ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO's fiction] the illusion of MASK ,, { krislay }

    ลำดับตอนที่ #9 : ▌MASK : chapter 08

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 56


    the illusion of

    MASK

    Chapter 08

     

     

    เช้าวันนี้จางอี้ชิงแปลกใจนิดหน่อยที่ตื่นมาแล้วยังพบว่าร่างสูงที่นอนอยู่ข้างกันไม่ได้ออกไปทำงานแล้วเหมือนวันก่อนๆ แต่หลังจากที่ตนอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ออกมาก็เจอกับเจ้าของห้องในสภาพที่พร้อมจะอาบน้ำ

     

    ร่างบางมองตามคนที่เปลือยท่อนบนเดินผ่านหน้าตัวเองไปจนหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ เช่นนั้นแล้วจึงเพิ่งได้เห็นรอยสักที่ด้านหลังบริเวณสะบักซ้ายอย่างถนัดตา ..รอยสักรูปมังกร

     

    “เปลี่ยนชุดซะอี้ชิง วันนี้เราจะเดินทางไกล” คริสบอกโดยที่ไม่ได้หันมาสบสายตากับคู่สนทนา

     

    “ผมไม่ไปไหนกับพี่ทั้งนั้นแหละ” อี้ชิงตอบ

     

    “พี่ไม่ได้กำลังชวนเราหรอกนะ” พูดจบก็เปิดประตูเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระของตัวเอง ทิ้งไว้แต่อี้ชิงที่ได้แต่ยืนฮึดฮัดอยู่เท่านั้น

     

     

    “จะไปชุดนี้ใช่มั้ย” คริสถามหลังจากติดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดสุดท้ายและสวมนาฬิกาข้อมือเรียบร้อยแล้ว

     

    “ผมบอกว่าไม่ไปไง”

     

    “พี่ก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้ชวน พี่บังคับ” คริสสวนตอบก่อนจะส่งเสียงอนุญาตให้คนที่เพิ่งเคาะประตูเสร็จเปิดเข้ามาได้

     

    “ผมเตรียมของให้พี่อี้ชิงเสร็จแล้วครับ อยู่ที่รถแล้ว รวมถึงของพี่อี้ฟานด้วยนะฮะ เทาก็พร้อมแล้วเหมือนกัน” แบคฮยอนชะโงกหน้าผ่านบานประตูเข้ามารายงานรายละเอียด เสร็จแล้วก็จากไปเมื่อคริสพยักหน้ารับ

     

    “จะเปลี่ยนชุดรึเปล่า” คริสถามย้ำ แต่คนตัวเล็กกลับไม่ให้คำตอบ

     

    “ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเลย” ร่างสูงคว้าเอาข้อมือเล็กไว้แน่นก่อนจะออกแรงรั้งให้ยอมเดินมาด้วยกัน คริสสัมผัสได้ถึงแรงขัดขืน แต่ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น

     

    “เดินทางปลอดภัยนะครับ” เป็นคุณหมอตัวเล็กที่ยืนรอส่งอยู่ที่รถที่เอ่ยบอกคนทั้งคู่ คริสพยักหน้ารับก่อนจะหันไปพูดกับจงอินที่ยืนอยู่ไม่ไกล

     

    “ฝากทางนี้ด้วยนะ”

     

    “ไม่ต้องห่วงครับตุ้ยจาง” จงอินรับคำก่อนจะปิดประตูให้ผู้เป็นเจ้านาย แล้วถอยออกมาเพื่อให้รถได้ออกตัวอย่างง่ายดาย

     

     

    “เราจะไปไหนกันครับ?” อี้ชิงถามอย่างฉงน เป็นเพราะทุกทีที่คริสออกจากบ้าน จะต้องมีรถอีกอย่างน้อยหนึ่งคันตามมาเสมอ และคนที่ขับรถคันที่คริสนั่งก็มักจะเป็นจงอิน ส่วนเทาจะขี่รถคู่ใจของตัวเองตามไปแทน

     

    แต่วันนี้มีเพียงแลมโบกินีคันนี้คันเดียวเท่านั้นที่ออกจากรั้วบ้านมา รวมทั้งคนขับยังเป็นจื่อเทาเสียด้วย..

     

    “จีน ..บ้านเกิดของเรา” คริสตอบเสียงเรียบ นั่นทำให้อี้ชิงตกใจอยู่ไม่น้อย เกือบจะค้านออกไปแล้วว่าตนไม่ได้เตรียมพาสปอร์ตมา แต่ก็ฉุกคิดได้เสียก่อนว่าถ้าเขาเป็นคนเดียวที่ไม่สามารถข้ามประเทศไปได้ก็คงจะดี

     

    แต่ทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่อี้ชิงคิด เขานึกแปลกใจตั้งแต่เส้นทางที่ไม่คุ้นสำหรับการเดินทางไปอินชอนแล้วทว่าก็ไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งต้องเดินทางเข้าสนามบินในแบบที่ไม่เคยเข้ามาก่อนในชีวิต

     

    ไม่มีตั๋ว ไม่มีพาสปอร์ต ไม่มีการตรวจคน ไม่มีพนักงานในชุดสายการบิน และไม่มีผู้โดยสารคนอื่น.. ผู้โดยสารบนเครื่องบินลำเล็กทั้งลำมีเพียงคริส เทา และตัวเขาเท่านั้น

     

    “เครื่องบินส่วนตัว ..ถ้านายสงสัย” ร่างสูงอธิบายให้กระจ่าง แต่ถึงอย่างไรทั้งหมดนี่ก็นับว่าผิดปกติอยู่ดี แต่อี้ชิงก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ อำนาจของคริสคงเป็นคำอธิบายที่มากพอสำหรับทุกอย่าง..

     

    “ทำไมผมต้องไปกับพี่ด้วย”

     

    “คิดว่าพี่เคลียร์งานทุกอย่างหามรุ่งหามค่ำเพราะใครกันล่ะ” คริสตอบก่อนจะหลับตาลงบนเบาะนุ่มสบาย และคำตอบนั้นก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ทว่าพอคิดจะถามต่อ อีกฝ่ายกลับผล็อยหลับไปง่ายๆ เสียอย่างนั้น

     

    “เพราะผมเหรอ? แล้วทำไมล่ะ...” จางอี้ชิงไม่อยากคาดเดาการกระทำของอู๋อี้ฟานสักเท่าไหร่.. แต่ดูจากที่ร่างสูงไม่ได้มีสูทมาเหมือนเวลาไปทำงาน.. พาเขามาเที่ยวเหรอ? ..ไม่ใช่หรอกมั้ง

     

     

    ..

    ..

     

     

    รู้ตัวอีกทีเครื่องก็จอดนิ่งอยู่บนผืนแผ่นดินจีนเรียบร้อย อี้ชิงใช้หลังมือขยี้ตาเล็กน้อยด้วยความงัวเงีย แต่ยังไม่ทันได้ตื่นดีก็ถูกฉุดให้ลุกจากที่นั่งเสียแล้ว

     

    พอลงจากบันไดขั้นสุดท้าย รถลีมูซีนสีดำสนิทก็มาจอดเทียบอยู่ตรงหน้าในทันที คริสเดินไปเปิดประตูให้อี้ชิงได้เข้าไปก่อน

     

    ร่างบางคงจะรู้สึกดีกว่านี้อีกนิด ถ้าหากว่านั่งลงแล้วไม่ต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนดียวที่เขาไม่อยากเจอ

     

    “สวัสดีจางอี้ชิง”

     

    “สวัสดีครับคุณซงเฉียน” อี้ชิงตอบกลับตามมารยาท แต่ครั้นเห็นอีกฝ่ายใช้สายตาสำรวจการแต่งตัวที่ออกจะบ้านไปหน่อยของตนแล้ว อี้ชิงก็เบือนหน้าหนี

     

    “แต่งตัวสบายดีจังนะคะ” พูดจบเจ้าหล่อนก็หัวเราะชอบใจ ก่อนจะเงียบลงเมื่อคริสก้าวตามเข้ามา

     

    “เราจะไปกันเลยหรือว่า”

     

    “ไปส่งอี้ชิงที่บ้านก่อน” คริสแทรก

     

    “บ้าน?”

     

    “ใช่ พี่จะให้อี้ชิงอยู่ที่บ้าน เทาจะขับตามไป เขาจะอยู่กับนายที่นั่น ถ้าอยากไปไหนในตอนที่พี่ไม่อยู่ ก็บอกเทา” คริสร่ายยาวโดยไม่ปล่อยให้ร่างบางได้สอดแทรก เสร็จแล้วก็ได้แต่นั่งเงียบกันไปตลอดทาง

     

     

    “อีกสองวันพี่จะมารับนาย เตรียมตัวให้พร้อม แล้วก็อย่าหนีไปไหน ห้าม!ไปไหนคนเดียว” เสียงทุ้มเน้นคำว่าห้ามชัดๆ แต่อี้ชิงไม่ได้แสดงท่าทีว่าสนใจมากนัก เขาเปิดประตูรั้วและเข้าไปโดยไม่บอกลา

     

    ตกลงว่าพาเขามาที่นี่ทำไม เพื่อมาทิ้งไว้ที่บ้านแล้วออกไปกับคู่หมั้นของตัวเอง อย่างนั้นเหรอ?

     

     

    ..

    ..

     

     

    “จะไปไหนครับ”

     

    อี้ชิงสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงนั้นทันทีที่ตนเปิดประตูรั้วออกมาให้หลังจากที่เพิ่งเข้าไปได้ไม่นาน ฮวางจื่อเทายืนกอดอกพิงรถคันหรูอยู่อย่างนั้น ..ก็ไม่รู้หรอกว่านานเท่าไหร่แล้ว

     

    “ไปซื้อของ”

     

    “ขึ้นรถสิครับ”

     

    “เดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว” ได้ยินเช่นนั้น เทาก็กดล็อคพาหนะก่อนจะสาวเท้าตามร่างบางไปอย่างรวดเร็ว

     

    “ว่างมากหรือไง”

     

    “ผมทำงานของผมอยู่” จื่อเทาตอบ

     

    “แล้วตุ้ยจางของนายล่ะ เขาทำงานโดยไม่มีนายได้เหรอ”

     

    “น่าจะไม่คล่องตัว แต่พอดีตอนนี้ตุ้ยจางทำธุระส่วนตัวอยู่ครับ” ร่างสูงตอบตามความจริง ซึ่งทำให้อี้ชิงไม่ถามอะไรอีก

     

     

    ธุระส่วนตัว ..กับผู้หญิงคนนั้น

    อย่างนั้นสินะ..

     

     

    “อย่าออกไปไหนโดยไม่มีผม ถ้าผมเผลอ..ซึ่งคงไม่เผลอ เรียกผม ผมอยู่ตรงนี้ตลอด” จื่อเทาพยักเพยิดไปทางรถที่จอดอยู่ก่อนจะส่งของที่ช่วยถือมา คืนให้กับอี้ชิง แล้วกลับไปนั่งอยู่ในรถอย่างที่พูด

     

     

    ..

    50%

    ..

     

     

    อี้ชิงได้ใช้เวลากับครอบครัวเกือบสองวันเต็ม โดยไร้วี่แววของร่างสูงที่มาด้วยกัน ซึ่งบอกว่าจะมารับในสองวัน.. จางอี้ชิงได้แต่สงสัยว่าจะต้องรอไปถึงเมื่อไหร่ จวบจนมีข้อความส่งมาในยามพลบค่ำ

     

     

    พี่ไม่สะดวกไปรับ บอกจื่อเทาให้มาส่งนะ

     

     

    คิ้วเรียวขมวดลงเล็กน้อยหลังจากอ่านข้อความจบ เพราะนอกจากที่อีกฝ่ายไม่ได้บอกสถานที่ที่จะให้ไปพบ อีกสิ่งหนึ่งที่เขาสัมผัสได้จากคำพูดและการกระทำของคริส คือเขาไม่ได้สำคัญเหมือนเมื่อก่อน ..มีบางอย่างที่สำคัญกว่าสำหรับพี่คริส..

     

    อี้ชิงไม่ได้ให้เวลากับตัวเองมากนัก เพราะกลัวว่าถ้าเกิดช้าหรือสายไปสักหน่อย อีกฝ่ายจะโมโหแล้วพาลมาลงที่บ้านเขาเสียเปล่าๆ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดี นอกจากจะทำให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วง อาจจะมีใครได้รับบาดเจ็บก็ได้

     

     

    “เมื่อกี้พี่คริสส่งข้อความมา..”

     

    “ขึ้นรถเลยครับ” จื่อเทาชิงพูดก่อนที่ร่างบางจะได้พูดจนจบ มือใหญ่ดึงประตูรถให้เปิดออกเป็นสัญญาณให้อี้ชิงเข้าไปนั่งประจำอยู่ที่เบาะหลัง ส่วนคนที่ทำหน้าที่ขับรถก็อ้อมกลับไปประจำในตำแหน่งของตัวเองเช่นกัน

     

    “เราจะไปไหนกันเหรอ?”

     

    “ชิงหลงต้าโหลว” (ตึกชิงหลง) สิ้นสุดเสียงเข้มที่เอ่ยตอบ ความเงียบก็ปกคลุมรถคันนั้นไปตลอดทาง..

     

     

    “ทำไมขับเร็วขนาดนี้ล่ะจื่อเทา” อี้ชิงถามเมื่อสัมผัสได้ถึงความเร็วที่สูงขึ้นทุกขณะ ข้างทางที่มองผ่านกระจกรถออกไปเริ่มไม่เป็นรูปเป็นร่างขึ้นทุกที

     

    “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ” ร่างสูงไม่ได้ให้คำตอบในสิ่งที่อี้ชิงถาม ดวงตาเรียวเหลือบมองกระจกอยู่เป็นพักๆ และตัดสินใจหักเลี้ยวเข้าไปทางซอยแคบๆ ซึ่งพาไปออกยังถนนที่ดูเหมือนจะร้าง เพราะมองเท่าไหร่ก็ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตหรือแสงสีใดๆ

     

    แล้วมือขาวก็จิกลงบนเบาะแน่นเมื่อความเร็วของรถถูกเพิ่มขึ้นอีก ยอมรับว่ากลัวจับใจ แต่ครั้นเขาหันกลับไปมองข้างหลังอย่างพิจารณาอีกครั้ง ก็เห็นมอเตอร์ไซค์สองคันที่เร่งเครื่องจี้ตามขึ้นมา

     

    “จื่อเทานั่นใครน่ะ!

     

    “ไม่รู้หรอกครับ แต่ที่แน่ๆ ..ไม่ได้มาดี”

     

    “ถ้าอย่างงั้น.. อ๊ะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

    เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!

     

     

    ฮวางจื่อเทาเหยียบเบรกมิดเท้าเมื่อมีรถยนต์คันหนึ่งวิ่งมาขวางทางอย่างจงใจ รถแลมโบกินี่เหวี้ยงคว้างอยู่ครู่หนึ่งก็จอดสนิท เป็นผลให้มอเตอร์ไซค์สองคันนั้นตามมาจนเกือบทัน

     

    ร่างสูงผละออกจากตัวรถพร้อมทั้งสั่งให้ร่างบางออกมาด้วย มือเรียวกระชับปืนคู่ใจไว้ในมือแล้วส่งให้อีชิ้งไปอยู่ด้านหลัง

     

    ขาคู่ยาวค่อยๆ ถอยห่างจากรถที่จอดขวางโดยไม่ละปืนลง นั่นทำให้คนขับรถคันนั้นไม่กล้าโผล่ออกมาอย่างที่ควรจะทำ

     

     

    เปรี้ยง!

     

     

    เสียงนัดนั้นดังขึ้นพร้อมๆ กันกับที่เสื้อหนังสีดำบริเวณไหล่ซ้ายถูกถากออก จื่อเทาหันหน้าไปตามเสียงนั้นก็พบกับมือปืนบนตึกร้าง

     

    ไวเท่าความคิด กระสุนอีกนัดก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของอีกฝ่าย และในวินาทีที่จื่อเทาละสายตาไปจากรถคันนั้น ชายร่างสูงก็ลงมายืนประจันหน้าเขาพร้อมด้วยอาวุธในมือ

     

    “.....” ทิ้งเวลาพักหนึ่ง มอเตอร์ไซค์สองคันก็มาจอดขนาบข้างชายร่างสูงคนนั้น

     

     

    ปัง!

     

     

    จื่อเทายิงสวนกลับไปวินาทีเดียวกันกับที่อีกฝ่ายยิงมา ทว่ากระสุนทั้งสองลูกไม่ได้โดนเป้าหมาย เหตุทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะฝ่ายต้องข้ามตั้งใจจะชิงตัวอี้ชิงไปอย่างอุกอาจ

     

    “คุณอี้ชิง วิ่งตรงไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอตุ้ยจาง ห้ามหยุด ห้ามหันหลังมามองไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไร” จื่อเทาพูดเสียงเบาพอให้ได้ยินกันแค่สองคน แต่ครั้นมือที่สั่นเทาเอื้อมมาเกาะไหล่เขาไว้ ร่างสูงก็วอกแวกจากศัตรูไปครู่หนึ่ง

     

    จื่อเทาไม่เคยกลัว ..และไม่รู้ว่าการเกรงกลัวต่อความตายเป็นอย่างไร แน่นอนว่าคนรอบข้างเขาก็เป็นเช่นนั้น เมื่อได้สัมผัสความกลัวจากจางอี้ชิง จึงทำให้เขาอดสงสารไม่ได้

     

    “ไม่ต้องกละ..อ้าก!!

     

    “จื่อเทา!!” อี้ชิงร้องเรียกเสียงหลงเมื่อเลือดสีแดงฉานไหลทะลักออกมาจากไหล่ขวา เป็นผลจากปืนเก็บเสียงที่คนสวมหมวกกันน็อคยิงมา

     

    “ไปสิครับ!” จื่อเทาสั่ง ทว่าความกลัวก็ตรึงให้อี้ชิงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ..เขาไม่ได้กลัวแค่ว่าตัวเองจะต้องตาย แต่กลัวว่าถ้าเขาวิ่งหนีไป ฮวางจื่อเทาจะต้องตาย

     

    “แต่นาย..”

     

    “ปกป้องคุณเป็นงานของผม ถ้าคุณเป็นอะไรไป กลับไปเจอตุ้ยจางผมก็ต้องตายอยู่ดี” พูดยังไม่ทันจบประโยค จื่อเทาก็ปล่อยลูกตะกั่วให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บได้สองคน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเสียเปรียบ

     

    จื่อเทารู้ดีว่าเขาจะยังไม่ถูกฆ่า อย่างน้อยก็จนกว่าพวกนั้นจะได้ตัวจางอี้ชิงไป หรือจนกว่าจางอี้ชิงจะหายไปจนลับตาจากตรงนี้

     

    “หึ นี่เหรอมือขวาของอู๋ฟาน นึกว่าจะแน่สักแค่ไหน” คำพูดนั้นมาพร้อมกับการสาวเท้าเข้ามาใกล้ จื่อเทาใช้มือซ้ายกุมแผลที่โชกเลือดของตัวเองไว้ ขณะที่มือขวาซึ่งกำปืนแน่นก็ไม่ได้นิ่งเท่าที่ควร

     

    “วิ่งสิครับ วิ่ง!!” จื่อเทาสั่งอีกครั้งและคราวนี้อี้ชิงก็ยอมทำตาม ร่างบางวิ่งสุดฝีเท้าไปในทิศทางที่อีกคนบอก ..ขณะที่วิ่งจนเกือบลืมหายใจ เขาได้ยินเสียงปืนอีกหลายนัด เสียงร้องอย่างเจ็บปวดอีกหลายหน ซึ่งก็ได้แต่ภาวนาให้เสียงร้องเหล่านั้นไม่ใช่ของจื่อเทาก็พอ

     

    “อ๊ะ!” อี้ชิงล้มลงกระแทกกับพื้นเมื่อชนกับใครคนนึงเข้าอย่างแรง ในใจนึกกลัวว่าจะเป็นศัตรูที่ดักรอเขาอยู่ แต่..

     

    “พี่คริส.. ฮึ่ก.. จื่อเทา จื่อเทา..” ร่างบางกำอกเสื้อของคริสแน่นเมื่ออีกฝ่ายย่อตัวลงสวมกอดคนที่ร้องไห้และสั่นอย่างหวาดกลัว

     

    “ไม่เป็นไรนะครับ อี้ชิงไม่เป็นไร จื่อเทาก็จะไม่เป็นไร” คริสค่อยๆ พยุงคนตัวเล็กให้ยืนขึ้นตั้งใจจะพาขึ้นรถและไปต่อให้ถึงที่หมาย ทว่าเมื่อยืนขึ้นเต็มความสูงแล้ว คริสก็พลิกให้อี้ชิงหันมากอดตัวเองไว้ทั้งตัว มือใหญ่กดให้อี้ชิงซบกับอกกว้างแน่นๆ แล้วมือซ้ายซึ่งกำปืนเก็บเสียงไว้แน่นก็ยกขึ้นเล็งที่หัวใจของใครอีกคนที่วิ่งอยู่ไม่ไกล และปลิดชีพชายคนนั้นทันก่อนที่จะได้เปล่งเสียงอะไรออกมา..

     

     

     

    To be cont.

     

    ..

     

     

     

    # talk corner *

    หายไปนานเลย แฮ่ๆ ช่วงนี้กำลังวุ่นวายกับรับน้องค่ะ คงจะวุ่นๆ อยู่อีกสักพัก อีกครึ่งนึงต๊ะไว้ก่อนนะคะ จะรีบมาให้ไวเท่าที่จะทำได้เหมือนเดิมมม

    ปล. มีคนสงสัยว่าซงเฉียนคือใคร อาจจะมองข้ามหน้าฟิคเราไปสินะ 5555 เธอคือวิคตอเรีย f(x) นะคะ

     

    เอ้โย่ววววววววววววว บู๊เว่อออออออออออออออออออ อ่านรู้เรื่องมั้ยคะ 555555 ไม่เคยเขียนเลย แต่มันจำเป็นงิ -.- ไม่รู้จะทอล์คอะไรแหลววววววว

    ขอบคุณที่คอมเม้นกันมานะคะ ดีใจที่ได้รู้ฟีดแบคในแต่ละตอน :D

     

     

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×