SPECIAL #คนของม่าน2017 - SPECIAL #คนของม่าน2017 นิยาย SPECIAL #คนของม่าน2017 : Dek-D.com - Writer

    SPECIAL #คนของม่าน2017

    ฟิคดราม่าเรื่องหนึ่งในปี 2017

    ผู้เข้าชมรวม

    533

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    533

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    10
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ธ.ค. 60 / 18:54 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    “อืออ อื้อ”  

     

     

    “อย่าทำเสียงแบบนั้นได้มั้ย”

     

     

    “หื้อ อื้อ ทำไมม่านดุพี่  พี่เป็นพี่ม่านเป็นม่าน ม่านไม่ดุพี่”

    คนตัวเล็กพูดไม่เป็นภาษาเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงเปลี่ยนให้ธนูกลายเป็นอีกคนได้อย่างง่ายได้ เขาพูดเสียงดังลั่นลานจอดรถถึงแม้ว่าคนที่ต้องการสื่อสารด้วยนั้นอยู่ห่างกันเพียงแค่คืบ จะว่าไปความสูงของทั้งสองคนห่างกันไม่มาก แต่สัดส่วนของคนน้องกลับดูมีขนาดที่แข็งแรงกว่ามาก

     

    แค่กๆ

     

    “หื้อ ม่านไม่ฉะบาย ทำไมไม่ฉะบายกินยา พี่จาป้อนม่าน อ้าปาก อ้า อ้ามม”

     

    ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อที่เอิบอิ่มชุ่มชื่นยื่นหยอกใส่คนน้องจนสะท้อนกับแสงไฟสลัวที่ลานจอดรถยิ่งให้เห็นว่ามันวาววับจนม่านต้องเบนสายตาของตัวเองไปทางอื่น

     

    “ม่านไม่ได้ไม่สบาย ตัวเองดึงคอเสื้อม่านจนม่านจะขาดอากาศ ตายอยู่แล้วเนี่ย”

     

     พูดจบม่านก็ดันร่างที่ควบคุมทิศทางตัวเองไม่อยู่ให้ชิดกับประตูรถฝั่งตรงข้ามคนขับ มือขวาประคองคนพี่ไม่ให้ร่วงไปกองกับพื้น มือซ้ายเองก็ปลดกระดุมเชิ้ตสีดำที่รั้งคอจนขึ้นเป็นรอยแดง เพราะฝีมือคนที่เมาไม่รู้เรื่อง กระดุมเชิ้ตสองเม็ดบนที่ถูกปลดมันก็มากพอแล้วที่จะเผยให้เห็นกล้ามหน้าอกของเด็กหนุ่มย่างเข้าวัยของเด็กมหาลัย ม่านไม่ใช่พวกที่คลั่งออกกำลังกายแต่เรือนร่างของเขามันช่างน่าหลงใหล  

     

    “โอ๋ๆ หนายยยตรงไหนม่านเจ็บ ใครทำม่านเจ็บ”

    มือซนลูบผ่านซอกคอลามไปถึงหน้าอกคนน้องอย่างเป็นห่วง ดวงตาเรียวที่รับแสงจากภายนอกได้น้อยลงทุกทีจ้องเขม็งไปที่รอยถลอกบนผิวสีแทนของคนตรงหน้า อีกมือก็คอยจัดสาบเสื้อน้องให้หลุดไปจากไหล่ ริมฝีปากเอิบอิ่มเมื่อสักครู่เป่าลมร้อนใส่คอระหงส์อย่างย่ามใจ ลมที่ว่าเริ่มใกล้ขึ้นเมื่อคนพี่บังคับตัวเองไม่ได้จนเซถลาซุกสันจมูกร้อนที่มีไอน้ำเกาะนิดๆสัมผัสกับรอยถลอกนั้นโดยตรง ม่านเองก็ไม่ได้ร้องห้ามแต่อย่างใด แน่นอนว่าเขาปล่อยให้ธนูละเลงใบหน้าตนเองกับร่างกายของเขาจนกว่าจะพอใจได้ทั้งคืน

     

     

    ตัวเองขึ้นรถก่อนนะ เดี๋ยวคุยกันในรถ

     

     

    ธนูส่ายหัวไปมาอย่างประท้วง สองมือก็ยังคงจับปกเสื้ออีกคนไว้แน่น ร่างกายที่เอนเอียงสวนทางกับแรงโน้มถ่วงโลก ต้องคอยหาที่ยึดเหนี่ยวกลายเป็นลูกธนูที่ส่ายไปมาพลันทำให้ม่านเมฆสีขาวบริสุทธิ์เริ่มกลายเป็นม่านมนตร์สีเทาที่มองอีกคนเปลี่ยนไป ติณณภพเหลือบมองท่าทางน่าเอ็นดูยามที่คนพี่เบียดแก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อกับหัวไหล่มนของตนเองซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่มีเบื่อแม้ปากจะพร่ำบ่น

     

    “ขึ้นรถก่อนจะยืนไม่ไหวอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก”

     

     

    “ไหว พี่ไหว พี่ไม่เมานะ ม่านก็รู้พี่ไม่เมาไม่”

     

     

    “จะไม่เมาได้ยังไง บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าดื่มเยอะ เมาง่ายเลื้อยเก่ง ต่อไปใครจะยอมให้ออกไปไหน ห๊ะ! ก็เป็นซะอย่างงี้”

    ม่านดันธนูออกไปข้างหน้าให้แนบชิดไปกับรถยนต์คันหรูของตัวเอง ความหมายคือต้องการจะมองใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนสีให้ชัดมากกว่าเดิม แต่อีกคนกลับเอาแต่ทุบตีแขนของน้องไม่หยุด ดิ้นขลุกขลักไปมาเหมือนเด็กเล็กที่ถูกพ่อแม่ตามใจจนเคยตัวไปแล้ว

     

     

    ห๊ะ! ห๊ะก็เป็นซะอย่างเงี้ย.. งืม”

     

     

    “ยังจะมาพูดตามอีก”

     

     

    “ยังจามาพูดตามอีก หึ..

     

     

    “ตัวเอง! ม่านจะโกรธแล้วนะ”

    ม่านพูดเสียงแข็งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จะให้ทำยังไงได้ในเมื่ออีกคนเอาแต่กวน พูดจาวกไปวนมาจนไม่รู้เรื่อง เมาแล้วไม่ยอมเชื่อฟังใครทั้งนั้นเวลาก็ยิ่งล่วงเลยผ่านไปเรื่อยๆ ทั้งดึกทั้งง่วงทั้งเพลีย ม่านเองก็ดื่มไปพอสมควรเหมือนกันแต่ก็คงจะเมาไม่ได้เพราะต้องคอยดูแลคนคออ่อนที่กวนประสาทอยู่ตอนนี้

     

     

    “ม่านจาโกดแย้วน-  อุบ..

    และแล้วความอดทนที่พยายามข่มใจตัวเองเอาไว้ก็ขาดผึ่ง ไม่ใช่เพราะธนูพูดจาเหยาะแหยะกวนประสาทอะไรทั้งนั้น แต่เป็นเพราะม่านมีภูมิต้านทานความน่ารักของพี่ธนูอยู่น้อยเหลือเกิน ยิ่งเห็นคนพี่เริ่มทำหน้าทำตาแสดงท่าทางเชิงเย้ยหยิ่งใส่เขาเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกคันฟันจนอย่างจะฟัดให้จมเขี้ยวเท่านั้น ริมฝีปากของม่านเริ่มแห้งผากเรื่อยๆทางแก้ไขหนึ่งเดียวตอนนี้คือการฉกชิงรูปปากเรียวเล็กที่เต็มไปด้วยรสชาติของแอลกอฮอล์หวานชั้นดีนั้นมาครอบครองซะ

     

    และแน่นอนว่าจังหวะกรึ่มๆไม่ได้สติแบบนี้แหละ ร่างกายของธนูยิ่งตอบสนองเขาดีนัก ลูกธนูที่ติดไฟกำลังพุ่งทะยานไปไกลเกินจะกู่ให้กลับ มือเรียวทั้งสองข้างยังกำปกเสื้อของม่านไว้แน่นและเพิ่มแรงขึ้นเรื่อยๆให้เท่ากับแรงบดขยี้ที่ม่านส่งผ่านริมฝีปากร้อนมาให้ ดวงตาปรือที่พยายามสู้แสงอยู่นาน สุดท้ายก็พ่ายให้กับความรู้สึกร้อนแรงกว่าแสงนีออนใดใดทั้งปวง แพขนตายาวสั่นไหวยามที่หลับตาและข่มเปลือกตาไม่ให้สะดุ้งเมื่อเขี้ยวแหลมลงน้ำหนักฝังริมฝีปากบาง มันช่างยากอะไรอย่างนี้

     

    “ม่าน ทำแบบนี้อีกแล้วนะม่านไม่ขอม่านทำๆๆเลย ไม่ขอ”

     

    ธนูพ่นประโยคยาวที่เสียงขาดหลุดหายไปบ้างแต่ก็ยังฟังรู้เรื่องอยู่ หลังจากที่คนน้องดูดกลืนความหวานของแอลกอฮอล์หลายชนิดอยู่นานจนพอใจ กว่าเขาจะยอมถอนริมฝีปากออกให้คนพี่ก็แทบจะหมดเฮือกลมหายใจสุดท้ายอยู่รอมร่อ

     

     

    “งั้นม่านขอได้มั้ย

     

    ไม่มีเสียงตอบรับใดๆเล็ดลอดออกมา แต่ธนูหยัดตัวเองขึ้นสุดตัวเป็นคำตอบ ความสูงร้อยแปดสิบกว่าเซนทำให้ท้ายทอยเขาอยู่เกยกับหลังคารถพอดิบพอดี ลำคอขาวจนเห็นเส้นเลือดบางๆตัดกับสีผิวน้ำนมข้าว กลิ่นน้ำหอมที่ม่านย้ำนักย้ำหนาว่าไม่ให้เขาฉีดมาในคืนนี้ยังอยู่ติดแน่นแม้จะผ่านไปค่อนคืนแล้ว เหตุผลไม่มีอะไรมากเพราะกลิ่นนี้เป็นกลิ่นที่ทำให้ม่านหลงรักในเรือนร่างของธนูอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แล้วเขาก็ไม่อยากให้ใครต้องมาหลงรักแบบที่เขาเป็นอีก

     

    จมูกคมสูดดมไล่รับกลิ่นความหอมนั้นอย่างดุดันราวกับจะให้มันหายไปจากเรือนร่างเล็กในพริบตาเดียว มือหนาเปลี่ยนจากไหล่ของพี่มาที่เอวเล็กเพื่อประคองให้เขาอยู่นิ่ง เสียงพึมพำขึ้นจมูกดังขึ้นเป็นครั้งคราวเหมือนว่าพยายามจะเอ่ยห้ามแต่ก็พูดไม่ออกทุกครั้งเมื่อริมฝีปากของอีกคนจู่โจมกลืนกินคำพูดเหล่านั้นไว้ทุกคำ ถ้าจะให้ธนูปฏิเสธและขับไล่คนน้องออกไปตอนนี้คงยาก เพราะเขารู้สึกดีเหลือเกินที่เห็นอีกคนเป็นแบบนี้เพราะเขา

     

    “หื้อ ย..เย็น..จัง”

     

    ร่างบางสะดุ้งเฮือกพูดไม่เป็นศัพท์ เมื่อม่านเปลี่ยนตำแหน่งมือสอดผ่านเสื้อยืดสีขาวลากไล้กระจายความเย็นทั่วหน้าท้องเนียนของคนพี่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามือของม่านมันใหญ่หรือตัวของธนูเล็กกันแน่ เขาถึงได้ลูบไล้วนทั้งหน้าหลังได้ในเวลาอันสั้นขนาดนี้

     

    “หืม เย็นหรอเข้าข้างในมั้ย”

    ถึงม่านจะเข้าใจดีว่าความเย็นที่ธนูพูดถึงไม่ใช่สภาพอากาศภายนอก แต่เขาก็แกล้งไม่สนใจ คนเมาเองก็ไม่เข้าใจว่าอีกคนพูดถึงอะไรแต่ก็พยักหน้าตอบกลับแต่โดยดี มือหนาที่เป็นต้นเหตุของความเย็นสอดรับท้ายทอยของคนพี่เอาไว้ ม่านเปิดประตูรถตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้อีกทีเขาก็ค่อยๆดันตัวของธนูเข้าไปนั่งในเบาะรถแล้ว พร้อมกับปรับเบาะลงในต่ำที่สุดเพื่อให้คนพี่หลับได้สบาย

     

     

     

    “ม..ม่านไม่ขับรถหรอ”

     

    ธนูเอ่ยถามขึ้นเมื่อเขาเห็นว่าม่านอยู่บนตัวเขานานจนเกินไป ซ้ำยังเอาแต่จ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้น แม้มือของอีกคนจะคอยจัดๆจับๆสาบเสื้อให้เขาเอง แต่นานไปมันก็กลายจากจัดให้เข้าที่เป็นปลดเสียมากกว่า

     

    “ตัวเอง.. ม่านบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้ฉีดน้ำหอม”

     

     

    “ก็มั- อุบ”

    ริมฝีปากของคนด้านบนฉกชิงอย่างรวดเร็วก่อนที่ธนูจะร้องเถียง จนคนพี่มุ่ยหน้าใส่กับความเอาแต่ใจของน้อง

     

    “ม่านบอกแล้วใช่มั้ยว่าเสื้อคอกว้างน่ะอย่าใส่มา”

     

    “พี่ไม่ได้ตั้งใ- อ๊ะ!

     

    มือหนาที่ลูบสะเปะสะปะสำรวจไปทั่วบนร่างเล็กหยุดไว้ที่ตุ่มไตสีชมพูพลางสะกิดเบาๆดูการตอบสนองของธนูที่จ้องเขม็งเหมือนจะเอาเรื่องอยู่ตอนนี้

     

    “ข..ขอโทษ”

     

     

    “วันนี้ ตัวเองทำผิดใช่มั้ย”

     

    “อื้อ”

     

     

    “วันนี้ทำตัวไม่น่ารักใช่มั้ย”

     

    “อื้ม”

     

    “ให้ลงโทษมั้ย”

     

     

    “ห๊ะหื้อไม่เอา”

     

    ทันทีที่พูดจบคนพี่ก็ก้มหน้างุดไม่ยอมสบตาคนที่คร่อมอยู่ด้านบน รู้ตัวอีกทีเบาะที่นั่งก็เด้งกลับมาเป็นปกติเพราะน้องยอมลุกขึ้นปล่อยให้พี่ได้เป็นอิสระ ธนูเงยหน้าขึ้นเมื่อประตูรถอีกฝั่งเปิดกว้าง เสียงปิดประตูดังจนคนตัวเล็กสะดุ้ง ตั้งแต่นั้นธนูก็เริ่มรู้แล้วว่าเขาคงทำให้ม่านหัวเสียไปแล้ว ความเงียบก็เข้าครอบงำบรรยากาศในรถ แต่ธนูเองก็ทั้งง่วงและฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่อยู่ในตัวก็ยังไหลเวียนจนทำให้เขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ได้ยินเพียงเสียงเพลงสากลคลอเบาๆกล่อมให้เขาหลับฝันดี ตรงกันข้ามกับใบหน้าของติณณภพที่บ่งบอกว่าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดเจน

     

    สถานที่คุ้นเคยตั้งแต่ที่ธนูกลับมาไทย ถ้าเอามาเฉลี่ยจริงๆแล้วเขาอาจจะมาบ่อยกว่าบ้านตัวเองเสียด้วยซ้ำ กว่าจะมาถึงห้องได้ม่านก็ทุลักทุเลพอสมควรเพราะคนพี่ช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้เลย แรงฮึดสุดท้ายก่อนแขนที่เมื่อยล้าจะหยุดทำงานเขาวางธนูลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลที่สุด ทั้งที่ในใจก็ยังแอบเคืองที่พี่ไม่ยอมเชื่อฟังอยู่ 

    ธนูลืมตาขึ้นมามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าทันทีที่หลังของเขาสัมผัสกับความนุ่มของเตียงขนาดคิงไซซ์

     

    “ม่านไปอาบน้ำก่อนนะ ตัวเองนอนไปเลยก็ได้”

     

     

    ม่านวางมือถือที่พึ่งจะพิมพ์รายงานแก๊งโตเกียวไปลงบนเตียง เร่งฝีเท้าเดินเข้าห้องน้ำไม่มองกลับมาหาธนู ด้วยความเหนื่อยล้าบวกกับความไม่พอใจหน่อยๆ เขาเลยคิดว่าตัวเองควรแช่น้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายซักครึ่งชั่วโมงก่อนค่อยมานอน อันที่จริงแล้วม่านก็ไม่ได้อยากโกรธคนพี่ซักเท่าไหร่ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ก็รู้สึกไม่สบายใจที่พี่จะต้องกลับไปเรียนอยู่แล้ว เขาเลยกลายเป็นเด็กขี้หวี่ยงเอาแต่ใจขึ้นมาดื้อๆ

     

    เวลาผ่านไปน้ำอุ่นช่วยขจัดทุกสิ่งออกจากสมองของม่าน ความหนักใจ ความอึดอัด หายไปชั่วครู่ แต่เมื่อออกมาเขากลับเห็นคนพี่นอนเล่นมือถือตาใสอยู่บนเตียง ตอนนั้นเขาก็ได้รู้ว่าการแก้ปัญหาด้วยน้ำอุ่นนั่นเป็นอะไรที่สิ้นคิดจริงๆ มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยในเมื่อคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ยังนอนสบายใจอยู่ตรงหน้า

     

     

    “ม่านบอกให้นอนไม่ใช่หรอ แล้วเอามือถือม่านมาเล่นทำไม”

     

    ….

     

    “ทำไมมองหน้าม่านแบบนั้น”

     

     

    “วันนี้พี่ไม่น่ารักเลยใช่มั้ย”   ธนูตอบเสียงสั่นพลางวางมือถือลงไว้ที่เดิม

     

    “ใช่ ตัวเองไม่น่ารักเลย”

     

    ม่านตอบอย่างไม่ทันคิด เขาหย่อนตัวลงบนเตียงขณะเดียวกันธนูก็ดีดตัวขึ้นจากเตียงมานั่งข้างๆ หยดน้ำที่เกาะพริ้งพราวตามลาดไหล่ ท่อนบนเปลือยเปล่ากลิ่นสบู่อ่อนๆหลังจากอาบน้ำช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากเพราะม่านหวงตัวยิ่งกว่าอะไรดี มันทำให้สีหน้าของธนูเปลี่ยนไปจากเดิมที่เอาแต่ยิ้มหัวเราะเล่นไม่สนใจใคร ท่าทางที่เริ่มมีสติขึ้นมานิดหน่อยบ่งบอกว่าเขาคงสร่างเมาไปบ้างแล้ว เห็นธนูเริ่มทำหน้าจริงจังม่านก็นึกอยากแกล้งให้อีกคนรู้สึกผิด

     

     

    “ม่านบอกตัวเองไปหมดแล้วใช่มั้ยว่าคืนนี้อย่าดื่มเยอะ ตัวเองต้องพักผ่อนเดี๋ยวก็แฮ้งกลับไม่ได้ ม่านก็บอกไปแล้วใช่มั้ย ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาใครจะดูแล ใครจะรับผิดชอบ”

     

    ม่านดุคนตรงหน้ายาวเหยียด คอยดูปฏิกิริยาของอีกคนที่เปลี่ยนไปตามเสียงของน้องที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ธนูไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบสายตาเอาแต่ก้มหน้ารับฟังความผิดของตัวเองไปเรื่อยๆ เพราะม่านก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่ายๆเหมือนกัน

     

    “อีกอย่างเรื่องชุดม่านก็เตือนไปแล้ว ม่านบอกไปแล้วแต่ทำไมไม่ฟัง ไม่คิดจะเชื่อฟังกันเลยใช่มั้-

    “ม่านจะลงโทษพี่มั้ย”

     

     

    ประโยคสั้นๆที่ทำเอาคำพูดยาวเหยียดของม่านอันตรธานหายไปในที่สุด

     

    สายตานุ่มนวลของชายหนุ่มเปลี่ยนไปในชั่วพริบตาเดียว

     

     “แล้วตัวเองจะให้ม่านลงโทษมั้ย”

     

    แม้จะไม่ตั้งใจฟังแต่ก็ยังรู้สึกได้ชัดว่าน้ำเสียงของม่านมันเปลี่ยนไปจากเดิม ทั้งแหบพร่า กระเส่าอัดแน่นไปด้วยความต้องการที่ยากจะหยั่งถึง จังหวะที่ธนูยอมเงยหน้าขึ้นมาสบสายตาหยั่งเชิงของอีกคนมันเป็นอะไรที่เหมือนกับสงครามประสาทที่สุด ม่านเองก็จะให้รู้ไม่ได้ว่าคำพูดพรรณนาที่พ่นออกไปนั่นไม่ใช่ความโกรธจริงๆนักหรอก ถ้าจะบอกว่าสิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจคือการที่ธนูปฏิเสธการลงโทษของเขาเมื่อชั่วโมงที่แล้วก็น่าจะถูกกว่า

     

    “ว่าไงครับ คนผิดก็ต้องโดนลงโทษใช่มั้ย”

     

    เพราะกลัวการถูกปฏิเสธซ้ำสอง ครั้งนี้ม่านเลยตัดสินใจรุกก่อน ทฤษฎีต้อนคนผิดให้จนมุมจะต้องใช้ได้ผลอย่างแน่นอน เขาเริ่มขยับเข้าไปประชิดคนพี่อีกครั้งในระยะที่ใกล้มากกว่าเดิม เส้นผมที่เปียกชุ่มและปกคลุมไปด้วยหยดน้ำยามที่เจ้าของมันขยับตัว ละอองน้ำก็หยดลงบนร่างกายของธนู เสื้อขาวที่ก่อนหน้านี้ก็บางจนแทบจะกลืนเป็นเนื้อเดียวกันกับผิวอยู่แล้ว ยิ่งตอนเปียกน้ำมันก็ยิ่งทำให้เห็นอะไรต่อมิอะไรไปมาก

     

    มือหนาที่ยังรักษาอุณหภูมิความเย็นไว้ได้ดีแตะเบาๆที่กรอบหน้าสวยเชิงเค้นให้อีกคนตอบตกลง ธนูยังคงเงียบทั้งที่ม่านพยายามเรียกร้องและสื่อสารให้เขาเข้าใจง่ายที่สุดเท่าที่เด็กผู้ชายคนนึงจะทำได้แล้ว

     

     

    “อย่า..

     

    อีกครั้ง.. ที่คนน้องต้องยอมรับความจริงและผลักตัวเองออกมาก่อนจะตกลงไปในเหวลึกจนไม่สามารถถอนตัวขึ้นมาได้ เขาไม่ใช่พวกสัตว์ดุร้ายเลยต้องถามความสมัครใจของอีกฝ่ายอยู่เสมอ แม้บางครั้งมันจะขัดใจเขาไปบ้าง แต่ก่อนที่ม่านจะลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปแต่งตัวใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย มือเล็กๆที่เขี่ยริมฝีปากแห้งของตัวเองเหมือนกำลังครุ่นคิดอยู่นาน ก็ตัดสินใจเอื้อมมาดึงข้อมือหนาเอาไว้

     

     

    “อย่าทำรอยนะ.. ..เดี๋ยวเพื่อนล้อ”

     

     

    น้ำเสียงแผ่วเบาค่อนไปทางกระซิบด้วยซ้ำแต่กลับทำให้ใจของม่านเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา นัยน์ตาใสเบิกกว้างพร้อมกับทิ้งตัวลงไปบนเตียงอย่างไม่ต้องคิดอะไร

     

    “ได้ครับ”

     

    เขาดีใจจนแทบจะจับสติตัวเองไม่อยู่และลืมไปว่ายังไม่ได้ตบปากรับคำกับอีกคนเลย มีขอมายังไงน้องก็จะให้แบบนั้นแหละ ไม่มีรอยก็ไม่มีรอยแค่นี้ม่านให้ได้อยู่แล้ว

     

     

    วิธีการลงโทษแบบฉบับติณณภพแล้วไม่มีอะไรเข้าใจยากเลย ก็แค่ทำให้อีกคนจะขาดใจตายจนต้องเรียกชื่อเขาซ้ำๆวนไปอยู่อย่างนั้น เริ่มจากการพรมจูบให้ทั่วตัวคนทำผิดก่อน

     

    “อ๊ะ ม่าน.. ทำไมวันนี้เริ่มจากตรงกลางล่ะ”

     

     

    “แล้วตัวเองจะให้ม่านเริ่มจากตรงไหน”

     

     

    “ทุกทีม่านก็เริ่มจากบนๆก่อนไม่ใช่หรอ”

     

    ม่านนิ่งเงียบทำท่าคิดไปซักพักก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา คนที่นอนราบกับเตียงขมวดคิ้วใส่อย่างสงสัย ในทางกลับกันอีกคนก็แอบรู้สึกผิดที่เขาคงจะทำโทษพี่บ่อยเกินไปจนพี่จำได้ทุกขั้นทุกตอนว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อน แต่ก็อย่างว่านี่เป็นวิธีการทำโทษฉบับติณณภพ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องตามใจติณณภพน่ะสิ

     

    “วันนี้ม่านอยากเริ่มจากตรงนี้”

     

    “อ..เอางั้นก็ได้”

     

    เขาพรมจูบเบาๆ ไปทุกสัดส่วนให้คนพี่ให้บิดเร้าปรับเปลี่ยนอิริยาบถต่างๆ จริงๆมันคือการหลอกให้วอร์มร่างกายก่อนจะเจอของจริงต่างหาก

     

    “โอ๊ย! ร้อน”

     

    ลิ้นเรียวเริ่มตวัดหาอาณาจักรครอบคลุมของตัวเอง ลากผ่านหน้าท้องเนียนขึ้นสูงเรื่อยๆ และแตะเข้ากับยอดอกของอีกคน ธนูกลายเป็นคนที่หาอุณหภูมิในร่างกายตัวเองไม่เจอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เดี๋ยวบ่นเย็นบ่นร้อน ม่านเงยหน้าขึ้นมามองอีกคนที่เริ่มหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าคงไม่ใช่เพราะของมึนเมาที่ธนูกินเข้าไปแน่ๆ สิ่งที่จะมอมเมาธนูได้มากกว่านั้นอยู่ตรงนี้แล้ว

     

    “ตัวเองรักม่านมั้ย”

     

    “ถามอะไรแบบนี้อีกแล้ว”

     

    “ตอบให้ฟังหน่อยสิ”

     

    “พี่ตอบเป็นรอบที่ล้านแล้วนะ ตั้งแต่มาอะ”

     

    “งั้นก็เริ่มรอบที่ล้านหนึ่งเลย”

     

    “รักสิ พี่ไม่เคยไม่รักม่านเลยรู้มั้ยครับ”

     

    สิ้นสุดประโยคกางเกงยีนส์สีอ่อนก็ถูกถอดออกจากเรียวขา โดยที่ธนูไม่รู้เลยว่าเขาแอบรูดซิปลงรอไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จริงๆแล้วม่านไม่ได้อยากรู้ว่าคนพี่รักเขาหรือเปล่าหรอก มันเป็นประโยคคำถามเชิงขออนุญาตที่ธนูไม่เคยรู้เลยต่างหาก

     

    มีบางอย่างที่เย็นจัดสัมผัสกับผิวขาอ่อนด้านในจนธนูต้องหยัดตัวเองขึ้นมาหาสาเหตุ ผิวสัมผัสคล้ายสแตนเลสที่ต้องกับความหนาวของแอร์จนทำให้มันมีความเย็นสูง ทันทีที่ธนูลุกขึ้นมาสิ่งนั้นก็สะท้อนแสงไฟหัวเตียงกระทบกับตา


    ไม่ได้เจอมันมานานแล้วนะ

    จริงๆแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ธนูได้เห็นมันกับตาของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ช่างสวยงามจริงๆ สร้อยที่เขาเคยฝากให้จุลลาทำไว้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่กว่าเขาจะได้เห็นมันอยู่บนคอของเจ้าของ ธนูจำได้ว่าเมื่อตอนที่อยู่ลานจอดรถ ม่านไม่ได้ใส่มัน ถึงเขาจะไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปแอบใส่ตั้งแต่เมื่อไหร่แต่เขาก็ดีใจที่ได้เห็น

    ม่านละสายตาจากเรียวขาเล็กเมื่อเห็นว่าอีกคนนิ่งนานจนเกินไปก็กลัวจะหลับหนีกันไปเสียก่อน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นพี่จ้องสร้อยที่ตัวเองสวมอยู่ไม่วางตา สร้อยตัว M สลับกับ W ที่อีกคนได้ออกแบบไว้

     

    “มันสวยใช่มั้ยครับ”

     

    ม่านพูดพร้อมกับดันตัวเองให้สูงขึ้น เพื่อให้พี่ได้ดูมันใกล้ๆ

     

    “อื้อ อยู่บนตัวม่านแล้วมันสวยมากเลย”

     

    “ขอบคุณนะ”

     

    “แค่นี้เอง พี่ให้เราได้อยู่แล้ว”

     

    “เดี๋ยวนี้เป็นสายเปย์หรอ”

     

    “ก็เปย์มาตั้งนานแล้วมั้ยล่ะ”

     

     

    ภาพสุดท้ายที่เห็นคือคนตรงหน้าหัวเราะชอบใจกับคำพูดตลกของพี่ หลังจากนั้นธนูก็ไม่รับรู้อะไรได้เลยไฟบนเพดานถูกขอให้หรี่ลงเพราะความเขินอายแม้จะไม่ใช่ครั้งแรก เห็นได้ชัดเลยว่าประสบการณ์ทำให้ม่านเด็กที่เรียนรู้อะไรๆได้เร็ว มีความเชี่ยวชาญขึ้นมากแค่ไหน ทุกจังหวะที่เขาสัมผัสได้มันช่างเรียบเนียนไม่สะดุดอารมณ์แม้แต่ชั่ววินาทีเดียว ไม่รู้ว่าเพราะคิดเข้าข้างตัวเองหรือเปล่าแต่พวกเขาไปกันได้ด้วยดีมากเลยแหละ

     

     

     

     

     

    อย่างแรกที่ธนูทำหลังจากตื่นขึ้นมาไม่ใช่การหันไปสนใจคนข้างๆ แต่กลับดีดตัวเองขึ้นมาส่องกระจกพลิกไปมาสำรวจตัวเองอยู่นานหลายนาที

     

     

    “ทำอะไรอะครับ”

     

     

    “แป็ปนึงนะ พี่ดูอยู่”

     

     

    “ดูอะไรอะครับ”   ม่านขยี้ตาไปมาเหมือนเด็กง่วงที่กำลังถูกขัดใจ

     

    “ก็ดูรอยบนตัวไง ม่านได้ทำรอยไว้รึป่าว”

     

    “ตัวเอง.. ม่านรับปากแล้วไงว่าจะไม่ทำ”

     

    “อ้อ ใช่”

     

     

    “แล้วตัวเองเห็นรอยมั้ยล่ะ”

     

     

    “ก็..ไม่..

     

     

    ….”    ม่านมุ่ยหน้าใส่อีกคนที่ทำตัวเหมือนไม่เชื่อใจก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนบนเตียงเพราะความเพลียอีกครั้ง

     

     

    “ติณณภพนี่เจ๋งที่สุดเลย”

     

    พูดพร้อมกับหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำที่แขวนอยู่มาพาดไว้บนแขน คนน้องที่พึ่งทิ้งตัวลงบนเตียงยังไม่ทันได้อุ่นก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง

     

    “ตัวเองเรียกว่ายังไงนะ”

     

    “ติณณภพ”

     

    “เรียกชื่อจริงม่านหรอ”

     

    “ก็ใช่ไง”

     

     

    “ถูกใจใช่มั้ยล่ะที่ม่านไม่ทำรอย”

     

    “อื้อ”

     

    “จะให้รางวัลมั้ย”

     

    “รางวัลอะไรอีก”

     

    “ก็รางวัลไง ม่านทำดีตัวเองก็ต้องให้รางวัล”

     

    “แล้วจะเอาอะไร”

     

    “ไม่เห็นต้องถามเลย”   สายตาเลิ่กลั่กไปมาของม่าน ก็พอจะเดาออกว่าความต้องการของเขามันคืออะไร

     

    “นั่นมันลงโทษ” 

    นึกว่าจะยอมเออ ออด้วยง่ายๆแต่คงจะไม่ใช่แล้ว พี่ธนูก็ไม่ใช่คนจะตามใจใครง่ายๆซะด้วย

     

    …..

     

    “ทำไมลงโทษกับรางวัลมันถึงเหมือนกันล่ะ”

     

    “ก็สิ่งที่ม่านอยากได้ที่สุดมันจะมีอะไรไปมากกว่าการได้อยู่กับตัวเองล่ะ”

     

    ….

     

     

    คนเป็นพี่ถอนหายใจมองน้องที่นอนทอดตัวยาวกระพริบตาปริบๆอย่างอ้อนวอนอยู่บนเตียง

    ให้มันได้อย่างนี้แหละ

    ให้มันได้อย่างนี้

     

    สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมแขวนเสื้อคลุมอาบน้ำไว้ที่เดิมอีกครั้ง เพราะคนน้องมันเรียกร้องซะเหลือเกิน ถ้าไม่ยอมเดี๋ยวก็คงจะมางอแงอีกว่าทำดีแล้วไม่ได้รางวัล คนเขาจะทำดีจริงๆเขาไม่มาเรียกร้องหรอก มีแต่คนทำดีแล้วหวังผลเท่านั้นแหละแล้วดันได้ผลซะด้วยสิ….

     

     

    หลังจากรับรางวัลกันไปยกใหญ่ก็พึ่งมารู้จากปากของคนพี่ว่าที่ไม่ยอมให้ทำรอยเพราะดันไปพนันกับพวกเด็กๆว่าคืนนี้ รอดจากสัตว์ป่าอย่างม่านไปไหม หึระดับม่านแล้วมีหรือจะปล่อยให้รอดไปง่ายๆ ต้องกินอย่างมีชั้นเชิง..

     

     

    “ม่าน! แรงไปแล้วเดี๋ยวเป็นรอย”

     

     

    “นิดเดียวหน่าตัวเอง”

     

     

    “ไม่เอาเดี๋ยวโดนล้อ”

     

     

    “นิดเดียวนะๆๆๆ นิดเดียวนะเบาๆ”

     

     

     

     

     

     

     

    -the end-

     

     

     

     

    จบจริงๆ จริงๆแล้วจ่ะนายจ๋า ขอบคุณอีกพันครั้งสำหรับการติดตามเรื่องนี้ ไม่มีอะไรจะมอบให้นอกจากความรักจากเราเอง ฮิ้ฮิ้ 

    B
    E
    R
    L
    I
    N
    ?
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×