ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { Fic } Knock! Knock! 「 KaiHun♥ 」

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 :: Knock the door 2nd time

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.พ. 57


    เคาะประตู วันที่ 2

     

     

    ถึงจะแสร้งทำตัวเหมือนกับว่าไม่ได้รออะไรอยู่ แต่เซฮุนก็ไม่สามารถปกปิดการกระทำที่บ่งบอกชัดเจนว่ากำลังรอการตื่นมาเพื่อตอบกลับของจงอินได้ ร่างบางคิดเอาไว้ว่าจะเข้านอนเลยหลังจากทำงานของตัวเองเสร็จ แต่ตอนนี้เวลาก็ล่วงมากว่าสองชั่วโมงแล้ว เป็นสองชั่วโมงที่เซฮุนหมดไปกับการนั่งรอ เดินรอ นอนรอ เลื้อยรอการตอบกลับของเซฮุน ถึงแม้ว่าจะเล่นกี่แอพ กี่เกมส์ ก็ไม่สามารถกลบความว้าวุ่นในตอนนี้ของเซฮุนได้เลย

     

     

    “ตายไปแล้วมั้ง” เซฮุนพูดกับตัวเอง หยาบคายตามนิสัยของเขา

     

     

    ‘kim jongin say : เพิ่งตื่น ฮ่าๆ

     

     

     

    ราวกับรู้ตัวว่าโดนแช่ง ไม่นานนักหลังจากที่เซฮุนเพิ่งจะสบถกับตัวเองไป เสียงเตือนแชทเฟสบุ๊คก็ดังขึ้นและเผยให้เห็นการตอบกลับของจงอิน มือเรียวรีบคว้าโทรศัพท์แล้วกดเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะอ่านเร็ว แต่เจ้าตัวก็สงวนท่าที แกล้งทำเป็นยังไม่ตอบ เพื่อที่จะให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงการรอคอยบ้าง

     

     

    ถึงแม้ว่าจงอินจะไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเหมือนเซฮุนด้วยเลยก็ตาม

     

     

    “ตอบไวเดี๋ยวก็คิดว่าอยากคุยน่ะสิ” เซฮุนยิ้มออกมาอย่างพออกพอใจ แต่ในขณะที่เขากำลังมีความสุขอยู่ในโลกใบเล็กของตัวเองอยู่นั้น เสียงประตูห้องของจงอินก็เปิดออก พลันทำให้หัวใจของเซฮุนเต้นรัวและแรงตามไปด้วยเช่นกัน เซฮุนเชื่อแล้วว่า ทุกการกระทำของคนที่เราแอบชอบนั้น มีอิทธิพลต่อการเต้นของหัวใจของเราเสมอ

     

     

    เพราะนี่ขนาดแค่เสียงเปิดประตูของจงอิน ยังทำให้เซฮุนตื่นเต้นได้ขนาดนี้เลย

     

     

    “ออกไปไหนน่ะ” เซฮุนพูดกับตัวเอง หวังรอให้เวลาผ่านไปอีกสักนิดแล้วเขากะว่าจะเปิดม่านดูว่าจงอินออกไปไหน เวลานี้มันไม่ใช่เวลากินข้าวเลยนะ แต่นั่นมันก็แค่มาตรฐานของเขานั่นแหละ คนที่เพิ่งตื่นอย่างจงอินคงไม่สนหรอกว่าเวลาไหนควรกินหรือไม่กิน อย่างจงอินควรจะเป็นหิวเมื่อไหร่ก็กินเมื่อนั้นมากกว่า

     

    ทันทีที่เห็นว่าจงอินเดินออกไปได้ไม่ไกลมากนัก เซฮุนก็รีบใส่รองเท้า เช็คใบหน้าอันหล่อเหลาที่แทบไม่ต้องทำอะไรก็ดูดีมากเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินออกจากห้อง เซฮุนไปเจอเข้ากับจงอินที่กำลังสแกนนิ้วมืออยู่หน้าประตูหอพอดี เขาทำทีว่าบังเอิญออกมาจากห้องในเวลาเดียวกันกับจงอิน และอีกฝ่ายก็เชื่อเสียสนิทใจ

     

    “อ้าว ออกไปไหนเนี่ย” เซฮุนเอ่ยปากถามราวกับไม่รู้เรื่องมาก่อนว่าจงอินเปิดประตูห้องออกมา เขารู้สึกละอายกับการกระทำน่าขันแบบนี้ แต่ในอีกมุมหนึ่งเขาก็รู้สึกสุขใจที่ตัวเองมีความกล้าที่จะทำอะไรแบบนี้กับเขาบ้าง

     

    วิธีใดก็ตามที่ทำให้เขาและจงอินได้เจอและได้คุยกัน เซฮุนจะไม่รอช้าและมองข้ามวิธีนั้นไปเด็ดขาด

     

     

    “ว่าจะออกไปกินข้าวต้มโต้รุ่งซะหน่อย แล้วนายอ่ะ ออกไปไหนดึกๆ ดื่นๆ เนี่ย”

     

     

    เป็นอีกครั้งแล้วที่เซฮุนได้ยินน้ำเสียงง่วงงันของจงอิน ถ้าเป็นเสียงของคนอื่นเขาคงไม่ได้คิดอะไรและมองว่ามันก็เป็นแค่เสียงธรรมดาเสียงหนึ่ง แต่กับจงอินนั้น เสียงง่วงของเขากลายเป็นน้ำเสียงที่ดูเซ็กซี่อย่างน่าประหลาดในความคิดของเซฮุนใช่ เซฮุนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่คิดอะไรแบบนี้

     

     

    “อ๋อ เอ้อ” อีกหนที่เซฮุนไม่ได้คิดมาก่อนล่วงหน้าว่าเขาออกมาพร้อมกับจงอินในเวลาเกือบตีหนึ่งแบบนี้ด้วยเหตุผลอะไร ตั้งแต่ที่เขาชอบจงอิน การกระทำก็มักไวกว่าความคิดเสมอ ไม่ใช่แค่ไวธรรมดา แต่ไวมากๆ เลยด้วย

     

    “หิวเหมือนกันอ่ะดิ” จงอินที่เห็นท่าทีเลิกลักของเซฮุนแต่ไม่ได้คิดอะไรพูดออกมาอย่างรู้ทัน ซึ่งหารู้ไม่ว่าเซฮุนนั้นไม่เคยหิวข้าวในเวลาแบบนี้เลย แต่วันนี้เขาจะยอมหิวสักหน่อยเป็นไร

     

     

    “ก็ใช่อ่ะดิ แต่ดึกๆ แบบนี้ไม่ค่อยมีอะไรถูกปากเลย” เซฮุนพูดแล้วอมยิ้มเล็กน้อย

     

     

    “เราเพิ่งมาอยู่หอนี้ได้ไม่ถึงอาทิตย์ ไม่รู้เหมือนกันว่ามีร้านไหนอร่อยๆ บ้างตอนกลางคืนแบบนี้” จงอินพูดระหว่างที่ทั้งสองเดินเคียงคู่กัน เซฮุนชอบเวลาแบบนี้จัง

     

     

    “ถ้าไม่รีบไปไหน เซฮุนช่วยแนะนำร้านอร่อยๆ ให้เราหน่อยได้ไหม” จงอินพูด มองหน้าเซฮุนอย่างเว้าวอน

     

     

    “เรา ก็ไม่ค่อยได้กินดึกเหมือนกันนั่นแหละ ไม่ค่อยรู้หรอกว่าร้านไหนเปิดไม่เปิด” เซฮุนจ้องตาจงอินกลับสักพักหนึ่งก่อนจะหลบสายตาหนีไปทางอื่น เขาไม่อยากมองจงอินนานกว่านี้เลย เพราะเขากลัวว่าใบหน้าของตัวเองจะแสดงท่าทีเขินอาย ประหม่า เลินเล่อออกไปให้จงอินเห็น

     

     

    “แต่เดี๋ยวก็ไปด้วยกันนี่แหละ มันต้องมีร้านดีๆ เปิดบ้างแหละน่า”

     

     

    เซฮุนพูดแล้วฉีกยิ้ม จงอินที่ตอนแรกทำเบ้ปากกลับมายิ้มให้คู่สนทนาอีกครั้ง เป็นรอบที่ร้อยได้แล้วที่เซฮุนมีความรู้สึกว่าจงอินน่ารักมากๆ และน่ารักในทุกอากัปกิริยาที่แสดงออกมา ไม่ว่าจะพูด ยิ้ม หรือเบ้ปากแบบเมื่อกี้ ทำให้เขาอดคิดไปไม่ได้ว่า ถ้าจงอินขี้อ้อนแบบนี้กับเขาบ่อยๆ ก็คงจะดี

     

     

    แต่มันคงไม่มีวันแบบนั้นกระมัง

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    การเดินทางไม่ไกลที่มีขาสองข้าง และบทสนทนาเรื่อยเปื่อยทำให้เซฮุนและจงอินเดินมาถึงร้านที่เซฮุนคิดว่าดีที่สุดเท่าที่เปิดอยู่ในเวลาแบบนี้ จงอินและเซฮุนจัดการสั่งอาหารตามที่ตัวเองชอบ ที่จริงแล้วหัวของเซฮุนนั้นว่างเปล่า เพราะเขาไม่หิวและคิดเมนูที่อยากกินตอนนี้ไม่ออกเลยแม้แต่นิด แต่เขาต้องแสร้งแสดงออกมาว่าเขาหิวและรีบพูดเมนูที่นึกขึ้นได้ในหัวออกมาทันที

     

     

    “เราลอกเซฮุนดีกว่า” จงอินที่เป็นคนหิวนั้นกลับคิดเมนูอะไรไม่ออกเลย อันที่จริงจงอินควรเป็นฝ่ายคิดเมนูได้ก่อนเซฮุนสิ ร่างสูงกว่ายิ้มไปเขียนเมนูตามเซฮุนไป ร่างบางได้แต่ลอบมองการกระทำที่โคตรจะน่ารักนั้นเพียงลำพัง

     

     

    “สองคนนี้สั่งกลับหรือกินนี่จ๊ะ เขียนให้ป้าด้วยนะ” ทันทีที่ป้าร้านข้าวพูดกับเขาทั้งสอง เซฮุนก็หยิบใบมาและกำลังจะเขียนว่ากินนี่ แต่กลับถูกเสียงของจงอินยั้งไว้เสียก่อน

     

     

    “เราสั่งกลับห้องนะ พอดีเพื่อนรอกินอยู่”

     

     

    “อ๋อ อื้ม”

     

     

    ถึงแม้ว่าจะเป็นประโยคจริงใจธรรมดาๆ ประโยคหนึ่งที่ผู้ชายพึงพูดกัน คิดอะไรก็พูดออกไปแบบนั้น ไม่ต้องมานั่งเกรงใจอีกฝ่ายว่าเขาจะอยากนั่งกินที่ร้านหรือกินที่ห้องแบบมนุษย์ผู้หญิง แต่มันก็ทำให้เซฮุนหน้าเสียไปเล็กน้อย เขาอยากนั่งกินที่นี่กับจงอินมากกว่านี่ อยากใช้เวลากับจงอินให้นาน ถึงแม้ว่าจะไม่มาก แต่มันก็จะเป็นเรื่องราวดีๆ หากว่าในค่ำคืนนี้เขาได้ร่วมโต๊ะอาหารกับจงอิน

     

     

    “อยู่กับเพื่อนกี่คนเหรอ” ทันทีที่เหลือบไปเห็นว่าจงอินเขียนเลข 3 ซึ่งบ่งบอกจำนวนของกล่องข้าวที่สั่ง เซฮุนก็นึกขึ้นได้ว่าจงอินไม่ได้อยู่คนเดียว

     

     

    “คนเดียวนั่นแหละ เรากับเขาสองคน”

     

     

    สรรพนามที่จงอินใช้เรียกรูมเมทนั้นฟังดูแปลกมาก เพราะถ้าเป็นผู้ชายด้วยกันจะต้องเรียกกันว่า มันมากกว่า เขาสิ เซฮุนฉุกคิดนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามออกไปว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย อีกนัยหนึ่งคือเขาไม่อยากรู้เองด้วยว่า รูมเมทคนนั้นของจงอินเป็นใคร รู้แค่ว่าตอนนี้เขากลับรู้สึกนอยด์และไม่สบอารมณ์ประหลาดๆ

     

     

    “มีเบอร์มั้ย” คำถามของจงอินทำให้อาการน้อยอกน้อยใจอยู่ฝ่ายเดียวของเซฮุนหายวับไปกับตา แปรเปลี่ยนเป็นอาการเขินอาย ใบหน้าของเซฮุนขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้ได้ว่าเขากำลังเขินอยู่ มาถามอะไรแบบนี้ในเวลาที่กำลังน้อยใจอยู่กันเล่า เจ้าบ้าเอ๊ย

     

     

    “เบอร์?” เซฮุนเลิกคิ้ว เสียงสั่นเล็กน้อยเพราะความประหม่า “เบอร์โทรฯ ของเราน่ะนะ?”

     

     

    “เปล่า เราหมายถึงมีเบอร์ร้านข้าวร้านนี้รึเปล่า ถ้าหิวๆ จะได้สั่งให้เขาไปส่งที่หอน่ะ ขี้เกียจเดินออกมา” จงอินพูดด้วยน้ำเสียงฉะฉานชัดเจนบ่งบอกว่าเขาไม่ได้กวนประสาทเซฮุนแต่อย่างใด เซฮุนกลับมาหงุดหงิดอีกรอบ แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไป คนตัวเล็กกว่าทำได้เพียงหยิบมือถือออกมาแล้วยื่นเบอร์ของร้านข้าวนี้ให้อีกฝ่ายเมมเบอร์

     

     

    “ขอบใจนะ” จงอินยิ้มหวาน เป็นรอยยิ้มที่ถ้าเป็นเวลาปกติและเซฮุนไม่ได้หงุดหงิดเขาก็คงจะเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุด แต่ในเวลาที่บรรยากาศมาคุ ซึ่งเซฮุนเป็นฝ่ายเดียวที่มาคุแบบนี้ เซฮุนกลับเกลียดรอยยิ้มบ้าๆ นี้ชอบกล

     

     

    “ว่าแต่ เซฮุนอยู่ห้องคนเดียวเหรอ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือ จงอินจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามก่อน

     

     

    “อื้ม” เซฮุนตอบสั้นๆ อย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก แต่ก็อดที่จะยิ้มออกไปไม่ได้ เป็นยิ้มที่ปกปิดความหงุดหงิดในใจของเขาได้อย่างมิดชิดทีเดียว

     

     

    “ไม่มีเพื่อนคบหรือไม่คบเพื่อนเนี่ย ฮ่าๆๆๆ” จงอินพูดแล้วหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ถ้าเป็นคนอื่นเซฮุนคงจะต่อยเข้าสักหมัดไปแล้ว

     

     

    “ไม่คบเพื่อนมากกว่ามั้ง” เซฮุนตอบยิ้มๆ จ้องตาจงอินที่เอาแต่จ้องเขาไม่วางตาไปไหน ผู้ชายคนนี้ไม่คิดเลยรึไงว่าการทำแบบนี้จะทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขนาดไหน

     

     

    “เป็นคนเลือกคบคนสินะ” จงอินพูดแล้วทำปากน่าหมั่นไส้ใส่ เซฮุนนึกดีใจที่ได้เห็นในอีกมุมของจงอินบ้าง นอกจากการที่ภายนอกเป็นคนเงียบๆ ของจงอิน มุมกวนประสาทแบบนี้ของจงอินก็น่ารักไม่น้อยเลย

     

     

    “ก็เลยจะไม่เลือกคบนายแล้วเนี่ย” เซฮุนพูดหยอก หัวเราะเคล้าไปด้วย

     

     

    “โถ่ อย่าให้เห็นว่าทักแชทมาชวนไปกินข้าวตอนดึกๆ แล้วกัน ฮ่าๆ” จงอินพูดแล้วกระทุ้งแขนอีกฝ่าย เป็นสัมผัสแรกที่จงอินมอบให้เซฮุน ถึงมันจะไม่ใช่สัมผัสที่น่าพิศมัยสักเท่าไหร่ แต่เขาก็จะจดจำมันไว้

     

     

    “แล้วถ้าทักไปจะออกมาป่ะล่ะ” เซฮุนถาม สีหน้าทีเล่นทีจริง คาดหวังคำตอบจากอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยขัดกับเสียงหัวใจที่เต้นรัว

     

     

    “เอาดิ ถ้าไม่ติดอะไรอยู่ก็ออกมาเป็นเพื่อนได้ตลอดแหละ”

     

     

    เซฮุนยิ้มกว้างกับคำตอบของอีกคน เขาไม่เคยรู้สึกดีกับคำพูดของใครเท่านี้มาก่อน จงอินเป็นผู้ชายคนแรกที่เซฮุนชอบมากขนาดนี้ และยิ่งอยู่ด้วย เซฮุนก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาเลือกชอบคนไม่ผิด เขาอยากจะลืมไปเสียว่าจงอินมีแฟนแล้ว แถมแฟนของจงอินก็เป็นผู้หญิงเสียด้วย

     

     

    ตอนนี้เขาไม่อยากคิดอะไรที่มันบั่นทอนจิตใจตัวเองเลย เขาอยากจะดื่มด่ำ ซึมซับช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ไว้ให้นานเท่านานก่อน

     

     

    “ขอบใจนะ” ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เหมือนไม่คิดอะไร แต่ข้างในใจของเซฮุนนั้นรู้สึกแบบที่พูดจริงๆ

     

     

    “ข้าวช้าเหมือนกันนะเนี่ย” จงอินที่เอาแต่ชวนคุยจนนึกเรื่องคุยไม่ออกบ่นอุบ ผ่านมาเกือบสิบห้านาทีแล้วที่เขาสองคนนั่งรอ ทั้งๆ ที่คนก็ไม่ได้เยอะมาก

     

     

    “ของอร่อยต้องรอ” เซฮุนพูดไปยิ้มไป

     

     

    “รอจนเล่นเกมส์ตายไปสามตาแล้วเนี่ย” จงอินหัวเราะ ตอนนี้ร่างสูงจดจ่ออยู่กับหน้าจอมือถือตัวเองแทน ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์อย่างเมามันส์ แต่ก็ยังคงโต้ตอบกับเซฮุนไปด้วย เซฮุนเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังสนุกจึงไม่อยากขัดอารมณ์ ร่างบางจึงก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือตัวเองบ้าง

     

     

    “เอ้อใช่” เซฮุนที่กำลังกดดูรูปของตัวเองในมือถือเรื่อยเปื่อยชะงักเพราะเสียงของจงอิน

     

     

    “นี่เอาไม้กวาดเราไปทำมิดีมิร้ายอ่ะ เรายังไม่ได้ชำระเลยนะ” จงอินวางมือถือตัวเองแล้วจ้องเซฮุนแทนพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ เซฮุนที่คิดว่าจงอินลืมเรื่องนี้ไปแล้วเริ่มทำหน้าไม่ถูก

     

     

    “เห้ย นี่หวงไม้กวาดรึไง เป็นผัวไม้กวาดป่ะเนี่ย” เซฮุนหัวเราะชอบใจ มองอีกคนอย่างกวนประสาทบ้าง

     

     

    “เพิ่งรู้เหรอ” จงอินค่อยๆ เอาหน้าเข้ามาใกล้เซฮุนจนจมูกของเขาเกือบจะชนพวงแก้มขาวเนียนของร่างบาง

     

     

    “ว่าเราไม่ชอบผู้หญิง เราชอบอะไรที่เป็นแท่งๆ มากกว่าอ่ะ”

     

     

    เสียงกระซิบของจงอินทำให้เซฮุนเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะหนึ่ง เซฮุนไม่ได้สนใจในคำพูดหยอกล้อกวนประสาทของจงอินเลย เขาจึงจับใจความไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายพูดอะไร นาทีนี้โลกของเขาหยุดหมุนไปแล้วเรียบร้อย โลกใบเล็กๆ ที่มีแต่คำว่าจงอินของเขาหยุดหมุน ถูกกลืนกินเข้าไปอยู่ในห้วงเวลาแห่งความสุขที่เหมือนจะมีแค่จงอินและเขาเพียงสองคน

     

     

    “เห้ย ทำหน้าแบบนี้อย่าบอกนะว่าคิดจริง” จงอินจิ้มหน้าผากของเซฮุนที่เอาแต่ทำหน้าเหม่อลอย แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าเขาคิดจริงอะไรหรอก ร่างเล็กกำลังตกอยู่ในห้วงเวลาที่เขาอยากจะหยุดมันเอาไว้เพียงฝ่ายเดียวต่างหาก

     

     

    “ห๊ะ คิดจริงเรื่องอะไรนะ” เซฮุนถามย้ำอีกรอบ บ่งบอกว่าเขาไม่รู้เรื่องจริงๆ ว่าจงอินพูดอะไรไปเมื่อครู่

     

     

    “อ้าว ไม่ได้ฟังที่เราพูดเลยใช่ป่ะเนี่ย โถ่” จงอินทำหน้างอนใส่ร่างบาง เซฮุนได้แต่ขำออกมากับท่าทางน่ารักๆ ที่ขัดกับบุคลิกของจงอินแบบนี้

     

     

    “โหย ฟังดิฟัง แต่เมื่อกี้คือแบบ เออ สนใจผู้หญิงคนนั้นที่เดินผ่านมากไปหน่อย” เซฮุนอ้างไปเรื่อยเปื่อย ความจริงแล้วจงอินคือสิ่งที่เซฮุนสนใจเพียงสิ่งเดียวนั่นแหละในเวลานี้

     

     

    “อ๋อ เห็นผู้หญิงดีกว่าเราใช่ป่ะ เออๆ ได้เซฮุนได้” จงอินพูดเชิงงอนแบบทีเล่นทีจริง เขาจะรู้ไหมว่ายิ่งเขาทำตัวน่ารักแบบนี้ เซฮุนก็จะยิ่งถอนตัวไม่ขึ้นเอานะ

     

     

    “ข้าวได้แล้วจ้ะหนุ่มๆ” เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ป้าเดินเอาข้าวที่เสร็จสดๆ ร้อนๆ มาให้พอดี เซฮุนเลยไม่ได้พูดหรือง้ออะไรจงอินต่อ ทั้งสองคนลุกขึ้นอย่างไม่รอรี ถึงแม้ว่าฝ่ายของเซฮุนจะพยายามเดินให้ช้าเพื่อถ่วงเวลาของเขาสองคนก็ตาม

     

     

    ระหว่างทางเดินกลับ เซฮุนไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรก่อน จงอินเองก็เช่นกัน ร่างสูงกว่าทอดสายตามองอะไรไปเรื่อยเปื่อย มือหนาถือข้าวกล่องทั้งสามกล่องไว้ด้วยตัวเองทั้งหมด ยิ่งทำให้เขาดูแมนกว่าเซฮุนขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว

     

     

    เซฮุนไม่ได้คิดอะไรกับการเงียบแบบนี้ของจงอิน เพราะเขารู้ดีว่ามันเป็นนิสัยของผู้ชายที่ไม่ค่อยจะมีเรื่องพูดกันมากเท่าไหร่นัก แต่พอนานเข้า ทำไมตอนนี้เซฮุนถึงได้รู้สึกแปลกๆ แล้วกับการที่จงอินเงียบไปแบบนี้ เป็นไปได้ไหมนะว่าจงอินจะงอนเขาจริงๆ

     

     

    “ถ้าไม่อร่อยห้ามโทษเรานะ เราก็เพิ่งลองกินเมนูนี้เป็นครั้งแรก” เซฮุนลองหยั่งเชิงเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน

     

     

    “ไม่โทษหรอก” จงอินตอบด้วยเสียงเรียบเฉย สีหน้าปราศจากรอยยิ้มเหมือนเช่นทุกที ทำให้เซฮุนรู้สึกกังวลขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

     

     

    “เป็นอะไรป่ะเนี่ย” เซฮุนถามออกไปหลังจากที่ครุ่นคิดสักพัก

     

     

    “เปล่า” จงอินตอบสั้นๆ และปราศจากรอยยิ้มอีกเช่นเคย ก่อนที่จะพูดต่อ “ไม่เห็นต้องสนใจเลย ไปสนผู้หญิงโน่นเลย โถ่” จงอินเริ่มเบ้ปากกวนๆ ทำให้สถานการณ์ลดความตึงเครียดลงไปอีกระดับ

     

     

    “โห นี่งอนจริงดิ” เซฮุนโพล่งออกมาอย่างโล่งใจ ริมฝีปากบางยิ้มออกมาจนตาปิด จงอินหันไปเห็นภาพที่อีกคนยิ้มจนตาหยีแบบนั้นยิ่งเบ้ปากหนัก

     

     

    “ยังจะมีหน้ามายิ้มตาปิดอีกนะ” จงอินตัดพ้อด้วยความน้อยใจ

     

     

    “แล้วให้เราทำไงอะ ต้องขอโทษมั้ยเนี่ย” เซฮุนพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ใจจริงเขาอยากจะขอโทษและอ้อนจนกว่าจงอินจะหายงอน อยากจะบอกว่าสิ่งที่เขาสนใจมีแค่จงอินเท่านั้น แต่เซฮุนทำแบบนั้นออกไปไม่ได้ เขาไม่ใช่ผู้หญิง เขายังเป็นผู้ชายปกติคนหนึ่งในสายตาของจงอินอยู่

     

     

    “ไม่ต้องขอโทษอ่ะ แค่รอบหน้าเลี้ยงข้าวเราก็พอ” จงอินแย้มรอยยิ้มออกมาทำให้อีกคนสบายใจว่าเขาหายงอนแล้ว

     

     

    “โห่ แค่นี้ต้องถึงกับเลี้ยงเลยเหรอวะ”

     

     

    “ทำไม จะเก็บไว้เลี้ยงหญิงอย่างเดียวอ่ะดิ๊” จงอินกระทุ้งไหล่คนที่เดินข้างๆ เบาๆ

     

     

    “ทำไมชอบคิดว่าเราติดหญิงขนาดนั้นวะ” เซฮุนถามไปอย่างเค้นคำตอบ หันไปมองอีกคนพักหนึ่ง

     

     

    “ก็ไม่รู้ดิ” จงอินพูดแล้วเว้นช่วง “อย่างเมื่อกี้อ่ะ” ร่างสูงพูดช้าๆ เว้นวรรคตอนอยู่เป็นเนืองๆ ตามสไตล์ พลางเดินเตะก้อนหินตามทางไปด้วย

     

     

    “อย่างตอนที่เซฮุนยิ้มเมื่อกี้ ยิ้มจนตาปิดน่ะ ดูดีมากเลย”

     

     

    จงอินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ฟังดูก็รู้ว่าไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดของตัวเองเลย มันอาจจะแปลกที่ผู้ชายแมนๆ คนหนึ่งมาชมผู้ชายด้วยกันว่าดูดีแบบนี้ แต่เซฮุนก็ไม่ได้คิดอะไรกับความแปลกนั้น นาทีนี้ร่างบางคิดอะไรไม่ออกแล้ว นอกจากคิดว่าจงอินบ้ามากที่ทำให้เขาเขินได้ขนาดนี้

     

     

    “เดี๋ยว เมื่อกี้ว่าไงนะ เราดูดีเหรอ” เซฮุนถามย้ำ บางทีเขาอาจจะหูฝาดก็ได้ แต่เขาภาวนาให้มันไม่เป็นแบบนั้น

     

     

    “อืม เซฮุนอ่ะดูดี ดูดีจนเรายังอิจฉาเลย” มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าจงอินพูดว่าดูดีจนเราชอบเลย

     

     

    “ฮ่าๆ มาอิจฉาทำไมล่ะ ดูดีแต่ไม่มีเพื่อนคบก็ไม่เห็นจะดีตรงไหน”

     

     

    “แล้วไหนเมื่อกี้บอกว่าเลือกคบคนเองไง” จงอินหัวเราะ

     

     

    “ก็เลือกคบด้วย แล้วเขาไม่เอาด้วยนั่นแหละ”

     

     

    คราวนี้ทั้งสองโพล่งเสียงหัวเราะออกมาทั้งคู่ เซฮุนได้แต่นึกอยากจะหยุดเวลานี้เอาไว้เสียเหลือเกิน เขาอยากให้ทางเดินไปถึงหอไกลกว่านี้ ยาวกว่านี้ เผื่อว่าเขากับจงอินจะได้คุยกันให้นานกว่านี้ และสนิท ใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่านี้ เขาหยุดเวลาเอาไว้ได้ไหม ไม่ให้จงอินไปไหนเลยได้ไหม

     

     

    “เซฮุน” จงอินเรียกชื่อของอีกคน หัวใจเจ้ากรรมของเซฮุนเต้นตึกตักทุกครั้งที่ได้ยินชื่อตัวเองจากปากของจงอิน

     


    “หืม?”

     

     

    “มีเบอร์มั้ย”

     

     

    …………………” ไร้เสียงตอบรับ สติของเซฮุนเริ่มหายไปอีกครั้งกับคำพูดที่เคยได้ยินมาแล้วหนึ่งครั้ง จงอินจ้องตาอีกฝ่ายอย่างคาดคั้นและพูดย้ำประโยคเดิมอีกหน

     

     

    “เราถามว่าเซฮุนมีเบอร์มั้ย เราขอเบอร์เซฮุนหน่อยสิ”

     

     

    “อ๋อ เออ เอามือถือมาสิเดี๋ยวเมมให้” ว่าจบ จงอินก็ยื่นมือถือของตัวเองให้ไม่อย่างรีรอ ทันทีที่ปลดล็อคหน้าจอ โลกใบเล็กๆ ทั้งใบของเซฮุนก็กลับกลายมาเป็นสีดำอีกครั้ง

     

     

    ภาพที่เห็นจากหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ นี่ เป็นภาพของจงอินที่ทำท่าจะหอมแก้มผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ เซฮุนชะงักเล็กน้อยก่อนจะบรรจงกดเบอร์ตัวเองลงบนหน้าจอสี่เหลี่ยมนั้นด้วยหัวใจที่ร้าวราน

     

     

    ภาพที่เซฮุนพยายามเลี่ยง ภาพที่เซฮุนไม่อยากเห็น ตอนนี้เขากลับได้เห็นมันแล้ว

     

     

    หน้าจอมือถือนั่น สาบานได้เลยว่านี่เป็นสี่เหลี่ยมที่ทำให้เขาเจ็บปวดมากที่สุดเท่าที่เคยเห็นสี่เหลี่ยมมา

     

     

    “อ่ะ เสร็จละ” เซฮุนส่งมือถือคืนจงอินอย่างรวดเร็ว อาการของเซฮุนไม่ทำให้จงอินสงสัยอะไรเลยอีกเช่นเคย

     

     

    “ขอบใจมากนะ แล้วเดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกันอีก” จงอินพูดด้วยสีหน้าระรื่น ยิ้มแย้มกว้างกว่าเดิม ในขณะที่เซฮุนนั้นหดหู่กว่าที่เคยเป็นหลายเท่า

     

     

    “ถ้าเราว่างนะ” เซฮุนตอบไปตามอารมณ์ที่ขุ่นมัวสุดๆ ของตัวเอง ทำให้จงอินรู้สึกแปลกไปนิดหน่อย

     

     

    “อ้าวเห้ย อย่ามาเล่นตัวดื้อๆ แบบนี้ดิ เมื่อกี้ยังเป็นคนชวนเราก่อนอยู่เลย”

     

     

    “เออๆ ไปๆ” เซฮุนรีบตอบลวกๆ พลางไขกุญแจห้องตัวเองไปด้วย

     

     

    “ได้เบอร์มาแล้ว โทรไปจีบได้ป่ะเนี่ย” จงอินพูดก่อนจะเปิดประตูตัวเองออกแล้วยิ้มชื่นมื่น เป็นรอยยิ้มที่ทั้งน่าหมั่นไส้และน่ารักมากไปพร้อมๆ กัน

     

     

    “จีบก็เหี้ยละ” เซฮุนเขินจนคิดคำตอบออกไปไม่ถูก จึงตอบออกไปตามประสาคนกวนประสาทซึ่งเป็นนิสัยจริงของเขา นั่นหมายความว่า จงอินได้ก้าวเข้ามาชิดกับนิสัยที่แท้จริงของเซฮุนมากขึ้นอีกนิดแล้ว

     

     

    “เห้ย พูดไม่เพราะเลย ไอห่า” จงอินพูดแล้วหัวเราะ พอเห็นเซฮุนแยกเขี้ยวจึงพูดต่อ “ล้อเล่นๆ โอ๋ๆ อย่าทำหน้าบึ้งดิครับ”

     

     

    “ไปละเว้ย”

     

     

    เซฮุนพาตัวเองเข้าไปในห้องของตน บานประตูปิดลง แต่หัวใจของเขากลับเปิดออกกว้าง มันเป็นความรู้สึกดีที่ขมขื่นมาก มันเป็นความรู้สึกดีที่บอกไม่ถูก และไม่สามารถนิยามได้เลยว่าเป็นความรู้สึกดีประเภทไหน เป็นความรู้สึกมีความสุขที่เจือปนไปด้วยความทุกข์ทุกๆ สองนาที

     

     

    แต่เซฮุนกลับไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเลวร้ายอะไร คนมาทีหลังอย่างเขา ได้แค่เพื่อนแบบนี้ก็ดีตั้งมากมายเท่าไหร่

     

     

    “ทำไมต้องชอบขนาดนี้ด้วยวะเนี่ย” เซฮุนบ่นกับตัวเอง หวังเพียงการบ่นนี้จะทำให้ความชอบของเขาที่มีต่อจงอินลดลงไปบ้าง ไม่มากก็น้อย เพราะเขาไม่อยากชอบใครมากขนาดนี้ เขากลัว กลัวกับความเจ็บปวดที่ยังมาไม่ถึงและมองไม่เห็นเหลือเกิน

     

     

    กลัว ว่าวันหนึ่งจงอินจะรู้ความลับในใจของเขา และตีตัวออกห่างไปในที่สุด

     

     

    ไม่ทันได้ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในห้วงความคิดที่กำลังจะถลำลึกไปไกล เสียงข้อความในมือถือของเซฮุนก็ดังขึ้น เซฮุนกดอ่านด้วยอารมณ์หน่ายเพราะร่างบางคิดไปว่ามันคงเป็นข้อความจากเครือข่ายมือถือที่ชอบส่งมาเวลานี้บ่อยๆ

     

     

    แต่เขาคิดผิด

     

     

    เซฮุนคนหล่อได้โปรดรับผมเป็นเพื่อนด้วยนะครับ

     

     

    ข้อความที่เพิ่งได้รับนั้นเป็นข้อความจากจงอิน พลันเซฮุนนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ทันได้เมมเบอร์ของจงอินเลย ร่างบางที่ยังคงหยุดยืนพิงอยู่กับประตูรีบเมมเบอร์จงอินด้วยความไวแสง พลางเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวด้วย

     

     

    ไม่ว่านี่จะเป็นความสุขประเภทไหน เซฮุนก็ขอรับไว้โดยไม่คิดเกี่ยง เขารู้เพียงว่า เป็นความสุขเล็กๆ ที่ทำให้วันๆ หนึ่งของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เป็นความสุขที่เขาไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้เจอ และได้พูดคุยกับจงอิน

     

     

    เป็นความสุขที่ทำให้เซฮุนเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวได้บ่อยครั้งขนาดนี้ แค่นี้เขาก็พอใจที่สุดแล้ว

     

     

    เซฮุนไม่รู้และไม่อยากคาดคิดว่าวันข้างหน้าของเขาและจงอินจะเป็นเช่นไร สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาอยากจะกักขังเวลานี้เอาไว้ให้เป็นสมบัติล้ำค่าที่จะไม่มีวันให้ใครมาขโมยไปได้เลยแม้แต่คนเดียว

     

     

    เว้นเสียแต่ว่าจงอินจะเป็นคนเก็บมันขึ้นไปเป็นของเขาเสียเอง




     

    - to be continued -

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×