ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 8: อินเตอร์อยู่ดีๆ กลายเป็นเด็กเกาหลีซะนิ
ปกติแล้ว ถ้าเราเจอเด็กที่ไปเรียนอินเตอร์มา
ไม่ว่าอินเตอร์ในไทย หรือเป็นเด็ก AFS หรือไปแลกเปลี่ยนเมกา แคนาดามา
ก็มักจะเรียนต่อปอโท ในประเทศแถวนั้น..
แล้วทำไมอยู่ดีๆ ชั้นถึงมาเรียนต่อที่เกาหลีนะ - -^" อะ ให้เดา
เดาครั้งที่ 1:
อินี่มันติดเคป๊อบแน่ๆ
.
.
ผิด!
ชอบดูดราม่า และร้องเพลง เต้นตาม Youtube บ่อยๆ แต่ไม่ได้ติดใครเป็นพี่เศษ
ชีวิตนี้อยากติ่งคิมซูฮยอนอยู่เหมือนกัน แต่ด้วยความที่เป็นนักแสดง
เลยไม่รู้จะไปติ่งที่ไหน!?!
(ใครรู้ช่วยบอกป้าที)
T^T
อะ ให้เดาครั้งที่ 2:
มีแฟนเป็นคนเกาหลี
.
.
ผิด!
ไม่ได้มีแฟนเป็นเกา เคยมีกิ๊ก(บ้าง) แต่ไม่ใช่เหตุผล
ใครจะเอาอนาคตสองปีไว้กะผู้ชายฟระะ
อย่าว่าแต่คนรอบข้าง แม้แต่อาจารย์ชาวอเมริกันที่เขียนจดหมาย recommendation มาให้ยังพูดว่า
"พิชญา บอกมาตามตรง นี่ยูมีแฟนเป็นคนเกาหลีอยู่ที่นู่นใช่มั้ย"
.
.
อ๊ากกกกกกซ์ ทำไมไม่มีคนมองดาวในแง่ดีบ้างงง~~!!! TOT!!
เอางี้ เดาไงก็เดาไม่ถูก งั้นเล่าให้ฟังเลยดีกว่า -o-
********************************
จริงๆ ตั้งแต่ตอนปีสี่ ก็มีคิดเรื่องเรียนต่อปอโทไว้บ้าง
ก็ดูๆตามที่เค้าฮิตกัน เมกา อังกฤษ ญี่ปุ่น ส่วนตัวเลือกนึงที่คิดไว้เล่นๆ ก็คือ เกาหลี
แต่ที่คิดไว้เล่นๆก็เพราะว่า ป๊าเรา ไม่ชอบเกาหลีเอามากกกกก
ขนาดแค่เรียนภาษาเกาหลีช่วงเสาร์อาทิตย์ยังบ่น
"เรียนทำไม๊ ไมไม่เรียนจีน ญีปุ่น ธุรกิจเยอะแยะ เรียนทำไมเกาหลี ไม่ได้ใช้ ดูซีรีย์ #% $t$wgw~~~~"
ตอนนั้นได้แต่ทำหู ทวนลม เรื่องเรียนพิเศษไม่กี่บาท พอออกตังค์เองได้ ป๊าเรยทำไรเราไม่ได้ วะฮะฮ่า >O<
แต่ปอโท เนี่ยสิ เรียนจบมาได้เงินเดือนน้อยนิด เก็บกี่ชาติไม่รู้จะได้ไปเยือนเกาหลี -____-
ตอนนั้นแอบถอดใจ คงต้องไปเมกา ไม่ก้ออังกฤษ
แต่จริงๆแล้วที่ไม่อยากไปก้อเพราะว่า
เราเป็นคนที่ให้ความสำคัญวิชาการพอๆกับการใช้ชีวิตนะ
วิชาการที่สองประเทศแรก แข็งกว่าเกาหลีก็จริง แต่อย่างอื่นไม่ตรงกับความต้องการของเรา
เราเคยไปแลกเปลี่ยนแล้ว ได้ภาษาอังกฤษแล้ว ไปอีกรอบ ก็ไม่คุ้มเท่าครั้งแรก
1. เป็นคนชอบนั่งเล่นร้านกาแฟ ดูของจุ๊กจิ๊ก กินขนมเก่ง ชอบแฟชั่น
ถ้าไปอยู่เมกา คงไม่ได้ออกมาบ่อยๆ บางที่ไม่ได้อยู่ในเมือง กว่าจะเข้าเมืองต้องรอรถเมล์วุ่นวาย
2. อาหารก็แพง จานละสี่ห้าร้อย ผิดกับเกาหลี ร้อยห้าสิบก้อกินข้าวนอกบ้านได้
จะซื้อเสื้อผ้า ก็ไม่ต้องเสียดายตังค์เหมือนอยู่ประเทศฝรั่ง ที่ราคาตัวละหลายพัน แต่แบบเฉิ่มมาก
(ตามประสบการณ์นะ บางเมืองก็อาจจะแฟชั่น อันนี้ไม่รู้)
3. เราอยากฝึกงานมากกก ถ้าไปเมกา คนที่เก่งกว่าเรา เอเชียที่อยู่ที่นู่นเยอะแยะ สู้ไม่ได้แน่นอน
แต่อยู่ที่นี่ เราเป็นทรัพยาการล้ำค่า (อินี่ก็เว่ออ555) ไม่ใช่! ก็คนไทยเก่งอิงค์กว่าเกาหลีไง
แล้วบริษัทเกาหลีก็ขยายธุรกิจไปไทยเยอะ ก็เลยต้องให้คนไทยมานั่งที่ทำงาน
ออกไอเดียให้เค้าว่าคนไทยใช้อะไร ชอบการตลาดอันนี้มั้ย อันนี้เวิร์ครึเปล่า บลา บลา
พอคิดได้อย่างงี้แล้ว ก็ เอาวะ ลองหาทุนไปเกาหลีดู
ลองสอบดูก่อน เผื่อว่าเด็กเรียนปานกลาง (ค่อนห่วย) อย่างเราจะได้เป็นเด็กทุนกะเค้าบ้างในชีวิต ฮึดด!
ตอนนี้คิดว่าคงไม่ติด แต่ไม่อยากจะรู้สึกเสียดายทีหลัง เมื่อตอนตัวเองเป็นอาม่าแล้วมองชีวิตย้อนกลับไปว่า
"เมื่อครั้งอั๊วเป็งวัยรุ่น ถ้าลองท้าทายตัวเอง สอบทุนเกาหลีซักครั้งก็ยังดี ถ้าตอนนั้นได้เป็นนักเรียนทุนเกาหลีจริงๆ ตอนนี้จะเป็งยังไงน้อ~~?
(แม้ว่าจริงๆแล้วก็คงนั่งขื่อหน้าบ้าน จิบน้ำจับเลี้ยงเหมือนเดิม แต่มโนไปไกลมาก)
ความคิดจินตนาการตัวเองในวัย 90 แล้วมองย้อนไปในอดีตนี้เอามาจาก คุณหนูดี วนิษา เรซค่ะ
เขียนไว้ในเล่มไหนจำไม่ได้แล้ว
(เพราะซื้อมาทุกเล่ม เล่มแรกแม่ซื้อมาให้ ติดใจ เลยตามซื้อหมด)
มีผลงานวิจัยไปถามคุณตาคุณยายอายุเก้าสิบว่าเสียดายที่ไม่ได้ทำอะไรมากที่สุด คนส่วนใหญ่ตอบว่า
"เสียดายที่ไม่ได้ใช้ชีวิตโลดโผนมากกว่านี้"
เพราะฉะนั้น เวลาเราลังเล มีสองทางเดินในชีวิต ไม่รู้จะไปทางไหนดี ก็จะจินตนาการว่าเราเป็นคนแก่ นอนอยู่บนเตียง
มองย้อนกลับไป เสียดายที่ไม่ได้ทำอะไรมากที่สุด
ตอนนั้นเพิ่งได้งานใหม่มาหมาดๆ งานดูท้าทาย เพื่อนร่วมงานนิสัยดี
แล้วก็ได้ทุน EGPP ของมหาลัยอีฮวา มาพร้อมกัน
เลือกไม่ถูกจริงๆค่ะ อันนึงเป็นทางสว่าง โรยคอนกรึต ถ้าทำงานต่อก็คงไปได้สวย
อีกอันนึง เหมือนทางที่ถูกถางไปอย่างรกๆ เข้าไปในป่าที่ยังมืดมนมาก ไม่รู้ว่าถ้าเลือกทางนั้นแล้วจะสำเร็จมั้ย
กว่าจะหาทางออกได้ก็คงลำบากไม่น้อย
แต่สุดท้ายเราก็เลือกทางที่สองค่ะ
ชีวิตเรามีครอบครัวอบอุ่น มีเพื่อนใจดี คนรอบข้างที่ดี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมานานแล้ว
ถ้ามันจะลำบากบ้างซักปีสองปี แต่ทำให้เราพัฒนาไปไกลกว่าเดิม
ทำให้เรามองโลกเข้าใจกว่าเดิม
ทำให้เรารู้จักผู้คนมากกว่าเดิม
ทำให้เราเห็นคุณค่าชีวิตมากกว่าเดิม
มันก็คุ้มที่จะเสี่ยง ว่ามั้ยนะ^^?
p.s แม้ว่ามองกลับไปจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักขุดทองยังไงยังงั้น -_____-"
ไม่ว่าอินเตอร์ในไทย หรือเป็นเด็ก AFS หรือไปแลกเปลี่ยนเมกา แคนาดามา
ก็มักจะเรียนต่อปอโท ในประเทศแถวนั้น..
แล้วทำไมอยู่ดีๆ ชั้นถึงมาเรียนต่อที่เกาหลีนะ - -^" อะ ให้เดา
เดาครั้งที่ 1:
อินี่มันติดเคป๊อบแน่ๆ
.
.
ผิด!
ชอบดูดราม่า และร้องเพลง เต้นตาม Youtube บ่อยๆ แต่ไม่ได้ติดใครเป็นพี่เศษ
ชีวิตนี้อยากติ่งคิมซูฮยอนอยู่เหมือนกัน แต่ด้วยความที่เป็นนักแสดง
เลยไม่รู้จะไปติ่งที่ไหน!?!
(ใครรู้ช่วยบอกป้าที)
T^T
อะ ให้เดาครั้งที่ 2:
มีแฟนเป็นคนเกาหลี
.
.
ผิด!
ไม่ได้มีแฟนเป็นเกา เคยมีกิ๊ก(บ้าง) แต่ไม่ใช่เหตุผล
ใครจะเอาอนาคตสองปีไว้กะผู้ชายฟระะ
อย่าว่าแต่คนรอบข้าง แม้แต่อาจารย์ชาวอเมริกันที่เขียนจดหมาย recommendation มาให้ยังพูดว่า
"พิชญา บอกมาตามตรง นี่ยูมีแฟนเป็นคนเกาหลีอยู่ที่นู่นใช่มั้ย"
.
.
อ๊ากกกกกกซ์ ทำไมไม่มีคนมองดาวในแง่ดีบ้างงง~~!!! TOT!!
เอางี้ เดาไงก็เดาไม่ถูก งั้นเล่าให้ฟังเลยดีกว่า -o-
********************************
จริงๆ ตั้งแต่ตอนปีสี่ ก็มีคิดเรื่องเรียนต่อปอโทไว้บ้าง
ก็ดูๆตามที่เค้าฮิตกัน เมกา อังกฤษ ญี่ปุ่น ส่วนตัวเลือกนึงที่คิดไว้เล่นๆ ก็คือ เกาหลี
แต่ที่คิดไว้เล่นๆก็เพราะว่า ป๊าเรา ไม่ชอบเกาหลีเอามากกกกก
ขนาดแค่เรียนภาษาเกาหลีช่วงเสาร์อาทิตย์ยังบ่น
"เรียนทำไม๊ ไมไม่เรียนจีน ญีปุ่น ธุรกิจเยอะแยะ เรียนทำไมเกาหลี ไม่ได้ใช้ ดูซีรีย์ #% $t$wgw~~~~"
ตอนนั้นได้แต่ทำหู ทวนลม เรื่องเรียนพิเศษไม่กี่บาท พอออกตังค์เองได้ ป๊าเรยทำไรเราไม่ได้ วะฮะฮ่า >O<
แต่ปอโท เนี่ยสิ เรียนจบมาได้เงินเดือนน้อยนิด เก็บกี่ชาติไม่รู้จะได้ไปเยือนเกาหลี -____-
ตอนนั้นแอบถอดใจ คงต้องไปเมกา ไม่ก้ออังกฤษ
แต่จริงๆแล้วที่ไม่อยากไปก้อเพราะว่า
เราเป็นคนที่ให้ความสำคัญวิชาการพอๆกับการใช้ชีวิตนะ
วิชาการที่สองประเทศแรก แข็งกว่าเกาหลีก็จริง แต่อย่างอื่นไม่ตรงกับความต้องการของเรา
เราเคยไปแลกเปลี่ยนแล้ว ได้ภาษาอังกฤษแล้ว ไปอีกรอบ ก็ไม่คุ้มเท่าครั้งแรก
1. เป็นคนชอบนั่งเล่นร้านกาแฟ ดูของจุ๊กจิ๊ก กินขนมเก่ง ชอบแฟชั่น
ถ้าไปอยู่เมกา คงไม่ได้ออกมาบ่อยๆ บางที่ไม่ได้อยู่ในเมือง กว่าจะเข้าเมืองต้องรอรถเมล์วุ่นวาย
2. อาหารก็แพง จานละสี่ห้าร้อย ผิดกับเกาหลี ร้อยห้าสิบก้อกินข้าวนอกบ้านได้
จะซื้อเสื้อผ้า ก็ไม่ต้องเสียดายตังค์เหมือนอยู่ประเทศฝรั่ง ที่ราคาตัวละหลายพัน แต่แบบเฉิ่มมาก
(ตามประสบการณ์นะ บางเมืองก็อาจจะแฟชั่น อันนี้ไม่รู้)
3. เราอยากฝึกงานมากกก ถ้าไปเมกา คนที่เก่งกว่าเรา เอเชียที่อยู่ที่นู่นเยอะแยะ สู้ไม่ได้แน่นอน
แต่อยู่ที่นี่ เราเป็นทรัพยาการล้ำค่า (อินี่ก็เว่ออ555) ไม่ใช่! ก็คนไทยเก่งอิงค์กว่าเกาหลีไง
แล้วบริษัทเกาหลีก็ขยายธุรกิจไปไทยเยอะ ก็เลยต้องให้คนไทยมานั่งที่ทำงาน
ออกไอเดียให้เค้าว่าคนไทยใช้อะไร ชอบการตลาดอันนี้มั้ย อันนี้เวิร์ครึเปล่า บลา บลา
พอคิดได้อย่างงี้แล้ว ก็ เอาวะ ลองหาทุนไปเกาหลีดู
ลองสอบดูก่อน เผื่อว่าเด็กเรียนปานกลาง (ค่อนห่วย) อย่างเราจะได้เป็นเด็กทุนกะเค้าบ้างในชีวิต ฮึดด!
ตอนนี้คิดว่าคงไม่ติด แต่ไม่อยากจะรู้สึกเสียดายทีหลัง เมื่อตอนตัวเองเป็นอาม่าแล้วมองชีวิตย้อนกลับไปว่า
"เมื่อครั้งอั๊วเป็งวัยรุ่น ถ้าลองท้าทายตัวเอง สอบทุนเกาหลีซักครั้งก็ยังดี ถ้าตอนนั้นได้เป็นนักเรียนทุนเกาหลีจริงๆ ตอนนี้จะเป็งยังไงน้อ~~?
(แม้ว่าจริงๆแล้วก็คงนั่งขื่อหน้าบ้าน จิบน้ำจับเลี้ยงเหมือนเดิม แต่มโนไปไกลมาก)
ความคิดจินตนาการตัวเองในวัย 90 แล้วมองย้อนไปในอดีตนี้เอามาจาก คุณหนูดี วนิษา เรซค่ะ
เขียนไว้ในเล่มไหนจำไม่ได้แล้ว
(เพราะซื้อมาทุกเล่ม เล่มแรกแม่ซื้อมาให้ ติดใจ เลยตามซื้อหมด)
มีผลงานวิจัยไปถามคุณตาคุณยายอายุเก้าสิบว่าเสียดายที่ไม่ได้ทำอะไรมากที่สุด คนส่วนใหญ่ตอบว่า
"เสียดายที่ไม่ได้ใช้ชีวิตโลดโผนมากกว่านี้"
เพราะฉะนั้น เวลาเราลังเล มีสองทางเดินในชีวิต ไม่รู้จะไปทางไหนดี ก็จะจินตนาการว่าเราเป็นคนแก่ นอนอยู่บนเตียง
มองย้อนกลับไป เสียดายที่ไม่ได้ทำอะไรมากที่สุด
ตอนนั้นเพิ่งได้งานใหม่มาหมาดๆ งานดูท้าทาย เพื่อนร่วมงานนิสัยดี
แล้วก็ได้ทุน EGPP ของมหาลัยอีฮวา มาพร้อมกัน
เลือกไม่ถูกจริงๆค่ะ อันนึงเป็นทางสว่าง โรยคอนกรึต ถ้าทำงานต่อก็คงไปได้สวย
อีกอันนึง เหมือนทางที่ถูกถางไปอย่างรกๆ เข้าไปในป่าที่ยังมืดมนมาก ไม่รู้ว่าถ้าเลือกทางนั้นแล้วจะสำเร็จมั้ย
กว่าจะหาทางออกได้ก็คงลำบากไม่น้อย
แต่สุดท้ายเราก็เลือกทางที่สองค่ะ
ชีวิตเรามีครอบครัวอบอุ่น มีเพื่อนใจดี คนรอบข้างที่ดี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมานานแล้ว
ถ้ามันจะลำบากบ้างซักปีสองปี แต่ทำให้เราพัฒนาไปไกลกว่าเดิม
ทำให้เรามองโลกเข้าใจกว่าเดิม
ทำให้เรารู้จักผู้คนมากกว่าเดิม
ทำให้เราเห็นคุณค่าชีวิตมากกว่าเดิม
มันก็คุ้มที่จะเสี่ยง ว่ามั้ยนะ^^?
p.s แม้ว่ามองกลับไปจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักขุดทองยังไงยังงั้น -_____-"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น