คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 「come across : one」
「come across : one」
ผมนั่งถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายอยู่ข้างๆ เพื่อนใหม่ที่ชื่อว่าคิมจงอิน หมอนี่เดินเข้ามาทักทายผมและบอกว่าถ้าไม่รู้จักมันก็เท่ากับไม่รู้จักพยอนแบคฮยอนเลย ..ผมไม่รู้ว่ามันสำคัญขนาดนั้นจริงๆ หรือว่ามโนไปเอง เพราะยังไม่มีโอกาสได้คุยกับพี่รหัสตัวเองอีกเลยตั้งแต่เข้าห้องประชุมใหญ่มา
“แล้วทำไมมาเรียนไกลถึงนี่วะ”
“ก็เบื่อ”
“อกหักมากป่าววะ หนีความรักมาดิมึงอะ” ถึงแม้จะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงสองชั่วโมง แต่จงอินก็ยินดีจะพูดจาเป็นกันเอง(?)กับน้องรหัสของพี่คนสนิทอย่างสะดวกใจ
“เปล่าเว่ย เบื่อที่บ้านเฉยๆ”
“อ๋อ เป็นคุณหนูใจแตกนี่เอง”
“หุบปากไปเลยมึง” ง้างมือทำท่าจะโบกเพื่อนใหม่สักทีแต่ก็ทำแค่ขู่เมื่อเรื่องน่าเบื่อของอาจารย์บนเวทีจบลง และเหล่ารุ่นพี่ก็เขามายึดครองพื้นที่นั้นแทน รุ่นพี่จงแดอะไรนั่นยังเลือกจะโทรโข่งถึงแม้ว่าในห้องประชุมจะมีไมค์อย่างดี.. เพราะฉะนั้นพวกเราจึงเงียบเพื่อจะตั้งใจฟัง และผมก็พบว่ามันไม่น่าสนใจเอาเสียเลยเมื่อพูดถึงเรื่องเลือกดาวเดือนของคณะ
ผมเปลี่ยนใจนั่งคุยกับไอ้จงอินแทนแม้ว่าจะทำท่าจะฟาดฟันกันไปเมื่อครู่ แต่ระหว่างที่ผมกำลังสนใจเพื่อนใหม่อยู่นั้น ไอ้พี่จงแดนั่นก็เรียกชื่อผมอีกแล้ว
“น้องชานยอลครับ ลุกมานี่เร็ว!” ทีแรกมันก็น่าเบื่อหน่ายที่จะต้องเดินไปที่เวทีตรงนั้น แต่พอเห็นพี่รหัสตัวเล็กออกมายืนรอที่เวที ผมคิดว่ามันน่าเบื่อน้อยลงนิดหน่อย..แค่นิดเดียวเท่านั้นนะ
“ชานยอล!” แบคฮยอนเรียกเบาๆ พร้อมทั้งกวักมือยิกๆ เร่งให้ร่างสูงเดินเร็วขึ้น และขณะที่จงแดกำลังเรียกชื่อผู้ชายสี่ห้าคนขึ้นมา รุ่นพี่ตัวเล็กก็ใช้เวลาน้อยๆ นั้นเพื่อพูดคุยกับชานยอลให้เข้าใจว่า เขาถูกเรียกขึ้นมาเพื่อเป็นตัวเลือกให้เพื่อนโหวตสำหรับการเป็นหน้าตาของคณะเรา
“คนแรกนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าปีนี้สายรหัสนี้จะกลับมาผงาดอีกครั้งนะครับ ฮ่าๆๆๆๆๆ” จงแดหัวเราะเสียงดังขณะแนะนำปาร์คชานยอลให้ทุกคนได้รู้จัก เหล่าสาวแท้ที่มีอยู่น้อยนิดและสาวเทียมทั้งหลายดูเหมือนจะชอบในความห่ามของชานยอลอยู่ไม่น้อยถึงพากันปรบมือดังลั่น และในที่สุดแล้ว คนที่ไม่เคยมาร่วมกิจกรรมอะไรเลยก็ได้ตำแหน่งที่ควรจะมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีไปอย่างไม่น่าเชื่อ
“เอาล่ะน้องชานยอลกับน้องโบมีคนสวย ในฐานะที่ได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนส่วนใหญ่ อีกสองวันข้างหน้าขอให้ทำเต็มที่นะครับ” คนเพิ่งได้ตำแหน่งหมาดๆ ไม่เข้าใจในสิ่งที่รุ่นพี่พูดนัก แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการสงสัยออกมาในเวลานั้น รอจนเสร็จเรื่องและจบการรับน้องลงแล้วเขาจึงเข้าไปถามกับพี่รหัสตัวเล็กของเขา
“ผมไม่เข้าใจ อีกสองวันผมต้องทำอะไร?”
“อ๋า~ ก็เรามีอีกหลายสาขาในคณะใช่มั้ยล่ะ ตอนนี้ชานยอลเป็นเดือนของภาควิชาเรา อีกสองวันชานยอลต้องไปสู้เพื่อเป็นเดือนคณะ” ได้ยินดังนั้นรุ่นน้องตัวสูงก็ถอนหายใจยาว ที่ยอมเออออตามน้ำเป็นเดือนอะไรนี่ไปก็เพราะเห็นว่ามันไม่วุ่นวาย ถ้ารู้ว่าจะต้องมีภาระตามมาแบบนี้ก็จะปฏิเสธไปตั้งแต่แรกแล้ว
“สู้ๆ นะ รู้มั้ยว่าสายรหัสเราน่ะได้ตำแหน่งมาตลอดเลยนะ!” แบคฮยอนยิ้มตาหยีดูน่ารักดีจนชานยอลกำลังจะถาม..
“จนมาถึงไอ้เตี้ยนี่ ประวัติศาสตร์เลยถูกล้มล้าง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” แต่แล้วก็ได้คำตอบจากจงแดเจ้าเก่า เสียงหัวเราะของรุ่นพี่คนนี้มันทำให้เท้ากระดิกยิกๆ เลยล่ะ..
“ชิ สูงตายล่ะไอ้เป็ด!”
“ฉันเตี้ยก็ไม่ได้ทำให้ประวัติศาสตร์เสียหายนี่หว่า ฮ่าๆๆๆๆๆ” หัวเราะร่วนอย่างนั้นแล้วก็เดินจากอย่างอารมณ์ดี
“แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง”
“พรุ่งนี้สิบโมงมาที่คณะนี่แหละ เดี๋ยวพี่คริสมาช่วย”
“พี่คริส?”
..
..
โอเค ถึงวันนั้นผมจะไม่รู้ว่าคนที่ชื่อคริสเป็นใคร แต่หลังจากที่ได้เจอและพูดคุยกันในวันถัดมา ผมถึงรู้ว่าเขาเป็นสายรหัสปี 4 ของผมเอง และเขาก็คือคนที่ได้ตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยมาครองอย่างง่ายดาย ส่วนคนที่เป็นลุงรหัสของผม เขาชื่อคิมฮยอนจุง เขาเป็นเดือนของคณะเชียว แต่ว่าตอนนี้ออกไปเรียนที่อื่นเรียบร้อยแล้ว
ส่วนผมนะเหรอ ..ตำแหน่งเดือนคณะอะไรนี่ ผมจะได้มาได้ยังไงในเมื่อคนอื่นเขาจัดเต็มทั้งเสื้อผ้าหน้าผม ทั้งแสดงความสามารถพิเศษ ผมพยายามที่สุดแล้วนะตอนที่ต้องร้องเพลงและเล่นกีตาร์โชว์ แต่ผมไม่มีช่างแต่งหน้าฝีมือดีมาด้วยนี่หน่า ที่ร้ายกว่านั้น..แม้แต่พี่รหัสของผมเองก็ยังไม่มาเลย
แต่ก็ช่างเถอะ ผมว่าผมไปได้ดีกับพี่คริสนะ เราชอบอะไรคล้ายๆ กัน คุยกันง่าย วันนี้หลังจากเสร็จงานประกวดบ้าบอนี่เรามีแผนจะไปเที่ยวกันต่อ อ้อ..มีไอ้จงอินพ่วงไปด้วยอีกหนึ่งหน่อ
“หวัดดีพี่!” พูดถึงก็มาเลย อ่า..แต่ไม่ได้มาหน่อเดียวนี่หว่า พาใครมาด้วยก็ไม่รู้
“นี่พี่รหัสผ๊มมมมมมมม จะพาไปด้วย น่ารักเปล่า” พอถือวิสาสะกอดคอคนอายุมากกว่าเข้าไป จงอินก็ถูกตีกลับมา
“ฉันเป็นพี่นะ เดี๋ยวจะโดน” คนตัวขาวชี้นิ้วคาดโทษ ..ช่างเป็นคู่พี่น้องที่(สีผิว)แตกต่างกันดีเหลือเกิน
ระหว่างทางไปร้านอาหารกึ่งผับเล็กๆ ที่อยู่หลังมหา’ลัย ผมก็ได้ทำความรู้จักกับจงอินแล้วก็พี่จุนมยอนพี่รหัสของมันมากขึ้น ที่บอกว่าสนิทกับแบคฮยอนมาก เป็นเพราะจงอินเป็นเด็กข้างบ้าน เรียกว่าเห็นกันมาตั้งแต่จำความได้ มันก็เลยโมเมเอาว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพี่รหัสผม
“โต๊ะเดิมมั้ยพี่” เมื่อเรามาถึง พนักงานของร้านก็ทักทายคริสด้วยความคุ้นเคย ร่างสูงใหญ่พยักหน้าตอบคำถามนั้นก่อนจะเดินนำเข้าไปในร้าน
ก็เป็นร้านเล็กๆ อย่างที่ทุกคนบอกจริงๆ มีโต๊ะประมาณสักสิบโต๊ะ ที่พอจะรองรับคนได้สักสี่สิบห้าสิบคน และก็มีมีเวทีเล็กๆ อยู่ที่ด้านในของร้านด้วย
“เต็มที่เลยวันนี้พี่เลี้ยง”
“เย้~~~~~~~~” คำว่าเกรงจงเกรงใจอะไรคงไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของไอ้กัมจงนี่ มันสั่งทุกอย่างที่เขาแนะนำจนคนอื่นไม่คิดจะสั่งอะไรอีก มีก็แต่คนอายุมากสุดที่สั่งเบียร์เพิ่มให้พวกเราเท่านั้น
นั่งได้พักเดียวคนก็ทยอยมากันเกือบเต็มร้าน และเราก็มีเพื่อนร่วมโต๊ะเพิ่มขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ก็เพราะว่าแถวนี้ไม่มีร้านให้เลือกมากนัก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะบังเอิญเจอกัน
“นี่จงแด มินซอก แจจอง แล้วก็อึนอา” คิมจุนมยอนแนะนำเพื่อนในรุ่นเดียวกันให้ทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องได้รู้จัก บรรยากาศเริ่มสนุกขึ้นอีกหน่อยเพราะเราเริ่มจะเฮฮามากขึ้น และเฮฮากันไปเรื่อยๆ จนสี่ทุ่ม ไฟในร้านก็ถูกหรี่ลงเล็กน้อย เพื่อดึงความสนใจไปที่เวทีที่มีผู้ชายถือกีตาร์ขึ้นไปปรับเสียงอยู่สักพัก
ผมไม่ได้สนใจเลยเพราะว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ จนกระทั่งสายกีตาร์ถูกดีดเบาๆ เป็นจังหวะ และใครอีกคนก็เริ่มร้องเพลง
I'll always remember
It was late afternoon
It lasted forever
And ended too soon..
ทุกคนดูเคยชินกับมัน ราวกับว่าเสียงที่แสนไพเราะนั้นเป็นแค่เสียงลมพัดผ่านที่ได้ยินจนชินหู.. แต่สำหรับผมมันต่างออกไป..
ทันทีที่ได้ยินก็รู้สึกเหมือนถูกโอบล้อมเอาไว้ด้วยเสียงนั้น
รู้สึกเหมือนทุกๆ คำค่อยๆ กดลงไปให้หัวใจอบอุ่น..
“พี่แบคร้องเพลงเพราะใช่มั้ยล่ะ” เป็นจงอินที่เอ่ยถาม
“อื้ม เพราะ..เพราะมากๆ”
“ก็เลยมารับจ๊อบพิเศษที่นี่ไง”
แบคฮยอนร้องอีกสองสามเพลงก็มีคนขึ้นไปสับเปลี่ยน ร่างเล็กจึงเดินตรงมาที่โต๊ะซึ่งวันนี้ดูจะมีสมาชิกมาร่วมก๊งมากกว่าทุกที
“แบคฮยอนอา นายร้องเพลงเพราะที่สุดในโลกเลย ได้ยินแล้วเหมือนจะขึ้นสวรรค์ทุกที” แจจองคว้ามือเล็กมาแนบหน้า พล่ามพรรณนาสิ่งที่พูดมาแล้วเป็นร้อยๆ รอบให้คนทั้งโต๊ะฟังอีกที
“ย่าห์! แจจอง ทำอะไรน่าขนลุก” แบคฮยอนชักมือกลับก่อนจะเดินอ้อมมานั่งลงข้างๆ คริส
“พี่คริสวันนี้ชานยอลเป็นไงบ้างอะ”
“เอ๋า ก็ถามเจ้าตัวเขาสิ” คริสพยักเพยิดไปที่ฝั่งตรงข้าม
“อ้าว! ชานยอลก็มาด้วยเหรอ อะไรเนี่ย ยังไม่ทันเปิดเทอมเลยมาเที่ยวซะละ พี่ชวนมาเหรอ” บ่นหยาวเหยียดก่อนจะหันไปถามเอาคำตอบจากพี่ชายตัวสูง พอได้รับการยืนยันเป็นการพยักหน้าแบคฮยอนก็ทำหน้ามุ่ย
“ฟ้องจงแดให้ทำโทษวันไปรับนอกข้างนอกดีมั้ยเนี่ย”
“อะไรนะ ฉันอยู่นี่” จงแดชะโงกหน้ามายิ้มเผล่ให้เพื่อนก่อนจะกลับไปสนใจอาหารอย่างเอาเป็นเอาตายต่อ
“แล้วเป็นไงบ้างล่ะ ได้เป็นเดือนมะ” แบคฮยอนถามพร้อมทั้งฉีกยิ้มกว้าง เดาว่าอีกฝ่ายจะพยักหน้ารับ ก็เห็นพากันมาฉลองนี่หน่า
“ไม่ครับ”
“อ้าว”
“เสียชื่อหมดเลยอะพี่คริสดูดิ” สุดท้ายก็หันไปฟ้องกับพี่ชายตัวโตอีกจนได้
“โธ่ แล้วเราล่ะ ไม่ทำให้สายเสียชื่อเหรอ”
“พี่คริสอะ ไม่เข้าข้างผมเลย อะไรวะ” ปัดมือใหญ่ที่เอื้อมมาลูบผมออกอย่างเซ็งๆ แล้วก็จิ้มเห็ดพันเบคอนที่วางอยู่ตรงหน้าเข้าปาก
“แต่ถึงจะไม่ได้รางวัลจากกรรมการ ชานยอลมันก็ได้ป๊อปปูลาร์โหวตมานะ”
“โอ้โห! หูกางๆ แบบนี้สาวๆ ชอบเหรอเนี่ย ฮ่าๆ” แบคฮยอนหัวเราะเสียงดังก่อนที่คนเป็นน้องจะจิ้มลูกชิ้นแล้วยัดปากเข้าไปโทษฐานที่หัวเราะปากกว้างน่าเกลียด
“ย่าห์! ฉันเป็นพี่นะ ฉันเป็นพี่!” บ่นแต่ก็ยังเคี้ยวไอ้ที่อยู่ปากจนหมด แค่นั้นไม่พอ ยังแย่งส้อมไปจากมือใหญ่ จิ้มกินไปพูดเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปจนหมดจาน “ไปทำงานต่อละ” บอกกับทุกคนแล้วก็เดินกลับขึ้นไปร้องเพลงเพราะๆ บนเวทีอีกครั้ง ..ให้ตายเถอะอย่างกับคนละคน
คราวนี้คนตัวเล็กร้องเพลงเคป๊อปตามกระแส เรียกให้ผู้คนขยับโยกตามได้ไม่ยาก แต่พอมาถึงเพลงที่สอง มือเล็กๆ ก็เอาแต่กุมตรงท้องแน่น และดูเหมือนจะออกแรงบีบท้องน้อยของตัวเองมากขึ้นทุกทีทุกที
“พี่แบคเป็นไรวะ” จงอินพึมพำแล้วหันมามองหน้าชานยอลที่ไม่มีคำตอบให้ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นจานว่างๆ ใบหนึ่ง
“มึงกินหมดเหรอ”
“เปล่า คนนู้นนู่นกิน” ชานยอลมองขึ้นไปบนเวที
“ฉิบหายแล้ว! พี่แบคแพ้กุ้ง อันนี้ลูกชิ้นกุ้ง” พูดไม่ทันจนคำดี แบคฮยอนก็กล่าวขอโทษทุกคนแล้วขอตัวลงจากเวที คนน่ารักเดินกุมท้องตัวงอมาเบียดนั่งข้างๆ จงอิน บ่นซ้ำๆ ว่าปวดท้องด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“แล้วกินเข้าไปไม่รู้เหรอว่ากุ้งน่ะ!”
“ฮือ ไม่รู้ มันอร่อยนี่”
“ตีให้ตายซะดีมั้ง!”
“ฮือ ไม่เอา ปวดท้องอะ อย่าตีอีก เจ็บ” แบคฮยอนเบะปาก ตาฉ่ำชื้นเหมือนพร้อมจะปล่อยโฮตลอดเวลา
“พี่คริสไปส่งที่หอหน่อยได้ปะครับ” จงอินเงยหน้าขอความช่วยเหลือ พอเป็นแบบนั้นงานเลี้ยงก็มีอันต้องเลิกราเร็วกว่าที่คิด เพราะทั้งจงอิน ชานยอล แล้วก็จุนมยอนที่นั่งรถมากับคริสก็ต้องกลับไปด้วยกันทั้งหมด
“แล้วพี่แบคฮยอนเขามายังไง เราไม่เอารถเขากลับไปด้วยเหรอครับ” ชานยอลถาม
“เออจริงด้วย” จงอินฉุกคิดขึ้นมาได้
“งั้นเดี๋ยวผมพาพี่แบคกลับเองก็ได้ พวกพี่กลับเข้าไปข้างในเหอะ”
“ไปไหวแน่เหรอวะ หออยู่ไหน ไกลรึเปล่า” ชานยอลถามเพื่อความแน่ใจ เพราะแม้ว่าแบคฮยอนจะยังมีสติอยู่กับตัว แต่ก็ดูงอแงจนควบคุมยาก
..
..
“ดีนะอยู่หอเดียวกับมึงเนี่ย” คนผิวเข้มบอก หลังจากที่จัดการให้รุ่นพี่ตัวเล็กกินยาไปเรียบร้อยแล้ว
“แล้วมึงอยู่ไหนวะ?”
“กูอยู่ท้ายซอยอะ ทีแรกว่าจะอยู่บ้านเลยจองที่นี่ไม่ทันว่ะ”
“แล้วมึงจะอยู่ดูพี่มึงที่นี่มั้ย ใส่เสื้อผ้ากูก่อนก็ได้”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเขาหลับกูก็จะกลับ พรุ่งนี้มีธุระว่ะ”
“เออๆ งั้นกูไปละ” ชานยอลโบกมือลาเพื่อนใหม่เพื่อจะกลับไปที่ห้องของตัวเองซึ่งอยู่ติดกันราวกับจงใจ
โชคดีที่วันนี้มีบอลให้ดูก็พอจะแก้เบื่อได้บ้าง พอดูจนรู้ผลแพ้ชนะแล้วนั่นแหละปาร์คชานยอลถึงได้เตรียมผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันได้เปิดประตู โทรศัพท์ที่ถูกปิดการแจ้งเตือนทุกประเภท ก็มีสายเข้ามา.. เบอร์แปลกซะด้วย
“ฮัลโหล”
(“เฮ้ยกูจงอินเองนะ”)
“อ๋อเออว่าไง”
(“เมื่อกี้พี่แบคโทรหากู แต่พูดอะไรไม่รู้ฟังไม่รู้เรื่องเลย มึงไปดูให้หน่อยได้ป่าววะ”)
“เออๆ เดี๋ยวกูอาบน้ำแล้วไปดูให้”
(“มึงไปดูก่อนได้เปล่าววะ เดี๋ยวพี่กูตายห่าไปกูเสียใจนะ”)
“โอ๊ยแม่ง พี่มึงอายุเท่าไหร่แล้ว สามขวบเหรอวะ”
(“หน่า กุเคยขอร้องมึงเหรอ”)
“มึงเพิ่งเจอหน้ากุได้สามวันมั้ง”
(“เออหน่า ไปดูให้หน่อยอย่ามัวแต่พูดดิ”)
“เออๆ แค่นี้นะ” ผมไม่รอฟังมันตอบบ้าบออะไรก็ตัดสายทิ้งแม่ง.. เดินไปเคาะห้องข้างๆ อยู่หลายนาทีก็ไม่เห็นจะมีทีท่าว่าจะเปิด ..ยิ่งเห็นไอ้เพื่อนเป็นห่วงขนาดนั้นก็อดกังวลแทนไม่ได้ เดือดร้อนจนต้องไปขอกุญแจสำรองมาจากลุงข้างล่าง
แต่แม้ว่าจะเปิดเข้าไปอย่างร้อนรน แต่ตัวการกลับนอนนิ่งๆ อยู่บนเตียงไม่สมกับที่คนอื่นเขาเป็นห่วงเอาเสียเลย..
“ไม่เป็นไรงั้นผมกลับแล้วนะ” ก็พูดกับคนหลับไปอย่างนั้น แต่พอหันหลังจะเดินออกจากห้องนอนเล็กๆ คนบนเตียงก็ส่งเสียงแปลกๆ ออกมา มันฟังดูคล้ายกับ..ลูกหมา มันก็ดูน่ารักและตลกดีใจเวลาเดียวกัน แต่สาบานได้ว่าชานยอลแค่ขำเบาๆ เท่านั้น เจ้าลูกหมาบนเตียงก็เด้งขึ้นและจ้องมายังผู้บุกรุกไม่วางตา
“ร้อนอะ อึ่ก ปวดท้อง จะอ้วก ปวดหัวด้วย” มือเรียวสวยยกขึ้นทิ้งผมจนน่ากลัวจะเจ็บ ริมฝีปากบางๆ เบะลงพร้อมกับคิ้วขมวดมุ่น มาถึงจุดที่ชานยอลแยกความน่าสงสารกับน่าเอ็นดูไม่ออกเสียแล้ว..
“มียากินมั้ยครับ”
“กินไปแล้ว ไม่เห็นหายเลย จงอินไปไหน ทำไมไม่อยู่อะ ตามจงอินให้หน่อยสิ นี่เราไม่สบาย ทำไมทิ้งอะ ฮื่อออออออออออ”
ปาร์คชานยอลได้แต่ยืนเหวออยู่ตรงนั้นเพราะรับมือกับพี่รหัสตัวเองไม่ถูก ..ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่สบายถึงงอแง หรือปกติก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว แต่เขาไม่ใช่ไอ้จงอินที่จะตามใจคนอื่นไปทุกเรื่องหรอกนะ
“ไม่สบายนิดเดียวเอง จงอินมันก็มีธุระของมัน แล้วที่ไม่สบายนี่พี่ก็ทำตัวเองนะ ยังจะมางอแงอีก” ตีหน้าดุเพราะหงุดหงิดเสียงครางฮือๆ ในลำคอของอีกฝ่าย แต่พอพูดจบแทนที่จะเข้าใจกัน ฝ่ายตรงข้ามกลับนอนฟุบหน้าลงกับหมอน บ่นอะไรอีกยาวเหยียดที่เขาพอจะจับใจความได้ว่าเรียกหาจงอิน..ซึ่งมันก็น่าหงุดหงิดเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
“ดูนาฬิกาสิว่ามันกี่โมงแล้ว จงอินมันอยู่บ้าน จะให้มันมาได้ไง”
“แล้วนี่เป็นใครอะ มาทำไม กลับไปเลย”
“เมาเหรอ!”
“ตะโกนทำไม!” แบคฮยอนก็ไม่ยี่หระ พอถูกตะคอกใส่เขาก็สวนกลับไป เสร็จแล้วก็ครางฮือบ่นปวดท้องปวดหัวอีก เดือดร้อนคนเป็นน้องต้องกลับไปหยิบโทรศัพท์กดโทรหาเบอร์สุดท้ายที่โทรเข้ามา...
ก็เสือกไม่รับอีก!
“ไม่สบายแล้วงอแงหรือไง โตแล้วนะ น่ารำคาญจริงๆ” ชานยอลพูดอย่างนั้นถึงแม้ว่าจะเตรียมเจลเย็นและยาแก้ปวดมาให้ด้วยก็ตาม
“ว่าทำไม” นั่นเป็นการจับใจความจากอะไรก็ไม่รู้พึมพำงึมงำอยู่ในลำคอแล้วก็เงยหน้ามองและเบะปาก ทำท่าจะงอแงจริงๆ อีกที เห็นอย่างนั้นชานยอลจึงเปลี่ยนเรื่องด้วยการเอื้อมมือไปแตะหน้าผากชื้นเหงื่อแทน
“พี่ตัวร้อนนะ”
“ฮื่อ..นายตัวเย็นเองต่างหาก” ริมฝีปากเล็กขยับเถียงทั้งๆ ที่ยังหลับตา
“ฮึ..”
“เย็นดี..” อมยิ้มเล็กๆ ตอนที่กดแผ่นเจลลงกับหน้าผากของตัวเอง แต่แล้วก็ขมวดคิ้วน้อยๆ เพราะรู้สึกปวดท้องหน่วงๆ
“อืม วางไว้เดี๋ยวก็หาย ผมไปละนะ”
“อืออ..แปะเย็นๆ แล้วหาย” เสียงเล็กพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง ก่อนจะจับมือใหญ่ของคนที่ทำท่าจะลุกจากไปขึ้นมา แล้ววางมันลงบนพุงขาวๆ ที่ไร้อาภรณ์ของตัวเอง..
“เฮ้ย!”
To be cont.
..
# talk corner *
จำไมอัพช้า.. แอร๊ 555555 เราว่าเราเห็นอนาคตอันสั้นของเรื่องนี้ XD ที่จริงแล้วก็แต่งเพราะชอบ อยากอ่านอะไรแบบนี้ แต่ถ้าไม่มีคนอ่านเลยก็มิไหวจะสู้โนะ แต่แต่แต่ เรายังไม่แพ้ตอนนี้ 55555555555 เราเลือดนักสู้ ซามูไรเบอร์เกอร์หมู(?)มากๆ สปีดไม่ค่อยดีจะลองหยอดน้ำมันนะคะ
จะแท็กก๊ะได้นะ #ฟิคเมื่อเราเจอกัน :)
TALK ครึ่งแรก :: การไม่มีคอมเม้นเป็นความเศร้าที่เราค่อนข้างชิน แต่การไม่มีคนอ่านเลยมันช่างน่าเศร้ายิ่งกว่าหลายเท่านัก อร่อกกกกกกก #เหมือนโดนธนูปักหลัง 5555555 จะลองดูไปเรื่อยๆ สักพัก ถ้ามันไม่มีคนอ่านจริงๆ ก็จะไม่ดันทุรัง XD
#ฟิคเมื่อเราเจอกัน
แต่ถ้าอยากเจอกันกับเราต้องไปที่นี่ XD >> @excarmz100
◊ >SQWEEZ
ความคิดเห็น