ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อัศวินรัตติกาล

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 57


    คฤหาสน์โอดีรอส

    หนึ่งชายหนุ่มที่เดินตามหลัง เสมือนเป็นคนรับใช้ก็ไม่ปาน และอีกหนึ่งเด็กชาย ผู้เดินนำหน้า ต่างคนต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเอง จนกระทั่ง...

    มีอะไรหรือขอรับ นายน้อย

    อยู่ๆ เด็กชายตรงหน้าเขาก็หยุดเดินแล้วหันมามองหน้าเขาซะนี่ เขาเผลอทำอะไรผิดไปหรือเปล่านะ?

    ...จับ..

    หืม?”

    แววตาของเด็กน้อยราวกับโหยหาอะไรบางอย่าง

    เอ่อ...ถ้าไม่พูดออกมา เขาก็ไม่มีวันรู้หรอกนะว่าต้องการอะไรน่ะ ด้วยประสบการณ์เลี้ยงเด็กเป็นศูนย์ แน่สิ เขาไม่มีพี่น้องนี่ ในตอนที่ยังเด็กนายท่านได้ช่วยชีวิตเขาไว้ เขาจึงขอเป็นคนรับใช้ให้กับตระกูลกราดีสเพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่นายท่านและนายหญิงกลับไม่ยอม แถมยังทำราวกับเขาเป็นเหมือนลูกชายอีกคนหนึ่ง แต่มีข้อแม้เพียงอย่างเดียวก็คือให้เขาช่วยดูแลคุณหนูรีชา ลูกสาวคนโตให้กับพวกท่านก็พอ ตั้งแต่นั้นเขาจึงถือตนว่าเป็นคนรับใช้ของคุณหนูรีชา และตอนนี้งานล่าสุดที่คุณหนูรีชาสั่งเขาก็คือ การดูแลเด็กชายคนนี้นี่เอง

    จับมือผมหน่อยได้ไหม

    ดวงตาใสแป๋วคู่นั้นมองเขาอย่างวิงวอน

    ให้ตายเถอะ! ทำไมดันมีดวงตาเหมือนกับคุณหนูได้ถึงขนาดนี้กัน แบบนี้เขาก็ต้องยอมทั้งแม่ทั้งลูกไปตลอดชีวิตน่ะสิ!

    ถึงแม้ในสมองจะก่นด่าตัวเองห้ามใจอ่อนให้กับนัยน์ตาสีอะมีทีสต์คู่นั้น

    แต่...มือของเขากลับยื่นไปคว้ามือเล็กนั้นไว้แทบจะทันทีที่เด็กน้อยร้องขอ

    เมื่อความปรารถนาของเด็กน้อยสัมฤทธิ์ผล หนึ่งชายหนุ่มและหนึ่งเด็กชายก็จับมือกันเดินไปยังจุดหมายต่อ มือหนาของเขาสัมผัสได้ถึงมือน้อยๆ ที่สั่นอยู่ ชายหนุ่มเข้าใจว่าเด็กน้อยอาจจะกลัวการพบผู้ใหญ่ จึงบีบมือน้อยนั่นเป็นเชิงให้กำลังใจ และเหมือนจะสื่อความหมายว่าไม่เป็นไร แล้วพาเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

    หากเขาก้มลงมองเด็กชายสักนิด เขาก็คงได้เห็นแล้วว่าเด็กน้อยมองหน้าเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความยินดี หางตาคู่น้อยนั้นก็มีหยดน้ำไหลออกมาแล้วด้วย เด็กน้อยรีบใช้มืออีกข้างปาดน้ำตาทิ้ง และเริ่มยิ้มให้กับตัวเอง

    ในที่สุด...เขาก็ได้จับมือแล้ว

                .ในระยะเวลาไม่นาน พวกเขาก็ได้มาถึงจุดหมาย นั่นคือห้องสมุดของคฤหาสน์โอดีรอส ซึ่งตอนนี้กำลังถูกใช้งานเป็นที่ซ่องสุม(?) เพื่อปรึกษาปัญหาบางอย่างกัน

                หญิงรับใช้ที่รอเจ้านายเรียกใช้งานอยู่หน้าประตู สบตายิ้มๆ ให้กับชายหนุ่มที่จูงมือเด็กน้อยมาก่อนจะเคาะประตูรายงาน

                ท่านเอเดรียส ท่านเกลนมาแล้วเจ้าค่ะ

                หลังเสียงตอบรับจากข้างในดังขึ้น หญิงรับใช้ก็เปิดประตู พร้อมกับผายมือเชิญเขาเข้าไป

                “กิล~ มาหาลุงมาชายหนุ่มที่นั่งใกล้ประตูที่สุดส่งยิ้มอย่างมีเลศนัยให้ พร้อมกับอ้าแขนเชิญชวนเด็กน้อย

                แต่ปฏิกิริยาที่ได้รับก็คือ...คนถูกชวนรีบเบียดตัวหลบเข้าไปอยู่ข้างหลังชายหนุ่มที่มาด้วยกัน แถมยังจับมือชายหนุ่มแน่นกว่าเดิมอีกต่างหาก

                เอเดรียส พอเห็นรอยยิ้มแบบนี้ของเจ้า ต่อให้เป็นเด็กโง่ไร้สมองขนาดไหน ก็ไม่ยอมเข้าใกล้เจ้าหรอก

                ชิ ทำตัวเป็นพ่อไก่ปกป้องลูกน้อยงั้นแหละ นับวันเจ้ายิ่งทำตัวเหมือนพ่อกิลเบิร์ตเข้าไปทุกทีแล้วนะ รู้ตัวไหมเกลน~”

                น้ำเสียงลากยาวแบบยียวนนี่มันช่างน่าเชิญชวนให้เขาตบกะโหลกมันจริงๆ ชายหนุ่มนิ่วหน้าใส่คนพูดก่อนจะเดินพาเด็กชายไปนั่ง

                “ข้าว่าไม่ใช่แค่ทำตัวเหมือนพ่อนะ พอมองดีๆ กิลเบิร์ตก็มีส่วนคล้ายเกลนอยู่หลายส่วน

                หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีม่วงเข้มที่นั่งเท้าคาง อยู่ตรงหัวโต๊ะ ชี้มือไปทางขนมและน้ำชาเป็นเชิงชวนกินให้ทั้งสอง พร้อมกับมองด้วยสายตาเกียจคร้าน ก่อนจะกะพริบตาปริบๆ เรียกสติตัวเองให้ตื่นเต็มตามากกว่านี้

                อย่าพูดจาซีซั้วน่า สกาเล็ต แล้วเจ้าไปอดหลับอดนอนมาจากที่ไหนกัน ถึงได้มาแอบงีบหลับที่นี่น่ะ เกลนพูดในขณะเดียวกันก็จัดแจงจัดขนมและถ้วยน้ำชาให้กับเด็กน้อย และพร้อมกันนั้นก็ชายตาไปยังชายหนุ่มเจ้าของคฤหาสน์ ซึ่งพอรู้ตัวว่าโดนมองอยู่ ก็ยิ้มตาหยีใส่

                นี่เป็นผลงานของรีชาต่างหากล่ะ สกาเล็ตก็แค่บังเอิญเป็นหนูทดลองให้ก็แค่นั้นเอง

                สิ้นเสียงของเอเดรียส อยู่ๆ ชั้นหนังสือตรงด้านในสุดของห้องซึ่งก็คือทางด้านหลังของสกาเล็ตก็สั่นสะเทือน พร้อมกับได้ยินเสียงโหวกเหวกจากสิ่งนั้น เกลนรีบกอดกิลเบิร์ตไว้เพื่อป้องกันอันตรายให้กับเด็กน้อย เอเดรียสกลอกตาไปมาก่อนจะเข้ามาอุ้มสกาเล็ตออกให้อยู่ไกลจากชั้นหนังสือที่สุด

                ทันใดนั้น ก็มีเสียงตูมดังขึ้น ชั้นหนังสือทั้งชั้นร่วงกราวลงมา ร่างสามร่างก้าวออกมาพร้อมกับกลุ่มควันและเศษซากของชั้นหนังสือที่พังลงไป

                แค่กๆ ไอ้บ้าคนไหนมันกล้าเขียนเวทมนตร์เฮงซวยนี่กัน ไอ้..แค่กๆๆ หญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาว ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยฝุ่นผงเต็มไปหมดกล่าวขึ้นด้วยสายตาเคืองแค้น

                ไอ้บ้าที่ว่ามันก็บรรพบุรุษของเจ้าแหละน่า อาจจะเขียนไว้แกล้งลูกหลานอย่างพวกเจ้าแบบนี้ไงล่ะ ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีม่วงเข้มเอ่ยขึ้น พร้อมกับปัดฝุ่นที่ติดตามเสื้อผ้าของเขาอย่างรังเกียจ ดวงตาสีแดงเพลิงจับจ้องการกระทำของบุรุษเจ้าของห้องที่กำลังค่อยๆ วางร่างบอบบางที่มีเรือนผมสีเดียวกับเขาลงบนโซฟาตาไม่กะพริบ

                ขอทีเถอะ ถ้าเจอเวทมนตร์แปลกๆ แล้วต้องมาเสี่ยงใช้เองแบบนี้ล่ะก็ ข้าว่านะ พวกเราหันมาใช้ยาพิษของข้าไปเลยเถอะ หญิงสาวคนสุดท้ายที่ก้าวออกมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเอือมระอา ก่อนจะชะงักไป เมื่อเห็นภาพที่เกลนกอดกิลเบิร์ต เอาไว้แน่น

                ดวงตาสีอะมีทีสต์ส่องประกายเข้มขึ้น ก่อนจะยิ้มให้ทั้งสอง ชายหนุ่มเมื่อเห็นดังนั้น จึงรีบคลายอ้อมกอด ก่อนจะกระแอมเป็นเชิงแก้เขิน

                คุณหนูปลอดภัยหรือเปล่าขอรับ

                แน่นอนอยู่แล้ว ก็อย่างที่แลนซ์พูด มันเป็นแค่เวทมนตร์แกล้งคนเล่นๆ แค่นั้นแหละ หญิงสาวปัดฝุ่นบนเรือนผมสีน้ำตาลของตัวเอง จนเมื่อแน่ใจแล้วว่าทั้งเนื้อทั้งตัวปราศจากฝุ่นผง จึงได้เดินเข้าไปหาเกลนและกิลเบิร์ต

                กิล ทำอะไรให้เกลนลำบากใจหรือเปล่าจ๊ะ มือเรียวบางลูบหัวเด็กน้อยด้วยความรักใคร่

                ปะ..เปล่านะฮะ เอ่อ..ผมแค่ขอให้..จับมือ เด็กน้อยพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก พร้อมกับมองไปยังชายหนุ่มด้วยสายตากลัวๆ

                งั้นเหรอ หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ พร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานจับใจให้กับคนสนิทประจำตัว ขอบคุณมากนะ เกลน ใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสีกว่าปกติ ยังไม่ทันที่เขาไม่รู้จะตอบรับไปว่าอะไรดี เจ้าพวกน่ารุงรังทั้งหลายก็ดันสอดปากขึ้นมาซะก่อน

                แหวะ เจ้าอย่าทำให้ข้ารู้สึกคลื่นไส้มากไปกว่านี้ได้ไหม รีชา เห็นพวกเจ้าสองคนทีไรเป็นต้องนึกถึงฉากละครรักโรแมนติกระหว่างเจ้าหญิงผู้สูงส่งกับองครักษ์ประจำตัวผู้ต่ำต้อย หญิงสาวในชุดสีชาวพิสุทธิ์หรือ เนมผู้ทำการทดลองเวทย์มนตร์อันเป็นสาเหตุให้ชั้นหนังสือของเอเดรียส

    ถูกทำลายทำหน้าราวกับจะอาเจียนออกมาจริงๆ ตามที่เจ้าตัวพูด

                รีชามองหน้าเพื่อนสนิทด้วยสายตาค้อน แต่ก็หาทำให้เจ้าตัวรู้สึกตัวไม่ ยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ ราวกับสายตาของรีชาเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านเท่านั้น

                นี่ถ้าข้าไม่รู้จักพวกเจ้าคงคิดว่าเป็นพ่อแม่ลูกกันจริงๆ เจ้านี่ก็เข้าใจหาลูกบุญธรรมนะ

                อย่าใช้คำว่าลูกบุญธรรมกับกิลเบิร์ตเสียงหวานใสของรีชาดังขึ้นทันทีที่ได้ยินคำนี้ ทุกคนในห้องนิ่งงันไป (ยกเว้นสกาเล็ตที่นิ่งไปแล้วเนื่องจากยานอนหลับของรีชา) นัยน์ตาสีอะมีทีสต์ฉายแววไม่พอใจอยู่หลายส่วน เธออุ้มเด็กชายขึ้นมา ก่อนจะทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้แทนเขา โดยที่เธอกอดเด็กชายไว้แนบอก ดวงตาของคนในอ้อมแขนหญิงสาวใสกระจ่างยิ่งขึ้นจากน้ำตา ยิ่งเธอเห็นดังนั้น เธอยิ่งส่งสายตาขุ่นเคืองไปให้เนม

                เอ่อ...ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ คือ... หญิงสาวหมดคำอธิบาย ยิ่งคิดได้ว่าตนเองได้ทำร้ายจิตใจของเด็กน้อยแล้วยิ่งรู้สึกผิด  ถ้ามีครั้งต่อไป ข้าจะไม่คุยกับเจ้าแล้วนะเนม คู่กรณียอมประนีประนอม เพราะเข้าใจดีว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนตรงๆ บางทีจึงพูดแบบไม่ทันคิด ครั้งนี้เธอจะให้อภัย แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีกล่ะก็ ฮึ่ม!

                “อื้ม ข้าสาบานจะไม่พูดอีกแล้ว นางจะต้องกลับไปลงโทษตัวเองด้วยการคัดลายมือให้มันฝังรากซึมลึกลงไปในทุกเซลล์ประสาทสมองแน่นอน ด้วยกลัวว่าตัวเองจะลืมหลุดปากพูดออกมาอีก แล้วจะทำให้ถูกฆาตกรรมโดยเพื่อนสนิทของตัวเองเข้าสักวัน

                “ไม่เป็นไรนะ กิล เนมน่ะก็แค่ป้าแก่แร้งทึ้งที่ผีเจาะปากมาพูดแค่นั้นแหละ อย่าไปใส่ใจคำพูดของคนแก่เลยนะ แน่ะ! ปากบอกว่ายกโทษให้นางแล้วแท้ๆ แต่เจ้าตัวกลับปลอบเด็กน้อยในอ้อมแขนไป พร้อมกับหลอกด่านางไปพลาง ยังคงแค้นไม่หายสิน่า

                รีชาให้อภัยเจ้า แต่ข้าไม่ให้อภัยเจ้านะ เนม เจ้าของห้องพูดขึ้นมา นัยน์ตาคู่คมมองซากชั้นหนังสือด้วยสายตาปวดร้าว

                นี่ เอเดรียส หญิงสาวผู้ที่เพิ่งจะรอดชีวิตถลึงตาใส่คนพูด เพิ่งจะรอดจากรีชาแท้ๆ ยังคิดจะมาหาเรื่องนางอีกงั้นเรอะ?

                “หนังสือนับเป็นสมบัติที่มีค่าสูงสุดในตระกูลข้าเชียวนะ ยัง ยังไม่หยุด แถมเจ้าตัวยังทำตาละห้อยยิ่งกว่าคนที่สูญเสียคนรักไปอย่างนั้นแหละ เฮอะ! นี่ถ้าข้าไม่ใช่เพื่อนเจ้าละก็ คงน่าสงสารอยู่หรอก แต่เพราะข้ารู้จักนิสัยเจ้าดี 

    ไอ้คนงก! หวังจะเรียกค่าเสียหายจากข้าเท่านั้นสิน่า

                เจ้าต้องการเท่าไรว่ามาเลย เอเดรียส

                ถึงยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันมานาน ข้าไม่คิดเจ้าแพงหรอก เอาเป็นว่าข้าคิดแค่...ห้าแสนคิวละกัน คนที่เป็นลูกหนี้แทบเข่าอ่อน นี่ขนาดบอกว่าคิดไม่แพง ยังห้าแสนคิวเชียวเรอะ!

    นี่มันปล้นกันชัดๆ นี่ ไอ้ขี้โกง!!!

                “ลงบัญชีไว้ก่อนได้ไหม แล้วข้าจะทยอยจ่ายให้ เพราะรู้ว่าท้วงไปก็ไม่ได้ผล นางก็คงทำได้แค่เพียงร่ำไห้อยู่ในใจเท่านั้น

                ได้ ข้าให้เวลาเจ้าไม่จำกัดเลย~” คนพูดทำหน้ายิ้มระรื่นใส่ โดยไม่ได้รับรู้เลยว่าคู่สนทนาแทบอยากจะถลันเข้าไปตบหัวเขาเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

                “ว่าแต่เจ้ามีอะไรจะคุยกับข้ารึเปล่า แลนซ์ จ้องหน้าข้ามานานแล้วนะ? คนหน้าเลือดหันไปถามเจ้าของเรือนผมสีม่วงเข้ม หลังจากตกลงเรื่องหนี้กับเนมได้แล้ว

    ...เปล่า ไม่มีอะไร.. ปากบอกไม่เป็นไร แต่ใบหน้าหล่อเหลายังคงขมวดคิ้วเป็นปมอยู่ ไม่ได้การ...หรือว่าแลนซ์จะรู้เรื่องนั้นแล้ว

                แลนซ์ เจ้ามีอะไรกังวลอยู่รึเปล่า สีหน้าเจ้าดูไม่ค่อยสบายใจเลยจริงๆ นะ รีชาส่งสายตาห่วงใยมาให้ชายหนุ่ม พร้อมกันนั้นมือเรียวของเธอก็ลูบหลังเด็กน้อยในอ้อมกอดอย่างรักใคร่

                ไม่สำคัญอะไรหรอก ข้าแค่รู้สึกแปลกๆ อาจจะเป็นผลข้างเคียงจากเวทมนตร์กะโหลกกะลาที่เนมทดลองเมื่อกี้ก็ได้ ชายหนุ่มตอบคำถามพร้อมส่งยิ้มบางๆ เป็นเชิงว่าไม่ต้องกังวลให้กับเพื่อนๆ ก่อนจะไม่วายทิ้งสายตามีความนัยอะไรบางอย่างให้กับชายหนุ่มอีกคนที่สบตาเขาอย่างเข้าใจความหมาย

                เกลน ข้าจะไปสืบเรื่องราชินีซีเนียต่อ เจ้าสนใจจะไปยืดเส้นยืดสายกับข้าหน่อยไหม?”

                “เอาสิ คุณหนู นายน้อย วันนี้ข้าขอตัวก่อนนะ ขอรับเจ้าของเรือนผมสีดำ หันไปบอกเจ้านายก่อน พอหญิงสาวพยักหน้ารับรู้ เขาจึงลุกเดินตามเพื่อนออกไป

                ระวังตัวด้วยนะครับ เด็กชายในอ้อมกอดหญิงสาวรีบพูดออกมาทันที ด้วยกลัวว่าจะไม่ทัน ทำเอาคนฟังถึงกับชะงักเท้าก่อนจะหันกลับมารับคำเด็กน้อย แต่ทันทีที่หันกลับมา ภาพที่เห็นทำให้เขาแทบหยุดหายใจ

                ภาพของคุณหนูรีชาที่ส่งยิ้มให้เขาอย่างห่วงใยและสายตาของเด็กน้อยที่แลดูอาลัยอาวรณ์เขาเหลือเกิน ทำไมภาพแบบนี้ชวนให้เขานึกถึงบรรยากาศภรรยาและลูกน้อยกำลังส่งสามีออกจากบ้านกันนะ ชายหนุ่มรีบสลัดความคิดนั้นออกจากหัว ตอบรับถ้อยคำห่วงใยจากเด็กน้อยพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ ก่อนจะเดินออกจากห้องพร้อมแลนซ์

                นี่ถ้าเวทมนตร์ของเจ้ามีผลข้างเคียง ทำให้แลนซ์เป็นอะไรขึ้นมานะเนม ข้าจะเรียกเจ้าอีกสองแสนคิว ทันทีที่ชายหนุ่มสองคนออกจากห้องไป ชายหนุ่มอีกคนที่ยังอยู่ ก็ดีดลูกคิดในหัว พร้อมกับเรียกค่าเสียหาย(?) ต่ออีกระลอก

                น้อยๆ หน่อย เอเดรียส คนที่ควรจะเรียกเสียหายควรจะเป็นแลนซ์หรือไม่ก็สกาเล็ตต่างหากเล่า เจ้าไม่เกี่ยวอะไรด้วยแท้ๆ หวังจะขูดรีดเงินจากข้าให้ได้เลยสินะ เจ้าคนงก!” คนที่ถูกเอาเปรียบอย่างน่าเกลียดหันมาแว้ดใส่เพื่อนอย่างอดไม่ไหว ห้าแสนคิวหล่อนก็อุตส่าห์ยอมจ่ายให้ดีๆ นี่อะไรยังจะหาเรื่องมาเรียกร้องเพิ่มอีกด้วยเหตุผลข้างๆ คูๆ หล่อนไม่ยอมหรอกนะ

                “นี่พวกเจ้าจะมาทะเลาะกันทำไมเนี่ย ระวังเถอะ จะได้แต่งงานจริงๆ ตามที่ผู้ใหญ่ตระกูลพวกเจ้าหมายตาเอาไว้หญิงสาวแสนจะปวดหัวกับเพื่อนทั้งสองคนที่เอาแต่ทะเลาะกันอยู่ได้ตั้งแต่เด็กจนโตก็ยังไม่วายเลิกทะเลาะกัน ผลคือสิ้นสุดประโยคที่นางพูดออกไป ทั้งสองต่างหันมาจ้องนางเขม็ง

                มันไม่มีทางเด็ดขาด รีชา วันนั้นจะไม่มีทางมาถึง

                “เจ้ารอให้ข้ามีลูกมาประจานตัวเองก่อนยังจะง่ายกว่าเห็นวันที่ข้ากับเนมแต่งงานกัน

                นางกะพริบตาปริบๆ มองเพื่อนทั้งสองสะบัดหน้าไปคนละทาง

    ไม่เห็นจะต้องแสดงท่าทางรังเกียจกันขนาดนี้เลยนี่นา อีกอย่างรอให้เอเดรียสมีลูกงั้นเรอะ ฝันสิ พวกเพื่อนของนางต่างก็เป็นโรคหวงพรหมจรรย์กันทั้งนั้น

    แวมไพร์ชั้นสูงมักจะถูกปลูกฝังความคิดในการมีคู่ชีวิตเพียงคนเดียวมาจากบรรพบุรุษ เพราะเลือดจากคู่ทำพันธะเลือดจะมีผลในการรักษาและฟื้นฟูพลังชีวิตให้กับคู่ตัวเองได้ดีและเร็วที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยนอกลู่นอกทาง ไปยุ่งกับหญิงสาวอื่นๆ เพื่อระบายความอึดอัด แต่กลับเก็บตัวกันยิ่งกว่าฤาษีหรือผู้ฝึกตนเสียอีก แต่อย่างไรก็ตามแวมไพร์ทั่วไปก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความจริงข้อนี้มากนัก เพราะเลือดจากคนที่ไม่ใช่คู่พันธะเลือดของตน ก็สามารถรักษาและให้พลังชีวิตได้ หากแต่มีประสิทธิภาพไม่สูงเท่าเลือดจากคู่ของตนเท่านั้นเอง

    ตอนนี้ในบรรดาพวกเขา ก็คงมีแค่เกลนคนเดียวที่ไม่มีสิ่งนั้นให้หวงแหนอีกแล้ว โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ นึกแล้วก็อดขำขึ้นมาไม่ได้ นางมองเด็กน้อยในอ้อมกอด เด็กชายเงยหน้าสบตานางพร้อมกับกระซิบถ้อยคำที่ฟังแล้วทำเอาหัวใจของนางเต้นแรงขึ้นมาทันที

    แม่ดีใจกับลูกด้วยนะ กิล น้ำตาแห่งความดีใจไหลออกจากนัยน์ตาสีอะมีทีสต์ของทั้งคู่ หญิงสาวก้มลงจูบหน้าผากเด็กชาย ก่อนจะกระชับอ้อมแขนยิ่งขึ้น ความสุขล้นเต็มหัวใจของคนทั้งสอง

     

                ภายในคฤหาสน์อันยิ่งใหญ่ของตระกูลกราดีส สภาพบรรยากาศทั่วไป ทุกคนที่เข้ามาเยือนล้วนแต่คิดว่านี่คือสวนพฤกษาของอาณาจักร เนื่องจากที่นี่เต็มไปด้วยพืชสมุนไพรต่างๆ ทั้งที่เป็นสิ่งหายากและหาไม่ยาก จนสามารถพูดได้เลยว่า สมุนไพรที่คนทั่วไปต่างคิดว่าสูญพันธ์ไปแล้ว ยังสามารถหาได้จากที่นี่ หากแต่การจะนำสมุนไพรออกไปนั้น ไม่ใช่ง่ายๆ ด้วยดีกรีตระกูลแพทย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรแวมไพร์ การป้องกันและการเก็บรักษาถือว่ามีความปลอดภัยในระดับสูงมาก อย่างเช่นวันนี้

                มีคนกำลังพยายามบุกสวนทางตะวันตกอยู่เจ้าค่ะ

    พวกงี่เง่า รู้ว่าบุกยังไงก็ไม่เคยจะได้ของ ยังจะกล้าบุกมาขโมยอีกนะ คนที่ได้ยินถึงกับนิ่วหน้าเล็กๆ ก่อนจะบ่นออกมาอย่างเสียไม่ได้

    แต่ไหนๆ ก็มีหนูทดลองมาบริการถึงที่ทั้งที เราก็มาใช้ให้เกิดประโยชน์กันดีกว่า มีเน่

    ทันทีที่นายสาวพูดจบ สาวใช้ผู้รายงานสถานการณ์ถึงกับเงยหน้ามองนายสาวอีกครั้งด้วยความระแวงกับรอยยิ้มอันน่ากลัวนั้น

    นี่คุณหนู จะลองใช้ยานั่นรึเจ้าคะ?

    ตอนเช้าข้าลองเข้าไปดูตัวอย่างยาทดลองเหลือแต่ตัวที่สองเท่านั้น คิดว่าพี่รีชาคงเอาตัวแรกไปทดลองแล้วล่ะ เพื่อไม่ให้น้อยหน้า พวกเรามาสรุปฤทธิ์ของยาอีกตัวที่เหลือกันดีกว่า จัดการพ่นยานั่นไปเลย เอาให้เหมือนรมควันหมูย่างไปเลย หึ

    คนฟังลอบกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะรีบสั่งการไปยังข้ารับใช้ผู้ชายอีกคนที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ข้างหลัง จากนั้นไม่ถึงห้านาที ภาพของคนบุกรุกที่กำลังกระเสือกกระสนกุมลำคอของตัวเองไว้ และรีบหนีตายออกจากอาณาจักรของตระกูลกราดีสทันทีก็ปรากฎสู่สายตาของทั้งสองคน

    ฮะ...ไม่ตายหรอกรึ

    บอกนางทีว่า คุณหนูที่เพิ่งแสดงความเสียดายอย่างสุดซึ้งที่ผู้บุกรุกนั้นสามารถลากชีวิตรอดออกไปได้ เป็นคนเดียวกับแพทย์ที่เหล่าแวมไพร์ต่างให้ความนับถือ

    ข้าว่าแค่นี้ เจ้าหมอนั่นคงเข็ดไปอีกนานแล้วล่ะเจ้าค่ะ พิษที่เกิดจากต้นเดทคิสต้องใช้ยารักษาจากต้นเฮลเบทเท่านั้น ซึ่งยาที่ได้จากต้นเฮลเบทก็เป็นของราคาแพงอยู่แล้ว แถมยังมีขายแค่ในร้านยาตระกูลกราดีสเท่านั้น

    มีเน่ เจ้าใจดีกับศัตรูเกินไปแล้วนะ

    นางรู้ดีว่านางไม่ใช่คนใจดีอะไร หากแต่มาตรฐานของคุณหนูคนเล็กของนางคงจะค่อนข้างแปลกกว่าของคนธรรมดาทั่วไปกระมัง

    คนบ่นไม่ว่าอะไรอีก เพียงแต่หยิบสมุดโน้ตประจำตัวออกมา มือเรียวสวยขยับตามตัวอักษรที่บันทึกตามเสียงบ่นขมุบขมิบของตัวเอง

    นอกจากสามารถเป็นยานอนหลับ ยังสามารถทำลายระบบหายใจได้อีกด้วย เหมาะที่จะใช้กับศัตรูที่ชั่วช้าสามานย์สุดๆ เพราะมีการออกฤทธิ์อย่างช้าๆ ทำให้คนได้รับพิษลิ้มรสความทรมานอย่างถึงที่สุด

    ถึงขั้นตายเลยทีเดียวเลยรึเจ้าคะ คุณหนู ไม่จริงน่า กับแค่บุกมาขโมยสมุนไพรหายากถึงกับต้องตายเลยเชียวหรือ

    อย่าห่วงเลย นั่นแค่ฤทธิ์เพียง 1 ใน 10 เท่านั้นแหละ อย่างว่านี่แค่การทดลอง จะเอาชีวิตคนมาสังเวยกับการทดลองได้อย่างไรกันล่ะ

    แต่จากที่ท่านพูดก่อนหน้านี้ ให้ความรู้สึกตรงกันข้ามกันเลยนะเจ้าคะ สาวใช้คนสนิทได้แต่ขมวดคิ้วให้กับนายสาว

    ทายาทของตระกูลกราดีสมีอยู่ 3 คน คือ คุณหนูรีชา  คุณชายเรเซียส และคุณหนูริเฟล แต่คุณหนูทั้งสองต่างหาได้มีนิสัยเยี่ยงกุลสตรีทั่วไปไม่ ทั้งคุณหนูรีชาและคุณหนูริเฟลต่างชื่นชอบการทดลองยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาพิษ แถมยังมีความกระตือรือร้นที่ทำให้คนรอบข้างเกิดอาการขนลุกได้ทันทีที่พูดว่า ทดลอง นอกจากนี้ยังมีความคิดที่ค่อนข้างผิดแปลกและพิสดารไปจากคนทั่วไปค่อนข้างมาก จนมีอยู่หลายคราวที่ข้ารับใช้อย่างพวกนางเดาความคิดไม่ออก ยังดีที่คุณหนูรีชามีท่านเกลนคอยดูแล พวกนางถึงได้หายใจโล่งคอขึ้นมาบ้าง แต่มาคิดๆ ดูแล้ว ความซวยก็ยังไม่หายไปไหนหรอก เพราะแค่คุณหนูริเฟลคนเดียว พวกนางก็จะประสาทกินตายอยู่แล้ว!

    ส่วนคุณชายเรเซียส ทั้งคฤหาสน์ต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า คุณชายคงรับเอานิสัยกุลสตรี(?) ที่คุณหนูทั้งสองของนางขาดหายไปมาเต็มที่ ด้วยความที่เจ้าตัวสุภาพเรียบร้อย อ่อนโยน และมีรอยยิ้มอันอบอุ่นเป็นเอกลักษณ์ แถมยังนิยมการคิดค้นหาวิธีรักษาโรคและผลิตยาปฏิชีวนะทั้งหลาย ที่พวกนางลงความเห็นกันว่ามีประโยชน์อย่างมากเมื่อเทียบกับยาพิษของคุณหนูทั้งสอง อีกทั้งยาพิษที่คุณหนูทั้งสองเป็นคนคิดค้นนั้น มีแต่เพียงคุณชายเรเซียสเท่านั้นที่คิดยาแก้พิษมาให้

    ท่านน้าริเฟล เสียงน่าเอ็นดูดังขึ้นจากข้างหลังของหญิงสาวต่างฐานะทั้งสอง พร้อมกับแรงโถมเข้าหาอ้อมกอดผู้มีฐานะสูงกว่า

    ว่าไง หลานรักของน้า วันนี้ดูมีความสุขจริงนะ เจ้าของคำพูดกางแขนโอบกอดและอุ้มหลานชายตัวน้อยขึ้นมาพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาด้วยความเอ็นดู คนถูกอุ้มไม่พูดอะไร เพียงแต่หัวเราะออกมาเท่านั้น

    หึ! ถึงจะไม่บอก แต่น้าอย่างเธอก็เดาออกน่าว่าต้องไม่พ้นเรื่องที่เกี่ยวกับบิดาของเด็กน้อยนี้แน่ๆ ถ้าเธออยากรู้เรื่อง ไม่สู้ไปถามคนเป็นแม่ดีกว่า นอกจากจะได้ฟังเรื่องอย่างครบทุกรายละเอียดแล้วยังได้ต่อปากต่อคำกับพี่สาวเป็นการคลายเครียดอีกด้วย

    แม่เจ้าล่ะ กิลเบิร์ต

    ท่านแม่สั่งงานกับทิมอยู่ครับ อีกสักพักก็คงตามมา ท่านแม่บอกให้ข้ามาเล่นกับท่านน้าก่อน

    แล้วพ่อล่ะ?

    ธุระครับ

    อ้อ คงไม่พ้นไปหาเบาะแสอีกล่ะสิ ว่าแต่ช่วงนี้ปฏิกิริยาของพ่อเจ้าเป็นยังไงบ้าง เรื่องน่าสนุกมันอยู่ตรงนี้นี่แหละ!

    ตั้งแต่เด็กน้อยคนนี้เกิดมา ไม่มีวันไหนที่นางรอคอยได้เท่าวันที่พ่อลูกได้เจอกันอีกแล้ว ผลการทดลองนี่แหละ การดูปฏิกิริยาของคนเป็นพ่อที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ความผูกพันทางสายเลือดจะทำให้เกิดปฏิกิริยาอะไรหรือไม่ ตั้งแต่แรกที่นางมาร่วมรับรู้แผนการนี้ ความสนุกที่นางรอคอยมาตลอดคือสิ่งนี้แหละ!!!

    ก็...เหมือนจะปกติ ไอ้คำว่าเหมือนจะ แสดงว่าเริ่มมีปฏิกิริยาแล้ว ความกระหายใคร่รู้ตามสัญชาตญาณนักทดลองของนางเพิ่มขึ้นจนแทบระเบิด

    เหมือนจะปกติ แสดงว่าไม่ปกติ บอกมาเขามีอะไรเปลี่ยนแปลง

    ท่านพ่อมองข้ากับท่านแม่บ่อยขึ้น นานขึ้น แถมสายตาที่มองมาก็เหมือนจะครุ่นคิด แต่ที่แน่ๆ ท่านพ่อมองท่านแม่บ่อยกว่ามองข้า น้ำเสียงแง่งอนมาปรากฏในประโยคสุดท้าย ทำเอาคนฟังถึงกับหัวเราะออกมาทันที

    แน่ล่ะสิ พ่อเจ้ารักแม่เจ้ามาตั้งแต่นางยังไม่เป็นสาวดีเลยด้วยซ้ำ นี่ถ้าไม่อาศัยเพราะความใจกล้าหน้าด้านของแม่เจ้านะ จนป่านนี้เจ้าก็ยังไม่เกิดมาหรอก หลานชาย ริเฟลพูดพลางบีบจมูกของหลานตัวน้อยด้วยความเอ็นดูปนหมั่นไส้ โดยที่หารู้ไม่ว่าคนที่ตกเป็นขี้ปากของตัวเอง ยืนอยู่หน้าประตูห้องฟังนางนินทามาได้พักนึงแล้ว

    เจ้าว่าใครใจกล้าหน้าด้านไม่ทราบ

    ท่านแม่

    นินทาถึงแม่เจ้า แม่เจ้าก็มา หนังเหนียวจริงๆ

    ริเฟลปล่อยหลานชายลง พร้อมกับส่งยิ้มให้กับพี่สาวร่วมสายเลือด

    มีเน่ พากิลเบิร์ตไปพักผ่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับริเฟลทันทีที่สาวใช้พาเด็กน้อยออกไปจากห้องแล้ว คนเป็นพี่ก็หันมาค้อนขวับใส่น้องสาวตัวเอง

    เจ้านินทาอะไรข้าให้กิลเบิร์ตฟัง เดี๋ยวเถอะ

    ข้าแค่พูดแซวขำๆ น่า ไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดให้ฟังซะหน่อย ริเฟลทำปากยื่นใส่พี่สาว ก่อนจะทำหน้าเป็นการเป็นงาน ยาตัวนั้นเป็นยังไงบ้าง ได้ผลดีหรือไม่

    รีชาคลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจเรียกว่าดีที่สุดตั้งแต่เคยทำยานอนหลับมาเลยล่ะ

    เยี่ยมไปเลย ท่านปรุงยานั่นให้ข้าด้วยนะ

    เจ้าจะเอาไปทำอะไร

    เอาไว้ใช้ตอนล่าพ่อพันธุ์

    .....

    ทำไมล่ะ ทีท่านยังใช้ยาปลุกกำหนัดเลยนี่

    ข้าไม่ได้ใช้

    ไม่จริงน่า ไม่งั้นจะได้ผลออกมาขนาดนี้เลยหรือไง

    ข้าไม่ได้ใช้จริงๆ และถึงแม้ข้าจะใช้ แต่เรื่องของข้ามีความรักเป็นพื้นฐานมาก่อน ที่ข้าทำไปก็คือการเร่งเวลาให้มันเร็วขึ้นแค่นั้น แต่เจ้าล่ะ จะออกไปลากผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันมาเป็นพ่อพันธุ์เลยหรือยังไง

    ข้ารอคำถามนี้อยู่เลย ริเฟลคลี่ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

    ....เสร็จกัน! นางติดกับน้องสาวเสียแล้ว

    พี่รีชา ข้าขอยา คายความจริง ด้วยสิ

    ...เจ้าเล่นแรงกว่าข้าอีกนะเนี่ย ริเฟล

    จะเลือกทั้งที ข้าก็ต้องรู้ข้อมูลของอีกฝ่ายเหมือนกันสิ

    ข้าล่ะ สงสารผู้ชายที่เจ้าจะถูกใจนัก คนเป็นพี่สาวได้แต่ถอนหายใจให้กับความคิดน้องสาวของตนเอง แต่ก็ไม่สามารถทัดทานนางได้ จึงต้องยอมรับปากด้วยความจำใจ

    ยาคายความจริงที่ว่านั้น นางเป็นผู้ปรุงสำเร็จด้วยตนเอง หากใครได้กินเข้าไปแล้วล่ะก็ จะพูดแต่ความจริงออกมาเท่านั้น เดิมทีนางปรุงยานี้ขึ้นตามคำร้องขอของราชสำนัก เพื่อประโยชน์ทางการทหาร และถูกนำส่งไปใช้ในกองทัพเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง

    เจ้าจะเริ่มเมื่อไหร่?

    คงอีกสักพักล่ะ ที่แน่ๆ ต้องฉวยจังหวะช่วงที่พี่เรเซียสหัวหมุน ริเฟลทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยปากเตือนพี่สาวพี่เรเซียสยังไม่ลืมที่เกลนป่วยคราวก่อนแบบไม่มีสาเหตุเลยนะ ข้าว่าเขาต้องจ้องจะพิสูจน์ความจริงแน่ๆ

    รีชาได้แต่ยิ้มให้กับคำเตือนของน้องสาว ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

    จริงอยู่ที่ไม่มีโรคใดที่เรเซียสจะไม่รู้จัก...แต่ความสามารถของเขาก็สู้มารยาหญิงของพวกเราสองคนไม่ได้หรอก

    ได้ข่าวว่าเขามีปฏิกิริยาด้วยแล้วนี่

    เล็กน้อยน่า ข้าว่าต้นเหตุก็คงโดนเรเซียสเป่าหูนี่แหละ ไม่งั้นชาตินี้เขาคงยังไม่สงสัยเลยด้วยซ้ำ

    เขาฉลาดทุกเรื่องนะ ยกเว้นเรื่องความรัก

    เขาโง่เรื่องความรักเลยต่างหากเล่า มัวแต่คิดแทนข้าอยู่ได้ เฮอะ

    นัยน์ตาสีอะมีทีสต์ของคนฟังวาวโรจน์ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ แต่ก็.แล้วไงล่ะ สุดท้ายเขาก็ได้แต่คิดเท่านั้นแหละ เพราะข้าชิงลงมือทำไปแล้ว

    ริเฟลหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินข้อความช่วงสุดท้ายในคำพูดของพี่สาว

    ข้าอยากจะรู้นักว่าถ้าเขารู้ความจริงทั้งหมด หน้าตาเขาจะเป็นยังไงกันนะ คนนิ่งๆ แบบนั้นจะแสดงอาการตกใจจนอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูกเลยหรือเปล่า หึๆๆ

    พี่เขยเจ้าน่ะ จะปากตรงกับใจก็ตอนที่ให้กินยาคายความจริงเท่านั้นแหละ

    แต่คราวก่อนท่านก็ไม่ได้ใช้มันนี่

    ก็ข้ารู้ความจริงนั้นอยู่แล้วนี่ จะใช้ยาให้มันเปลืองทำไมกัน

    แล้วตอนอย่างว่าล่ะ เขาซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองไหม? ริเฟลตาเป็นประกายทันที แน่นอนว่าเรื่องของคนตรงหน้านี่แหละ ใช้เป็นกรณีที่ศึกษาได้อย่างดีทีเดียว เผื่อเวลาที่นางนำเอาแผนการนี้ไปใช้ จะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น

    ใบหน้างดงามของรีชาแดงระเรื่อทันทีที่ได้ยินคำถามที่ค่อนข้างส่วนตัว แต่ก็แค่นั้นแหละ กำลังพูดกับใครอยู่ล่ะ ทั้งนางและริเฟลต่างก็ไม่ได้มีกิริยาเรียบร้อยเหนียมอายดังเช่นสตรีทั่วไปอยู่แล้วนี่ กล้าถาม นางก็กล้าตอบล่ะ

    ตรงจนน่ากลัวเลยล่ะ

    ไม่จริงน่า! พี่เกลนเนี่ยนะ

    ริเฟลอ้าปากค้างพลางนึกหน้าปกติของพี่เขยเพื่อจินตนาการไปด้วย แต่ให้ตาย ยังไงเธอก็นึกภาพไม่ออก

    เขานึกว่าพี่เป็นผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่า

    เขาเรียกชื่อข้าชัดเจนดี ไม่ผิดแม้พยางค์เดียว

    แล้วเขายอมทำเรื่องอย่างว่ากับพี่ได้อย่างไรเล่า เขาออกจะรักษาพรหมจรรย์ออกปานนั้น เขาคนนั้นมีความอดทนสูงที่สุดเท่าที่นางเคยรู้จักผู้ชายมาเลยก็ว่าได้ เพราะในเวลากว่าสิบปีที่เขาอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์กราดีส ทุกค่ำคืนนอนร่วมเตียงกับพี่สาวของเธอ อาจมีใกล้ชิดกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยล้ำหน้าไปถึงขั้นนั้นสักที จนพี่รีชาทนรอไม่ไหวเอานี่แหละ

    ข้าจะบอกความลับเจ้าอีกอย่างแล้วกัน

    ...

    ข้าใช้ยา ดั่งฝันยามนิทรา รอยยิ้มผุดขึ้นตรงมุมปากของคู่สนทนา ในขณะที่คนฟังถึงกับอ้าปากค้างไปทันทีที่ได้ยินคำตอบ

    ล้ำลึกมาก!!! เธอไม่เคยคิดถึงวิธีนี้มาก่อนเลย

    โอเค เธอรู้แผนการที่พี่สาวจะรวบหัวรวบหางฝ่ายตรงข้ามก็จริง แต่เธอไม่ได้รู้ถึงรายละเอียดว่าพี่ของเธอใช้วิธีใดบ้างถึงได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นกิลเบิร์ตสมใจ ตอนแรกเธอยังคิดว่าพี่สาวของเธอจะพึ่งได้แค่เพียงยาปลุกกำหนัดอย่างเดียวเท่านั้นด้วยซ้ำ

    ดั่งฝันยามนิทรานั้น เป็นยาที่ให้ฤทธิ์คล้ายยานอนหลับ แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะมันจะสร้างสภาวะเคลิ้มฝัน ทำให้ผู้ที่กินยานี้เข้าใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากกินยานี้เป็นเพียงความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าหากตื่นขึ้นมาก็จะจำเหตุการณ์อย่างไม่ปะติดปะต่อ คล้ายกับเวลาคนตื่นขึ้นมาแล้วจำความฝันไม่ค่อยได้นั่นเอง ยาชนิดเป็นที่รู้จักกันในเหล่าแพทย์เท่านั้น ในตำราแพทย์ที่ปรากฏก็ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับยาชนิดนี้มากนัก บอกเพียงแต่สรรพคุณ แม้แต่ส่วนผสมก็ยังไม่มีกล่าวถึง เพราะไม่สามารถกำหนดระยะเวลาที่ยาจะหมดฤทธิ์ได้ ซึ่งก่อปัญหาให้กับการนำไปใช้มาก ยานี้จึงถูกพูดถึงแค่ในทางทฤษฎีเท่านั้น

    แต่แน่ล่ะ ตระกูลเธอเป็นถึงตระกูลแพทย์อันดับหนึ่ง แถมทายาทรุ่นนี้ยังเป็นพวกชอบทดลอง อยู่ไม่สุก (นางกับพี่สาว) มีมันสมองเป็นเลิศในการขบคิดหาวิธีแก้ยาพิษและโรคต่างๆ (พี่เรเซียส) คนที่ทดลองปรุงยานี้สำเร็จก็คือพี่สาวนางนี่แหละ และในเวลาห่างกันเพียงไม่กี่วัน พี่ชายของนางก็ปรุงยาแก้สำเร็จ จำได้ว่าตอนนั้นท่านพ่อกับท่านแม่ต่างทำหน้าปลาบปลื้ม พร้อมกับโห่ร้องออกมาประมาณว่าในที่สุดก็จะได้ตายตาหลับ สามารถไปพบกับบรรพบุรุษตระกูลกราดีสได้เสียที

    ฟังพี่แล้ว ข้าก็ชักจะท้อแล้วนะริเฟลทำหน้ายู่ใส่พี่สาว บ่งบอกว่านางเริ่มจะท้อซะแล้วล่ะ! ยอมแพ้ตอนนี้ทันไหม?

    เจ้าก็ไม่ต้องทำแบบนี้หรอกน่า รอไว้เจอคนที่เจ้ารักจริงๆ ค่อยมีหลานให้ท่านพ่อท่านแม่ก็ได้ รีชาลูบหัวน้องสาวเบาๆ ด้วยความเอ็นดู จากที่ได้ยินว่าน้องสาวคิดจะไปหาผู้ชายเอาดาบหน้า นางก็ชักเป็นห่วงซะแล้วสิ

    ไม่ ตอนที่พวกเราคุยกัน พี่ก็ยอมรับการตัดสินใจของข้าแล้วนี่นา ริเฟลตรงเข้ากอดพี่สาว เพื่อออดอ้อน การเป็นลูกคนเล็กดีอยู่ตรงนี้แหละ ใครๆ ก็โอ๋ ฮิๆๆ

    ข้ากลัวเจ้าจะไปเจอคนไม่ดีเข้านี่นา

    ข้าสัญญากับพี่ ข้าจะใช้ยาคายความจริงกับเขา ตราบใดที่ยังไม่ได้ข้อมูลมากพอ ข้าจะยังไม่ลากเขาขึ้นเตียง ริเฟลกะพริบตาให้พี่สาวราวกับกำลังฝึกโปรยเสน่ห์ให้กับเพศตรงข้าม ทำเอาได้รับค้อนวงใหญ่เป็นการตอบแทน

    สาบานว่าเจ้ากำลังจริงจังอยู่น่ะ ริเฟล อย่าให้ข้าเห็นว่าเจ้ากลับคฤหาสน์มาพร้อมน้ำตาเชียวนะ

    ข้าจะกลับมาพร้อมอุ้มหลานชายมาให้พี่เลย

    ถ้าเป็นหลานสาวล่ะ

    กลัวอะไรล่ะ ข้าก็จะล่าตัวพ่อพันธุ์กลับมาใช้งานต่อน่ะสิ หรือบางทีถ้าคุยกันได้ ข้าจะพาเขามาแต่งเข้าตระกูลเราให้สิ้นเรื่องซะ

    ถ้าพวกข้าไม่ชอบเจ้าคนนั้นล่ะรีชายังคงยิงคำถามต่อเรื่อยๆ เพื่อให้ริเฟลคิดให้เห็นถึงหลายๆ ประเด็น น้องสาวของเธอเป็นประเภทไม่คิดหน้าคิดหลัง อยากทำก็ทำ ไม่ได้มองถึงผลที่จะตามมา ดังนั้นการที่นางจะสมมติผลที่จะตามมา น่าจะเป็นการดีสำหรับริเฟลกระมัง

    ข้าก็จะถีบมันกลับที่เดิมน่ะสิ

    “…”

    ทำไมล่ะ?

    ป่านนั้น เจ้าจะไม่มีความผูกพันกับเขาเลยหรือ เขาเป็นถึงพ่อของลูกเจ้านะ

    ก็ถ้าเขาไร้ความสามารถที่จะทำให้พวกท่านยอมรับได้ เขาก็ไม่สมควรที่จะเป็นพ่อของลูกข้าหรอกริมฝีปากบางเม้มขึ้น บ่งบอกถึงการตัดสินใจที่แน่วแน่ของนาง ไร้ความสามารถขนาดนั้นก็ไปตายซะเถอะ พรหมจรรย์ที่นางเสียไปก็ถือว่าแลกกับการได้ลูกมาก็แล้วกัน!!!

    เอาเถอะ ตามใจเจ้าแล้วกัน แต่มีเงื่อนไข เจ้าต้องพามีเน่กับคิลไปด้วย ตกลงไหม?

    แล้วแต่พี่สั่งเถอะ แค่พี่ยอมให้ข้าออกไป ข้าก็ดีใจแล้วล่ะ ศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมสีดำรัตติกาลของน้องสาวเข้าซุกอ้อมอกของรีชาอย่างออดอ้อน ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ รอยยิ้มเอ็นดูผุดขึ้นตรงมุมปาก ยังไงริเฟลก็ยังเป็นเด็กน้อยของตระกูลนางอยู่ดีสินะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×