คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4 :: Happiness is Knocking
เมื่อความสุข … เคาะเรียกหา
เป็นเวลาสองวันแล้วที่เซฮุนไม่ได้ทักแชทไปคุยกับจงอิน และจงอินเองก็ไม่ได้ทักมาเลยเช่นกัน ใช่ว่าเซฮุนจะไม่อยากคุย หรือเพิกเฉยต่อเรื่องที่เขาได้ทำเอาไว้ แต่กลับกัน ร่างบางรู้สึกผิดมากเกินกว่าจะทักไปด้วยซ้ำ เขาอาจจะกลายเป็นคนน่ารำคาญ คนน่าไม่อายที่พยายามชวนคุยเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง เขารู้สึกผิดต่อจงอินมาก แต่ต่อให้รู้สึกผิดและอยากจะขอโทษย้ำๆ ซ้ำๆ มากแค่ไหน โอ เซฮุน คนนี้ก็ยังขี้ขลาด ไม่กล้าแม้แต่จะเคาะประตูไปคุยกับจงอินซึ่งอยู่อย่างกับเขาเพียงแค่กำแพงหนาๆ กั้น
ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความคิดอยู่เกือบสิบนาที เซฮุนเปลี่ยนจากการนั่งเรื่อยเปื่อยแบบนั้นเป็นออกมาเดินเล่นที่บริเวณหอ ซึ่งจะมีสนามหญ้ากว้างใหญ่ไว้ให้ทุกคนได้มาพักผ่อนสูดอากาศยามเย็นแบบนี้ ปกติแล้วเซฮุนไม่ค่อยได้ออกมาเดินเล่นอะไรแบบนี้หรอก เพราะเขาไม่ใช่คนที่ว่างขนาดนั้น และอีกอย่าง เขาก็ไม่ได้เครียดถึงขนาดที่ว่าจะต้องมาเดินใช้ความคิด ผ่อนคลายตัวเองแบบนี้ด้วย …
ระหว่างที่กำลังเดินวนมาบรรจบที่ห้องตัวเองอีกรอบนั้น เซฮุนพลันสังเกตเข้ากับเจ้ามงกู หมาตัวน้อยที่ตอนนี้เขากำลังรู้สึกผิดเต็มประดากับเจ้าของของมันอยู่ กำลังร้องโหยหวนราวกับว่าต้องการอะไรบางอย่าง และถึงเขาจะไม่อยากย่างกรายเข้าไปในพื้นที่ห้องของจงอินมากแค่ไหน เขาก็ไม่อาจทนต่อเสียงโหยหวนของเพื่อนร่วมโลกนี้ได้หรอก
ด้วยความที่เป็นคนรักหมา เซฮุนรู้ทันทีว่ามงกูหิว และคาดว่าเจ้าของคงยังไม่ได้ให้กินอะไรตั้งแต่เช้า เห็นดังนั้นก็รีบจัดการกลับเข้าไปในห้องของตัวเองแล้วรีบหยิบปลากระป๋องกับนมซึ่งเป็นเสบียงยามดึกดื่นของเขาที่เหลือเพียงอย่างสุดท้ายทั้งคู่ออกมา เขายอมสละมันให้กับสัตว์น้อยน่าสงสารอย่างไม่คิด
เซฮุนจัดแจงเทอาหารและนมหวานที่ตนเตรียมมาให้กับเจ้ามงกูอย่างชำนาญ มงกูรีบกินสิ่งที่เห็นตรงหน้าอย่างไม่คิดชีวิต บ่งบอกว่าเขาเดาไม่ผิดว่ามันหิวจริงๆ ด้วย เจ้าของของแกไปไหนกันนะ เย็นย่ำป่านนี้แล้วยังไม่กลับมาให้อาหารแกอีก เซฮุนนึกตำหนิขำๆ ในใจ พลางลูบหัวสัตว์เลี้ยงน่าเอ็นดูนั่นด้วยความรักความทะนุถนอม
เห็นแบบนี้แล้วก็นึกถึงเจ้าของมงกูเหมือนกัน ถ้าแค่เอาของกินมาให้แล้วอารมณ์ดี หายหงุดหงิดเป็นปลิดทิ้งแบบแก ก็คงจะดีสินะมงกู
“ขอบใจนะ”
เสียงที่เซฮุนคุ้นเคยและหวังว่าจะได้ยินมันอีกดังขึ้นมาจากข้างหลัง ระหว่างที่เขากำลังเล่นกับมงกูอย่างเพลิดเพลินอยู่จนลืมไปว่านี่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของจงอินซึ่งเขาไม่ควรจมอยู่ตรงนี้นานเกินไป เป็นเพราะมงกูแท้ๆ เลยเชียว
“จงอิน!” เอ่ยเสียงเหว เซฮุนตกใจเล็กน้อยเมื่อเขาพบกับคนที่อยากเจอและไม่อยากเจอในเวลาเดียวกัน
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น” จงอินหัวเราะ พลางละสายตาจากเซฮุนไปเล่นกับมงกูแทน
“ฉันขอโทษนะมงกูที่วันนี้กลับมืดไปหน่อย วันนี้งานเยอะทั้งวันเลย แกคงหิวแย่เลยใช่มั้ย” จงอินทำเสียงอ่อนเสียงหวานพลางเล่นกับมงกูอย่างอารมณ์ดี เซฮุนลอบยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเห็นคนที่ตนแอบชอบเล่นกับสัตว์เลี้ยงได้น่ารักขนาดนี้
ก็จงอินเล่นมีเสน่ห์ขนาดนี้… จะให้เขาเลิกรักยังไงไหว ?
“ขอโทษ…นะจงอิน” เซฮุนเอ่ยออกมาหลังจากติตรองอยู่นาน ในที่สุดเขาก็กล้าพูดคำนี้สักที ถ้าไม่ได้พูดตอนนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะหาโอกาสแบบนี้ได้เมื่อไหร่
“เรื่องอะไรล่ะ” อีกฝ่ายถาม สีหน้าบ่งบอกว่าเขาไม่รู้จริงๆ ว่าเซฮุนกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ ให้ตายสิ นายลืมมันไปหมดแล้วเหรอเนี่ยจงอิน
“ก็… เรื่องที่ทำให้แฟนนายกับนายเข้าใจผิด”
“อ๋อ เรื่องนั้นเราเคลียร์กันแล้ว โชคดีว่าเซฮุนเป็นผู้ชาย ไม่งั้นยัยนั่นโกรธฉันเป็นชาติแน่” ว่าจบ จงอินก็หัวเราะร่วนอย่างคนอารมณ์ดี นี่จงอินไม่ได้โกรธเขาแล้วจริงๆ เหรอ งั้นก็แปลว่าสองสามวันที่ผ่านมาเซฮุนทึกทักไปเองทั้งหมดเลยน่ะสิว่าจงอินโกรธเขาเป็นฟืนเป็นไฟ
“เคลียร์กันแล้วก็ดีแล้ว แฟนนายดูขี้หึงเนอะ” เซฮุนพูดเสียงอ่อย ปนรอยยิ้มนิดๆ
“ไม่เท่าไหร่หรอก แต่เกิดจะหึงขึ้นมาก็ได้เรื่องเลยเหมือนกัน” จงอินหัวเราะ
“ปกติของผู้หญิงสินะ” คำพูดที่ดูเหมือนจะธรรมดาทั่วไปของจงอินกลับทำให้เซฮุนหงอยลงอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้สิ… เซฮุนไม่ชอบเลยเวลาจงอินพูดถึงแฟนตัวเองด้วยอารมณ์ที่รื่นเริงขนาดนี้
“แล้วนี่กินอะไรรึยัง” จงอินเป็นฝ่ายชวนคุยก่อนบ้าง หลังจากปล่อยให้มงกูกินอาหารที่เซฮุนเป็นคนให้ต่อ
“ยังเลย” ตอบแบบนี้ทั้งที่กินจนอิ่มไปเรียบร้อยแล้ว จะยังพอมีหวังไหมที่จงอินจะชวนเขาไปกินข้าวอีก
“รีบกินซะนะ เดี๋ยวก็หิวตายหรอก” จงอินพูดแล้วส่งยิ้มให้ เซฮุนไม่ได้ดีใจกับรอยยิ้มนุ่มนวลนั้นเลยแม้แต่นิด เพราะไม่กี่วินาทีถัดมา เสียงของคนที่เซฮุนไม่อยากเจอที่สุดก็ลอยไล่หลังเขามา
“จงอิน จะไปรึยัง”
ซูจอง แฟนสาวคนสวยของจงอินเอ่ยปากเรียกด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเธอคงรอนานแล้ว เซฮุนหันไปก็พบว่าซูจองยืนเท้าเอวอยู่ แต่ก็ไม่เชิงว่าไม่พอใจนัก คงหิวซะมากกว่า เวลาทำหน้าหงุดหงิดเล็กๆ แบบนี้ยังดูดีขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่จงอินจะหลงหัวปักหัวปำ
“ซูจองอา นี่เพื่อนเรานะ ชื่อเซฮุน อยู่ห้องติดกันเลย” ก่อนจะไป จงอินไม่ลืมที่จะแนะนำเซฮุนซึ่งเป็น ‘เพื่อน’ ให้ ‘แฟน’ ตัวเองรู้จัก
“อ้าว หวัดดี” ซูจองยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร เซฮุนเองก็ยิ้มกลับเช่นกัน รอยยิ้มของเซฮุนทำให้สาวๆ หลายคนระทวยมานักต่อนัก และกับซูจองเองก็เช่นกัน เธอได้แต่คิดในใจว่าผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์เหลือเกิน แต่ยังไงก็ไม่เท่าแฟนหนุ่มของเธอหรอก ใครๆ ก็ต้องเข้าข้างแฟนตัวเองเป็นธรรมดา
“กำลังจะไปกินข้าวกันเหรอ ตามสบายเลยนะ” เซฮุนพูดด้วยน้ำเสียงปกติ หากแต่ดูเจียมเนื้อเจียมตัวอย่างน่าประหลาด
“ไปกินด้วยกันมั้ยเซฮุน” ซูจองเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนด้วยรอยยิ้มน่ารักและมีเสน่ห์ของเธอ ถ้าเซฮุนเป็นผู้ชายปกติทั่วไปก็คงจะตบปากรับคำเชิญนี้ แต่มันไม่ใช่น่ะสิ…
จะให้เขาไปนั่งดูคนที่เขารัก สวีทหวานแหววกับแฟนหรือยังไงกัน
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวเราออกไปหาอะไรกินนิดๆ หน่อยๆ แถวนี้แหละ” เซฮุนยิ้มอย่างเป็นมิตร หันไปหาจงอินที่กำลังยิ้มอยู่เช่นกัน ซึ่งเซฮุนคิดว่าจงอินคงจะดีใจที่เพื่อนกับแฟนเป็นมิตรกันได้ขนาดนี้ ก่อนจะทำทีเดินกลับห้องของตัวเอง แต่กลับมีเสียงหนึ่งรั้งเอาไว้ก่อน
“ขอบใจอีกทีนะ สำหรับอาหารมงกูน่ะ”
“อ้อ ไม่เป็นไรหรอก” เซฮุนยิ้ม และยิ่งยิ้มมากกว่าเดิมกับประโยคต่อมาของจงอิน
“วันหลังฉันจะเลี้ยงข้าวนายตอบแทนแล้วกัน”
.
.
.
“เซฮุน มึงมานี่ดิ๊ กูมีเรื่องจะให้ช่วยหน่อย”
ทันทีที่เซฮุนเดินผ่านห้องเรียนของชานยอลด้วยสีหน้าท่าทางงัวเงียเพราะคาบนี้เป็นคาบเช้า ชานยอลก็ตะโกนเรียกดังจนเซฮุนตื่นจากอาการง่วงงัน สายตาที่จริงจังและดูมีอะไรของชานยอลและเพื่อนในกลุ่มของชานยอลทำให้เซฮุนรู้สึกกลัวและลุ้นขึ้นมาตะหงิด นี่เขาทำอะไรผิดไปรึเปล่าเนี่ย
“อะไรของพวกมึงเนี่ย” เซฮุนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ทั้งๆ ที่ในใจก็แอบกลัวอยู่ไม่น้อย
“คืองี้นะ มึงตั้งใจฟังพวกกูให้ดีก่อนจะปฏิเสธนะ…” ชานยอลลากคอเซฮุนมานั่งใกล้ๆ ค่อยๆ พูดช้าๆ เพื่อให้เซฮุนได้ตั้งสติ
“พวกกูกำลังจะทำหนังเกย์ ซึ่งแม่งกำลังเป็นกระแสในวัยรุ่นมากตอนนี้ ตัวพระเอกเนี่ย พวกกูหาได้แล้ว แต่ตัวนายเองยังหาไม่ได้ เพราะแม่งไม่มีใครกล้าเล่นสักคน ไอ้คนที่อยากเล่นก็ดันเป็นตุ๊ดแต๋วไปซะหมด…”
“เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่ามึง…” ชานยอลยังอธิบายไม่ทันจบ เซฮุนก็แย้งขึ้นมา ชานยอลกอดไหล่เพื่อนรักแน่นกว่าเดิมแล้วค่อยๆ พูดช้ากว่าเดิม
“กูว่าแล้วว่ามึงฉลาด ใช่แล้วเพื่อนยาก กูอยากจะให้มึงมาเป็นนายเอกของเรื่องนี้ กูขอร้อง คือหนังกูต้องการคนหน้าตาดีเพื่อที่จะให้พวกผู้หญิงแม่งฟินกันไง ไม่ใช่ไก่กาแบบไอ้คนที่มันเสนอตัวมาอ่ะนะ อีกอย่าง กูทำหนังเกย์ไม่ใช่หอแต๋วแตก” ชานยอลพูดยาวเหยียด แต่ไม่เร็วจนฟังไม่ทันขนาดนั้น เซฮุนเบิกตากว้าง ตื่นจากอาการง่วงงันเสียสนิท
“กูไม่เล่น”
เซฮุนปฏิเสธเสียงแข็งทันทีที่ฟังจบ จะให้คนหล่อมีภาพลักษณ์ดีแบบเขาไปเล่นหนังสั้นอะไรแบบนี้เนี่ยนะ? ปกติก็เคยเล่นแต่บทพระเอกมาตลอด เขายอมรับว่าแอคติ้งเขานั้นดีกว่าคนอื่นๆ แถมหน้าตาดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย เลยมีคนมาวานให้ไปเล่นหนังให้ไม่ขาดสาย
แต่ให้เล่นบทที่เป็นตัวเอง… ความเป็นตัวเองที่เขาปกปิดไว้มานานขนาดนี้ เขากลัวเหลือเกิน…
“เห้ย!! มึงใจเย็นก่อน มึงอย่าเพิ่งคิดว่ามันอุบาทว์หรืออะไรดิวะ มึงค่อยๆ คิดภาพตามกูนะ…” สายตาที่กดดันจากเพื่อนคนอื่นในกลุ่มทำให้เซฮุนดิ้นไปไหนไม่ได้ เขาทำได้เพียงนั่งจ๋อมฟังชานยอลพูดอยู่อย่างนั้น
“มึงก็แค่เล่นแบบ… abstract อ่ะ ไม่ต้องมีบทหวานแหวว สยิวกิ้วอะไรเว่ย แค่มึงแสดงออกว่ามึงชอบนายเอก อะไรแบบนี้ กูรับรองว่าไม่ถึงเนื้อถึงตัวแน่นอน” ชานยอลเขย่าตัวเซฮุนเบาๆ
“นะเซฮุน… ถ้าไม่ได้มึง พวกกูก็ไม่รู้จะไปหาใครมาเล่นแล้ว จะส่งอาทิตย์หน้านี้แล้วด้วย” ซอนมี เพื่อนผู้หญิงที่เป็นหนึ่งในกรรมการนักศึกษาของมหาลัยเอ่ยปากอ้อนวอน ซอนมีเป็นผู้หญิงเก่งที่เซฮุนชื่นชมและปลื้มมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงตอนนี้ เพราะฉะนั้นเสียงอ้อนวอนแบบนี้ทำให้เขาเริ่มจะใจอ่อน
“ไม่เอาอ่ะ ไม่ชอบ ยังไงก็ไม่เอาเว่ย” แต่เขาต้องใจแข็ง เขาไม่รู้ว่าเขาจะเล่นบทแบบนั้นยังไง แค่คิดเขายังไม่กล้า ยังไงเขาก็จะไม่เล่น…
“ถือว่าเพื่อนขอร้องเหอะว่ะ” ชานยอลเริ่มใช้น้ำเสียงจริงจัง ถ้าเซฮุนไม่รับเล่นบทนี้ ชานยอลก็คงจะนอยด์ไม่น้อย และเซฮุนรู้ดีว่าเวลาเพื่อนรักคนนี้ของเขาโกรธนั้นมันเลวร้ายขนาดไหน เคยมีครั้งหนึ่งที่เซฮุนทำให้ชานยอลโกรธ และร่างสูงไม่คุยกับเขาไปเป็นเวลาหนึ่งเดือนเลย แค่คิดเซฮุนก็หัวเสียแล้ว
“ขอคิดดูก่อนแล้วกัน” สภาวะกดดันและเร่งเร้าแบบนี้ เซฮุนไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้เลย ชานยอลได้แต่พยักหน้าด้วยอารมณ์กึ่งพอใจกึ่งไม่พอใจ พลางหยิบมือถือของตัวเองโทรหาใครบางคน
ใครบางคนที่เซฮุนแอบเห็นว่า… ชื่อจงอิน
“ฮัลโหล จงอินเหรอวะ” ชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงสนิทสนม เซฮุนซึ่งตอนแรกคิดว่าจะกลับไปที่ห้องของตัวเองก็ค่อยๆ หยิบกระเป๋าอย่างลีลา หวังจะแอบฟังสิ่งที่ชานยอลกำลังจะคุยกับจงอิน
“เออ เรื่องหนังสั้นที่กูวานมึงน่ะ ตอนนี้หานายเอกอยู่นะ แต่เล็งไอ้เซฮุนเพื่อนกูเอาไว้ มึงจำได้ใช่มั้ย”
หัวใจของเซฮุนเต้นรัวและแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรู้ความจริงว่าพระเอกของหนังสั้นเรื่องนี้คือจงอิน นี่ใช่จงอินเดียวกันรึเปล่านะ? เขาได้แต่ภาวนาให้ไม่ใช่ เพราะไม่อย่างนั้น เขาคงหักห้ามตัวเองไม่ให้ตบปากรับคำชวนเล่นหนังไม่ได้ ถ้าเป็นจงอินแล้ว เซฮุนยินดีเสมอ
“อ้าว พวกมึงอยู่หอเดียวกันเหรอ แถมห้องติดกันด้วย ทำไมไอ้ฮุนไม่เคยบอกเลยวะ” ชานยอลที่กำลังคุยอยู่กับปลายสายหันมาจ้องเซฮุนด้วยสีหน้ายิ้มๆ เซฮุนได้แต่พยักหน้าแล้วยิ้มแหยๆ ให้ชานยอลกลับ
“เออๆ โอเค เอาไว้มันตัดสินใจแล้วเดี๋ยวว่ากันอีกที” ชานยอลพูดพร้อมวางสาย ตอนนี้เปลี่ยนมาสนใจกับเซฮุนแทน
“จงอินเป็นพระเอกหนังเรื่องนี้เหรอ” ไม่ทันที่ชานยอลจะพูดอะไร เซฮุนก็ชิงถามขึ้นมาเสียก่อน
“เออ รายนั้นไม่เห็นจะพูดยากเหมือนมึงเลย ขนาดเขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วยังยอมมาเล่นให้กูเลย มึงมันไม่รักกู” ชานยอลพูดแล้วเบะปากจ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง เซฮุนเห็นดังนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา
“มึงพูดซะขนาดนี้ กูไม่เล่นก็คงใจร้ายไปหน่อย” เซฮุนค่อยๆ พูดออกมา คำตอบของเซฮุนทำให้คนทั้งกลุ่มพร้อมใจกันร้องเฮออกมา
“มึงจะเล่นให้กูแล้วใช่มั้ย จริงๆ นะไอ้ฮุน!” ชานยอลเบิกตากว้าง ทั้งที่เดิมก็ตาโตอยู่แล้ว เซฮุนตลกภาพตรงหน้าจนกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
“อืม เล่นก็เล่น เลี้ยงเนื้อย่างกูด้วยแล้วกัน” ร่างเล็กพูดไปหัวเราะไป คงไม่มีใครจับได้หรอกนะว่าเขายอมเล่นหนังเรื่องนี้เพราะอะไร และเพราะใคร
“ได้เลยเพื่อน เดี๋ยวกูจัดชานมให้อีกแก้วเลย” ชานยอลเขย่าตัวเพื่อนรักด้วยความดีใจ หลังจากที่ตั้งสติได้แล้ว ซอนมีที่ดูจะดีใจไม่ต่างกับชานยอลก็นัดเวลาถ่ายหนังทันที
“งั้นพรุ่งนี้ตอนเย็นเริ่มถ่ายกันได้เลยนะ จะได้ไม่เสียเวลา เจอกันหกโมงเย็นหน้าตึกเรียนเลยนะ ขอบใจมากนะเซฮุน” ซอนมีเขย่าแขนเซฮุนอย่างดีอกดีใจ เซฮุนไม่รู้มาก่อนเลยว่า ตัวเขาเองสำคัญกับหนังเรื่องนี้ขนาดนี้
“โอเค” เซฮุนตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม “แล้วนัดฝ่ายพระเอกเขารึยังล่ะ” เซฮุนอดไม่ได้ที่จะถามถึงจงอิน นี่เขาคิดถึงแต่จงอินจริงๆ สินะเนี่ย
“กูกำลังไลน์ไปบอกอยู่เนี่ย” ชานยอลที่ก้มหน้าก้มตากดมือถือพูดขึ้นโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง
“อืม งั้นเดี๋ยวกูไปเรียนก่อนนะ หกโมงเย็นพรุ่งนี้เจอกัน” เซฮุนบอกลาเพื่อนต่างสาขาที่เขาคุ้นเคยดีก่อนจะเดินกลับห้องไปเรียนวิชาของตัวเองเพราะนี่ก็จะสายแล้ว ระหว่างทางเดิน เซฮุนคนเดิมที่เคยเดินง่วงไปวันๆ กลับกลายเป็นเซฮุนคนที่เดินไปยิ้มไปเหมือนคนบ้า จงอินมีอิทธิพลต่อหัวใจของเขาขนาดนี้เลยเหรอไงเนี่ย
.
.
.
เซฮุนนั่งเรียนด้วยใบหน้าเหม่อลอย มือถือดินสอลากกับชีทไปเรื่อยเปื่อย ไม่ใช่การจดเลคเชอร์แต่เป็นการวาดรูปไร้สาระแบบที่คนไม่ตั้งใจเรียนเขาชอบทำกัน ลู่หาน เพื่อนในชั้นเรียนที่เซฮุนถือว่าสนิทที่สุดแต่ก็ไม่มากเอ่ยปากต่อว่าเขาเพราะไม่เคยเห็นเซฮุนเป็นแบบนี้มาก่อนตั้งแต่นั่งข้างๆ มา
“มึงวาดไรมึงเนี่ย ปกติเห็นตั้งใจเรียนจะตายห่า”
“กูอารมณ์ดีเว่ย อย่ายุ่งดิ” เซฮุนพูดพร้อมยิ้มหวานให้ลู่หาน
“ห่า ยิ้มให้กูอีก ขนลุกไปหมดละเนี่ย” ลู่หานไม่ค่อยจะได้รับรอยยิ้มไร้เหตุผลแบบนี้จากเซฮุนจึงรู้สึกแปลก เซฮุนไม่ตอบอะไรเอาแต่หัวเราะกลบเกลื่อน
“เหมือนคนกำลังมีความรักเลยนะมึงเนี่ย ไปปิ๊งหญิงที่ไหนมาวะ เห็นวาดรูปผู้ชายกับผู้หญิงนั่งด้วยกันงี้เนี่ย”
“ไม่เว่ย กูก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” ที่เซฮุนวาดรูปผู้ชายกับผู้หญิงก็เพราะกลัวว่าเพื่อนตัวแสบอย่างลู่หานจะสงสัยนี่แหละ จะให้วาดผู้ชายสองคนมันก็จะยังไงอยู่ ในเมื่อในสายตาเพื่อนๆ ทุกคน เซฮุนยังคงเป็นผู้ชายมาดแมนอยู่
“จริงนะ กูว่ามึงโกหกและ ไหนบอกกูมาเลย ปิ๊งหญิงคนไหน” ลู่หานกระทุ้งแขน
“ก็มีบ้าง” เซฮุนคิดว่าเพื่อนตัวดีของเขาคงจะเซ้าซี้ไปจนกว่าจะได้คำตอบแน่เลยตอบปัดรำคาญไปแบบนั้น
“คนไหนวะ อยู่สาขาอะไร บอกมาให้หมด กูช่วยได้นะเว้ย” ลู่หานยิงคำถามรัวจนเซฮุนหัวเราะออกมาในความอยากรู้อยากเห็น แต่จริงอย่างที่ลู่หานเสนอนั่นแหละ ถ้าเซฮุนชอบผู้หญิงคนไหนในมหาลัย ลู่หานมักจะเป็นคนช่วยเขาเสมอ เพราะลู่หานเป็นที่รักและเป็นที่รู้จักของหลายๆ คนในมหาลัย
“เออ… ก็…” ปกติแล้วเซฮุนชอบใครก็บอกว่าชอบ แต่นั่นมันเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ตอนนี้เซฮุนมีความลับอยู่มากมาย มันอัดแน่นอยู่ในอกจนบอกใครไม่ได้ แต่ถ้าเซฮุนไม่ตอบเลยมันก็จะดูเป็นที่น่าสงสัยเกินไป เซฮุนเริ่มนึกชื่อบรรดาสาวๆ สวยๆ ที่เขาพอจะขอยืมชื่อมาแอบอ้างได้บ้าง แต่ในหัวกลับว่างเปล่า มีแต่คำว่าจงอิน จงอิน จงอิน ลอยเต็มหัวไปหมด
“มึงไม่ไว้ใจกูเหรอ” ลู่หานที่รอคำตอบอยู่นานสองนานตัดพ้อ
“ซอนมี… กู… ว่าซอนมีน่ารักดี” ชื่อแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นานคือชื่อของซอนมี ผู้หญิงที่ทั้งสวย เก่ง และเป็นที่รักของใครหลายๆ คน เอาชื่อซอนมีมาแอบอ้างแบบนี้เซฮุนคิดว่าคงจะไม่เป็นอะไร
“จริงป่ะเนี่ย! ซอนมีแม่งสวยแต่ห้าวชิบหาย นั่นแนวมึงเหรอวะ” ลู่หานเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าเซฮุนจะชอบคนที่ใกล้ตัวขนาดนี้
“กูชอบผู้หญิงเก่งอ่ะ ผู้หญิงแบ๊วน่าเบื่อจะตาย” เขากัดฟันแทบตายกว่าจะพูดแต่ละคำออกมาได้ ขอโทษนะซอนมี
“ซอนมีแม่งยังโสดด้วย มึงจะจีบป่ะ?” ลู่หานยิ้มกรุ้มกริ่ม ใส่ใจเรื่องของเซฮุนมากกว่าเรื่องของตัวเองเสียอีก
“ไม่ว่ะ กู… ยังไม่กล้าอ่ะ”
“เห้ย มึงอย่าป๊อดดิ ถ้าจะจีบก็ลุยเลย เดี๋ยวกูช่วยเอง” ลู่หานกระทุ้งแขนเซฮุนอีกรอบ เซฮุนรีบแย้งขึ้นมาทันทีเพราะกลัวเรื่องจะเลยเถิดไปกันใหญ่
“เห้ยๆๆ มึงไม่ต้องยุ่งเลย เรื่องนี้กูขอเหอะ เดี๋ยวกูพร้อมกูจัดการเอง” เซฮุนพูดเสียงแข็งกับเพื่อนจอมจุ้นของเขา ลู่หานได้แต่หัวเราะแล้วรับปากว่าจะไม่ยุ่ง แต่ถึงกระนั้นเซฮุนก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี เพราะเพื่อนคนนี้มักจะทำให้เขาอับอายอยู่เสมอ
แต่มันก็คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง … โตๆ กันแล้วนี่เนอะ
.
.
.
หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการเรียนที่แสนจะยาวนาน เซฮุนก็ทิ้งตัวลงบนที่นอนทันทีที่ถึงห้อง เขาเหนื่อยและเพลียเกินกว่าจะลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ ถึงแม้จะหิวข้าวขนาดไหนเขาก็ไม่อยากลุกออกไป เซฮุนมักใช้เวลาหลังเลิกเรียนนอนแผ่อยู่บนเตียงแบบนี้แล้วปล่อยให้ตัวเองคิดอะไรเรื่อยเปื่อย และหัวข้อความคิดวันนี้ของเซฮุนจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากเรื่องของจงอิน
อันที่จริง… พักหลังมานี่จงอินก็เป็นหัวข้อให้เซฮุนได้นึกถึงทุกๆ วันอยู่แล้ว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ~
เสียงเคาะประตูห้องทำให้เซฮุนตื่นจากภวังค์และเกือบหุบยิ้มแทบไม่ทัน ร่างบางเดินไปเปิดประตูด้วยความรีบร้อน เพราะร้อยวันพันปีเขาก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบ ไม่เคยมีคนมาเคาะประตูรบกวนแบบนี้ แต่สำหรับคนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ เขาจะไม่มีวันใช้คำว่ารบกวนเด็ดขาด
“จงอิน”
“กินไข่มั้ย” จงอินพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพลางยื่นจานข้าวไข่เจียวมาให้เซฮุน เซฮุนประหลาดใจเล็กน้อยกับการกระทำที่ไม่คุ้นของจงอิน ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาอย่างชอบใจ
“ทำเองเหรอ?”
“ใช่ ก็ทำเป็นอยู่แค่เจียวไข่เนี่ยแหละ กะว่าจะทำมาตอบแทนที่ให้ข้าวมงกูเมื่อวานน่ะ” จงอินยื่นจานข้าวไข่เจียวใกล้ตัวเซฮุนกว่าเดิม “รับไปสิ”
“เห้ย ขอบใจมากนะ” เซฮุนรับจานมาพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง เป็นอีกเรื่องน่ารักๆ ที่จงอินทำให้เขาหุบยิ้มไม่ได้ เขาควรเขียนเรื่องนี้ไว้ในไดอารี่มั้ยนะ
“เข้ามาก่อนสิ กินด้วยกัน” เซฮุนใช้อีกมือซึ่งว่างจากการถือจานข้าวของจงอินดึงแขนจงอินเข้ามาในห้องของตัวเอง ซึ่งนั่นทำให้จงอินหนีไปไหนไม่ได้ ฝ่ายคนตัวโตกว่าได้แต่หัวเราะแล้วเดินเข้ามาตามแรงลากของอีกคน
“เออใช่ เดี๋ยวเราต้องเล่นหนังด้วยกันนี่หว่า” จงอินพูดในเรื่องที่เซฮุนคิดมาตลอดทั้งวัน ทำให้หัวใจของเซฮุนเต้นไม่เป็นจังหวะ แต่ก็ทำทีเป็นหยิบช้อนส้อมกลบเกลื่อนความอายของตัวเอง
“ตอนได้ยินครั้งแรกนี่ขนลุกเลยนะ หนังเกย์…” เซฮุนพูดพลางทำท่าสยิวกิ้วโชว์จงอิน ถ้าจงอินได้รู้ว่าเซฮุนดีใจมากแค่ไหนกับการเล่นหนังครั้งนี้ เขาคงอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแน่
“ฮ่าๆๆ ไม่เห็นจะน่ากลัวเลย แปลกใหม่ดีออก” จงอินพูดแล้วมองอีกคนพลางคิดอะไรสนุกๆ ออก
“งี้ดีกว่า ไหนๆ เราก็ต้องมาเป็นคู่เกย์กันแล้ว ลองมาซ้อมกันก่อนมั้ย…” จงอินพูดแล้วส่งสายตาหวานเยิ้มให้เซฮุน เซฮุนที่รู้ดีว่าจงอินกำลังแกล้งกลับเขินจนอยากจะหันหน้าหนีไปทางอื่นแต่ก็ทำไม่ได้เอาแต่จ้องอีกคนด้วยสีหน้าเอาเรื่องเป็นการกลบเกลื่อน
“อะไร!?”
“เซฮุนที่รักครับ ป้อนข้าวผมหน่อยสิครับ นะ นะ นะ” จงอินดึงแขนร่างเล็กให้เข้ามาใกล้ตนมากกว่าเดิมแล้วทำท่าอ้าปากอย่างน่ารักน่าชัง
จงอินจะรู้รึเปล่า… ว่าการทำแบบนี้มันอันตรายมากนะ… อันตรายต่อหัวใจเซฮุนมากๆ เลย
“บ้าไปแล้วเห้ย!” เซฮุนรีบผละตัวออกห่าง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอม จงอินรั้งแขนของเซฮุนให้กลับมาอยู่ใกล้เขาเหมือนเดิม แต่คราวนี้มันกลับใกล้กว่าเดิม
ใกล้… จนเซฮุนกลัวว่าจงอินจะได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่กำลังเต้นแรงมาก…
ใกล้… จนเซฮุนไม่อยากให้เวลานี้ผ่านไปเลย…
ใกล้… เสียจนเซฮุนเริ่มทำอะไรไม่ถูก…
“เห้ย แค่นี้ถึงกับแข็งเลยเหรอวะ กลัวอะไรเนี่ย” จงอินหัวเราะกับท่าทีเกร็งสุดฤทธิ์ของอีกฝ่ายอย่างชอบใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซฮุนจะกลัวการเล่นเป็นเกย์ถึงขนาดนี้
ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว เซฮุนไม่ได้กลัวในสิ่งที่จงอินคิดเลย… เขากลัว… หัวใจตัวเองมากกว่า
“ก็เออดิ นี่ถอนตัวทันมั้ย” เซฮุนรีบผละตัวเองออกห่างแล้วพูดเสียงเอาเรื่อง ในขณะที่จงอินยังคงขำกับท่าทางของเขาไม่หยุด
“เลิกเล่นก็ได้ โถ่เอ๊ย แล้วอย่างนี้จะไหวไหมเนี่ย” จงอินพูดแล้วส่ายหัวเบาๆ “เอาเถอะ เรื่องเกย์นี่ช่างมันก่อน ลองชิมไข่เจียวก่อนดิ”
เซฮุนยิ้มออกมาอย่างชอบใจเมื่อจงอินเปลี่ยนเรื่อง เขาพยักหน้าแล้วตักไข่เจียวพอดีคำเข้าปากตัวเอง มันเป็นไข่เจียวที่รสชาติธรรมดาทั่วไป ไม่มีอะไรวิเศษวิโสไปกว่าไข่เจียวที่อื่นๆ ที่เคยได้กินมา แต่ทำไมเซฮุนกลับรู้สึกอยากกินไข่เจียวนี้ทุกวันเลยล่ะ …
“อร่อยนะ” เซฮุนพูดออกมาด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่ามันอร่อยจริงๆ ทั้งที่จริงๆ แล้วมันธรรมดามาก
“จริงเหรอ แฟนเราบอกว่ามันเห่ย” จงอินพูด เป็นอีกครั้งที่คำว่า ‘แฟนเรา’ ทำให้เซฮุนชะงัก
“ไม่เห่ยนะ กินได้เลยแหละ” เซฮุนนึกตำหนิซูจองแฟนสาวของจงอินในใจ หากเป็นเขาที่จงอินทำข้าวไข่เจียวให้กินบ่อยๆ แบบนี้ เขาจะไม่ต้องการอะไรอีก ไม่ติอะไรเลยแม้แต่นิด … น่าเสียดายที่เขาคงไม่มีโอกาสแบบนั้น
“ทำให้แฟนกินบ่อยเหรอ” เจ้าของปากเรียวเล็กที่กำลังเคี้ยวตุ้ยถามออกไป ถึงไม่อยากจะรู้คำตอบก็ตาม แต่ก็ดีกว่าการไม่คุยอะไรเลย
“อาทิตย์ละครั้งมั้ง ต้องว่างจริงๆ อ่ะ ส่วนใหญ่แฟนเราเป็นคนทำมากกว่า” จงอินตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เซฮุนเกลียดเวลาจงอินยิ้มแย้มเวลาพูดถึงแฟนแบบนี้ที่สุด
“เออ เราว่าเราต้องไปแล้วแหละ เอาไว้เจอกันพรุ่งนี้เย็นนะ” จงอินพูดตัดบทหลังจากที่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู เซฮุนคาดว่าเขาต้องมีนัดกินข้าวเย็นกับแฟนสาวเป็นแน่แท้ นึกแล้วก็อดน้อยใจไม่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีสิทธิ์ตรงนั้นเลยแม้แต่นิด
“อื้ม ไว้เจอกัน”
เซฮุนได้แต่ยิ้มลาจงอินที่กำลังเปิดประตูออกไป ถึงแม้ข้าวเย็นมื้อนี้เขาจะไม่ได้กินกับจงอิน แต่มันก็เป็นเรื่องราวดีๆ ที่เขาได้กินข้าวเย็นฝีมือจงอิน เป็นอาหารธรรมดา บ้านๆ ไม่มีอะไรพิเศษ… แต่ในเมื่อมันเป็นฝีมือของคนพิเศษ มันย่อมอร่อยเสมอ…
“ขอบคุณนะจงอิน”
ร่างเล็กพึมพำกับตัวเอง นึกแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ จงอินไม่ใช่คนที่น่ารักเสมอต้นเสมอปลาย แต่เป็นคนที่น่ารักขึ้นในทุกๆ วัน ยิ่งรู้จัก ก็ยิ่งน่ารักขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมีเรื่องที่ทำให้เขาคิดถึง นึกถึง เพ้อถึงได้เรื่อยๆ และยิ่งคิดได้แบบนี้ เขาก็ยิ่งอยากจะเป็นเจ้าของจงอินมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน
ทำไมนะ ทำไมถึงไม่เป็นเขา…
พอจะเป็นไปได้ไหม… พอจะมีวันไหม… วันที่จงอินจะเริ่มรู้สึกดีๆ กับเขาบ้าง…
… หรือว่าไม่มีวันเลย …
- TO BE CONTINUED -
ความคิดเห็น