‘การบ้านส่ง Peter Kim
วันที่ 6
ฉันตื่นเช้ามากเหมือนทุกวัน เหมือนว่ามันจะกลายเป็นนิสัยของฉันไปแล้ว นี่เป็นเรื่องที่คุณน่าจะพอใจใช่ไหม แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าพรุ่งนี้คุณบอกฉันเองว่าเป็นวันหยุด เพราะฉะนั้นฉันจะตื่นสายในแบบที่ฉันอยากจะตื่น และคุณจะลงโทษฉันไม่ได้
เช้าวันเสาร์รถไม่ค่อยติดเท่าไหร่ เป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ นั่งรถไปโรงพยาบาลแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว
อ้อ…เพิ่งรู้ด้วยว่าที่ทำงานฉันเขามีจัดเวรวันเสาร์อาทิตย์ด้วยนะ แต่ที่บอกนี่คือเล่าให้ฟังเฉยๆ ไม่ต้องส่งให้ฉันไปอยู่เวรก็ได้ ฉันยังไม่ขยันขนาดนั้น
อีกเรื่องที่สงสัย คุณให้ฉันหาข้อมูลแล็บตั้งมากมายนั่นไปทำอะไรกันแน่ รู้มั้ยว่าฉันแทบจะฝันว่าตัวเองเป็นผู้จัดการแล็บอยู่แล้วนะ ทำอะไรก็บอกกันบ้างสิ ทีฉันยังต้องเล่าอะไรตั้งมากมายให้คุณฟังทุกวันเลย
ส่วนเรื่องอาหารเที่ยงและเสบียงวันนี้…ขอบคุณมาก (ตามมารยาทหรอกนะ)
ปล.พรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดของฉันแบบจริงจัง ฉันจะไม่ส่งการบ้านนะ ไม่ต้องรออ่านนะ’
หลังจากพิมพ์เสร็จ ฉันก็กดส่งไปให้เขา และตั้งใจว่าจะเข้านอนเลย แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่สามารถข่มตาลงได้สักที สายตาของฉันยังไม่ยอมละจากหน้าจอโทรศัพท์จนกระทั่งมีแจ้งเตือนของอีเมลส่งเข้ามา
‘เรื่องแล็บ เดี๋ยวคุณก็รู้ครับ ส่วนเรื่องการบ้านถ้าบอกว่าจะไม่ส่ง…งั้นไม่รอก็ได้ครับ’
ข้อความสั้นๆของเขาทำให้ฉันรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาแปลกๆ ไม่รอก็ได้…หมายความว่ายังไง ทำไมฉันรู้สึกเหมือนตัวเองทำอะไรผิดพลาดไปสักอย่าง ความรู้สึกแปลกๆนี้มันคืออะไรกันนะ
.
.
.
สองวันต่อมา
การได้กลับบ้านเหมือนได้ชาร์ตพลังชีวิตของฉันให้กลับมาสดใสอีกครั้ง ทั้งที่บอกตัวเองว่าจะตื่นให้สายที่สุด แต่ร่างกายดันตื่นตัวขึ้นมาตอนตีห้าอย่างอัตโนมัติ แถมจะนอนต่อก็นอนไม่ได้อีก
สุดท้ายก็ต้องตื่นลงไปหาอะไรทำ เพิ่งรู้ว่าพี่ขาวจะเตรียมชุดตักบาตรไว้ทุกเช้า ฉันจึงได้มีโอกาสได้ทำบุญกับเขาไปด้วย
อย่างที่ฉันประกาศกร้าวไปแล้วว่าฉันจะไม่ส่งการบ้านให้กับคุณพีทในคืนวันอาทิตย์ แต่การไม่ส่งนั้นกลับทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเสียดื้อๆ อารมณ์เหมือนต้องเขียนไดอารี่ทุกวันแล้วก็ไม่ได้เขียนนั่นแหละ ฉันคงจะติดนิสัยที่ต้องเล่าอะไรให้ใครสักคนฟังล่ะมั้ง
อย่างที่บอกว่าฉันไม่ค่อยมีเพื่อน ส่วนเพื่อนสนิททั้งสามคนฉันก็ไม่ค่อยได้เล่าอะไรให้พวกเธอฟังมากนัก ส่วนมากเรื่องที่เราคุยกันจะเป็นเรื่องของ…ชาวบ้านเสียมากกว่า
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันต้องลำบากดิ้นรนใช้ชีวิตจนต้องโฟกัสแต่เรื่องของตัวเอง ไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องของใครไม่ว่าจะยัยลิต้า หรือแม้กระทั่งเรื่องของพี่จิ้น
จะว่าไปการที่ฉันไม่ต้องมานั่งจดจ่อกับชีวิตของยัยลิต้าดูเหมือนจะทำให้ชีวิตฉันสบายขึ้น ไม่ต้องคอยแข่งขัน อัพเดตแฟชั่นที่พร้อมจะเปลี่ยนทุกๆสองนาที ไม่ต้องคอยอิจฉาชีวิตคู่ของเธอที่ฉันยังไม่เคยได้สัมผัส ไม่ต้องคอยมาปวดใจเมื่อเห็นใครได้ดีกว่าตัวเอง…
คิดแล้วก็เพิ่งรู้ตัว นี่ฉันเป็นคนแบบนั้นมาตลอดเลยเหรอเนี่ย
เย็นวันอาทิตย์ฉันเจอกับพ่อช่วงเวลาสั้นๆ สีหน้าเขาดูเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไปหลายประเทศในหนึ่งสัปดาห์ เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงห่วงใยว่าเป็นยังไงบ้าง แต่เราก็คุยกันไม่ได้นานนักเนื่องจากฉันนัดให้ลุงชัยขับรถมาส่งฉันที่คอนโด
พี่ขาวให้แม่ครัวจัดเตรียมอาหารใส่กล่องให้ฉันมาจำนวนหนึ่ง ส่วนมากเป็นพวกแกงที่สามารถแช่แข็งไว้ได้ พอจะกินก็เอาเข้าไมโครเวฟได้เลย
มีคนจัดอาหารให้แบบนี้ถามว่าเป็นการโกงมั้ย…ก็นิดหน่อย ไว้ฉันจะสารภาพกับคุณพีทในอีเมลอีกทีแล้วกัน
ฉันเพิ่งค้นพบว่าตัวเองชอบพูดคุยกับป้าแม้นเป็นอย่างมาก จากที่ไม่กล้าคุยด้วย กลับกลายเป็นว่าช่วงเช้าตอนนั่งรอรถฉันต้องหาเรื่องมาคุยกับป้าอยู่ร่ำไป
ยิ่งไม่เจอกันหนึ่งวัน ป้าก็ยิ่งมีเรื่องสนุกๆมาเล่าให้ฉันฟังอยู่เรื่อยๆ เรียกได้ว่าป้าเป็นหนึ่งในสีสันของการเดินทางมาทำงานของฉันเลยก็ว่าได้
วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันจะได้ใช้ปิ่นโตที่ได้มาฟรี ด้วยความสามารถในการเข้าครัวของฉันแล้ว สิ่งที่ฉันจะทำมาเผื่อให้วิไลได้คงมีแต่ข้าวสวยร้อนๆ ไข่ต้มและผักสดเท่านั้น แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ฉันรู้สึกว่าฉันจะได้แบ่งอะไรให้เธอบ้าง
“วิไล ต่อไปนี้เธอไม่ต้องหุงข้าวมานะ ฉันจะหุงมาเผื่อเธอทุกวัน” ฉันบอกเธอด้วยเสียงเริงร่าขณะที่เรากำลังเดินไปห้องอาหารกัน
สัปดาห์ที่แล้วหลายมือที่วิไลแบ่งอาหารให้ฉันโดยไม่สนว่าตัวเองจะอิ่มหรือไม่ มันคือนิสัยของเธอ ต่อให้ฉันมีอาหารเธอก็ยังจะแบ่งอยู่ดี และในเมื่อฉันห้ามเธอไม่ให้แบ่งไม่ได้ ทางแก้คือต้องแบ่งให้เธอบ้าง ก่อนที่เราสองคนจะซูบผอมไปด้วยกัน
“เธอไม่ต้องกินข้าวเหนียวปิ้งแทนข้าวแล้วใช่มั้ย” วิไลแซวฉันพร้อมกับยิ้มขำไปด้วย
“ฉันมีอะไรจะอวดเธอ” พูดจบฉันก็วิ่งไปที่ปิ่นโตที่วางไว้ตั้งแต่ช่วงเช้า ก่อนจะหยิบมาเพื่ออวดกับเพื่อนสาว “ท้าดาาา ปิ่นโตใหม่”
“ฮ่าๆๆๆ ดา เธอไม่เคยมีปิ่นโตเหรอ แต่โอเค ฉันจะดีใจด้วยก็ได้” วิไลหัวเราะจนน้ำตาแทบเล็ดเมื่อเห็นท่าทางของฉัน
ฉันทำหน้างออย่างไม่พอใจเมื่อเห็นวิไลหัวเราะกับปิ่นโตใหม่ของฉันแบบนั้น ทำไมล่ะ นี่ปิ่นโตใหม่เลยนะ แถมยังเป็นปิ่นโตที่มีคนซื้อให้ด้วย
“หัวเราะไปสิ เธอไม่เข้าใจหรอก” ฉันสะบัดหน้าแบบงอนๆให้วิไลที่ตอนนี้ยังหัวเราะไม่หยุด มือก่อนปิ่นโตเอาไว้แน่น
“เธอดูหวงมันมากเลยนะ ปิ่นโตนี้มีอะไรพิเศษที่ฉันไม่รู้มั้ย”
อะไรพิเศษ…
ฉันก้มลงมองปิ่นโตที่ตัวเองกอดเอาไว้แน่นอย่างลืมตัว ในหัวเผลอไปนึกถึงสีหน้าของใครบางคนตอนที่บอกว่าจะซื้อให้ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
ฉับพลันฉันก็รีบวางปิ่นโตลงบนโต๊ะให้ไกลตัว ก่อนจะรีบแก้ตัวกับวิไล
“บ้า จะมีอะไรพิเศษ ก็แค่ปิ่นโตธรรมดา”
.
.
.
Talk วิไลอ่า คิดมากกก
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
อีกคนก็ดูเหมือนจะน้อยใจนิดๆที่เขาไม่ส่งการบ้าน อีกคนก็ปลื้มใจกับปิ่นโตที่เขาซื้อให้มาก คู่นี้ระวังจะขาดกันไม่ได้นะ คิคิ????
แค่ปิ่นโตธรรมดาๆเองนะคุณหนู วิไลคงขำ55
ไรท์คะ: สัปดาห์ที่แล้วหลายมือ(มื้อ), มือก่อน(กอด)ปิ่นโต
น่ารัก อ่านแล้วอมยิ้มค่ะไรท์
เเขาจะรักกันตอนไหนหรอลุ้นไปอีก
คุณพีทบอกไม่รอก็ได้ ส่วนวิไลก็... คิดมาก 555
น้องดา ตื่นเต้นกับปิ่นโตจะได้มีอะไรแบ่งเพื่อน น่ารัก ????
เอ็นดูความซึนๆของทั้งสองคนจริงๆ