่างจากตัว

     

    "อี้ชิง!!"

     

    "อย่าเรียกชื่อผม คุณไม่ใช่พี่คริสของผม"

     

    "จะคริสหรืออี้ฟาน มันก็ฉันทั้งนั้นแหละ!!!!" ร่างสูงคำรามอย่างเหลืออด ความอดทนที่สั่งสมไว้ ถูกทำลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี

     

    "ไม่!! ผมไม่รู้จักอู๋อี้ฟาน ผมไม่รู้จักคนเลวแบบคุณ"

     

    “จางอี้ชิง!!” เสียงเข้มเรียกด้วยระดับที่ดังขึ้นอีก

     

    “..พี่คริสของผมไม่เคยตะคอกผมแบบนี้ เขาไม่ทำให้ผมเจ็บแบบนี้  เขาไม่รักคนอื่น เขารักแต่อี้ชิง.. แล้วเขาก็สัญญา..สัญญาว่าจะไม่ทำให้ผมร้องไห้” จางอี้ชิงปล่อยให้น้ำตาที่กักไว้นานร่วงหล่นเมื่อจบประโยคนั้น นัยน์ตาหวานสบกับดวงตาคมที่ขุ่นมัว..

     

    “แต่คุณทำมันทั้งหมด และคุณ..ก็ไม่ใช่พี่คริส” สิ้นคำพูดนั้นอี้ชิงก็หลุดจากการจับกุมอย่างง่ายดาย คนตัวบางวิ่งออกจากห้องลงมาที่ชั้นล่างก็เจอเข้ากับแบคฮยอนพอดี

     

    “แบคฮยอน พาไปข้างนอกหน่อยสิ”

     

    “ห๊ะ? ไปไหนครับ?” แบคฮยอนเอียงคอถาม

     

    “ไป.. ไป.. ไปซื้อของน่ะ ของใช้ส่วนตัว ไม่มีเลย”

     

    “เดี๋ยวผมไปบอกพี่อี้ฟานก่อน”

     

    “ไม่ต้อง! คือ..ขอแล้วเรียบร้อย คุณอี้ฟานเขาเหนื่อยอยากพัก”

     

    “แต่..” แบคฮยอนจะท้วง แต่อีกคนก็ละล่ำละลักขึ้นมาอีก

     

    “นะแบคฮยอน ฉันก็แค่ไม่อยากกวนเขาน่ะ”

     

    “ก็ได้ครับ แต่ผมไม่มีรถของตัวเองหรอก คุณอี้ชิงรอแป๊บนึงนะ” พูดจบก็ผละจากเขาไปอีกทางหนึ่ง ทิ้งให้อี้ชิงยืนรออย่างกระวนกระวาย แต่ก็เป็นเรื่องดีที่ร่าสูงไม่ได้ตามลงมา กระทั่งแบคฮยอนกลับมาพร้อมสารถีจำเป็น

     

    “เดี๋ยวเทาขับไปให้ คุณอี้ชิงอยากไปที่ไหนครับ”

     

    “ห..ห้างที่ใกล้สุดที่ไหนก็ได้” อี้ชิงตอบพร้อมทั้งหลบดวงตาดุของอีกฝ่าย ยอมรับเลยว่าไม่ชอบการจ้องที่เหมือนจะค้นหาอะไรตลอดเวลาของฮวางจื่อเทาเลยจริงๆ

     

    นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ได้รู้ความจริงของอี้ฟานที่การนั่งรถของอี้ชิงไม่เงียบและอึดอัด เป็นเพราะพยอนแบคฮยอนที่นั่งอยู่ข้างคนขับชวนเขาคุยอยู่ตลอดเวลา แม้จะไม่ค่อยได้คำตอบ แต่เจ้าตัวก็ยังจ้อได้ไม่หยุด

     

    “เรียกพี่อี้ชิงก็ได้นะ” ร่างบางบอกแบบนั้นเพราะแบคฮยอนเอาแต่เรียกคุณอี้ชิงอย่างนั้น คุณอี้ชิงอย่างนี้ ฟังแล้วก็ขัดๆ นิดหน่อย เพราะไม่ค่อยมีใครเรียกเขาแบบนั้น

     

    “จริงเหรอฮะ พี่อี้ชิง พี่อี้ชิง พี่อี้ชิง” แบคฮยอกเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยสรรพนามใหม่อย่างพอใจ

     

    “เงียบสักนาทีจะตายมั้ยพยอนแบคฮยอน” คนที่ทำหน้าที่ขับรถเอ่ยบอกเสียงเรียบ และแน่นอนว่าไม่ได้ละสายตาจากถนนแม้แต่วินาทีเดียว

     

    “อยากเงียบก็เงียบไปคนเดียวดิ” แบคฮยอนสวนแล้วก็หาเรื่องคุยกับจางอี้ชิง หนักเข้าก็รบเร้าให้อี้ชิงเป็นฝ่ายชวนเขาคุยบ้าง

     

    “อืม.. แบคฮยอนอยู่ที่บ้านทำอะไรบ้างเหรอ”

     

    “อ่า.. ถามคำถามยากจัง ฮ่าๆ” หัวเราะแล้วก็นั่งคิดอยู่สักพัก คนตัวเล็กก็เริ่มร่ายยาวตามนิสัย “ผมไม่มีตำแหน่งอะไรในบ้านหรอกครับ ใครให้ทำอะไรก็ทำ แต่ส่วนใหญ่ก็ช่วยพี่จุนมยอนนั่นแหละ”

     

    “สนิทกับคุณจุนมยอนมากเหรอ”

     

    “ครับ ก็ตั้งแต่ที่พี่อี้ฟานรับผมมาเลี้ยง พี่จุนมยอนก็เป็นคนดูแลมาตลอดถึง ถึงจะอายุห่างกันไม่มากนักแต่เขาก็ดูแลผมอย่างดีเลยแหละฮะ แต่ถึงจะสนิทกันยังไงเขาก็เป็นพี่อะครับ อย่างงั้นก็เลยสนิทกับเทามากกว่า เนอะ!” หันไปขอความร่วมมือจากร่างสูง แต่ฝ่ายนั้นก็แค่ปรายตามองแล้วไม่ตอบอะไร “ชิ!

     

    “แบคฮยอนกับเทา..เป็นเพื่อนกันเหรอ?” ฟังเอาแล้วอี้ชิงประมวลผลได้อย่างนั้นจึงถามออกไป

     

    “ครับ! จื่อเทาอายุมากกว่าปีนึง แต่ก็เล่นด้วยกันมาตั้งแต่ตัวเท่าลูกหมาแหน่ะ”

     

    “ตอนนี้นายก็ยังตัวเท่าลูกหมาอยู่นั่นแหละ”

     

    “ถ้าจะพูดงี้เงียบเหมือนเดิมก็ได้นะ” แบคฮยอนแขวะแล้วหันมายิ้มให้อี้ชิงต่อ

     

    “ไอ้นี่ดูแก่ใช่มั้ยฮะ ฮ่าๆ เป็นเพราะพ่อของเทาก็ทำหน้าที่เดียวกับเทาให้พ่อของพี่อี้ฟานน่ะครับ ก็เลยเป็นแบบนี้ ผมน่ะพี่จุนมยอนเลี้ยง พี่เขาใจดีผมก็เลยออกมาเป็นอย่างที่แหละ” แบคฮยอนขยายความให้

     

    “แต่แบคฮยอนก็อายุไม่ห่างจากคุณอี้ฟานมากไม่ใช่เหรอ เขารับมาเลี้ยงได้ยังไง”

     

    “อือ..” มาถึงตรงนี้ ความสดในน้ำเสียงของคนตัวเล็กลดลง “ผมก็ไม่แน่ใจหรอกครับว่าเขามาเจอผมยังไง แต่ว่ามีเหตุการณ์ที่ทำให้ผมสูญเสียพ่อแม่ของผมไป ผมเป็นเด็กกำพร้าที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้านของตัวเองที่ไม่สามารถเข้าไปอยู่ได้..พี่อี้ฟานที่เดินมาวางมืออุ่นๆ บนผมหัวผมในตอนนั้นน่ะ เหมือนเทวดาเลย” แบคฮยอนพูด แต่คราวนี้ไม่ได้มองหน้าคู่สนทนาเหมือนเคย ดวงตาเรียวเล็กเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง

     

    “ตอนนั้นผมอายุสิบสาม พี่อี้ฟานก็เพิ่งจะยี่สิบเอ็ด เพราะงั้นก็เลยเรียกว่าพี่อี้ฟาน ทั้งๆ ที่เป็นคนรับผมมาเลี้ยง จนถึงทุกวันนี้ ผมก็ยังไม่รู้จะตอบแทนเขายังไงเหมือนกัน” แบคฮยอนหันมายิ้มให้อีกคนที่ท้ายประโยค แต่รอยยิ้มนั้นก็ดูเศร้านิดๆ จนอี้ชิงรู้สึกผิดขึ้นมา

     

    “ขอโทษที่ถามนะ”

     

    “ไม่เป็นไรครับ เรื่องมันผ่านไปแล้ว” หลังจากนั้นทุกอย่างก็เงียบลงอย่างที่จื่อเทาต้องการ และอีกไม่กี่อึดใจ ทั้งสามคนก็ได้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

     

    ..

    50%

    ..

     

    เกือบสี่ทุ่มแล้ว ทั้งสามชีวิตถึงได้เหยียบลงบนพื้นที่กว้างขวางของบ้านตระกูลอู๋อีกครั้ง ในสภาพที่ออกไปเช่นไรก็กลับมาอย่างนั้น อี้ชิงบอกความจริงกับแบคฮยอนและเทาว่าตัวเองลืมเอากระเป๋าตังค์ออกไป และใครจะให้ยืมอี้ชิงก็ไม่รับ สุดท้ายจึงกลับมามือเปล่า

     

    “พี่อี้ฟาน ผมจะให้พี่อี้ชิงยืมบัตรแล้วนะฮะ แต่พี่เขาไม่เอา พรุ่งนี้พี่พาพี่อี้ชิงไปซื้อของใหม่นะ” คนตัวเล็กวิ่งบอกร่างสูงที่กำลังเดินลงจากบันได อู๋อี้ฟานยิ้มตอบก่อนจะพยักหน้ารับ เช่นนั้นแล้วแบคฮยอนก็ขอตัวกลับไปที่ห้องของตัวเอง

     

    “ราตรีสวัสดิ์ครับพี่อี้ชิง”

     

    “อื้ม” รับคำคนอายุน้อยที่สุดแล้วอี้ชิงก็เป็นฝ่ายเดินขึ้นไปข้างบน สวนทางกับร่างสูงที่หยุดอยู่กลางบันได

     

    “อี้ชิง” และเสียงเรียกนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากอากาศรอบตัว เมื่อเจ้าของชื่อเลือกจะเพิกเฉยต่อมัน

     

    นัยน์ตาคมมองตามร่างบางจนกระทั่งหายเข้าไปในห้อง ..เขาเองก็มีเรื่องอยากจะถามอี้ชิงอยู่เหมือนกัน ขอแค่ได้ถามว่าถ้าชิงชังกันถึงขนาดนั้น แล้วยังใส่แหวนที่เขาให้อยู่ทำไม..

     

    ค่ำคืนนั้นเปลี่ยนเป็นเช้าวันถัดมาโดยที่อู๋อี้ฟานไม่ได้แม้แต่มองหน้าคนข้างกายก่อนนอนหรือหลังตื่น เช้าวันนี้เมื่อเขาลืมตาขึ้นก็พบว่าอี้ชิงไม่ได้นอนอยู่ข้างๆ แล้ว

     

    ได้ยินเสียงพูดคุยเบาๆ ที่ห้องกลางอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่ากันตามจริง ไม่เคยมีใครนั่งคุยกันในห้องนั้น คนพูดมากอย่างแบคฮยอนก็มักจะไปคอยกวนจุนมยอนที่ห้องพยาบาล หรือไม่ก็กวนคนอื่นในครัว ตรงห้องกลางนั้นเอาไว้รับแขก ..ซึ่งปีนึงได้ใช้ไม่เกินสามครั้ง

     

    “พร้อมรึยังล่ะ?” ร่างสูงเอ่ยขัดบทสนทนาของจางอี้ชิงกับเจ้าตัวเล็กจอมพูดมาก

     

    “ผมไม่ไป” อี้ชิงตอบ

     

    “อ้าว ได้ไงล่ะฮะ แล้วจะเอาอะไรใช้ เสื้อผ้าผมไม่มีแล้วนะ มีแต่ของที่ใส่แล้ว” แบคฮยอนบอก เพราะชุดที่อี้ชิงใส่อยู่ตอนนี้ เป็นชุดใหม่แกะกล่องชุดสุดท้าย

     

    “ไปเถอะอี้ชิง อย่าอยู่แต่ในบ้านเลย”

     

    “คุณก็ให้ผมกลับไปอยู่ในที่ของผมสิ”

     

    “อี้ชิง พี่ไม่ได้ให้เราอยู่ที่นี่เพราะอยากกักขังเราหรอกนะ แต่ข้างนอกนั่นมันอันตราย พี่ไม่อยากให้เราต้องตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้นอีกแล้ว” ร่างสูงอธิบายเสียงอ่อน

     

    “ไปเถอะครับพี่อี้ชิง ไปหาอะไรอร่อยๆ ข้างนอกทาน”

     

    “....ถ้าแบคฮยอนไม่ไปด้วยผมก็ไม่ไป”

     

    “พี่อี้ชิง ผม..”

     

    “ตกลง แบคฮยอนไปขึ้นรถ”

     

    “ครับ” พยักหน้ารับแล้วก็วิ่งไปที่รถตามคำสั่ง นั่นทำให้อี้ชิงยอมเดินไปที่รถตามที่ตัวเองพูด

     

    วันนี้คนขับรถกลับมาเป็นจงอินเหมือนเดิม ซึ่งน่าอึดอัดน้อยกว่าเทาอยู่นิดหน่อย แต่บรรยากาศที่ควรจะดีขึ้นเพราะมีแบคฮยอน หักลบกับการต้องนั่งข้างๆ อู๋อี้ฟานแล้ว อี้ชิงคิดว่ามันก็อึดอัดเหมือนเดิม

     

     

    ห้างสรรพสินค้าวันนี้ดูกว้างขวางกว่าเมื่อวานเพราะเปิดให้บริการหมดทุกร้าน หลังจากใช้เวลาสักพัก อี้ชิงก็เลือกเสื้อผ้าสำหรับตัวเองได้นิดหน่อย โดยมีแบคฮยอนช่วยตัดสินใจ

     

    “เอาเท่านี้ครับ” อี้ชิงบอกกับพนักงานก่อนจะยื่นธนบัตรไม่กี่ใบให้

     

    “นี่ด้วยครับ” อี้ฟานพูดทับพร้อมทั้งวางเสื้อผ้าอีกหนึ่งกองทับลงบนไม่กี่ชิ้นแรก และมันไม่ใช่ขนาดที่ร่างสูงจะใส่ได้แน่ๆ

     

    แต่ยังไม่ทันได้ทักท้วงอะไร อู๋อี้ฟานก็จรดปากกาเซ็นชื่อตัวเองลงบนสลิปที่ถูกส่งมาจากพนักงานแล้ว

     

     

    “เข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” แบคฮยอนบอกระหว่างที่ทุกคนกำลังเดินไปที่ร้านอาหาร บอกจบก็เลี้ยวเข้าห้องน้ำไปทันที

     

    “นายไปจัดการเรื่องอาหารก่อนไป” อี้ฟานบอกคิมจงอินที่รับฟังคำสั่งและตรงไปยังที่หมายก่อน

     

    “.....” อี้ชิงออกจะแปลกใจอยู่เล็กน้อยที่อีกฝ่ายไม่พยายามจะคุยกับเขาเหมือนหลายวันที่ผ่านมา ร่างสูงเอาแต่มีโลกส่วนตัวอยู่กับโทรศัพท์ในมือ ..ตั้งแต่นั่งรถมาแล้ว

     

    หลังจากนั่งลงที่โต๊ะอาหารได้ไม่นาน อี้ฟานก็ออกไปรับโทรศัพท์และกลับเข้ามาพร้อมกับบอกว่าจะไปทำธุระสักครู่

     

    “เราสองคนกินกันก่อนได้เลยนะ เดี๋ยวพี่มา” ร่างสูงพูดแล้วหันไปพยักหน้ากับจงอิน แล้วก็พากันเดินออกจากร้านไปทั้งคู่ ส่วนสองคนที่เหลือนั้นนั่งคุยกันได้สักพักอาหารที่สั่งไว้ก็มาเสิร์ฟลงตรงหน้า

     

    “อ่า พี่อยากเข้าห้องน้ำแล้วสิ เดี๋ยวมานะ” อี้ชิงบอกก่อนจะลุกออกมา และเพราะตอนที่เดินเข้าร้านไปนั้น เขามัวแต่คุยกับแบคฮยอนจนเพลิน ประกอบกับเขาไม่ใช่คนที่จำที่ทางเก่งนัก ก็เลยต้องเดินอยู่นานกว่าจะเจอห้องน้ำ พอทำธุระเสร็จ อี้ชิงก็ใช้เวลางงอยู่สักพักกว่าจะตัดสินใจถามพนักงานและพบว่าตัวเองเดินอ้อมมาไกลทีเดียว

     

    ร่างบางเดินผ่านร้านเสื้อผ้าที่ตัวเองเพิ่งได้ซื้อไปสองสามร้าน และกำลังจะหลุดจากโซนเครื่องแต่งกายไป ถ้าหากไม่สะดุดเข้ากับร่างสูงของคนที่มาด้วยกัน แต่กลับยืนอยู่ในร้านรองเท้าของสตรี

     

    อี้ชิงสาวเท้าเข้าไปใกล้กว่าเดิมแต่ไม่ปรากฏตัว และก็เห็นว่ามีหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เตี้ยๆ เพื่อลองรองเท้าส้นสูง

     

    แล้วอี้ชิงก็ได้แน่ใจว่าเป็นคนที่ตัวเองคิด หญิงสาวรูปร่างดีในชุดเดรสสั้นสีน้ำเงินเข้ม พอได้สวมรองเท้าสีเงินก็ดูเข้าชุดกันดี..

     

    “อี้ฟานว่าสวยมั้ย” อี้ชิงได้ยินคำถาม และก็รู้ว่าร่างสูงไม่มีคำตอบให้

     

    “ซื้อรองเท้านี่มันต้องลองเดิน” หล่อนพูดกับตัวเองแล้วก็ดันคนตัวสูงที่ยืนขวางให้ออกไปพ้นทางก่อนจะเดินด้วยรองเท้าส้นเข็มที่สูงเหยียบสิบเซนติเมตร

     

    “อ๊ะ!!” ซงเฉียนเสียหลักล้มลงกับพื้นเย็นเฉียบ อี้ชิงเผลอหลับตาตอนที่เธอกระแทกลงกับพื้น

     

    “ซงเฉียน!” เป็นอี้ฟานที่เรียกชื่อหญิงสาวอย่างตกใจ ร่างสูงย่อตัวลงประคองร่างบอบบางของสาวน้อยขึ้นนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม ก่อนมือหนาจะบรรจงถอดรองเท้าคู่สวยออกให้พร้อมทั้งสำรวจให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรเป็นอันตราย

     

    “เจ็บอะ” ซงเฉียนนิ่วหน้าตอนที่อีกฝ่ายออกแรงบีบเบาๆ ที่ข้อเท้า

     

    “มันพลิกน่ะสิ” พูดจบก็สำรวจดูอีกข้าง

     

    “เรานี่นะ” อี้ฟานส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะพยุงร่างอ้อนแอ้นนั้นให้ลุกขึ้นยืน แล้วหยิบรองเท้าส้นสูงคู่เดิมที่เธอใส่มาพร้อมทั้งประคองให้เดินออกจากตรงนั้นไปพร้อมๆ กัน ทิ้งรองเท้าคู่ใหม่ที่ถูกทอดทิ้งไว้ตรงนั้น.. ทิ้งจางอี้ชิงให้ยืนมองเหตุการณ์เหล่านั้นอยู่ตรงนั้น..

     

     

    “พี่อี้ชิง! ไปไหนมาตั้งนาน” แบคฮยอนถามทันทีที่เห็นหน้าอีกคน เพราะโทรศัพท์ไปแล้วก็พบว่ามือถือของจางอี้ชิงวางอยู่ที่เก้าอี้

     

    “ก็ไปเข้าห้องน้ำ หาห้องน้ำไม่เจอน่ะ” อี้ชิงยิ้มให้แล้วนั่งลงที่เดิม

     

    คล้อยหลังจากที่อี้ชิงเข้ามาได้ไม่นาน คิมจงอินก็เดินตามเข้ามา..คนเดียว

     

    “ตุ้ยจางมีเรื่องด่วนน่ะครับ” จงอินบอกด้วยเสียงเรียบและใบหน้านิ่งเฉยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตรงที่ว่างข้างๆ แบคฮยอน คนตัวเล็กข้างๆ เขานี้เพียงแค่พยักหน้ารับแล้วก็เริ่มลงมือจัดการกับอาหารมื้อใหญ่

     

    จางอี้ชิงก็พยักหน้ารับรู้..แต่กลับไม่แตะอะไรเลยสักอย่างเดียว

     

     

    เรื่องด่วนที่ว่าคือผู้หญิงคนนั้นเหรอครับ

    เรื่องในมือถือที่ทำให้คุณไม่สนใจผมก็เรื่องนี้ใช่รึเปล่า

    แล้วที่ยืนยันว่ารักผม พูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าไม่ได้รักเธอเลยเมื่อคืนนี้ มันเป็นแค่ลมปากเท่านั้นใช่มั้ยครับ คุณก็แค่โกหกเหมือนที่ชอบทำ ..เท่านั้นใช่มั้ย

     

     

    ..

    ..

     

     

     

    ห้องนอนเป็นสถานที่ที่ดูเหมาะกับเขาที่สุดในเวลานี้ ..อี้ชิงแค่ไม่อยากปั้นหน้าคุยกับใคร และในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ต้องการร้องไห้ต่อหน้าใคร

     

    ความหวังลมๆ แล้งๆ ของเขาดับลงไปแล้ว ..จางอี้ชิงเคยคิด ว่าอย่างน้อยก็สามารถเก็บพี่คริสที่แสนดีไว้ในความทรงจำได้ตลอดไป พี่คริสคนที่มีแต่อี้ชิงเท่านั้นที่รู้จัก พี่คริสที่รักใครไม่เป็นนอกจากอี้ชิง..

     

    แต่วันนี้ก็เห็นแล้ว ความอ่อนโยนของผู้ชายที่อู๋อี้ฟานไม่ได้มีไว้เพื่อเขาเท่านั้น คนที่บอกว่าตัวเองไร้หัวใจจนกระทั่งเจอเขา คำพวกนั้นก็แค่โกหก ผู้หญิงคนนั้นที่รู้จักอี้ฟานในทุกด้านและยอมรับมันได้ต่างหากที่ได้หัวใจไป

     

    เสียงเปิดประตูเบาๆ ดึงความสนใจจากอี้ชิงไปได้ทั้งหมด ร่างเล็กลุกขึ้นจากเตียงเพื่อประจันหน้ากับเจ้าของห้อง

     

    “ส่งคุณซงเฉียนที่ไหนล่ะครับ?”

     

    “อ..อี้ชิง”

     

    “ตกใจที่ผมรู้เหรอ ผมไม่ใช่แค่รู้หรอก เห็นกับตาเลย” พูดพร้อมทั้งปล่อยให้น้ำตาที่ปาดทิ้งไปไหลลงมาอีกครั้ง

     

    “อี้ชิงมันไม่ใช่อย่างที่นายเห็น”

     

    “แล้วมันอะไร!

     

    “อี้ชิงอย่าขึ้นเสียงใส่พี่”

     

    “ถ้าไม่งั้นจะทำไม คุณจะฆ่าผมเหรอ? เอาสิ!

     

    “อี้ชิง!!

     

    “เลิกเรียกสักที!

     

    “ก็นายไม่ฟังพี่บ้าง”

     

    “คุณจะพูดอะไร..”

     

    “พี่ไม่ได้ตั้งใจให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้หรอกนะ พี่ก็แค่อยากทำอะไรดีๆ ให้คนที่พี่รัก อยากให้นายเห็นแต่สิ่งดีๆ จดจำในสิ่งดีๆ ที่พี่คริสคนนี้ทำให้ ..นายก็รักพี่ไม่ใช่เหรอ ..อย่างน้อยก็เคยรักคริส”

     

    “..ผมอาจจะไม่เคยรักคุณเลยก็ได้ ผมอาจจะแค่หลงใหลในความดีจอมปลอมของคุณ!

     

    “จางอี้ชิง!!” แล้วความอดทนอันน้อยนิดของคริสก็ถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของอี้ชิงอีกครั้ง

     

    “ผมคงโง่เกินไปที่คิดว่าจะพาพี่คริสคนเดิมกลับมา ..ผมจะพาใครกลับมาได้ ในเมื่อเขาไม่มีตัวตน” ร่างบางยกมือขึ้นถอดแหวนออกจากนิ้วมือพร้อมน้ำตาที่ร่วงลงมาไม่ขาดสาย นัยน์ตาฉ่ำน้ำมองมันอยู่อย่างนั้นก่อนจะกำไว้แน่น

     

    “ผมเกลียดคุณ”

     

     

    “ไม่ใช่แค่อู๋อี้ฟาน แม้แต่พี่คริส ผมก็เกลียด” อี้ชิงปาแหวนเงินแทนใจกระแทกเข้ากับแผงอกแกร่งอย่างจัง

     

    “ผมเกลียดทุกอย่างที่เป็นคุณ ต่อไปนี้จะไม่มีความทรงจำของผมกับพี่คริสอีก ผมจะไม่สนใจคุณ ให้หายใจอยู่ที่เดียวกันผมก็จะไม่มองหน้าคุณ ผมเกลียดเสียงคุณ ไม่อยากเห็นหน้าคุณ ตายให้พ้นๆ กันได้ก็ดี!

     

    “จางอี้ชิง!!” ร่างสูงเปล่งเสียงเรียกชื่อนั้นดังก้อง พร้อมทั้งกัดฟันกรอด “นายไม่รู้ใช่มั้ยว่าการเป็นคนดีมันยากแค่ไหนสำหรับคนเลวๆ อย่างพี่ ความพยายามที่ผ่านมามันไม่มีความหมายเลยหรือไง!” อี้ฟานกระชากข้อมือคนตัวเล็กกว่าเข้ามาใกล้ตัว แล้วยึดไหล่เล็กไว้ด้วยมือสองข้าง

     

    “ไม่! ต่อจากนี้คุณอยากทำอะไรก็ทำ หน้ากากคนดีจอมปลอมนั่นก็ถอดทิ้งไปได้แล้ว! ต่อไปผมจะไม่สนใจคุณอีก แม้แต่ชื่อคุณผมก็จะไม่คิดถึง”

     

    “นายเกลียดคนดีเหรออี้ชิง..?”

     

     

    “ได้..”

     

     

    “ถ้าร้ายแล้วได้มีตัวตนอยู่ในความคิดของนาย พี่ก็จะทำ!

     

     

     

    To be cont.

     

    ..

     

     

     

    # talk corner *

    โอ้เย่ พอเอาฟิคมาจัดหน้าเตรียมจะลงเว็บแล้วก็รู้สึกว่า พี่คริสแทบไม่ได้พูดอะไรนอกจากคำว่า อี้ชิง เรียกบรรทัดเว้นบรรทัดเลยง่ะ 55555

     

    ฮอลลลลลลลลลลลลล พี่คริสโหด TAT อี้ชิงน่าสงสารนะ แต่อีกมุมเราก็สงสารพี่คริสสส เขียนเองก็รู้สึกเองทุกอย่างเลย 5555555

     

    เอาล่ะค่ะ ATTENTION PLEASE! อ่านก่อนสักนิดนี่เรื่องสำคัญ!

    ในที่สุดฟิคเรื่องนี้ก็ได้เดินทางมาถึงจุดจุดหนึ่ง ซึ่ง...ตอนหน้าจะมีฉากไม่เหมาะสมอยู่ แล้วเราก็ยังไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหน บลอคอะไรกับเค้าก็ไม่มี เพราะฉะนั้น เพื่ออรรถรสในการอ่าน ขอให้คนที่ต้องการฉากดังกล่าว ทิ้ง e-mail เอาไว้ได้พร้อมกับคอมเม้นในตอนนี้เลยนะคะ หลังจากนั้นนนน เมื่ออัพตอนต่อไป เราจะทำการส่งฉากไม่เหมาะสมที่ว่าให้กับทุก e-mail จะได้ไม่ขาดตอนในการอ่านนะคะ

    ซึ่งฉากที่ว่านี้ ใครที่ไม่ชอบ ไม่ต้องขอ ไม่ต้องอ่าน มันไม่ได้ทำให้เนื้อเรื่องเสียหาย แต่แน่นอนว่าถ้าอ่านมันก็ครบถ้วนบริบูรณ์มากกว่า มันไม่ใช่ฉากเรทโจ๋งครึ่ม เราต้องการให้มีฉากนี้เพื่อระบายความรู้สึกที่รุนแรง (passion ยูโน๊ว? 555) ของตัวละคร ทุกคนโปรดเข้าใจและอย่ากดแบนเพราะเราไม่ได้ลงที่นี่

    จบการทอล์คที่ยาวที่สุดแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณค่ะ :D

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×